webnovel

[คนพื้นโลก]

"ไอ้น้อง อะไรของเอ็ง มีพิรุธนะเนี่ย" ทหารยามพูดขึ้นมา

"ฮื้อ! พิรุธอะไรครับ ไม่มี๊... เอ๊ย!" แจ็กตั้งสติและพูดใหม่ "ไม่มีครับพี่ยาม ผมแค่ตื่นเต้นนะครับ คือเคยมีอดีตฝังใจโดนกล่าวหาโดยที่เราไม่ผิด อะไรแบบนี้น่ะครับ"

"...อืมม์" ทหารยามที่ใส่เกราะเหล็กอัศวินทั้งตัว เปิดกระบังหน้าเฮลเม็ทขึ้นมาและจ้องแจ็กเขม็ง

"โชว์ ID… เดี๋ยวนี้" ทหารยามกล่าวเสียงเข้ม

"ครับๆ ได้ครับ!" แจ็กรีบตวัดนิ้วเปิดวินโดว์ขึ้นมาให้ดู

เมื่อทหารยามเช็คดูเสร็จ ก็พูดว่า "คนจากฟ้าสินะ งั้นค่าเข้าเมือง 500 ทอง"

"ห๊า?! ตะกี้คนก่อนหน้านี้ไม่เห็นเก็บเลย ทำไมเก็บผมคนเดียวล่ะครับ" แจ็กถามด้วยความสงสัย

"อย่าถามเซ้าซี้ มันเป็นกฎนะไอ้น้อง ไม่งั้นก็ห้ามเข้าเมือง" จากนั้นทหารยามกระแทกหอกที่ถืออยู่ลงพื้นเสียงดังตึง เพื่อเป็นการบอกว่าเขาเอาจริง

"โอเคครับ ผมจ่ายก็ได้" แจ็กกดเงินออกมาจากบัตรเงินสดแล้วยื่นให้อย่างเซ็งๆ ทหารรับมาเสร็จก็โบกมือไล่เชิงว่าให้รีบไปได้แล้ว

"นี่มันไม่ได้ทำเพื่อหาตัววินแล้ว ไม่เห็นถามหรือเช็คอะไรสักอย่าง แบบนี้แค่อยากตั้งด่านรีดไถชัดๆ" แจ็กบ่นขณะที่ชะเง้อมองดูเรือลำอื่นที่กำลังตรวจอยู่ว่าโดนเหมือนตัวเองหรือเปล่า จากนั้นเรือแล่นไปอีกไม่นานก็เทียบท่า

"เอาล่ะ สมาคมโจรไปทางไหนหว่า" ผมออกเดินเรื่อยเปื่อยไปตามทางถนนหลักที่เมื่อมองขึ้นไปยังเบื้องบนสุดสายตาคือปราสาทลอยฟ้าที่ลอยโดดเด่นเป็นสง่าท่ามกลางท้องฟ้าและหมู่เมฆ

"วิ้ว~ มองกี่ครั้งก็รู้สึกอลังการดีจริงๆ" ขณะที่ผมเดินมองนู่นมองนี่อย่างสบายใจ จู่ๆ ผมก็ได้ยินเสียงหนึ่ง

"ร้านนี้มีแต่ของถูกๆ ฉันไม่ซื้อหรอก!" เด็กชายผมสีบลอนด์ทองทรงหวีเสยเรียบแปล้ไปข้างหลังเป็นคนพูด

"เดี๋ยวก่อนสิครับ ถึงของร้านเราจะราคาถูก แต่ก็มีเฉพาะไอเท็มดีๆ ทั้งนั้นเลยนะ!" เด็กผู้ชายตัวน้อยอายุไม่น่าเกิน 10 ขวบที่มีผมสีน้ำตาลดูยุ่งเหยิงมอมแมมเป็นคนพูด เขาเข้าไปดึงมือของเด็กผมบลอนด์เอาไว้

"ปล่อยนะ! ไอ้เด็กสลัม!" เด็กผมบลอนด์สลัดแขนที่ถูกดึงอย่างแรงจนทำให้เด็กชายตัวน้อยล้มลง

"โอ๊ย!"

แม่ของเด็กคนนั้นที่อยู่ตรงหลังร้านแผงลอย รีบวิ่งเข้าไปดูอาการลูกของเธอ "เป็นไงบ้างลูก?"

"ผมเจ็บข้อมือครับแม่… อือ" เด็กคนนั้นจับที่ข้อมือและมีน้ำตาซึมออกมา แต่เขาฮึดไม่ร้องและหันไปจ้องคนที่ทำร้ายเค้าเมื่อสักครู่

"เชอะ! อ่อนแอเหลือเกิน เอานี่ เอาเงินไปรักษาซะ!" เด็กชายผม

บลอนด์กดเงินจากบัตรเงินสดและโยนถุงเงินลงพื้น กริ๊ง! เหรียญทองกระจายออกมาจากถุงเล็กน้อย แล้วเขาหันหลังขวับเดินจากมาอย่างไม่ยี่หระในการกระทำตัวเองเลยแม้แต่น้อย

เขาเดินสวนกับผม ผมมองหน้าเขา ถึงตอนนี้เขาจะสวมชุดสไตล์จอมเวท แต่ผมจำได้เลยว่าเขาคือ 'เลโอ' เด็กบ้านรวยที่มีเครื่อง VR แคปซูล 50 เครื่องที่บ้านและยังได้รางวัลเป็นเครื่อง VR ซ้ำอีกจากกล่องของขวัญที่งานโปรโมทเกม

"เป็นไงลูก เจ็บมากเลยเหรอ ไปดื่มโพชั่นที่ร้านดีกว่า เดี๋ยวก็หาย"

"ไม่เป็นไรครับแม่ เก็บเอาไว้ขายเถอะ-- โอ๊ย!" เด็กชายลุกขึ้นและจับข้อมือตัวเอง ดูเหมือนจะเจ็บไม่น้อย แต่เขาฮึดอดทนและยื่นถุงเงินให้แม่ดู

"อย่างน้อยก็ได้เงินมาบ้างนะครับแม่" เขาฝืนยิ้มกว้างให้แม่

ผมมองทั้งคู่แล้วรู้สึกเห็นใจ ถึงบ้านผมจะไม่ได้รวยมากมาย แต่ก็ไม่เคยขัดสน และผมมีโอกาสได้กินก๋วยเตี๋ยวอร่อยบ่อยกว่าเด็กทั่วไปแน่นอน ผมรับรู้ประสบการณ์ตรงเรื่องความลำบากในด้านการเงิน

จากวินมาแล้ว ที่ว่าในยามที่เราไม่มีเงิน เราก็ไม่มีจริงๆ แต่เขาก็ไม่เคยบ่นหรือโอดครวญในสิ่งที่เค้าไม่มี แถมเขายังเก็บเงินเก่งมาก วินไม่เคยซื้อขนมหรือน้ำอัดลมที่โรงเรียนเลยสักครั้ง เขาประหยัดมัธยัสถ์แบบสุดๆ ผมจึงชอบซื้อขนมไปแบ่งกินกับวินเสมอ แต่เพื่อนผมคนนี้ก็จะหยิบกินแค่ชิ้นเดียวทุกครั้งด้วยความเกรงใจ

ผมเดินเข้าไปหาแม่และลูกชายที่นั่งอยู่หลังร้านแผงลอย และวางโพชั่นขวดหนึ่งตรงหน้าเขา

"เอ้า ดื่มซะ พี่ให้"

"พี่ชายให้ผมทำไมครับ?"

"พี่ประทับใจในความอดทนของเราเมื่อสักครู่"

"...."

เขายื่นขวดโพชั่นกลับคืนให้ผม "ไม่เป็นไรครับ ขอบคุณครับ" ผมยิ้มและตอบกลับว่า "เอางี้ไหมล่ะ งั้นช่วยแนะนำไอเท็มเจ๋งๆ ในร้านพร้อมวิธีใช้แบบละเอียดให้ทีสิ พี่เป็นพวกหัวช้าน่ะ"

เด็กชายยิ้ม "ถ้างั้นก็ได้ครับ" เขารีบดื่มโพชั่นทันที แต่ดื่มเพียงแค่ครึ่งเดียว

วู้มมม แสงสีขาวเรืองขึ้นที่ร่างกายวูบหนึ่ง

"เย้! แม่ครับผมหายเจ็บแล้ว" เขาโห่ร้องดีใจหมุนข้อมือไปมาให้แม่ดู

"ดีจังเลยนะลูก ขอบคุณนะพ่อหนุ่ม" ผมยิ้มเป็นการตอบกลับและคิดในใจ 'นานๆ จะได้ทำตัวเท่กับเค้าสักทีวุ้ย อิอิ'

"นายชื่ออะไรเหรอ น้องชาย?" ผมถาม

"ผมชื่อ 'ไพอัส' ครับ ที่ร้านเรามีไอเท็มเจ๋งๆ เยอะเลยนะครับ เริ่มจากชิ้นนี้ดีกว่าครับ ภูมิใจนำเสนอ"

ผมนั่งฟังไพอัสอธิบายอยู่นานสองนาน เด็กชายพูดถึงไอเท็มในร้านของตนอย่างออกรสออกชาติ

"อย่างพวกระเบิดทั้งหลายเนี่ย ผมกับแม่เป็นคนไปหาวัตถุดิบ และผมเป็นคนคราฟท์เองกับมือเลยนะครับ ราคาจึงไม่แพง แถมใช้งานง่ายมากเลยล่ะครับ รับรองว่าไม่มีขายที่ร้านอื่น เช่นอันนี้ครับ หนามจากต้นสปินัม ผมเป็นคนไปเด็ดเองทีละชิ้นเลยนะครับ มันแข็งและแหลมมาก ต้องมีเทคนิคในการเด็ดมันออกมา กว่าผมจะหาเจอก็โดนหนามตำเยอะเลยละครับ อิอิ จากนั้นนำมาบรรจุลงในลูกบอลระเบิดอากาศ ทีนี้เมื่อพี่ปาให้กระทบของแข็งปุ๊บ หนามก็จะกระจายออกทั่วพื้นเลย ใครเหยียบเข้าละก็เจ็บจี๊ด~แน่นอน"

"หนามนี้เหมือนรูปทรงเหมือนลูกหนามมากิบิชิที่พวกนินจาใช้กันเลยนี่นา" ผมหยิบลูกหนามตัวอย่างมาดู

"พี่แจ็ก รู้ด้วยเหรอครับ ใช่ๆ ผมทำเพราะได้ไอเดียมาแบบนั้นเลย พี่แจ็กเคยเจอนินจาตัวจริงไหมครับ ผมอ่านเอาจากในหนังสือแล้วชอบมาก" ดวงตาของไพอัสฉายแววออกมาอย่างดีใจเวลาพูดถึงเรื่องนี้

"ที่โลกของพี่ นินจาหายสาบสูญไปนานแล้วละน้องเอ๋ย"

"เหรอครับ… โธ่ เสียดาย" เขาทำเสียงเศร้า

"แต่เอาจริงๆ พี่ว่าที่โลกนี้น่ะ น่าจะมีโอกาสพบเจอมากกว่าอีกนะ ถ้าพี่เจอนินจาเมื่อไร จะพามาโชว์สกิลให้ไพอัสดู"

"จริงเหรอครับ เย้ๆ" ไพอัสยิ้มหน้าบานอีกครั้ง

สรุปแล้วผมซื้อไอเท็มจากร้านมาหลายชนิด รายการที่ซื้อมีดังนี้

<>

โพชั่น (น้ำยาฟื้นฟู HP) - 20 ea

อีเทอร์ (น้ำยาฟื้นฟู MP) - 20 ea

ระเบิดแสง (คราฟท์) - 10 ea

ระเบิดหนาม (คราฟท์) - 10 ea

ระเบิดควัน (คราฟท์) - 10 ea

ระเบิดพริกป่น (คราฟท์) - 10 ea

ชุดเป่าลูกโป่ง - 1 pack

หมากฝรั่งรสมินต์ - 10 ea

กุหลาบสีฟ้า - 1 ช่อ

<>

"โอเค งั้นพี่ไปก่อนนะ เอาไว้จะแวะมาอุดหนุนใหม่ ว่าแต่… รู้ไหมว่าสมาคมโจรไปทางไหนน่ะ?"

"ผมรู้จักแต่กิลด์นักผจญภัย... แม่รู้ไหมครับ?" เด็กชายหันไปถามแม่

"แม่ก็ไม่รู้จ้ะ พ่อหนุ่มต้องลองไปถามร้านใหญ่ๆ ที่ถนนหลักดู ยังไงก็ขอบใจนะที่ช่วยซื้อของซะเยอะเลย"

"ไอเท็มมันน่าสนใจนี่ครับ แถมราคาไม่แพงจริงๆ ด้วย"

"ว่าแต่พ่อหนุ่มเป็นคนจากฟ้าสินะ เดินทางไปไหนในเมืองก็ระวังตัวด้วย อย่าเข้าตรอกเข้าซอยลึกๆ เปลี่ยวๆ ล่ะ ส่วนใหญ่คนที่โดนขโมยของหรือถูกทำร้ายจะเป็นคนจากฟ้า"

"แหม คุณป้าครับ ไม่ต้องเป็นห่วงเลย ผมเลเวล 26 เชียวนะครับ ผมกับเพื่อนเคยสังหารบอสลับมาแล้วด้วย"

"โอ้โฮ! จริงเหรอครับพี่แจ็ก เล่าๆๆ เล่าให้ฟังหน่อยสิ" ไพอัสเขย่าแขนผมรัวๆ

"แหะๆ เอาไว้วันหลังนะ เดี๋ยวพี่ต้องรีบไปสมาคมโจรก่อน นี่ก็ช้าแล้วละ" ผมพูดพร้อมกับเอามือลูบหัวไพอัสที่ทำหน้างอนอยู่ตอนนี้

ผมบอกลาทั้งสองคนและเดินออกมา ไพอัสยังตะโกนตามหลังมาอีกว่า "พี่แจ็ก โชคดีครับ อย่าลืมแวะมาอีกน้า!"

ระหว่างเดินผมก็คิดได้ว่ายังไม่ได้สุ่มสกิลอาชีพอีกหนึ่งสกิลเลยนี่นา (ได้เมื่อถึงเลเวล 25) จัดเลยดีกว่า ขอสกิลดีๆ ต้อนรับเข้าเกมอีกครั้งหน่อยสิ

กลุ๊กๆๆๆ ติ๊ง!

คุณได้รับสกิลระดับ C [ดักฟัง]

คำอธิบาย: หากเพ่งมองที่เป้าหมายเป็นเวลานานถึง 3 วินาที สามารถได้ยินสิ่งที่เป้าหมายเปล่งเสียงออกมาได้ (ระดับเสียงที่ชัดเจนคือ 60 เดซิเบล)

*หมายเหตุ: เป้าหมายต้องอยู่ในระยะ 30 เมตร และจะได้ยินเสียงครอบคลุมจากตำแหน่งเป้าหมายไม่เกิน 2 เมตร

MP cost: 10 มานา / วินาที

คูลดาวน์: ไม่มี

"หึหึ สกิลสมเป็นอาชีพโจรแฮะ ไหนขอลองสกิลหน่อยซิ ดักฟังใครดีหว่า" ผมยืนพิงกำแพงและหันมองซ้ายขวาหาคนเหมาะๆ ที่จะแอบฟัง และแล้วผมก็เจออัศวินทหารสองคนกำลังยืนคุยกันอยู่ริมถนน

"เอาล่ะ [ดักฟัง]" ผมเพ่งจ้องมองไปที่อัศวินคนหนึ่งในนั้น จากนั้นรู้สึกเหมือนมีคลื่นที่หูพุ่งฟุบออกไป

"เพิ่งออกเวรมาเหรอวะ ไปรักษาการณ์แถวไหนมา?"

"อยู่ที่ด่านท่าเรือทั้งคืนเลยว่ะ"

"ท่าเรือ? เป็นไงบ้าง ได้มาเท่าไร"

"แกรู้ด้วยเหรอ?"

"ทำไมจะไม่รู้ล่ะ ก็ข้าเพิ่งเข้าเวรที่นั้นเมื่อสองคืนก่อน ได้ส่วนแบ่งร่วม 30,000 ทอง"

"โห! สามหมื่นเลยเรอะ ข้าได้มาแค่ประมาณ 20,000 ทองเอง แสดงว่าคืนที่แกอยู่เวร คนเข้าเยอะสินะ"

"คงจะอย่างนั้นแหละ แต่ที่น่าอิจฉาสุดเนี่ยคือหัวหน้าซีเพียส นอนตีพุงรับเงินสบายแฮเลย ทางสำนักฯ สั่งมาให้ตั้งด่านเฝ้าระวังเฉยๆ แต่นี่กลับสั่งให้อัศวินทหารที่เฝ้าด่านเก็บเงินค่าเข้าเมืองทุกคน แกคิดดูสิว่าอาณาจักรเรามีทางเข้าออกกี่ด่าน แม่งรวยไม่รู้เรื่องเลยงานนี้"

"ว่าแต่ความจะไม่แตกเอาเหรอวะ พวกเราจะโดนทางสำนักฯ เล่นงานทีหลังรึเปล่า"

"ข้าว่าไม่หรอก พวกเราเก็บเงินแค่คนจากฟ้า พวกมันแต่ละคนรวยกันจะตาย และที่สำคัญพวกนี้สนใจแต่จะผจญภัย ไม่ค่อยยุ่งเรื่องอะไรแบบนี้อยู่แล้ว ฟ้องร้องไปก็ไม่ได้อะไรขึ้นมา"

"นั่นสิเนอะ ขออย่าเพิ่งจับเจ้าเด็กหายนะนั่นได้เร็วๆ เถอะ พวกเรามีกินมีใช้ไปอีกนาน"

"ฮ่ะฮ่ะฮ่าฮ่าฮ่า"

"คนจากฟ้าบางคนก็ไม่ได้รวยนะเฟ้ย บ้าจริงเจ้าพวกนี้!" แต่ถึงจะบ่นไปก็ไม่ได้อะไรขึ้นมา ผมคิดแบบนี้ ยังไงที่นี่ก็เป็นเมืองของพวกเขา ถึงจะเซ็งหน่อยๆ ที่รู้สึกโดนเอาเปรียบก็เถอะ

"รีบหาที่อยู่สมาคมโจรดีกว่า"

ผมเดินไปอีกสักพักก็เห็นร้านขายไอเท็มใหญ่ ชื่อร้าน [หมูที่คู่ควร] ด้านในมีคนอยู่พอประมาณ เลยเกิดความรู้สึกสนใจอยากรู้ว่าข้างในเขาขายอะไรกัน แต่เมื่อจะก้าวเข้าร้านเท่านั้นละ

"กรุณาแสดง ID ด้วยครับ" พนักงานร้านหนุ่มที่ใส่ชุดคล้ายพ่อบ้าน ผูกโบว์หูกระต่ายพูดขึ้นมาด้วยสีหน้ายิ้มแย้ม

ผมเลยโชว์ไอดีให้ดู ปรากฏว่าสีหน้าเขาเปลี่ยนเป็นบึ้งตึงทันที "ร้านนี้ต้อนรับเฉพาะ [คนพื้นโลก] เท่านั้น" แล้วเขาก็ชี้ป้ายให้ดู ซึ่งเขียนไว้แบบที่เขาพูดเป๊ะ

"อะไรกัน มีห้ามเข้าด้วยเรอะ เอ่อ...งั้นเอาเป็นผมถามทางหน่อยได้ไหมครับว่าสมาคมโจรไปทางไหน?"

พนักงานคนนั้นเงียบไปครู่หนึ่ง นั้นทำให้แจ็กรู้สึกอัดอัดใจเล็กน้อย แต่ในที่สุดเขาก็พูดออกมาด้วยเสียงที่เย็นชาว่า

"ผมไม่มีความจำเป็นต้องตอบคำถามคุณ รบกวนไปที่อื่นเถอะครับ"

"...."

ผมเดินออกมาแบบอึ้งนิดหน่อยกับความไร้น้ำใจเมื่อสักครู่

"อะไรวะเนี่ย ทำไมต้องชักสีหน้าใส่กันขนาดนี้ด้วย เราเข้าไปด้วยความสุภาพแท้ๆ--"

ฟวิ๊ด! ฟวิ๊ด! ผมได้ยินเหมือนใครใช้ปากทำเสียงเรียกอะไรสักอย่างจึงหันไปหาที่มาของมัน และผมก็ได้เห็นผู้ชายคนหนึ่งมองตรงมาที่ผมจากในตรอกเล็กๆ ริมถนนใหญ่

"ไอ้หนู มานี่สิ" เขาพูดด้วยเสียงแหบและแตกพร่า

ผมเดินเข้าไปใกล้ชายคนนั้นที่หน้าตรอกแต่ยังเว้นระยะห่างจากเขาพอสมควร เขาก็เดินเข้ามาหาผมเช่นกัน ทำให้ผมเห็นรูปลักษณ์ของชายคนนี้ชัดเจนมากขึ้น เขาเป็นคนรูปร่างสูงใหญ่ หุ่นบึกบึนมีรอยสักตามร่างกาย ผิวของเขาสีเทาอมเขียวซีด ผมสีดำยาวถึงไหล่ รกรุงรังและแข็งกระด้างราวกับเขาไม่เคยใช้ครีดนวดผมมาก่อน ดวงตาเป็นสีเทาอ่อนตัดกับขอบตาที่ลึกและดำปื้น จมูกใหญ่แบนมีร่องรูจมูกดูคล้ายของเสือโคร่ง หูของเขาที่แหวกเส้นผมออกมานั้นเป็นครีบปลา มือข้างขวาของเขาถือไปป์สูบยาอยู่ ส่วนมือข้างซ้ายเอานิ้วโป้งเกาะด้ามมีดสั้นที่ข้างเอวตลอดเวลา โดยรวมแล้วผมสรุปว่า ถ้าคุณเห็นผู้ชายท่าทางน่ากลัวและไม่น่าไว้ใจอย่างที่สุดแบบนี้ คุณคงไม่อยากเข้าใกล้เขาในระยะ 3 เมตรแน่

"เอ่อ… มีอะไรรึครับ?"

"แก… อยากไปสมาคมโจรงั้นเรอะ"

"ใช่ครับ คุณจะบอกทางผมใช่ไหมครับ"

ชายคนนั้นแยกเขี้ยวยิ้มเล็กน้อยและพูดว่า "...แน่นอน ข้าจะบอกทางให้แกเองไอ้หนู" เขาคั่นจังหวะการพูดของตัวเองด้วยการสูบไปป์และพ่นควันออกมาทางผม "...สมาคมโจรน่ะเป็นสถานที่ต้องห้าม ไม่มีใครบอกกันง่ายๆ หรอก เข้ามาใกล้ๆ สิ ข้าไม่อยากพูดดัง"

ผมขยับเข้าไปใกล้ชายคนนั้นอีกนิดและยื่นหน้าเข้าไปเพื่อให้เขากระซิบบอกผมได้ เขาไม่ได้พูดอะไรออกมา แต่เขากลับพ่นควันใส่หน้าผมในระยะเผาขน ผมรู้สึกเสียวแปล๊บไปทั่วร่างในฉับพลัน และเสียงผู้หญิงจากระบบก็ดังขึ้นในหัว

ติ๊ง!

คุณได้รับ [พิษ] เกินขีดจำกัดของร่างกาย

ส่งผลให้ร่างกายติดสถานะ [อัมพาต] เป็นเวลา 5 วินาทีค่ะ

'อะ..อัมพาต 5 วินาที' ผมคิดในใจ

จากนั้นผู้ชายหูครีบปลาจมูกเสือคนนี้ ก็ลากผมเข้าไปในตรอกข้างหลังทันที และสิ่งแรกที่ผมเห็นคือเขาไม่ได้อยู่คนเดียว เขามีแมวกระโดดออกจากในกระเป๋า มาเกาะบนไหล่ของเขา ขนของมันเป็นสีดอกเลาเหมือนเมฆสีเทายามฟ้ายับฝน นัยน์ตาสีฟ้าสดใสหยาดเยิ้มประหนึ่งน้ำค้างย้อยต้องกลีบบัว มันวิ่งไต่ทั่วตัวผมอย่างรวดเร็ว และกลับมายืนบนไหล่เจ้านายอีกครั้งพร้อมบัตรเงินสดของผม

"กดส่งเงินทั้งหมดที่มีมาซะไม่งั้น…ตาย"

คำว่าตายมาพร้อมกับคมมีดที่จ่อคอผมอยู่ ผมรู้สึกถึงออร่าที่หนักหน่วงและคมกริบของมีดเล่มนี้ อารมณ์ประมาณว่าเขาจะไม่แทงคอหอยเฉยๆ แต่คงฟันคอของผมขาดกระเด็นไปเลยทีเดียว…