หลังจากเจคอบส่งแม่ของเขาเสร็จแล้วก็ขับออกมา มีสายโทรเข้า เจคอบกดรับบอลแสงสีชมพูก็ปรากฏขึ้น
"นายรู้ไหม ตอนนี้เจ้าหญิงของมาร์ส ไม่ได้อยู่ที่มาร์สหรอก" ฮาล เพื่อนสนิทของเจคอบในบอลสีชมพูพูดขึ้น
"นายรู้ได้ยังไง" เจคอบสงสัย
"ข่าวลือไง เขาว่าข่าวที่ออกมาทางทีวีนี่ก็ไม่ใช่เรื่องจริงเลยนะ ทางการปิดบังเรื่องของมาร์ส เพราะมีปัญหาภายในมากกว่าที่เอามาออกข่าวอีกนะ" ฮาลพูดผ่านลูกบอลชมพูซึ่งลอยตามเจคอบที่ขับสกูตเตอร์อยู่
"นายเชื่อเรื่องพวกนี้ด้วยเหรอ" เจคอบสงสัยอีก
"เออสิ รู้แล้วมันได้คิดต่อก็สนุกดีไม่ใช่เหรอ"
"เอาละจะถึงแล้วขอขับเข้าไปหาที่จอดก่อนนะ" เจคอบเลี้ยวรถเข้าในลานจอดของศูนย์ล่านิมส์ประจำหอคอย
หอคอย ซี16 ในเขต เบลดิสซิโค่ หอคอยที่ครอบครัวของเจคอบอาศัยอยู่ มีชื่อเรียกว่า หอคอยโฮราเธีย เป็นหนึ่งในกลุ่มหอคอยที่สร้างขึ้นรายรอบเขตป่าสงวนทดแทนการอยู่อาศัยแบบหมู่บ้านบนพื้นระนาบที่มีพื้นที่ไม่เพียงพอต่อการอยู่อาศัย
ลานจอดเป็นโถงกว้างขนาดใหญ่ มีรถจอดมากมาย พอได้ช่องว่างจอด ก็เข้าเทียบ แล้วเจคอบเดินไปข้างในเป็นโถงที่ยาวต่อกัน มีสกูตเตอร์ขนาดใหญ่กว่าของเจคอบสองเท่าที่เรียกว่า ยานล่านิมส์ จอดเรียงกันไปประมาณ 30 คัน ตรงด้านหน้าของยานมีโต๊ะนั่ง มีจอควบคุมสำหรับติดตามการล่านิมส์ประจำในแต่ละคัน ยานของเจคอบมีฮาลและลุงบรีซประจำอยู่
ฮาลนั่งดูคอนเสิร์ทเฮเรนิกส์อีกแล้ว เจคอบโผล่มาข้างๆ เขาก็สะดุ้งตื่นจากภวังค์
"นายดูเอเรนิกส์อีกแล้วเหรอ" เจคอบวางของ พลางเปิดเก๊ะข้างหน้าโต๊ะเนวิเกเตอร์ ซึ่งเป็นฝาเปิดข้างในเป็นช่องสำหรับเก็บของ
"ก็ชอบนี่หว่า" ฮาลตอบ
เจคอบถอดเสื้อคลุมออกแล้วสวมสายคาดนีรภัยแบบมีลวดสลิงสำหรับขึงติดกับยาน สวมถุงมือและ เตรียมหมวกกับแว่นมาวางไว้
"ทำไมมาสาย" ลุงถาม พลางตบป๊าบที่กลางหลังเจคอบ
"ผมไปส่งแม่มาครับ" เจคอบตอบ
"ไหนมีเป้าหมายอยู่ตรงไหนบ้าง" ลุงบรีซถาม
"ตัวเมียอายุ 4 ปี พิกัด 74 และ 45 รหัส 044522 กับตัวผู้อายุ 7 ปี พิกัด 64 และ55 รหัส 047812" ฮาลระบุตัวนิมส์ที่จะล่า
"เยี่ยมเลย มาร์กตัวไว้ แล้วเราก็เริ่มกันได้" ลุงบรีซสวมแว่นกันลมแล้วตรวจปืนฉมวกที่ใช้ล่านิมส์ให้มั่นใจง่าใช้งานได้ไม่ติดขัด
ลุงบรีซเป็นพี่ชายของฟาร่า เป็นชายกลางคนอายุประมาณ 45 ร่างกายมีกล้ามแน่น ตัวสูงกว่าเจคอบนิดหน่อย ไว้หนวดเคราตามแบบที่ชาวโซลันนิยม ผมยาวหยักศกสีออกชมพูเทา มัดรวบไว้ด้านหลัง สวมชุดยูนิฟอร์มนักล่านิมส์เหมือนเจคอบ ตอนนี้เป็นหัวหน้าหน่วยจัดหาเสบียงของหอคอย เขาช่วยดูแลเจคอบตั้งแต่พ่อของเจคอบตายไปเมื่อสิบกว่าปีก่อน ลุงบรีซยังไม่แต่งงาน และไม่สนใจเรื่องผู้หญิงนัก
เจคอบกำลังเช็คระบบเซลล์ไฟฟ้าของสกูตเตอร์ที่เสริมปืนยิงฉมวกไว้ที่ท้ายยาน ส่วนบรีซตรวจเช็คสภาพฉมวกกับอุปกรณ์ในการล่าของเขา
เมื่อพร้อมแล้ว ทุกคนประจำที่
"อนุมัติล่า 10.00 วันที่ 53 ปี 5468" บรีซประกาศ
"ไว้เจอกันเพื่อน" เจคอบบอกฮาล
"ล่าให้สนุกนะ" ฮาลบอกกับทั้งสอง
เจคอบขึ้นคร่อมยานสกูตเตอร์ แล้วลุงบรีซก็ขึ้นนั่งหันหน้าไปด้านหลังของยานสกูตเตอร์ ที่มีปืนฉมวกติดตั้งสำหรับล่านิมส์ ยานสกูตเตอร์อื่นๆ ก็เริ่มสตาร์ทเครื่องยนต์และขับออกไปทางระตูเปิดขนาดใหญ่ ที่เป็นช่องด้านข้างของหอคอย
ยานสกูตเตอร์ขับอยู่ในระดับสูงพ้นยอดไม้ หรือประมาณ 50 เมตร จากพื้นดิน พอขับเข้าใกล้พิกัดที่กำหนดก็แลเห็นนิมส์ตัวดำใหญ่เบื้องล่างขนาดสูงกว่า 3 เมตร วิ่งกันเกรียวคอยหนีสกูตเตอร์ที่ส่งเสียงดังไล่ตาม
......…
การล่านิมส์ในเช้าวันนี้สนุกมาก ฮาลคอยส่งคำเตือนเรื่องการเข้าใกล้ฝูงนิมส์เป็นระยะ ลุงบรีซกับเจคอบจับนิมส์ตัวแรกได้แล้ว มันถูกฉมวกอาบยาสลบแทง ตามด้วยการยิงถุงตาข่ายหุ้มตัวมันเกี่ยวห้อยเหนือยอดไม้ ไปตามทาง ตอนนี้กำลังจะล่าอีกตัวตามที่ระบุตัวไว้ เจคอบมองตามและคิดในใจว่า สงสัยจะล่าได้ตัวเดียว ต้องเอาไปส่งก่อนค่อยมายิงอีกตัวจะดีกว่า
"เอาละ เหลือนิมส์อีกตัว " ฮาลบอกคนทั้งสอง
"ดูตัวนั้นในเรด้านี่ โห….. สูงตั้ง 3 เมตร50 หนัก 7 ตัน ยอดไปเลย" ลุงบรีซร้องอย่างยินดี
"ลุงครับ ตัวที่ห้อยอยู่นี่ก็หนัก 4 ตันกว่าแล้ว ลุงไม่คิดว่า ถ้าจะยิงอีกตัว สกู๊ตเตอร์จะรับน้ำหนักไหวหรือครับ" เจคอบตะโกนต้านลมจากด้านหน้ามา
"จริงด้วย ลุงกลับเอาตัวแรกมาส่งก่อนไหมครับ ค่อยล่าอีกตัว" ฮาลเห็นด้วยกับเจคอบ
"ไหนบอกยานบ้านี่รับน้ำหนักนิมส์ 6 ตันได้สองตัวรวมกันไงนี่ 4 ตัน ตัวนึง 7 ตัน อีกตัว… เอาอยู่น่า"
"แต่ยานล่านิมส์ลำนี้มันเก่าแล้วนะลุง เกือบสิบปีแล้ว ระบบรอกมันอาจจะไม่ดี..." ฮาลว่า
ไม่ทันขาดคำ ลุงบรีซก็เล็งฉมวกที่จะยิงไปยังนิมส์ที่กำลังวิ่งคึกอยู่ข้างล่าง เจคอบมีหน้าที่ประคองสกู๊ตเตอร์ให้แล่นไปได้
แม้ว่าอยู่เหนือยอดไม้สูงก็สามารถมองเห็นนิมส์ผ่านจอ เอ็กซเรย์ที่ทะลุผ่านยอดไม้ลงไป ฉมวกมีเครื่องติดตามเป้าหมาย ถ้าล็อกเป้าแล้ว โอกาสพลาดเป็นศูนย์
"ยิง" ลุงบรีซร้องเพื่อบอกจังหวะแก่เจคอบ
เชือกไฟเบอร์พุ่งเข้าทะลุหนังนิมส์เป้าหมายที่เล็งไว้ มันกำลังวิ่งอยู่เมื่อถูกรั้งด้วยฉมวกจึงชะงักล้มลงทันที ด้วยความเจ็บปวด มันจึงทั้งดิ้นทั้งยื้อด้วยแรงดึงมหาศาลของมัน ทำให้การดึงกลับของรอกเป็นไปอย่างยากลำบาก
"ยาสลบไม่ออกฤทธิ์สักที" ฮาลว่า ขณะมองจากกล้องที่ติดข้างลำยาน
"เร่งเครื่องไว้" ลุงบรีซตะโกน ขณะที่พยายามใช้คำสั่งม้วนรอกเพื่อดึงเชือกกลับ
"เร่งสุดแล้ว" เจคอบตะโกนกลับมา