จนถึงจุดนี้ผมเพิ่งนึกออกว่าเคยเห็นชื่อเขาในข่าว
ช่วงเวลาก่อนหลุดมาอยู่ในโลกนี้ มีข่าวใหญ่โตเกี่ยวกับการทุจริตและการทำงานไม่รอบคอบของเจ้าหน้าที่หลายฝ่ายจนกระทั่งทำลายชีวิตของคน ๆ หนึ่ง
โมแรนไม่ได้เรียนต่อ แม่ของเขาวิ่งเต้นช่วยเหลือเขาจนหมดเนื้อหมดตัว แม้แต่น้องสาวของเขาก็ต้องไปอยู่กับญาติเพื่อลดภาระของแม่
สิ่งที่แตกต่างคือโมแรนไม่ใช่คนที่ยอมให้เรื่องอยุติธรรมเกิดขึ้นโดยไม่ตอบโต้ เขาควรจะเรียกร้องความยุติธรรมด้วยวิถีทางตามกฎหมาย แต่เด็กหนุ่มในตอนนั้นสูญเสียความเชื่อมั่นให้กับสังคมไปแล้ว เขาเริ่มลงมือแก้แค้นทุกคนที่เกี่ยวข้องด้วยมือตัวเอง
เรื่องนี้เป็นสิ่งที่ไม่ได้เขียนในข่าว แต่ผมเห็นทุกอย่างผ่านเธิร์ดเพอร์เซินวิว โมแรนกลายเป็นศาลเตี้ย เขาไม่ได้จบเพียงแค่เล่นงานเจ้าหน้าที่ที่ทำงานชุ่ยจนพังชีวิตตน โมแรนถลำตัวจนกลายเป็นสัญลักษณ์ต่อต้านอำนาจไม่ชอบธรรมของรัฐ
ที่น่ากลัวคือเขาทำได้อย่างยอดเยี่ยม… จากคน ๆ เดียวค่อย ๆ กลายเป็นกลุ่มอาชญากรรมที่แม้แต่ตำรวจยังต้องหวาดกลัว ผมไม่สามารถจินตนาการได้เลยว่าในโลกเดิมนั้น ถ้าปล่อยไว้แบบนั้นต่อไป มันจะไปจบลงที่ไหน
เรื่องที่ประเทศกำลังเปลี่ยนแปลงหรือย่ำแย่ลงเพราะศาลเตี้ยไม่มีโอกาสเกิดขึ้น หลังจากสร้างชื่ออยู่ได้ไม่นาน เรื่องที่เขาคือศาลเตี้ยก็ถูกน้องสาวจับได้
"พี่ไม่ได้อยากจะให้เป็นแบบนี้หรอกนะ"
"งั้นก็เลิกสิคะ สิ่งที่พี่ควรทำคือทำให้พวกเรากลับมาอยู่ด้วยกันอีกครั้ง ไม่ใช่การล้างแค้น"
"มันไม่ใช่แค่การล้างแค้น ไม่เห็นเหรอว่าสิ่งที่ฉันทำ ทำให้หลาย ๆ คนที่เคยโดนรังแกกล้าลุกขึ้นมาสู้"
"หนูไม่รู้หรอก ที่รู้คือยิ่งพี่ถลำลึก โอกาสที่ครอบครัวเราจะอยู่พร้อมหน้าก็ยิ่งไกลออกไป"
โมแรนไม่ได้สัญญาว่าจะวางมือ แต่เขารับปากว่าจะกลับไปไตร่ตรองอีกครั้ง โชคไม่ดีที่เด็กหนุ่มไม่ได้รับโอกาส วันนั้นคือวันแห่งชะตากรรมของเขาและน้องสาว
ทั้งสองถูกแสงประหลาดที่ไม่มีที่มาที่ไปสาดเข้าใส่ ผมรู้จักประสบการณ์แบบนี้ดีเพราะเคยประสบมากับตัวเอง นี่คือเหตุการณ์ปริศนาที่ทำให้ ผม แอน แคท และคนอีกหลายร้อยหลายพันคนถูกส่งมาในโลกที่ล่มสลายไปแล้ว
สองพี่น้องพยายามเอาตัวรอดในโลกใหม่ มันไม่ง่ายแต่พวกเขาไม่เคยท้อตราบใดที่ยังมีกันและกัน
"หืมมม"
ผมตกใจเพราะในความทรงจำของโมแรนมีผมอยู่ในนั้นด้วย ไม่แปลกที่ผมจำสองพี่น้องไม่ได้ ตอนนั้นพวกเราก็แค่เดินสวนกันและสมัยนั้นมีผู้คนที่ถูกส่งมาโลกนี้หลายพันหรืออาจจะมากถึงหลายหมื่นคน
…คิดไปเองรึเปล่านะ โมแรนเพิ่งพลังตื่นขึ้นมาหลังจากที่พวกเราเดินสวนกัน…
กลายเป็นศาลเตี้ย ถูกส่งมาต่างโลก คือจุดพลิกผันที่รุนแรงของสองพี่น้องโมแรนและโมรานา แต่เหตุการณ์ที่รุนแรงที่สุดของพวกเขาคือเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นหลังจากถูกส่งมาโลกนี้หลายสัปดาห์
โมรานาพลาดท่าถูกซอมบีกัด ขณะที่เธอกำลังพยายามช่วยพี่ชาย
นี่คือกฎเหล็กของโลกนี้ หากเลือดหรือของเหลวจากซอมบีเข้าสู่ร่างกาย ปลายทางของคน ๆ นั้นไม่มีทางอื่นนอกจากต้องกลายเป็นซอมบี
แต่โมแรนไม่เชื่อเรื่องโชคชะตา เขาไม่เชื่อว่าโลกเรามีกฎตายตัวที่แก้ไขไม่ได้ ในเมื่อมีเชื้อโรคหรือคำสาปที่ทำให้มนุษย์กลายเป็นซอมบี มันก็ต้องมียาที่สามารถย้อนคำสาปนั้น
โมแรนเริ่มศึกษาเรื่องของซอมบีและเรื่องของระบบอย่างจริงจัง เขาเชื่อว่ามันมีเหตุผลที่ตนเองได้รับพลังนี้มา แล้วยิ่งเขาจมดิ่งไปกับมัน เขาก็ยิ่งค้นพบกับพลังที่ราวกับว่าเกิดมาเพื่อเขาเท่านั้น
การเก็บเลเวลอย่างบ้าคลั่ง ศึกษาซอมบีจนปลดล็อกซอมบีแพ็ค เอาชนะคอลเลคเตอร์นับร้อยจนได้สกิลอาณาเขตแห่งเทพและอุปกรณ์ระดับมิทธิคอลแรร์ การเติบโตที่เร็วผิดปกติของเขามาจากแรงผลักดันที่ต้องการช่วยคนที่สำคัญที่สุดในชีวิต
ภาพย้อนอดีตกำลังจบลง ผมคิดว่าตนเองเข้าใจเหตุผลความแข็งแกร่งของโมแรนแล้ว
ผมอยากเจรจากับเขาสักครั้ง การจับคนมาทดลองอาจเป็นเรื่องเลวร้าย แต่ในยุคแบบนี้ไม่ว่าใครต่างก็มือเปื้อนเลือด ผมจึงไม่มีสิทธิไปชี้หน้าตำหนิใคร
แต่นิสัยหัวรั้นขนาดนั้นคงไม่ยอมเจรจาด้วยแน่นอน ต่อให้โกหกไปว่าผมไม่สนใจว่าเขาจะทำงานทดลองบ้า ๆ ต่อไป มันก็ไม่มีประโยชน์ หมอนี่เพื่อทำให้น้องสาวกลับมาเหมือนเดิม เขาทำได้ทุกอย่าง
หมายความว่ายังไงก็คงเลี่ยงการปะทะไม่ได้ ปัญหาคือจะเอาชนะเอาได้ยังไง
ผมคิดว่าตัวเองเก่งพอตัว ถ้าให้พูดแบบอวดดีคือมั่นใจแบบไม่อายใครว่าเป็นอัจฉริยะด้านการเอาตัวรอดทุกสถานการณ์ แต่การได้เห็นโมแรน มันทำให้ผมตระหนักได้ว่าเด็กหนุ่มคนนี้แตกต่างออกไปอีกขั้น เจ้าหมอนี่คืออัจฉริยะด้านการใช้พลังของระบบที่ผมเทียบไม่ได้เลย
ไม่แปลกที่แค่ไม่กี่ปีเขาจะกลายเป็นตัวอันตรายขนาดนี้ และไม่แปลกใจอีกเช่นกัน ถ้าหลังจากนี้อีกหลายปีคงไม่มีใครอีกแล้วที่จะหยุดเขาได้
อยากพูดเท่ ๆ อย่าง "ก่อนที่จะถึงเวลานั้น ฉันจะเป็นคนหยุดนายเอง" แต่ประเมินแล้วคงไม่ง่าย
"ไม่ต้องสนใจฉัน หนีไป!" แคทตะโกนบอกผม
ถ้าเป็นแอนพูด ผมจะไม่แปลกใจ แต่คำพูดแบบนี้ไม่เหมาะกับแคทเธอรีนสักนิด
โมแรนเป็นฝ่ายบุกบ้าง เขาพุ่งเข้ามาด้วยท่าทีที่เต็มไปด้วยความระมัดระวังต่างจากตอนแรก อยากตะโกนกลับไปว่าไม่ต้องจริงจังขนาดนี้ก็ได้ ที่ผ่านมาก็คิดไม่ออกแล้วว่าจะชนะยังไง
โมแรนใช้สกิลอีกหลายครั้ง ไม่ว่าจะเอซิดครอว์ที่ละลายทุกอย่างเพียงแค่สัมผัส ไลท์นิงสไตร์คสกิลที่สร้างกระแสไฟฟ้า บลิงก์สกิลเคลื่อนที่ในพริบตา
น่าเสียดายแทนเขา ทุกสกิลที่โมแรนใช้ผมเคยเห็นมาแล้วในภาพย้อนอดีต ไม่เพียงแค่กะจังหวะในการหลบได้แบบฉิวเฉียด ผมมีโอกาสสวนกลับคืนไปหลายครั้ง
แม้ว่ามันแทบจะทำอะไรอีกฝ่ายไม่ได้เลยก็ตาม
ในช่วงที่ผมและโมแรนกำลังแลกลีลาใส่กันอย่างดุเดือด แคทเธอรีนไม่ได้แค่ยืนดูอยู่เฉย ๆ เธอกำลังหาจังหวะอ้อมไปหาเมย์ที่รออยู่ตรงทางเข้าห้อง อย่างที่สงสัยกันไว้ตั้งแต่แรก รีโมตที่ถือหรือระเบิดที่เธออ้างว่าติดตั้งไว้เป็นแค่การขู่ไม่ให้โมแรนผลีผลามลงมือกับเธอ