webnovel

บทเพลงอารีรัง - Song of Arirang

Author: Voirunefleur
History
Ongoing · 1.9K Views
  • 1 Chs
    Content
  • ratings
  • N/A
    SUPPORT
Synopsis

Chapter 1การจากลา

โรงเตี๊ยมขนาดใหญ่ที่ตั้งอยู่ใจกลางตลาดของแคว้นฮันซอง เป็นแหล่งรวมตัวของบุรุษและสตรีมากหน้าหลายตา ทำให้มีลูกค้าเนืองแน่นตั้งแต่รุ่งเช้าจนถึงค่ำมืดดึกดื่น และยังเป็นสถานที่รวบรวมข้อมูลและแหล่งข่าวจากทั่วทุกสารทิศที่มาบรรจบอยู่ที่นี่ กีแซงนางหนึ่งวิ่งเข้ามาในโรงเตี๊ยมด้วยความร้อนรน หน้าตาตื่นตระหนกราวกับว่ากำลังจะมีเรื่องเลวร้ายเกิดขึ้นในยามนี้

'ถ้าหากจะมีสงครามพวกข้าก็คงได้ยินเสียงกลองบุกแล้วละ'

เสียงชายคนหนึ่งเอ่ยขึ้นอย่างติดตลกเมื่อเห็นท่าทีที่รีบร้อนของกีแซงคนเดิมที่นางมักจะวิ่งมาที่โรงเตี๊ยมด้วยท่าทีเช่นนั้นอยู่เสมอและนางก็มักจะเปรยถึงการเกิดสงครามระหว่างแคว้น แต่ทว่ากลับไม่มีผู้ใดให้ความสนใจเท่าที่ควร

"เกิดขึ้นแล้วจริงๆ เจ้าค่ะ"

หลังจากที่นางพูดยังไม่ทันขาดคำ ก็มีเสียงกลองและเครื่องดนตรีอื่นๆ บรรเลงเพลงอารีรังขึ้นท่ามกลางผู้คนมากมายที่กำลังใช้ชีวิตกันอย่างรื่นรมย์สนุกสนานในยามพลบค่ำเช่นนี้ กีแซงเด็กโซยอนมีหันไปมองทางต้นเสียงที่บทเพลงถูกบรรเลงขึ้นแล้วนางก็ได้แต่อ้าปากค้างด้วยความตกใจ ไม่ใช่เพียงแค่นางคนเดียวที่ตื่นตระหนกตกใจ แต่คนอื่นๆ ที่อยู่ภายในโรงเตี๊ยมเองก็ต่างพากันวิ่งหนีกันอลหม่าน

โซยอนมีวิ่งหนีออกมาจากโรงเตี๊ยมเพื่อกลับไปที่หอกีแซงและเก็บของมีค่าติดตัวไปด้วย ยามนี้แคว้นฮันซองคงไม่รอดจากเงื้อมมือของศัตรูเป็นแน่ เมื่อคิดได้เช่นนั้นจึงทำให้ปล่อยวางจากสิ่งต่างๆ ได้ง่ายขึ้น

เพลงอารีรังดังขึ้นไปทั่วทุกสารทิศของแคว้น ทุกคนต่างก็พากันหาที่หลบซ่อนตัว บ้างก็พากันวิ่งหนีตายแต่ก็ไม่วายถูกฆ่าทิ้งตั้งแต่ยังไม่ทันได้ไปไหน ผู้คนที่นอนหายใจรวยรินอยู่บนพื้นทุกคนกลับไม่ได้นึกอยากจะมีชีวิตรอดเพราะต่างก็รู้ตัวดีไม่ว่าอย่างไรแคว้นฮันซองก็คงจะต้องแตกพ่ายอย่างแน่นอนด้วยการที่ถูกโจมตีโดยไม่รู้ล่วงหน้า เสียงเครื่องดนตรียังคงบรรเลงพลงไม่หยุดเมื่อพวกเขาจะต้องแยกจากกับคนที่รักในเหตุการณ์เช่นนี้

ทหารของแคว้นชอลลาบุกรุกคืบเข้ามาถึงในใจกลางเมืองและเข่นฆ่าผู้คนไปมากกว่านับร้อยคนแล้ว อีซอยองเองก็กำลังต่อสู้ถ่วงเวลาอยู่ที่ทางใต้ของแคว้นเพื่อให้ชาวบ้านได้หนีไปหลบในที่ที่ปลอดภัย ทุกคนต่างก็ตกใจและไม่คาดคิดกับเหตุการณ์นี้ที่เกิดขึ้นอย่างกระทันหัน

ลูกธนูไฟที่ถูกยิงมาจากทางแดนหลังของนักดาบเพื่อเป็นการสนับสนุนกองกำลังระยะประชิด ทำให้ทหารของแคว้นฮันซองนั้นมีความยากลำบากต่อการสู้รบกับศัตรู ไฟที่กำลังลุกโชนเผาไหม้บ้านเรือนและร้านค้ารอบๆ ทำให้บดบังทัศนวิสัยในการมองเห็นว่าศัตรูกำลังรุกคืบเข้ามาจากทิศทางใดบ้าง

"อีซอยอง…!"

ซองฮันแทดึงแขนของซอยองให้ตามเขาไป เพราะดูจากสถานการณ์ยามนี้แล้วมันเป็นเรื่องยากเหลือเกินที่พวกเขาจะต่อสู้กับทหารของแคว้นชอลลาเพียงลำพัง เสื้อผ้าที่ดูสกปรกและบาดแผลบนใบหน้านั้นมันหนักหน่วงเกินกว่าที่พวกเขาจะรับมือกับมันได้ นางพยายามสะบัดมือเขาออกเพราะในทุกๆ นาทีนั้นมีค่าถ้าหากไม่สู้ตอนนี้ แคว้นฮันซองจะต้องดับสิ้นลงอย่างแน่นอน

"ปล่อยข้า! ซองฮันแท!"

ฮันแทไม่ยอมฟังเสียงจากนาง เขาดึงแขนของซอยองให้เดินตามเขาไปอย่างไม่ผ่อนแรง ควันสีดำลอยคละคลุ้งทั่วทั้งบริเวณทำให้ยากต่อการมองเห็น ความอึดอัดและความโกรธแค้นของนางที่มีมันสามาส่งผ่านมาทางน้ำเสียงได้เป็นอย่างดี เขารู้ดีว่านางรู้สึกเช่นไร แต่ทว่าตอนนี้ทุกอย่างมันจบลงอย่างสมบูรณ์แล้ว หากไม่หนีเอาชีวิตรอดไปตอนนี้เขาเกรงว่าทุกอย่างมันจะเลวร้ายขึ้นกว่าเดิม

"เจ้าบาดเจ็บงั้นรึ?!"

สายตาแข็งกร้าวของซอยองสังเกตเห็นเลือดที่ไหลออกมาจากด้านในแขนเสื้อของชายหนุ่มจนมาถึงข้อมือ นางกัดฟันแน่นด้วยความไม่ชอบใจแล้วถามเขาด้วยความโมโห แต่ซองฮันแทกลับไม่สนใจแถมยังเดินเร็วขึ้นกว่าเดิม ลูกธนูถูกยิงมาทางที่พวกเขาอยู่จนนับไม่ถ้วน มือข้างขวาของเขาเขาที่ถือดาบอยู่แกว่งไปมาเพื่อทำลายลูกธนูพวกนั้น

"ซองฮันแท!"

เมื่อเขาไม่ยอมสนใจสิ่งที่นางพูด ซอยองก็ทำได้แค่ตะคอกเสียงดังใส่เขาเพราะดูเหมือนเจ้าตัวกำลังบาดเจ็บอยู่ เขาปล่อยมือออกจากแขนของนางแล้วจ้องมองหน้าของหญิงสาวอย่างเอาเรื่อง ในยามนี้จะมีผู้ใดสนกันเล่าว่าแคว้นของเราจะเป็นเช่นไร ขอเพียงแค่คนที่รักแคล้วคลาดปลอดภัยก็เพียงพอแล้วไม่ใช่รึ

ก่อนที่นางจะได้พูดคำใดออกไป ทหารของแคว้นชอลลาก็วิ่งกรูกันมาทางนี้นับสิบ ซอยองที่เห็นว่าท่าไม่ดีจึงจับดาบตั้งท่าเตรียมจะสู้กับพวกมัน แต่ฮันแทกลับไม่ต้องการให้เป็นเช่นนั้น เขารีบพานางวิ่งหนีไปตามซอกหลืบแคบๆ ที่พอจะมีทางหนีออกไปจากที่นี่ได้ หลังจากที่สองแคว้นสู้รบกันมาได้เกือบหนึ่งชั่วยาม เสียงเพลงอารีรังก็เงียบหายไป เปลี่ยนไปเป็นเสียงเครื่องเป่าชนิดหนึ่งที่คอยส่งสัญญาณให้กับพวกของตนได้รับรู้ว่าศัตรูอยู่ตรงไหน

ทั้งสองขี่ม้าตัวเดียวกันออกมาจากแคว้นฮันซองไปตามทางที่ทุรกันดาร ความแห้งแล้งและพื้นที่ที่กว้างใหญ่ไพศาลไม่มีแม้แต่ที่จะหลบซ่อนตัว ศพของชาวบ้านนอนตายเกลื่อนทำให้น่าทรหดใจยิ่งนัก ซอยองเห็นเลือดที่ไหลซึมออกมาจากเสื้อของฮันแทแล้วก็ได้แต่อดทนเอาไว้ เพราะนางคาดหวังว่าตนและบุรุษผู้เป็นที่รักจะสามารถหนีรอดออกไปจากสงครามนี้ได้ แม้สถานการณ์จะบีบคั้นเพียงใดก็อดไม่ได้ที่จะรู้สึกสั่นไหวอยู่ภายในใจ ยิ่งได้เห็นอาการบาดเจ็บที่ไม่อยากเห็นยิ่งทรมานหัวใจ

"เจ้าบาดเจ็บถึงเพียงนี้เชียวหรือ"

นางอดไม่ได้ที่จะเอ่ยถามเขาถึงอาการบาดเจ็บ แขนสองข้างกอดรอบเอวฮันแทเอาไว้แน่นด้วยความหวาดหวั่น ทุ่งหญ้าสีเขียวขจีในยามค่ำคืนที่ยากต่อการมองเห็น แต่ถึงอย่างนั้นพระจันทร์เต็มดวงในคืนนี้ก็ยังสว่างมากพอที่จะทำให้มองเห็นสิ่งต่างๆ รอบตัวได้บ้างนิดหน่อย

ลูกธนูถูกยิงมาจากระยะไกลมาโดนคอของม้าที่พวกเขากำลังขี่อยู่ เสียงร้องเจ็บปวดของม้าตัวผู้ดังสนั่นไปทั่วบริเวณ ซอยองกับฮันแทตกลงมาจากบนหลังม้าแล้วกลิ้งไปบนทุ่งหญ้า เมื่อได้สตินางก็รีบลุกขึ้นอย่างไม่รีรอ แต่ทว่าซองฮันแทนั้นดูเหมือนจะบาดเจ็บหนักกว่าที่นางคาดเอาไว้

นางพยุงให้ฮันแทลุกขึ้นแล้วรีบเดินออกไปจากจุดนี้ พวกมันมีนักธนูที่ทั้งแม่นและสามารถยิงในระยะไกลได้ แถมอาวุธยังครบมืออีก ยังไงก็อยากที่จะสู้ได้ถ้าหากมีกันเพียงแค่สองคน ร่างกายของสตรีเช่นนางแม้จะเทียบเท่าไม่ได้กับร่างกายของบุรุษแต่ก็ยังแข็งแร็งพอที่สามารถพยุงฮันแทให้ลุกขึ้นมาเดินอยู่แบบนี้ได้

"ใยเจ้าไม่รีบหนีไป"

ซอยองอดทนอดกลั้นเอาไว้อย่างถึงที่สุดเพราะไม่ว่าจะลำบากยากเย็นถึงเพียงใด นางก็จะไม่มีวันทิ้งฮันแทเอาไว้ที่นี่เพียงลำพัง ในทุกๆ การก้าวเดินของพวกเขานั้นมันทั้งลำบากยากเย็นและมองไม่เห็นแสงสว่างที่ปลายอุโมงค์ ทุ่งหญ้าที่กว้างใหญ่นี้จะไปสุดที่ตรงไหน หากพวกเขาหนีรอดไปได้จะเร่ร่อนไปอยู่ที่ใด และถ้าหากหนีรอดจากทหารของแคว้นชอลลาไปไม่ได้จะทำอย่างไร ความคิดที่ตีกันวุ่นอยู่ในหัวมันบีบคั้นนางเหลือเกิน

"ทุ่งหญ้าแห่งนี้กว้างใหญ่เหลือเกิน…"

แม้นางจะรู้สึกเศร้าสลดอยู่ในใจลึกๆ แต่คำพูดและน้ำเสียงก็ยังคงแข็งกร้าวไม่ยอมย่อท้อ ไม่มีหยดน้ำตาที่ไหลออกมาตั้งแต่ก่อนหน้านี้จนถึงตอนนี้ ซอยองก็ยังคงใจแข็งอยู่ราวกับหินผา

"เมื่อบทเพลงอารีรังดังขึ้นอีกครั้งข้าจะไปหาเจ้า"

ซอยองชะงักไปเมื่อได้ยินคำพูดไร้สาระเช่นนั้นออกมาจากปากของฮันแท ความหมายของบทเพลงอารีรังคือคู่รักสองคนต้องแยกจากกันเนื่องด้วยเหตุผลบางประการ ไม่ใช่เป็นการบอกว่าเขาจะรอดชีวิตไปได้ ฮันแทถอดแหวนสีเขียวหยกทิ้งเอาไว้ให้กับซอยองแล้วแย่งดาบมาจากมือของนาง สายตามุ่งมั่นเช่นนั้นทำให้นางร้องไห้ออกมาอย่างทุกข์ทรมานใจ ไม่ว่าจะทำเช่นไรก็คงไม่สามารถห้ามอะไรเขาได้แล้ว

"หากเพลงอารีรังดังขึ้นอีกครั้งแล้วเจ้าไม่มาตามที่กล่าวเอาไว้ ข้าจะไม่ยอมให้อภัยเจ้า"

You May Also Like

แม่สื่อกำมะลอ

ในฐานะที่ได้ทะลุมิติเข้ามาอยู่ในโลกนิยายที่ตัวเองชื่นชอบ เฉินเจียหลิงคิดว่าเธอคงนับได้ว่าเป็นนางเอกคนหนึ่งเหมือนกัน นางเอกทะลุมิติหลายคนไม่มีพลังวิเศษก็เกิดมาในตระกูลสูงส่ง ไม่เป็นหมอหญิงที่เก่งกาจเกิดปลูกผักค้าขายจนร่ำรวย แต่เฉินเจียหลิงเป็นผู้หญิงธรรมดา ๆ มีความสามารถธรรมดา ๆ เธอจึงต้องลงเอยด้วยอาชีพที่อาศัยฝีปากและคารมคมคายที่พอจะมีอยู่บ้าง...แม่สื่อ! เฉินเจียหลิงไม่เคยรู้มาก่อนเลยว่าเธอจะมีพรสวรรค์ด้านนี้อยู่เหมือนกัน ว่าแต่ว่า...จับคู่ให้คนอื่นไปก็มาก แล้วเธอจะมีโอกาสเจอพระเอกของตัวเองกับเขาบ้างไหมนะ? โอวหยางฮ่าวหรานเคยคิดว่าชีวิตของตนปราศจากสิ้นแล้วซึ่งความสดใสและสีสันอันงดงาม เสมือนละครฉากหนึ่งที่เริ่มต้นด้วยความเจ็บปวด ดำเนินเรื่องด้วยความรวดร้าว และจบลงด้วยความชืดชา เขาตั้งใจจะใช้ชีวิตเช่นนี้ไปจวบจนวันสุดท้าย เพียงเฝ้ามองโลกอันสวยงามของผู้อื่นจากที่ห่างไกล ดุจเมฆาที่เคลื่อนคล้อยผ่านไปตามกาลเวลา วันที่โอวหยางฮ่านหรานได้พบเฉินเจียหลิงเป็นวันท้องฟ้าสดใส ปราศจากหมู่เมฆ และเป็นวันที่เปลี่ยนแปลงตอนจบของละครฉากนี้ไปตลอดกาล

ChenNa · History
Not enough ratings
4 Chs

มังกรสีทอง ตำนาน 7 ภพ

นวนิยาย เรื่อง มังกรทอง ตำนาน 7 ภพ นี้ เป็นเพียงนวนิยายที่สมมุตขึ้น อาจมีชื่อนามบุคคล หรือ สถานที่ ที่คล้องจองและเหมือนกับผู้ใค ผู้แต่งต้องกราบขออภัยมา ณ ที่นี้ด้วย มังกรทอง ตำนาน 7 ภพ มีทั้งหมด 7 ภาค แต่ละภาพมี จำนวน 20 ตอน ซึ่งท่านผู้อ่านสามารถติดตามอ่านได้ในแต่ละตอนจนถึงตอนสุดท้าย มาอ่านลุ้นกันว่าแต่ละภพชาติตัวเอกของเรื่องจะเกิดมาเป็นอะไร และสู้กับชีวิตอย่างไร บางภพชาติอาจจะร่ำรวย บางภพชาติอาจจะยากจน บางภพชาติอาจมีฐานะปานกลาง เพราะทุกภพชาติล้วนมีสาเหตุที่มา จะเป็นเพราะฟ้าลิขิตหรือจะเป็นเพราะลิขิตกรรมหรือกรรมลิขิตแต่ละคนให้เป็นไป ก็ล้วนแล้วแต่มีสาเหตุที่มาโดยที่มนุษย์อย่างเราไม่อาจรู้ชะตาได้ มาติดตามอ่านกันว่า นวนิยายอิงประสบการณ์ชีวิตจริงเรื่องนี้จะเป็นอย่างไรต่อไป ผู้เขียนขอขอบพระคุณท่านผู้อ่านที่สนใจและติดตามผลงานการเขียนนวนิยายเรื่องนี้ หลังจากที่เขียนแต่งานเชิงวิชาการมาเป็นเวลานาน จนลืมความรักความชอบในการอ่านและการเขียนนวนิยายไปเสียนาน หวังว่าท่านผู้อ่านที่น่ารักจะชอบและสนับสนุน นวนิยายเรื่องนี้ ขอคารวะด้วยใจ Madam Bamboo

Jirinda_Phit · History
Not enough ratings
1 Chs

ลิขิตรักข้ามภพ

เสี่ยวซือ สายลับมือหนึ่งจากหน่วยรักษาความมั่นคงแห่งชาติที่เก้า ไม่ว่าจะเป็นสืบราชการลับ ลอบสังหาร หรือทำภารกิจเสี่ยงอันตรายต่างๆ เธอทำได้อย่างไร้ที่ติ เธอทำงานรับใช้ประเทศด้วยความภักดี กลับถูกหักหลัง ต้องตายอย่างอนาถ แต่แล้วดวงวิญญาณของเธอกลับย้อนเวลามาเข้าร่างของจวงชิงเซี่ยชายาผู้ถูกทอดทิ้ง ทำให้เธอได้พบกับฉู่หลีองค์รัชทายาทผู้โหดร้าย เลือดเย็น และไร้หัวใจ และเพราะความลับบางประการของเจ้าของร่างคนก่อน ทำให้เธอต้องการหลีกหนีจากเขา แต่ไม่ว่าอย่างไรเขาจะไม่ยอมให้นางหนีไปได้ ต่อให้ต้องกักขังนางไว้ เขาก็จะทำ!

เซียวเซียงตงเอ๋อร์ · History
Not enough ratings
418 Chs

ดวงใจอสุรา

เพราะเหตุพลิกผันทำให้ มู่หรงชีชีต้องย้อนอดีตมาเป็นนางซินในยุคโบราณที่เจ้าของร่างคนเดิมถูกลงโทษด้วยกฎบ้านจนตาย แต่คิดหรือว่านางจะยอมแพ้ต่อโชคชะตานี้ แม้จะถูกพี่สาวร่วมตระกูลแย่งคู่หมั้น มิหนำซ้ำยังถูกบิดาจับคลุมถุงชนเพื่อแต่งงานแก้เคล็ด แต่ดูเถอะว่ามู่หรงชีชีคนนี้จะไม่มีวันยอมแพ้แน่นอน! เนื่องด้วยพระราชโองการจากฮ่องเต้ ทำให้มู่หรงชีชีต้องยอมอภิเษกกับ เฟิ่งชาง หนานหลินอ๋องแห่งแคว้นเป่ยโจว บุรุษที่ได้สมญานามว่า ‘อ๋องปีศาจ’ ผู้ที่มีดวงพิฆาตภรรยาอย่างไม่มีทางเลือก ทว่าใครเล่าจะรู้ว่าหนานหลินอ๋องที่นางเคยได้ยินคำล่ำลือมาว่าแสนร้ายกาจนั้นจะไม่เหมือนบุรุษตรงหน้าที่นางได้พบเลยแม้แต่น้อย ยิ่งนางได้รู้จัก นางก็ยิ่งจะหลงรักเขามากขึ้นเสียแล้ว

ล่าหมี่ทู่ · History
Not enough ratings
156 Chs

ระบบห้ามฆ่าตัวตายบังคับให้เป็นอาจารย์ของตัวร้าย

บทนำ "อยากตาย" เป็นคำพูดของคนที่ไม่ต้องการจะมีชีวิตอยู่บนโลกนี้อีกต่อไปแล้ว หญิงสาวนามฟางเซียนพบกับความลำบากและความเหนื่อยยากของการมีชีวิตอยู่บนโลกนี้มาแล้ว น้องสาวคือสิ่งเดียวที่ทำให้เธอพยายามดิ้นรนที่จะมีชีวิต แต่เมื่อไม่นานมานี้น้องสาวของเธอก็เพิ่งจะตายไปเพราะโรคร้าย เธอจึงคิดว่าตัวเองไม่มีเหตุผลที่จะมีชีวิตอยู่บนโลกนี้อีกต่อไปแล้ว เพราะงั้นเธอจึงพยายามฆ่าตัวตาย... เธอพยายามฆ่าตัวตายมากกว่าสิบครั้งด้วยกัน ผลน่ะหรือ? ล้มเหลวน่ะสิ!! ถ้าสำเร็จเธอคงไม่ต้องมานั่งคิดว่าวิธีตายใหม่แบบนี้หรอก!! "ดื่มยาพิษ กรีดข้อมือ โดดน้ำ โดดตึก ขนาดนี้แล้วทำไมฉันยังไม่ตายอีก!! สวรรค์ ไม่สิ นรกไม่อยากรับคนเพิ่มรึไง!! " ฟางเซียนกรีดร้องอย่างหนักราวกับคนบ้า ในตอนนั้นเองบางสิ่งก็ได้ปรากฏต่อหน้าเธอ [สวัสดีคุณฟางเซียน ผมคือระบบห้ามฆ่าตัวตาย ต่อจากนี้ไปคุณต้องถูกผูกมัดกับระบบห้ามฆ่าตัวตาย กฎของระบบห้ามฆ่าตัวตายที่หนึ่งคือ ห้ามฆ่าตัวตาย กฎที่สองคือ ห้ามฆ่าตัวตาย กฎที่สามคือ ห้ามฆ่าตัวตาย] "...." มองหน้าต่างระบบตรงหน้าด้วยสายตาว่างเปล่า ฟางเซียนหันไปหยิบมีดขึ้นมาเตรียมฆ่าตัวตายต่อ แต่จู่ๆ ร่างกายของเธอก็ไม่สามารถที่จะขยับได้อีกราวกับว่ามีบางอย่างเข้ามาควบคุมร่างกายของเธอ [คุณจะไม่สามารถฆ่าตัวตายได้จนกว่าจะมีอายุครบหนึ่งหมื่นปี โปรดเข้าใจด้วย] "เข้าใจมารดาแกสิ!! หมื่นปีเรอะ! ใครจะอยากอยู่นานขนาดนั้นกัน! " [มนุษย์] "เออ! แต่พอดีฉันเป็นมนุษย์ต่างดาวจากดาวเนปจูน ฉันจะฆ่าตัวตาย!! " [กฎคือห้ามฆ่าตัวตายเด็ดขาด เนื่องจากสถานที่รอเกิดเต็มแล้ว หากคุณต้องการฆ่าตัวตายคุณต้องทำภารกิจให้สำเร็จ ภารกิจแรก เป็นอาจารย์ของตัวร้ายสูงสุด ภารกิจที่สองจะตามมาในอีกร้อยปีต่อมา และอีกหนึ่งร้อยปีต่อไปภารกิจที่สามจะตามมา และอีกร้อยๆ ปีต่อมาภารกิจที่สี่ก็จะตามมา] "....ไปตายซะไอ้ระบบเฮงซวย!! " ....................................................................... ฟางเซียนต้องการที่จะฆ่าตัวตายเพราะมันคือทางที่เธอได้เลือกแล้ว ตายไปทุกอย่างที่ผ่านมาก็จะเป็นเพียงภาพลวงตา เธอจะได้เกิดใหม่โดยที่ใหม่ต้องจำอะไรได้อีก เพียงแค่ตายเธอก็จะได้เห็นโลกใบใหม่แล้ว! แต่ทำไมระบบห้ามฆ่าตัวตายถึงไม่ยอมให้เธอตายสักที!! ขัดขวางการฆ่าตัวตายของเธอไม่พอมันยังลากเธอไปโลกจีนโบราณและบังคับให้เธอรับตัวร้ายในอนาคตเป็นลูกศิษย์!! ใครก็ได้ช่วยฆ่าเธอทีเถอะ!! ในภายหลังฟางเซียนพยายามคิดหาวิธีฆ่าตัวตายมากมาย ...................................................................... ระบบ: กฏที่หนึ่งคือห้ามฆ่าตัวตาย กฏที่สองคือห้ามฆ่าตัวตาย กฏที่สามคือห้ามฆ่าตัวตาย คนอยากตาย: ......ระบบเวร!! ระบบ: เพื่อความอมตะคุณต้องฝึกตนเป็นมาร ไม่ต้องห่วงระบบจะเติมทรูให้เอง! คนอยากตาย: ไม่อยากเป็นอมตะโว้ย!! ระบบ: ไม่ต้องห่วงเรื่องเงิน! ระบบมีเงินพร้อมที่จะเปย์คุณ *โปรยเงิน คนอยากตาย: .....

PATPIMON · History
Not enough ratings
2 Chs
Table of Contents
Volume 1