ไม่รู้ว่าผ่านไปเนิ่นนานเพียงใด ไม่รู้ว่าข้าสังหารศัตรูไปแล้วเท่าไหร่ มิติส่วนตัวของข้าเต็มไปด้วยชิ้นส่วนและวัตถุดิบมากมาย ข้าท่องเที่ยวไปตามดาวเคราะห์ที่อยู่เเถวสุดเขตจักรวาล เพื่อตรวจตราเหล่าศัตรูที่แฝงตัวเข้ามา เมื่อพบเจอก็เจรจา แต่ศัตรูทุกตนไม่เคยคุยดีด้วย เอะอะก็สังหาร เอะอะก็กะจะฆ่าฟันกันให้ตายไปข้าง
จนกระทั่งเวลาผ่านไปเนิ่นนาน ข้ายังคงทำหน้าที่ของตนเองอย่างไม่ขาดตกบกพร่อง แม้ว่าจะสูญเสียดาวเคราะห์ไปบ้าง แต่ศัตรูก็ไม่อาจหนีรอดไปได้
แต่เพราะเเข็งแกร่งเกินไป หรือความดื้อรั้นของตนเอง ข้าไม่อาจร่วมมือกับเหล่าเทพเจ้าที่หยิ่งทรนงในอำนาจและศักดิ์ศรีได้ ข้าไม่อาจอยู่ร่วมกับพวกมันที่เห็นสิ่งมีชีวิตอื่นเป็นเพียงมดปลวกผักปลา พวกมันโยนสิ่งมีชีวิตทิ้งขว้างให้เผชิญกับความทุกข์ตรมเจ็บปวดเพื่อให้ตนได้มาซึ่งของแลกเปลี่ยนบางอย่าง
เทพเจ้าต้องการความแข็งแกร่ง ต้องการสถาปนาให้ตนเป็นจ้าวจักรวาล เหล่าเทพชั้นสูงมากมายเข้าหาข้า เพื่อขอวัตถุดิบจากปีศาจสุดเขตจักรวาล ข้าเองก็เคยให้พวกมันไปนิดหน่อย แต่ผลที่เกิดกลับกลายเป็นว่าพวกมันนำไปทดลองกับมนุษย์ นำไปเข่นฆ่ากันเองเพื่อให้ได้มาซึ่งบัลลังก์
หลังจากนั้นข้าก็ไม่เคยให้สิ่งใดพวกมันอีก หลายครั้งก็เก็บสมบัติของเหล่าทวยเทพที่ตายตกหรือทำหายโดยไม่ยอมคืนเพราะอยากแก้เผ็ดที่นำวัตถุดิบจากปีศาจสุดเขตจักรวาลไปสร้างความเดือดร้อน
ท้ายที่สุดพวกมันก็คว่ำบาตรข้าต่างๆนานา พวกมันป่าวประกาศกับเหล่าสาวกว่าข้าคือทรราช ข้าคือจอมมารบ้าง ข้าศือเทพชั่วร้ายบ้าง สั่งให้เหล่าสาวกกำจัดข้าเมื่อพบเห็น และไม่ยอมให้ข้าใช้บริการดาวเคราะห์ต่างๆที่อยู่ภายใต้อำนาจของพวกมัน
เพราะพวกเทพหัวxวยนั่นรู้ดีว่าข้ามีพันธสัญญาสัจจะประทับกาย ทำให้ไม่สามารถทำร้ายเทพเจ้าได้ จึงเหิมเกริมองอาจบูลี่ข้า เพียงเเต่ข้าตบหน้าพวกมันก็ทำให้ร่างกายเจ็บปวดเกินบรรยาย จึงไม่อาจดัดนิสัยเทพโสโครกได้
วันเวลาผ่านไปพวกมันก็เล่นใหญ่กระทั่งยกทัพมารุกรานข้า แต่เพราะพันธสัญญาบัดซบข้าจึงต้องหลีกหลบพวกมัน ข้ายังคงทำหน้าที่ต่อไปแม้จะได้ชื่อว่าเป็นทรราช
จักรวาลนี้กว้างใหญ่ไพศาลนัก สุดเขตจักรวาลเองก็ห้อมล้อมดาวเคราะห์ต่างๆเป็นวงกลม การที่จะออกไปด้านนอกเขตจักรวาลได้นั้นต้องมีร่างกายและพลังที่เเข็งเเกร่งมากพอที่จะต้านทานเเรงบีบอัดและเเรงดึงกระชากมหาศาลที่สลับไปมาตลอดเวลาได้
ข้าเคยเห็นเทพอวดดีหลายตนทรนงองอาจพุ่งเข้าไปสุดเขตจักรวาล พวกมันล้วนถูกอัดและฉีกกระชากจนไม่มีชิ้นดี แม้กระทั่งอาวุดกับชุดเกราะก็ถูกทำให้กลายเป็นฝุ่นผง จากนั้นก็เขียนบันทึกเล่าขานว่าสุดเขตจักรวาลเป็นจุดสิ้นสุดของจักรวาลนี้ ไม่มีตัวตนใดสามารถต้านทานอำนาจของพระเจ้าได้
ข้าอ่านแล้วยังรู้สึกตลกเลย พวกมันบ้าหรือเปล่า เขียนในสิ่งที่ตัวเองไม่เห็นแล้วก็คิดเออเองว่าเป็นอำนาจเหนือจินตภาพ
ข้าก็อยากจะบอกว่าเป็นเพราะพสกมันกระจอกเลยไม่สามารถผ่านห้วงกั้นได้ ซึ่งเมื่อผ่านเจ้าไปก็จะพบกับเขตว่างที่ไร้พลังบีบอัด เขตนี้เต็มไปด้วยพลังมหาศาลสามารถดูดซับได้ไม่จำกัด และก็มีพวกปีศาจสุดเขตจักรวาลเต็มไปหมด
หากจะถามว่าข้ารู้ได้อย่างไร ข้าก็ขอถามกลับว่าเพราะอะไรพวกเทพขี้บูลี่ถึงหาข้าไม่เจอแม้มันจะค้นทั่วจักรวาล คำตอบนั้นง่ายแสนง่าย ก็เป็นเพราะข้าออกไปออกเขตแล้วอย่างไร
ข้ากะจะเจรจากับปีศาจพวกนั้น แต่เมื่อพวกมันเห็นข้าก็ไล่สังหารไม่หยุดหย่อน ท้ายแล้วเมื่อคุยไม่รู้เรื่องข้าก็ไล่ฆ่าจนพวกมันไม่เข้ามายุ่ง ข้าได้สร้างอาณาเขตให้ตนโดยไม่รู้ตัว ซึ่งนานเท่านานก็ไม่มีปีศาจตัวไหนกล้าเข้าใกล้ เมื่อคิดว่าจักรวาลนี้คงปลอดภัยอีกพักใหญ่ข้าก็กะว่าจะไปเจรจากับเหล่าเทพเจ้า
แต่อนิจจังเมื่อข้ามเข้ามาก็เห็นเหล่าเทพต้อนรับด้วยกองทัพติดอาวุธเต็มศักดา แล้วก็ลงเอยด้วยการเจรจาไม่รู้เรื่อง
ข้าจึงเหนื่อยและเบื่อกับความคิดง่อยๆไร้สาระของเหล่าเทพเจ้า
"นี่พวกเจ้ากะจะไม่ยอมพูดจากันดีๆเลยหรือไร" ข้าเอ่ยถามพวกมันออกไป
"ทรราชเข่นเจ้าไม่จำเป็นต้องเจรจา" เสียงของแม่ทัพเทพเจ้าตอบกลับมา พวกมันกระชับอาวุธและร่ายมนตราเสริมพลังให้กับสัตว์เทพพร้อมรบเต็มรูปแบบ
"พวกเจ้าไม่กลัวปีศาจสุดเขตจักรวาลรึ" ข้าเอ่ยออกไปอีกครั้ง
"เฮอะ ทำไมพวกข้าต้องกลัวด้วย ปีศาจสุดเขตจักรวาลอะไรนั่นไม่มีอีกแล้ว เเกยังคงไม่รู้อะไร ว่าร้อยกว่าปีที่เเกไปมุดรูอยู่ที่ไหนสักแห่ง จักรวาลนี้สงบสุขเเล้ว เป็นเพราะเทพโครนอสและเทพซุสที่ยิ่งใหญ่คอยปกป้องไว้" เทพเเม่ทัพตนหนึ่งเอ่ย สีหน้าของเขาเต็มไปด้วยความภาคภูมิเต็มอก
"อ้อเหรอ"
"หึ แกรู้ไหมว่าตอนที่แกหายหัว เทพโครนอสกับเทพซุสยกกองทัพเข้าปราบปรศาจสุดเขตจักรวาลครั้งแล้วครั้งเล่า จนตอนนี้จักรวาลสงบสุขเเล้ว พวกเราไม่จำเป็นต้องพึ่งพาเจ้าอีกเเล้ว เพราะงั้นมันถึงเวลาที่พวกเราต้องกำจัดเจ้า" เสียงของเเม่ทัพเทพเอ่ยอีก ข้าหรี่ตาลง
"ปีศาจสุดเจตจักรวาลรึ ข้ามั่นใจนะว่าไม่มีตัวใดหลุดเข้ามาได้ อืม หาือมีตัวที่ซ่อนจากสัมผัสข้าได้ เอาเถอะ ยังไงก็ช่างทสรุปคือพวกเข้าต้องการกำจัดข้าทิ้งว่างั้น" เสียงของข้าเอื้อนเอ่ยออกไป เหล่าเทพเจ้าต่างกระชับอาวุธในมือเเน่น
"ตั้งค่ายกลปราบมหาเทพมารทรราช ใช้พลังให้เต็มที่ ข้าเชื่อว่าด้วยพลังของเทพหมื่นตนจะต้องเอาชนะทรราชตนนี้ได้" เสียงของแม่ทัพเทพเจ้าเอ่ย พวกมันต่างตั้งค่ายกลที่คิดว่าดีที่สุด
ค่ายกลนี้สำหรับข้ามันก็แค่ของเด็กเล่น ต่อให้พวกมันทุ่มพลังเทพมากกว่าหมื่นตนก็ไม่อาจจะจัดการปีศาจสุดเขตได้แม้แต่ตัวเดียว นับประสาอะไรจะเอามาจัดการข้า เมื่อพิจารณาอย่างถี่ถ้วนเเล้วข้าเองก็เบื่อเช่นกัน ทำหน้าที่ยาวนานจนไม่รู้จะทำไปอีกเพื่ออะไร ตอนที่อยู่นอกจักรวาลข้าเองก็นึกว่าจะสามารถหลุดพ้นจากพันธะสัญญาได้ แต่โชคไม่เข้าข้าง พันธะยังคงอยู่ และมันก็เป็นตัวการที่ทำให้ข้าไม่สามารถออกไปไกลจากเขตจักรวาลได้มากนัก ข้าเคยพยายามทุ่มพลังจนเดิมพันด้วยชีวิต แต่มันก็หยุดกึกไม่ไปไหนต่อ ท้ายแล้วก็ทำภารกิจเเสนเบื่อต่อไปจนถึงตอนนี้
เมื่อข้ารู้ว่าจักรวาลนี้ไม่ใช่ที่ของข้า ข้าจึงขี้เกียจอยู่ทำหน้าที่ต่อ ข้ากระชับดาบที่เสียบข้างเอวไว้เเน่น ตั้งท่าโจมตี เหล่าเทพชะงัก แต่ไม่นานก็หัวเราะเยาะ
"ฮ่าๆ แกก็รู้ว่าด้วยพันธะสัญญาทำให้แกไม่สามารถทำอะไรพวกจ้าได้ ไม่งั้นร่างแกจะระบิดจนตาย" เสียงของเทพเจ้าตนหนึ่งบอก คัวข้าเเสยะยิ้ม
"อา ในเมื่อพวกเจ้าต้องการกำจัดข้าอยู่แล้ว ข้าก็จะทำให้สมหวังเลยละกัน เฮ้อ ที่ข้ายอมทำลายตัวเองก็เพราะเบื่อพวกเทพเจ้าเฮงซวยอย่างพวกเจ้าที่ทำxวยอะไรไม่ได้ก็มาใส่ร้ายข้าว่าเป็นตัวทำลายความสงบ ไอ้พวกโลกสวย ที่ไม่เคยสู้กับปีศาจสุดเขตจักรวาล แล้วมาพาลว่าข้าสำออย วันๆเอาแต่จัดการปีศาจอ่อนแอ เหอะ เพราะข้าติดสัจสาบานประทับกาย ทำให้ไม่สามารถลงมือทำร้ายพวกเทพเชี่ยอย่างพวกเข้าได้ ไม่อย่างนั้นมันคงไม่ปล่อยปากดีอยู่เช่นนี้หรอก ใจจริงก็อยากตบให้เลือดกบปากเรียงเป็นรายๆ แต่สัจสาบานประทับกายมันไม่ยอมให้ทำ
สุดท้ายก็เป็นตัวข้าที่โดนบูลี่จนโดดเดี่ยว ซึ่งก็ไม่ได้มีปัญหาอะไร พอนานๆเข้าข้าก็เบื่อ ตอนนี้ข้าเลยตัดสินใจทำลายตัวเองเสีย" ข้ากล่าวออกไป สีหน้าเหล่าเทพเจ้าต่างแสดงความยินดีออกมา
"แหม แค่พูดแปบเดียวก็ดีใจใหญ่เชียวนะ หวังแย่งสมบัติของข้าล่ะสิ แต่คนอย่างข้าคงไม่ตายไปเปล่าๆหรอก ไอ้พวกหัวxวย" ข้ากล่าวออกไป จากนั้นก็สะบัดดาบ
"สะบั้นภพ" คำกล่าวสั้นๆ เทพที่ยิ้มดีใจต่างถูกคลื่นคมดาบตัดสะบั้นจนขาดกระจาย
"ยังไม่หมด อัก เก็บแม่งให้หมด" ข้าสะบัดคลื่นมิติเก็บเกี่ยวสมบัติของเหล่าทวยเทพ เก็บแม้กระทั่งร่างไร้วิญญาณของพวกมัน ข้าอาจเดิมพันกับมิติส่วนตัว หวังว่าจะไม่ระเบิดปลดปล่อยของข้างในออกมาให้เทพโลภมากที่อยู่นอกรัศมีดาบได้เก็บเกี่ยว แต่หากไม่เป็นดังที่คิดก็ไม่ได้ติดใจอะไร อย่างไรเสียของสะสมของข้าคงทำให้จักรวาลวั่นวายไปพักใหญ่แน่
เพราะผิดสัญญาร่างข้าจึงสลายเป็นเถ้าธุลี
เทพที่คอยดูอยู่ต่างรอลุ้นหวังเก็บเกี่ยวผลประโยชน์ แต่สุดท้ายก็ไม่ได้อะไร ทันใดนั้นความบรรลัยก็บังเกิด เมื่อปีศาจสุดเขตจักรวาลบุกเข้ามา มันเป็นแค่ปีศาจง่อยๆ ตัวเดียวแต่ดันไม่มีเทพตนไหนจัดการได้ และเเล้วความฉิบหายก็เกิดไปทั่วทั้งจักรวาล
...…