การเดินทางครั้งใหม่ของการ์ดกำลังเริ่มต้นขึ้นอีกครั้งในรั้วมหาวิทยาลัยชื่อดัง แต่เดี๋ยวนะ...? นี่คือมหาวิทยาลัยแน่หรอ? นี่มันเมืองชัดๆ! เมืองที่ถูกแปลงสภาพให้กลายเป็นแหล่งเรียนรู้เวทมนตร์
[ เมือง ไมอา - วันที่ 11 เดือน 6 ปี 1990 ]
ณ สถานีรถไฟประจำเมืองไมอา เช้าของวันที่อากาศปลอดโปร่ง ผู้คนมากมายรวมตัวกันอยู่ที่ชานชาลาเพื่อส่งลูกหลานของพวกเขาไปยังจุดหมายปลายทางในอนาคตของแต่ละคน
"ดูแลตัวเองดีๆ นะลูก กินอาหารให้ครบ 3 มื้อด้วยล่ะเข้าใจมั้ย?" หญิงสาวผู้เป็นแม่กล่าว
"ครับแม่ พ่อกับแม่ก็อย่าลืมฝึกเวทตามที่การ์ดบอกด้วยนะครับ ว่างตอนไหนก็ค่อยฝึกก็ได้" เด็กหนุ่มผู้มีผิวสีน้ำผึ้งและผมกับดวงตาสีดำตอบกลับไป
"โอเคจ้ะ ลูกไม่ต้องห่วงทางนี้นะ แล้วถ้ามีอะไรก็โทรมาหาแม่ได้ตลอดเลยนะจ๊ะ"
"คอยดูนะ ลูกกลับมาบ้านรอบหน้าพ่อจะเป็นผู้ใช้เวทระดับ 5 ให้ดู" พ่อของการ์ดกล่าวอย่างมั่นใจ
"แหม คุณคะ เราก็ไม่ใช่เด็กๆ แล้วนะ จะมาฝึกเวทอะไรกันตอนนี้ฮึ?" หญิงสาวแซว
"ก็ลูกอุตส่าห์สอนเคล็ดลับการฝึกแบบที่ไม่เคยรู้มาก่อนให้นี่นา แล้วดูเพื่อนลูกแต่ละคนสิ ใช้เวทเก่งกว่าพวกเราแล้วเนี่ย เราจะน้อยหน้าเด็กๆ ได้ยังไง จริงมั้ย"
ภรรยาหัวเราะเล็กๆ ก่อนจะหันกลับไปหาบุตรชายของตน "เอาล่ะๆ อย่างที่เห็นน่ะลูก ไม่ต้องห่วงทางนี้นะ ยังไงพ่อก็อยู่กับแม่ทั้งคน อีกเดี๋ยวรถไฟก็คงใกล้ออกแล้วล่ะ ลูกรีบขึ้นไปเถอะจ้ะ"
"โอเคครับแม่" เด็กชายสวมกอดพ่อและแม่ของเขา "งั้นการ์ดไปก่อนนะครับ ไว้ว่างๆ การ์ดจะกลับมาให้บ่อยที่สุดเลย"
การ์ดขึ้นรถไฟไปพร้อมกับสัมภาระบางส่วน ไม่นานนักขบวนรถก็ออกจากชานชาลาไปอย่างช้าๆ
"ลูกเราโตขึ้นเยอะเลยนะคะ ผ่านไปแป๊บเดียวก็ต้องออกไปเรียนรู้นอกเมืองซะแล้ว ฉันยังจำตอนที่ลูกของเราเดินเตาะแตะได้อยู่เลยเนี่ย" หญิงสาวรำลึกถึงอดีต
"นั่นสิเนอะ ใครจะไปนึกว่าเด็กตัวน้อยในวันนั้นจะกลายเป็นสุดยอดอัจฉริยะผู้ใช้เวทในวันนี้กันล่ะ" สามีเสริม
"ตายจริง คุณจะไม่อวยลูกมากเกินไปใช่มั้ยเนี่ย"
"แหม เขาก็ลูกคุณเหมือนกันนั่นแหละหน่า เนี่ยเพราะมีแม่เก่งแบบนี้ไงลูกเราถึงได้สุดยอดขนาดนี้"
"คุณนี่ก็เวอร์ตลอด"
สองสามีภรรยาหยอกล้อกันตามประสาก่อนที่ทั้งคู่จะเดินทางกลับ
ทางด้านการ์ดซึ่งอยู่บนรถไฟ ภายในขบวนมีเตียงสองชั้นเรียงรายซ้ายขวาคั่นกลางด้วยทางเดิน นี่คือขบวนรถจักรไอน้ำสำหรับการเดินทางระยะไกลที่ผู้โดยสารสามารถนอนหลับพักผ่อนได้อย่างสบาย จุดหมายปลายทางของการ์ดคือเมืองโซลิส เมืองที่ขึ้นชื่อด้วยมหาวิทยาลัยที่ใหญ่ที่สุดและเป็นศูนย์รวมของสุดยอดผู้ใช้เวทมากมาย
"สุดท้ายก็เหลือแค่พวกเรา 4 คนสินะ" ไกด์ เด็กหนุ่มผู้มีรูปร่างละม้ายคล้ายการ์ดแต่มีใบหน้ายียวนกว่า บ่นพลางทิ้งตัวลงบนเตียงชั้นล่าง
"ทำไงได้ล่ะ ก็แต่ละคนมีที่ที่ตัวเองอยากไปไม่เหมือนกันนี่นา" เกรส เด็กหญิงเพียงหนึ่งเดียวในกลุ่มกล่าว เธอนั่งอยู่ที่เตียงตรงข้ามไกด์
"เอาหน่า อย่างน้อยทุกคนก็มีแนวทางที่ชัดเจนของตัวเอง อีกอย่างก็ไม่ใช่ว่าเราจะหายจากกันไปเลยซักหน่อยนี่ เดี๋ยวก็หาเวลาว่างกลับมาเจอกันได้อีกแหละน่า" การ์ดซึ่งนั่งอยู่ข้างเกรสพูดขึ้นมาบ้าง เจ้าแมวขาวการ์เดียนคู่ใจของเขานอนหมอบอยู่ข้างตัวอย่างสบายอารมณ์
นอกจากไกด์ เกรส และการ์ดแล้ว เพื่อนอีกคนหนึ่งที่ร่วมเดินทางไปยังจุดหมายเดียวกันในครั้งนี้ก็คือไนท์ เด็กหนุ่มผู้มีรูปร่างขาวสูงพร้อมกับเส้นผมและดวงตาสีดำม่วงเช่นเดียวกับเวทมนตร์ธาตุมืดที่เขาใช้
เด็กทั้งสี่คนตัดสินใจที่จะไปศึกษาต่อที่มหาวิทยาลัยโซลิสร่วมกันเพื่อพัฒนาฝีมือของตนเองให้สูงยิ่งขึ้น ก่อนที่จะเลือกอาชีพที่ตนเองสนใจทำในอนาคต
ไกด์เด้งตัวขึ้นมานั่งขัดสมาธิก่อนที่จะบ่นต่อ "เนี่ยนะ ถ้าไททั่นมันไม่ดื้อก็คงได้มาด้วยกันแล้วแท้ๆ"
"แต่ฉันเห็นด้วยกับที่หมอนั่นเลือกจะไปเรียนที่เมืองจูโน่นะ เพราะถ้าหมอนั่นอยากจะเอาดีในด้านการใช้โกเลมจริงๆ ไปที่มหาวิทยาลัยโซลิสคงไม่เข้าท่าเท่าไหร่ เพราะโกเลมมันเป็นเวทที่แบบ… ล้าสมัยมาก ที่โซลิสคงไม่มีใครใช้เวทนี้กันแล้วล่ะ" เกรสอธิบาย
"ก็ถูกของแก แต่พอไททั่นไปที่นู่น ลูมี่ก็เลยตามมันไปด้วยเลย... เออนี่ แกว่าลูมี่แอบชอบไททั่นปะ?" อยู่ๆ ไกด์ก็เปลี่ยนเรื่องคุย
"ฮะ? ทำไมแกคิดแบบนั้นล่ะ" การ์ดถาม
"ก็ลูมี่ดูสนิทกับไททั่นมาก แล้วก็ไปไหนมาไหนตามไททั่นตลอดเลยอะ"
"โอ๊ย ตาทึ่ม ไม่ใช่หรอกย่ะ ลูมี่น่ะเป็นห่วงความทึ่มของไททั่นเลยต้องตามไปด้วยต่างหากล่ะ ขืนปล่อยหมอนั่นไปเรียนที่นู่นคนเดียวนะ วุ่นวายตายชัก" เกรสปฏิเสธแทนเพื่อนของเธอ
"แล้วแกรู้ได้ไงล่ะว่าไม่ใช่เพราะลูมี่แอบชอบไททั่น" ไกด์ยังคงยึดมั่นในความคิดของตน
"ก็... เซนส์ของผู้หญิงละมั้ง"
"โห่ ไม่เห็นมีหลักการอะไรเลย"
"จะหาเรื่องกันหรือไงยะ"
ไกด์กับเกรสทำท่าจะตีกันตั้งแต่เริ่มเดินทาง ทำเอาการ์ดและไนท์หัวเราะกันยกใหญ่
เด็กหญิงเห็นเพื่อนทั้งสองหัวเราะก็รีบเปลี่ยนเรื่อง "ฉันเป็นห่วงเจลมากกว่าอีก ไปเรียนตัวต่อตัวคนเดียวแบบนั้นคงเหงาแย่เลย"
"ไม่เป็นไรหรอก ฉันว่าเจลเองก็คงอยากจะมั่นใจในตัวเองมากขึ้นเลยเลือกที่จะไปคนเดียวแบบนั้นน่ะ ใช่มั้ยไนท์" การ์ดหันไปถามความเห็นเพื่อนอีกคนที่นั่งอยู่ตรงข้ามเขา
"อื้อ จริงๆ ฉันว่าเจลก็ไม่ได้อ่อนไปกว่าพวกเราเลยนะ เพียงแค่ขาดความมั่นใจอย่างที่การ์ดบอกนั่นแหละ แถมล่าสุดที่คุยกันเจลก็ดูแน่วแน่มากเลย ฉันว่าเจอกันรอบหน้าพวกเราอาจจะตกใจกับความเปลี่ยนแปลงของเจลไปเลยก็ได้" ไนท์ตอบกลับ
"นั่นสิเนอะ" เกรสกล่าว "งั้นพวกเราเองก็ต้องทำให้เต็มที่เหมือนกัน ฉันจะต้องเป็นหมอที่สุดยอดแบบครูเมดิสให้ได้!"
"ส่วนฉันจะต้องโค่นพ่อลงให้ได้!" ดูเหมือนจุดประสงค์ของไกด์จะประหลาดอยู่สักหน่อย
"นี่ในหัวนายมีแต่เรื่องต่อสู้หรือไงกันยะ!"
ไกด์กับเกรสทำให้เพื่อนอีกสองคนหัวเราะออกมาอีกครั้ง
'เราเองก็จะเก่งขึ้นให้มากกว่านี้อีก แล้วก็ใช้เวทให้ได้หลากหลายมากขึ้น เพื่อจะได้เข้าใกล้จุดสูงสุดของเวทมนตร์ให้มากขึ้น' การ์ดคิดในใจ
'แต่ก่อนจะไปถึงตรงนั้นน่ะ เจ้าต้องฝึกดึงพลังธาตุเข้ามาในตัวให้ได้คล่องกว่านี้ก่อนนะ' เจ้าการ์เดียนสุดเฮี้ยบ โอรอส บอกกับเด็กชาย
'โถ่ โอรอส ฉันก็ขยันฝึกอยู่ตลอดไม่ได้หยุดเลย นายก็เห็นนี่นา'
ตลอดช่วงหยุด 4 เดือนที่ผ่านมา การ์ดก็ไม่ได้อยู่เฉยๆ แต่อย่างใด เขาหมั่นฝึกฝนเวทมนตร์ตามคำแนะนำของเหล่าการ์เดียนของเขาอย่างเคร่งครัด เป้าหมายที่เหล่าการ์เดียนได้ตั้งไว้ให้กับเขาในตอนนี้คือให้เด็กชายสามารถดึงธาตุเข้ามาในตัวได้ตลอดเวลาที่ต้องการและคงมันไว้แบบนั้นให้ได้อย่างน้อย 1 ชั่วโมง
ถึงแม้ว่าเด็กชายจะเข้าใจหลักการของมันจนสามารถทำได้อย่างเชี่ยวชาญแล้ว แต่เมื่อต้องเจอสถานการณ์ที่กดดันหรือคับขันอย่างเช่นระหว่างการต่อสู้ เขาก็ไม่สามารถทำมันได้ดีเท่าไรนัก หลายๆ ครั้งที่เด็กหนุ่มล้มเหลวแต่โชคดีที่เหล่าการ์เดียนคอยป้องกันไม่ให้เกิดเหตุอันตรายต่อร่างกายของเขาเสมอ
'ข้าบอกแล้วว่ามันไม่ง่ายหรอก ยิ่งระดับเวทที่สูงขึ้น ความยากในการฝึกก็จะมากขึ้นตามไปด้วย แต่ไม่ต้องห่วง เมื่อเจ้าได้เรียนรู้เกี่ยวกับธาตุต่างๆ และเข้าใจมันมากขึ้น ความสามารถในการดึงธาตุเข้าสู่ร่างกายของเจ้าก็จะมากขึ้นไปด้วยโดยอัตโนมัติ เจ้าไม่ต้องใจร้อนไปหรอก' เจ้าแมวขาวกล่าว
'อื้อ แต่มันก็ยากกว่าที่คิดจริงๆ แหละ ถ้าต้องเอาไปใช้ในสถานการณ์จริง ตอนนี้ยังไงก็ทำไม่ได้แน่ๆ แต่ถ้ามีคนถ่วงเวลาให้ซักหน่อย ก็คงไม่มีปัญหาหรอกมั้ง' การ์ดนึกพลางมองไปยังการ์เดียนของเขา
'นี่เจ้าคิดว่าสถานการณ์แบบนั้นมันจะมีคนมาถ่วงเวลาให้ทุกครั้งหรือไงฮะ?' โอรอสยื่นเท้าข้างหนึ่งมาจิกขาการ์ด
'โอ๊ยๆ ก็แค่คิดเฉยๆ น่า โถ่ ใช้กำลังตลอดเลยนายเนี่ย'
'เด็กเนี่ยน้า'
ทั้งสี่คนต้องใช้เวลาอยู่บนขบวนรถไฟถึงสองวันเต็มกว่าจะถึงจุดหมายปลายทาง สัมภาระที่พวกเขาพกมานั้นมีเพียงเสื้อผ้าและของใช้ส่วนตัวสำหรับระหว่างเดินทางเท่านั้น เพราะสัมภาระส่วนใหญ่ได้ถูกส่งผ่านบริษัทขนส่งที่พ่อการ์ดสังกัดอยู่ไปถึงหอพักของพวกเขาแล้ว
... สองวันต่อมา ...
ช่วงเวลาเช้าตรู่ภายในขบวนรถไฟ
"ตื่นได้แล้วไกด์ เราใกล้ถึงเมืองโซลิสกันแล้ว" การ์ดปลุกเพื่อนขี้เซาของตน
"ขออีก 5 นาที..." เด็กชายงัวเงียไม่ยอมลุกขึ้นมา ก่อนจะมีหมอนลอยจากที่สูงปะทะเข้ากับใบหน้าของเขาอย่างจัง "โอ๊ย! ใครน่ะ!"
"ฉันเองย่ะ ลุกได้แล้วตาทึ่ม เดี๋ยวก็เก็บของไม่ทันหรอก" เกรสซึ่งจัดกระเป๋าอยู่บนเตียงชั้นบนเหนือการ์ดกล่าว
"ก็ได้..." ไกด์ยอมจำนนแต่โดยดี เขาลุกขึ้นขยี้ตาเล็กน้อยและมองออกไปนอกหน้าต่างเห็นวิวของเมืองขนาดใหญ่ยักษ์อยู่ที่สุดสายตา "โห! ใหญ่เป็นบ้า! นั่นคือเมืองโซลิสหรอ?"
"อื้อ ใช่แล้วล่ะ" การ์ดตอบ
"ถ้าเห็นแค่นี้ยังทึ่งนะ แกได้อ้าปากค้างตอนเข้าไปถึงมหาลัยแน่ๆ" เกรสเสริม "แต่ตอนนี้น่ะ เก็บกระเป๋าซะก่อน อีกไม่กี่ชั่วโมงเราก็จะถึงกันแล้วนะ"
ไกด์รีบจับข้าวของยัดลงกระเป๋าอย่างลวกๆ ตามคำพูดของเกรส เด็กหญิงเห็นดังนั้นก็ได้แต่ถอนหายใจแต่ก็ไม่ได้พูดอะไรต่อ
… 2 ชั่วโมงถัดมา ...
รถจักรไอน้ำจอดเทียบ ณ ชานชาลาของเมืองโซลิส ที่นี่ดูใหญ่โตโอฬารกว่าชานชาลาของเมืองไมอาอยู่มากโข เมื่อเด็กทั้งสี่ก้าวขาลงมาพวกเขาก็ต้องตื่นตากับผู้คนที่พลุกพล่านไปทั่ว
เมืองโซลิสนั้นถ้าเทียบกับเมืองไมอาแล้วน่าจะมีขนาดที่ใหญ่กว่าเกิน 10 เท่าได้ เรียกว่าทำเอาเมืองไมอาดูเหมือนหมู่บ้านเล็กๆ หมู่บ้านหนึ่งไปเลย
"โอ้โห... ถึงจะเห็นขนาดเมืองจากในรถไฟแล้วก็เถอะ แต่นี่มันใหญ่มากเลยนะเนี่ย เราจะไม่หลงทางกันใช่ปะ..." การ์ดทึ่ง
"ไม่หรอกน่า ปกติเมืองใหญ่ๆ แบบนี้เขาก็จะมีแผนที่บอกทางเป็นระยะๆ อยู่แล้ว แถมพวกเราก็จ้างรถลากไปส่งที่หน้ามหาวิทยาลัยโซลิสอยู่แล้วด้วย" เกรสกล่าวพลางมองหาป้ายบอกทางไปยังจุดขึ้นรถ "นู่นไง ทางนู้น"
เด็กทั้งสี่เดินลัดผู้คนไปตามป้ายบอกทาง ผ่านตัวสถานีรถไฟของเมืองโซลิสไปจนพบจุดที่รวมรถลากสำหรับรับส่งผู้สัญจรไปมายังเมืองโซลิสแห่งนี้
พวกเขาใช้เวลาครู่หนึ่งในการตามหารถลากที่พวกเขาติดต่อไว้ เพราะวันนี้คือวันปฐมนิเทศของมหาวิทยาลัยโซลิสจึงทำให้จำนวนของรถลาก ณ สถานีนี้มีมากกว่าปกติ
ระหว่างทางที่พวกการ์ดนั่งรถลากไปนั้น พวกเขาก็ได้สัมผัสถึงความคึกคักของเมืองที่แสนใหญ่โตนี้ เมืองนี้แตกต่างจากเมืองมาเทียสที่พวกเขาเคยไปเมื่อตอนเข้าค่าย เมืองมาเทียสนั้นเป็นเมืองท่องเที่ยวที่ท้องถนนเต็มไปด้วยการ์เดียนและรถลากสำหรับการเดินทาง ในขณะที่เมืองโซลิสแห่งนี้แน่นขนัดไปด้วยผู้คนที่ใช้ชีวิตและประกอบกิจการอยู่ที่นี่ มีร้านรวงประเภทต่างๆ ให้เห็นโดยทั่วไปไม่ว่าจะเป็นร้านขายวัตถุดิบอาหาร ร้านขายของชำ ร้านขายต้นไม้ ร้านเสื้อผ้า ร้านตัดผม และอะไรต่อมิอะไรอีกมากมาย
ประมาณครึ่งชั่วโมงให้หลังทั้งสี่คนก็มาถึงจุดหมายปลายทางของพวกเขา
"เข้าใจแล้วล่ะว่าทำไมต้องจ้างรถมารับ" ไนท์กล่าวระหว่างที่ก้าวขาลงมา
"อือ ถ้าไม่จ้างสงสัยเดินกันขาลากแหงๆ" การ์ดเห็นด้วย
"แถมจะไปปฐมนิเทศไม่ทันด้วยน่ะสิ เรื่องของเรื่อง" เกรสที่ลงมาเป็นคนสุดท้ายกล่าวเสริม
"นี่มันอะไรวะเนี่ย…" ไกด์ที่ลงรถมาก่อนใครเพื่อนยืนอ้าปากค้างกับกำแพงสูงชันตรงหน้าเขา
"แกไม่ได้เห็นกำแพงนี่มาตั้งแต่ในรถไฟแล้วรึไง?" เด็กหญิงถาม
"คือมันก็เห็นแล้วล่ะ แต่ไม่นึกว่ามันจะสูงขนาดนี้…"
ที่ตรงหน้าของทุกคนตอนนี้คือกำแพงหินหนาที่สูงขึ้นไปราวอาคาร 4 ชั้น มันสูงเสียยิ่งกว่าอาคารของโรงเรียนไมอาที่พวกเขาเคยเรียนเสียอีก
"ถ้ากำแพงยังสูงขนาดนี้ ไอ้พวกตึกข้างในที่มันสูงเลยกำแพงมานี่มันจะสูงขนาดไหนกันนะ..." ไกด์ยังคงยืนอึ้งและพูดกับตัวเองอยู่
"เอ้าไกด์ จะยืนอยู่ตรงนั้นอีกนานมั้ยเนี่ย เดี๋ยวก็สายหรอก นี่เราต้องเดินเข้าไปที่หอประชุมตรงกลางมหาวิทยาลัยอีกนะ" เกรสเรียกสติเพื่อนสนิท เธอกับการ์ดและไนท์เดินนำไกด์มาจนจะถึงทางเข้ามหาวิทยาลัยแล้ว
"เฮ้ย รอฉันด้วย!" เด็กหนุ่มรีบวิ่งตามเพื่อนๆ ไปทันที
"ขอดูจดหมายรับรองด้วยครับ" เจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัยด้านหน้าประตูซึ่งแลดูอายุไม่มากนักเอ่ยขึ้นเมื่อเห็นเด็กทั้งสี่เดินเข้ามาหา
"นี่ครับ" การ์ดยื่นจดหมายรับรองให้กับเจ้าหน้าที่ ตามมาด้วย เกรส ไนท์ และไกด์ตามลำดับ
จดหมายนี้คือจดหมายที่ทางมหาวิทยาลัยโซลิสส่งให้กับนักศึกษาใหม่ที่จะเข้ามาเรียนในปีการศึกษานี้ หากไม่มีจดหมายดังกล่าวบุคคลภายนอกจะไม่ได้รับอนุญาตให้เข้าไปด้านในมหาวิทยาลัยโดยเด็ดขาด
"เชิญครับ" หลังจากที่ตรวจสอบจดหมายอย่างถี่ถ้วนแล้ว เจ้าหน้าที่ก็คืนจดหมายให้กับเด็กทั้งสี่และผายมือไปยังทางเดินที่มุ่งหน้าเข้าสู่ด้านในกำแพง
ทันทีที่พ้นกำแพงซึ่งกั้นระหว่างเมืองและมหาวิทยาลัยโซลิสเอาไว้ทุกคนก็ต้องอึ้งกับสิ่งที่เห็นอีกครั้ง เพราะภายในรั้วมหาวิทยาลัยแห่งนี้คือภาพที่พวกเขาไม่อาจคาดถึงได้เลย
มหาวิทยาลัยโซลิสแบ่งพื้นที่ออกเป็น 5 ส่วนด้วยกัน 4 ใน 5 ของพื้นที่มหาวิทยาลัย ถูกเนรมิตให้เป็นเมืองสำหรับธาตุแต่ละธาตุโดยเฉพาะ
ทางทิศตะวันตกเฉียงเหนือคือเมืองของธาตุไฟ เมืองที่ดูร้อนแรงด้วยหอคอยสีแดงเพลิงสูง 5 ชั้นเป็นอาคารหลักตั้งอยู่สุดขอบเมือง รายล้อมด้วยอาคารชั้นเดียวเต็มพื้นที่ นอกจากร้านค้าที่อยู่ติดกับถนนเส้นหลักซึ่งแบ่งพื้นที่แต่ละส่วนของมหาวิทยาลัยออกจากกันแล้ว อาคารหลังอื่นๆ ก็ดูไม่มีสีสันเท่าไรนัก
ที่ทิศตะวันออกเฉียงเหนือเป็นเมืองสำหรับธาตุดิน ดูจากภายนอกแล้วเมืองฝั่งนี้ไม่ได้แตกต่างจากเมืองธาตุไฟมากนัก ร้านค้าติดถนนหลักเองก็ดูน้อยกว่าทางฝั่งธาตุไฟเสียด้วยซ้ำ แต่ที่เป็นแบบนั้นเพราะกิจการหลายอย่างของเมืองธาตุดินนั้นอยู่ภายในถ้ำขนาดใหญ่ที่อยู่ลึกลงไปด้านล่างนั่นเอง
เมืองธาตุน้ำอยู่ทางทิศตะวันออกเฉียงใต้ เมืองนี้มีความแตกต่างจากอีกสามเมืองอย่างชัดเจน เพราะนี่เป็นเพียงเมืองเดียวที่นอกจากถนนสัญจรทางเท้าตามปกติแล้วยังมีทางน้ำสำหรับผู้ใช้เวทน้ำให้สามารถสัญจรร่วมกับการ์เดียนของพวกเขาได้ด้วย และที่สุดขอบเมืองนั้นก็มีอาคารทรงโดมขนาดใหญ่ที่สูงไม่แพ้กำแพงที่ล้อมรอบมหาวิทยาลัยเอาไว้เลยทีเดียว
สุดท้ายคือเมืองธาตุลมซึ่งอยู่ ณ ทิศตะวันตกเฉียงใต้ เมืองนี้เองก็ให้ความรู้สึกที่แตกต่างออกไป เพราะเมืองนี้ไม่ได้ดูหนาแน่นไปด้วยอาคารต่างๆ อย่างสามเมืองก่อนหน้า เมืองฝั่งนี้เต็มไปด้วยพื้นที่โล่งและอาคารขนาดเล็ก แต่สิ่งที่สะดุดตาที่สุดคงไม่พ้นภูเขาสูงใหญ่ที่สุดขอบเมือง ซึ่งสามารถเห็นได้อย่างชัดเจนแม้มองจากด้านนอก ไม่เพียงเท่านั้นภายในพื้นที่ของเมืองธาตุลมยังมีผู้ใช้เวทและการ์เดียนของพวกเขาบินให้เห็นอยู่โดยทั่วไปอีกด้วย
และ ณ จุดศูนย์กลางของเมือง ก็คือพื้นที่ส่วนกลางซึ่งมีอาคารสำคัญต่างๆ ไม่ว่าจะเป็นหอประชุมใหญ่ ห้องสมุดกลาง ห้องพักคณะอาจารย์และเจ้าหน้าที่ รวมถึงหอพักนักเรียนและอาคารเรียนรวมต่างๆ ด้วย
"แย่แล้วทุกคน อีก 15 นาทีจะเริ่มปฐมนิเทศแล้ว!" เกรสกล่าวหลังจากที่ก้มดูเวลาในโทรศัพท์ของเธอ แต่ดูเหมือนว่าเพื่อนชายทั้งสามจะยังอึ้งกับภาพของมหาวิทยาลัยแห่งนี้อยู่จนไม่ได้ยินเธอ "เอ้า! ยืนเหม่ออะไรกันอยู่เนี่ยทุกคน!"
"ฮะๆ อะไรนะ?" ไนท์ที่ได้สติคนแรกถามขึ้นมาอีกครั้ง
"จะได้เวลาปฐมนิเทศแล้ว!"
"ว่าไงนะ!?" การ์ดตกใจและก้มลงดูเวลาบ้าง "วิ่งกันเถอะทุกคน"
ด้วยความเร่งรีบการ์ดจึงใช้เวทลมช่วยให้ทุกคนตัวเบาขึ้นและเตรียมที่จะออกวิ่งแต่ดูเหมือนว่าไกด์จะยังไม่รู้สึกตัว
"เลิกเหม่อได้แล้วไกด์เราต้องไปกันแล้ว" เด็กหนุ่มคว้าแขนเพื่อนสนิทของเขาก่อนที่ทุกคนจะพากันวิ่งไปตามถนนเส้นหลักเพื่อมุ่งหน้าสู่หอประชุมที่อยู่ ณ ใจกลางมหาวิทยาลัยแห่งนี้