webnovel

Love Whisper กระซิบรักข้ามกาลเวลา

Author: ysozerious
Fantasy
Ongoing · 2K Views
  • 2 Chs
    Content
  • ratings
  • NO.200+
    SUPPORT
Synopsis

ด้วยความฉลาดแต่หัวรั้นของหญิงสาว ส่งผลให้สมาชิกทีมเกิดความหมั่นไส้และทิ้งเธอไว้ที่เกาะประหลาดกลางทะเล พอตกดึกเธอก็พบว่าตัวเองได้ย้อนเวลากลับมาในอดีตเมื่อหลายร้อยปีที่แล้ว แถมยังถูกไล่ล่าจากกลุ่มชายฉกรรจ์อาวุธครบมือ เธอจะสามารถมีชีวิตรอดไปได้หรือไม่...โปรดติดตาม

Chapter 1ตอนที่ 1

- เช้ามืดวันนี้ได้เกิดเหตุการณ์ประหลาด มีเกาะลึกลับโผล่ขึ้นที่ใจกลางแม่น้ำ ห่างจากชายฝั่งประมาณ 10 กิโลเมตร สามารถมองเห็นได้ด้วยตาเปล่าจากชายฝั่ง นักวิชาการคาดการณ์ว่าน่าจะเกิดจากปรากฏการณ์ลานีญา ส่งผลให้น้ำในแม่น้ำแห้งขอดลงไปจนมองเห็นพื้นดินที่เคยจมอยู่ใต้ผิวน้ำบริเวณดังกล่าว แต่ก็มีคนบางกลุ่มที่ยังคงเชื่อว่าเป็นเรื่องเหนือธรรมชาติอย่างแท้จริง จึงได้จัดตั้งกลุ่มตัวแทนขึ้น และลงไปสำรวจร่วมกับคนในพื้นที่ เพื่อให้ได้คำตอบที่ชัดเจนแก่ทุกฝ่าย - 

สำนักข่าวได้รายงานสถานการณ์ประหลาดที่กำลังเกิดขึ้น และกำลังเป็นที่จับตามองของคนจำนวนมากถึงสิ่งที่จะเกิดขึ้นต่อจากนี้ บ้างก็คาดเดาไปว่าโลกใกล้จะแตก บ้างก็ว่าเอเลียนบุกโลก รวมถึงกลุ่มคนอีกไม่น้อยที่ต้องการเข้าไปยังพื้นที่ที่กำลังเป็นข่าว ทั้งเป็นความรู้ ความบันเทิง หรือเพื่อความกระสันส่วนตัว ไม่ว่าจะด้วยเหตุผลอะไรก็ล้วนแต่ไม่ได้รับความเห็นชอบและยินยอมจากคนพื้นที่ ยกเว้นกลุ่มสำรวจกลุ่มหนึ่งที่เรียกตัวเองว่า 'ผู้พิชิตความไม่รู้' ที่ได้ออกในรายงานข่าวว่าได้รับความร่วมมือจากคนในพื้นที่ เพราะไม่เพียงแค่เป็นกลุ่มสำรวจ แต่ยังเป็นถึงสมาคมผู้ชอบความลึกลับแห่งประเทศ จึงได้เครดิตความน่าเชื่อถือว่าจะไม่บิดเบือนความจริงและอีกหลายๆข้อตกลงที่ได้ทำขึ้นกับชาวบ้าน

"ลงเรืออย่าลืมใส่ชูชีพกันนะทุกคน"

เสียงหนึ่งในผู้นำกลุ่มสำรวจพูดขึ้น

"ประมาณ 20 นาที ก็ถึงเกาะแล้ว ไม่เป็นไรหรอก"

หญิงสาวคนหนึ่งพูดสวน ก่อนจะเดินไปนั่งลงที่หัวเรือโดยไม่สวมชูชีพตามที่ผู้นำกลุ่มได้บอกไปก่อนหน้า 

เธอยืดตัวสูดหายใจเอาบรรยากาศที่สดชื่นเข้าปอดอย่างอารมณ์ดี เสียงท้องเรือแล่นกระทบคลื่นน้ำเป็นจังหวะ สายลมพัดโชยเอาละอองน้ำเข้ากระทบใบหน้า

"อื้อหือ กลิ่นอย่างนี้ ไม่พ้นสิวแน่ๆ"

เธอพูดพรางล้วงหยิบผ้าเช็ดหน้าขึ้นซับเอาน้ำที่เปียกบนใบหน้าออก 

"ถ้าตกเรือไม่มีชูชีพ ต่อให้ว่ายน้ำเก่งก็จมได้นะ"

"จ้าแม่"

หนึ่งในสมาชิกผู้หวังดีได้พยายามเตือนเธอเป็นครั้งที่สอง แต่ก็ดูจะไม่เป็นผล เธอหันมาตอบกลับและยังคงทีท่าไม่ใส่ใจอยู่ตามเดิม

"ถ้าไม่ใช่ผู้ร่วมก่อตั้งสมาคม ฉันหยุมหัวนางไปนานละ"

"เรื่องดื้อต้องให้เขาเลยจริงๆ"

เหล่าสมาชิกกระซิบคุยกันเสียงเบา

"เรื่องอื่นน่ะดีหมดเลยนะ ทั้งหน้าตาอาชีพการงาน ฉลาด นิสัยก็ดี แต่ชอบทำเป็นเก่งตรงนี้แหละที่ไม่โอเค จะพลอยพาคนอื่นเดือดร้อนไปด้วย"

"ฉู่~ เสียงดังเกินไปแล้ว"

"เสียงคลื่นดังจะตาย ไม่ได้ยินหรอก"

"อายุปูนนี้แล้วยังหาผัวไม่ได้ ถ้าแกล้งบอบบางสักหน่อยผู้ชายคงลุมตอมทั้งตำบล" 

"คนเราก็ต้องมีข้อเสียกันบ้าง อย่าถือสาเลย"

ชายหนุ่มคนหนึ่งพูดขึ้นกลางวงสนทนา

"พี่การันต์ สวัสดีค่ะ/ครับ"

"ก็พี่ให้ท้ายเขาแบบนี้ไง ถ้าบอกว่าชอบพี่เพล ผมจะไม่ตกใจเลย"

"บ้าเหรอ อะไรแบบนี้อย่าเอามาพูดเล่น ผู้หญิงเขาเสียหาย"

ชายหนุ่มพูดไปยิ้มไป พรางยกมือขึ้นลูบต้นคอแก้เขิน

"ยิ้มไม่หุบขนาดนี้ พี่ไปขอเขาแต่งงานเลยเถอะ อายุก็ไม่น้อยแล้วรีบเป็นฝั่งเป็นฝาสักที แก่ตัวไปไม่มีใครดูแลนะ"

หญิงสาวอีกคนที่ร่วมวงสนทนาอยู่ก่อนแล้วพูดขึ้น

"ยัยการิน เธอไงที่ต้องเลี้ยงพี่"

"โนค่ะ ฉันต้องเลี้ยงผู้ชายอีกเยอะแยะ ไม่มีเวลามาเลี้ยงพี่หรอก" 

จับกลุ่มพูดคุยกันอยู่พักใหญ่ก็มาถึงยังจุดหมายปลายทางที่ตั้งใจไว้

"พี่เพลรอก่อน!" 

เสียงร้องตะโกนไล่หลังของหนึ่งในสมาชิกไม่สามารถทำให้หญิงสาวที่โหยหาความแปลกใหม่หยุดลงได้ 

"ไปแล้วเหรอ?"

การันต์ถามขึ้น

"เรือยังไม่ทันเทียบดีก็หยิบเป้กระโจนลงไปโน้นแล้ว"

ชายหนุ่มได้ฟังคำตอบก็หัวเราะออกมาเบาๆอย่างอารมณ์ดี ก่อนจะรีบเดินตามไป

"อย่างนี้ต้องแก้เผ็ดซะให้เข็ด"

"ต้องโดนดัดนิสัยซะบ้างคนแบบนี้"

"นั่นน่ะสิ ถ้าไม่ทำงานเป็นทีมแล้วจะมาเข้าสมาคมทำไม"

เหล่าสมาชิกพูดคุยกันขณะกำลังยกเครื่องไม้เครื่องมือลงจากเรือ

เวลาผ่านไปดังที่โบราณว่า 'เวลาแห่งความสุขย่อมผ่านไปเร็วเสมอ' ช่วงเวลาโพล้เพล้มาถึง ท้องฟ้าสดใสยามเช้า ตอนนี้ถูกฉาบไปด้วยสีส้มของแสงอาทิตย์ยามเย็นที่กำลังจะลาลับขอบฟ้า เหล่าผู้ร่วมสำรวจก็ช่วยกันเก็บของยกของขึ้นเรือเพื่อเตรียมตัวกลับชายฝั่ง สมาชิกกลุ่มก็ค่อยๆทะยอยกลับมาจากการสำรวจและขึ้นเรือไปจนเกือบหมด 

"เพลล่ะ?"

สมาชิกคนหนึ่งถามขึ้น

"อะ..เอ่อ พี่เพล ยะ..ยัง"

"พี่เพลเหรอคะ เห็นบอกว่าเพลียแดดเลยเข้าไปพักที่ห้องใต้เรือสักพักแล้วค่ะ"

สมาชิกคนแรกยังไม่ทันจะได้พูดจนจบ ก็ถูกอีกคนพูดขัดขึ้นซะก่อน 

"โอเค ถ้าคนครบแล้วก็ออกเรือได้เลยนะ"

พอพูดจบก็เดินหายเข้าไปใต้เรืออีกคน ไม่นานเรือก็ค่อยๆถอนสมอและเคลื่อนตัวออกจากเกาะอย่างช้าๆ ทันใดนั้นก็มีเสียงร้องตะโกนของหญิงสาวดังไล่หลังมาจากเกาะ แต่ก็ช้าไปเสียแล้ว เรือได้แล่นออกมาไกลเกินกว่าจะสังเกตุเห็นการเคลื่อนไหวบนเกาะได้ รวมถึงเสียงคลื่นและเสียงเครื่องยนต์ก็ดังกลบเสียงร้องตะโกนไปจนหมดสิ้น

"ฉันยังอยู่บนเกาะนะ"

หญิงสาวเข่าอ่อนทรุดลงกองกับพื้น คลื่นซัดฝั่งสาดน้ำกระเซ็นจนเปียกไปทั้งตัว เธอนั่งเหม่อลอยไร้สติอยู่พักใหญ่ หวังให้หัวเรือหันกลับมา จนพระอาทิตย์ลาลับขอบฟ้าความมืดเข้าปกคลุมพื้นที่ เธอจึงรวบรวมสติลุกขึ้นเดินกลับเข้าไปข้างในเกาะเพื่อรับมือกับค่ำคืนที่แสนยาวนาน 

เกาะที่จมอยู่ใต้น้ำเป็นเวลานาน ไม่สามารถหากิ่งไม้หรือเชื้อเพลิงมาก่อไฟให้ความอบอุ่นแก่ร่างกายได้ หญิงสาวจึงหาช่องเล็กๆเพื่อเข้าไปหลบบรรเทาความหนาวจากลมในตอนกลางคืน 

"ฉันจะมาตายที่นี่งั้นเหรอ"

หญิงสาวสวมกอดร่างกายที่เปียกและสั่นเทาด้วยความหนาว เธอกระชับอ้อมกอดแน่นขึ้นเพื่อให้ความอบอุ่นและปลอบใจตัวเอง พยายามข่มตาให้หลับเพื่อให้ร่างกายได้พักผ่อนจากเรื่องราวที่หนักหน่วง 

ในขณะที่กำลังกึ่งหลับกึ่งตื่น ก็มีเสียงบางอย่างแว่วมาแต่ไกล เป็นเสียงฝีเท้าของคนจำนวนมาก แถมยังมีเสียงตะโกนโหวกแหวกดังระงมไปทั่ว หญิงสาวสะลึมสะลือลืมตาตื่นพลันนึกขึ้นได้ว่าอาจจะเป็นเพื่อนๆของเธอมาตามหาก็เป็นได้ เมื่อคิดได้ดังนั้นก็พุ่งตัวถลาออกไปอย่างรวดเร็ว พร้อมร้องตะโกนตอบกลับอย่างบ้าคลั่ง

"ฉันอยู่ทางนี้!!! ช่วยด้วย…ทางนี้!!"

หญิงสาวตะโกนจนแทบหมดเสียง ทันใดนั้นกลุ่มชายฉกรรจ์พร้อมอาวุธในมือมากมายก็เข้ามาตีวงโอบล้อมขวางด้านหน้าของเธอไว้จนไม่เหลือช่องว่างให้ไปต่อ จะถอยหลังก็ติดซากหินโสโครกขนาดใหญ่

"นี่มันอะไรกัน?"

"จับตัวมัน!!"

เธอยังไม่ทันจะได้เอ่ยปากถามออกไปดีๆ ก็มีเสียงตะโกนดังขึ้นจากทางด้านหลังไกลๆให้จับตัวเธอไว้ เมื่อนั้นสัญชาตญาณในการเอาตัวรอดก็ถูกจุดขึ้น หญิงสาวย่อตัวลงสไลด์รอดผ่านช่องหว่างขาด้านซ้ายออกมา ก่อนจะวิ่งอ้อมไปด้านหลังโขดหินที่เป็นทางราดลง เธอก็ทิ้งตัวเก็บคองอเข่าไหลลงไปจนสุดปลายทาง ก็กระแทกเข้ากับขอนไม้ลำใหญ่ยักษ์ที่ล้มขวางทางอยู่ จู่ๆความคิดบ้าบิ่นก็ผุดขึ้นในหัว หญิงสาวพาร่างบอบช้ำมุดแทรกเข้าไปในขอนไม้ยักษ์ที่ข้างในกลวงโบ๋เพื่อหลบจากสายตาของพวกที่ไล่ตามมา ดูเหมือนบุญมีแต่กรรมจะบัง กระเป๋าเป้ของเธอดันตกอยู่นอกโพลงไม้ เมื่อมองดูจนแน่ใจแล้วว่าไม่มีใครตามมาทางนี้ เธอจึงค่อยๆดันตัวออกมา และในจังหวะนั้นเองเธอก็รู้สึกเหมือนถูกอะไรลวกเข้าที่ขา มันทั้งชาและแสบร้อนเหมือนโดนไฟไหม้ พอก้มลงมองดูที่ต้นเหตุก็ถึงกับเก็บอาการตกใจไว้ไม่อยู่

"ขาฉัน! หดสั้นลง!"

ใกล้ๆกันนั้นมีแมงป่องตัวเล็กสีทองที่โดนขาทับอยู่ แต่หญิงสาวกลับโฟกัสผิดจุด ทันทีที่เห็นว่าขาสั้นลงเธอก็จับคลำสำรวจลำตัวขึ้นไปถึงหัวและใบหน้า เธอคว้ากระเป๋าหมายจะไปส่องดูที่เงาสะท้อนของผิวน้ำ แต่ความรู้สึกที่ขาตอนนี้ได้หายไปเสียแล้ว เธอล้มลงหน้าคะมำพื้น แต่ก็ยังกัดฟันใช้มือดันลากตัวไปอย่างทุลักทุเล 

"ช่วย..ด้วย ชะ…ช่วยด้วย"

หญิงสาวครวญครางด้วยความเจ็บปวด อาการชาไร้ความรู้สึกเริ่มกินขึ้นมาจนถึงต้นขาพร้อมกับความรู้สึกปวดแสบปวดร้อน น้ำตาไหลเอ่อนองใบหน้าจนตาพร่าไม่เห็นทาง ก่อนจะหมดสติลงเพราะทนความเจ็บปวดไม่ไหว ไม่นานเหล่าชายฉกรรจ์ก็ตามมาทัน

"แม่หนูนี่ดูท่าจะโดนแมงพิษต่อยเข้าแล้ว ขาบวมเป่งเลย"

"เอาไงดี"

เหล่าชายฉกรรจ์ต่างพากันใช้เท้าเตะๆเขี่ยๆหญิงสาวที่ไร้สติราวกับขยะเปียก

"เอายาให้มันกิน แล้วพากลับไป"

ชายหน้าเข้มคนหนึ่งเดินแหวกฝ่ากลุ่มคนออกมา ท่าทางเหมือนเป็นผู้นำที่ออกคำสั่งในตอนแรก

ระหว่างทางที่กำลังถูกพาตัวไปเธอก็ได้สติขึ้นมา แต่ยังคงมีอาการมึนๆตึงๆคล้ายคนเมาเหล้า แต่ที่น่าประหลาดคือเธอเพิ่งสังเกตุว่าภูมิประเทศมันเปลี่ยนไป จากเดิมที่ควรจะเป็นซากโบราณจมน้ำ ตอนนี้มันกลับกลายเป็นพื้นดินที่อุดมสมบูรณ์ มีป่าไม้ มีภูเขา หรือจะเป็นเพราะเธอเห็นภาพหลอน หรือเธออาจจะตายไปแล้วก็เป็นได้

You May Also Like

เครื่องบรรณาการของเทพงู - เล่ม 1 [TH] (รีอัพ+ย้ายนามปากกา)

เครื่องบรรณาการของเทพงู 蛇神之致敬 เล่ม 1 [ Tribute of the Serpent ] [เวอร์ชันภาษาไทย] โปรย : 简介 ในวสันตฤดูเดือนยี่ เวียนครบรอบในทุกสิบสองปี เป็นปีที่มนุษย์จะเข้าใกล้โลกของเหล่าทวยเทพมากที่สุด เจ้าสาวของท่านเทพหลงเหนียนได้รับการคัดเลือกแล้วในปีนี้ อาเป้ย ไม่เห็นด้วยกับการส่งเครื่องสังเวยแด่เทพ นางไม่เคยยินยอม! นางเพิ่งอายุสิบแปดปีไม่กี่วันมานี้โดยที่นางไม่เคยได้มีชีวิตเป็นของตนเองเลย นางไม่เคยได้ปิ่นปักผมเยี่ยงสตรี นาน ๆ ครั้งนานนางจะได้กินอาหารดี ๆ แล้วนี่มันเรื่องอะไร! ท่านเจ้าเมืองผู้สูงศักดิ์ผู้ปกครองแคว้นทั้งสิบหกแคว้น ทั้งที่ปกติจะมีธุระยุ่งวุ่นวายตลอดเวลา ยังอุตส่าห์มาส่งนางด้วยตนเอง พร้อมทั้งทหารองครักษ์ผู้เป็นจอมยุทธฝีมือเก่งฉกาจหกนาย ถืออาวุธครบมือเพื่อมาคุ้มครองนางไปส่งให้ถึงมือท่านเทพ "ไปเถิด บัดนี้ก็ถึงเวลาของเจ้าแล้ว เจ้าจะได้ไปอยู่กับเหล่าทวยเทพ เพื่อเป็นเกียรติยศแก่บ้านเมืองและบิดามารดาของเจ้า การที่เจ้าเป็นสตรีจิตใจกล้าหาญยอมเป็นผู้เสียสละในวันนี้ ขอให้เจ้าจงภูมิใจ ข้าเองก็จะไม่ลืมเจ้าเช่นกัน... อาเป้ย" "ท่านคงไม่ลืมข้าแน่ล่ะใต้เท้า ข้าทราบดีว่าเส้นทางนี้มิใช่ไปเป็นเจ้าสาวของทวยเทพแต่อย่างใด ข้ากำลังจะไปเป็นอาหารงูต่างหาก" --------------------------- เรื่องราวการเสียสละของเครื่องบรรณาการ ผู้กลายมาเป็นสมบัติเทพปีศาจในเทวโลก --------------------------- "ดู ๆ ไปแล้ว... เจ้าในยามป่วยไข้ช่างงดงามนัก ยิ่งเสียกว่าพัดสีทอง น้ำเต้าวิเศษ กระจกหยินหยาง ข้าว่ามีสิ่งของหลายอย่างที่ข้าโปรดปราน ข้ามีของหายากอีกหลายชิ้น การที่เจ้าผ่ายผอมไปสักหน่อย ไม่ใช่ปัญหา..." เสียงของบุรุษเทพดังก้องในห้องสี่เหลี่ยม ประตูหน้าต่างเปิดกว้างให้ลมพัดผ่าน งูสีนิลสนิทเลื้อยคลานมากระซิบอยู่ข้างหูของนาง "...อย่างไรเสีย ข้าขอให้เจ้าเข้าใจว่าข้าไม่ได้คิดอะไรมากไปกว่าการที่เจ้าเป็นสมบัติชิ้นหนึ่ง หาใช่สตรีของข้าแต่อย่างใด" แล้วเหตุใดท่านต้องเอาอกเอาใจนาง ขนาดใต้เท้าจีกงและนางฟางเหนียงเอ่ยปากตำหนิว่าบุรุษไม่ควรอยู่ในห้องนอนตามลำพังกับสตรีซึ่งมิใช่ภริยาของตน และอาเป้ยมิใช่สมบัติธรรมดา นางมีใบหน้าอันงดงามมากพอจะทำให้ท่านกลายเป็นข่าวฉาวในเทวโลกได้ เทพอู่เฉินก็หาได้ฟังผู้ใหญ่ จำแลงกายเป็นอสรพิษ เปิดประตูหน้าต่างทุกบานอย่างเปิดเผย คอยเฝ้านางอย่างไม่ให้คลาดสายตา จะมีเพียงเวลาที่สตรีทั้งสองเข้ามาเปลี่ยนเสื้อผ้าให้นางเท่านั้น เทพอู่เฉินถึงออกไปยืนรอด้านนอกในร่างบุรุษ อาเป้ยคิดถึงบุรุษเทพปีศาจยามนี้ นางคิดว่าสมองของท่านน่าจะไม่ปรกติ "ข้าว่าข้าคงจะเป็นสมบัติที่ท่านโปรดปรานมากที่สุด มากกว่าชิ้นใด ท่านจึงหวงแหนข้าถึงเพียงนี้ ไม่เช่นนั้นข้าคงเข้าใจผิดไปว่าท่านเป็นบุรุษเทพประหลาด การกระทำของท่านจึงมักขัดแย้งกันเองอยู่เสมอ" "เจ้าควรพักผ่อนให้มากกว่าพูดจาหยอกล้อกับข้า อาเป้ย ข้าไม่ใช่มิตรสหายของเจ้า" นางกำลังยิ้ม! หัวเราะเทพอู่เฉินด้วยเสียงแหบแห้งของนางอย่างไม่มีผู้ใดหาญกล้ากระทำมันมาก่อน ดวงตาเรียวรีของนางราวจิ้งจอกเจ้าเล่ห์ จิ้งจอกไม่ว่าจะตระกูลไหน ล้วนมีนิสัยเช่นนางในเวลานี้ นางช่างทำตัวขวางหูขวางตา ทว่านำพาความรู้สึกชุ่มชื้นหัวใจอย่างน่าประหลาด เทพอู่เฉินนึกขัดหูขัดตานางนัก ทว่ายังคงจ้องมองดวงตากลมโต สดใสราวดอกไม้ผลิบานในสวนของทวยเทพ ในร่างอสรพิษ ชูคอตระหง่านอยู่ตรงหน้านาง "ใช่แล้วล่ะ... เป็นบุญของข้ายิ่งนัก ได้เป็นสมบัติอันโปรดปรานของท่าน... เทพอู่เฉิน"

ManGu_Author · Fantasy
Not enough ratings
36 Chs