webnovel

ตอนที่27.

ภายในหอประชุมลดความวุ่นวายตรงช่วงกลางของแถวที่นั่ง เนื่องจากมีการแทรกเก้าอี้และปรับเปลี่ยนพื้นที่นั่ง ตรงกลางสุดยังคงเป็นหนึ่งร้อยสามเสาหลักและอาจารย์ระดับสูงของมหาลัย ตามด้วยลำดับกิลด์และตระกูล แต่ครานี้มีอีกหนึ่งกิลด์ที่โผล่ออกมา แม้จะเป็นกิลด์ลูกของกิลด์อันดับหนึ่งก็ตาม

พื้นที่นั่งของกิลด์ตำหนักเทพอสูรได้ถูกจัดวางเคียงข้างกิลด์หมื่นดาบ มีเทียบเชิญการประชุมทั้งสิบห้าคนเช่นเดียวกับสิบกิลด์ติดอันดับโลกตั้งแต่หนึ่งถึงสิบ ส่วนระดับต่ำกว่านั้นผู้เข้าร่วมจะลดลงไปเรื่อยๆ และจบอยู่ที่สามคนต่อกิลด์หรือต่อตระกูล

เกาเทียนเย่ในฐานะผู้ดูแลกิลด์ตำหนักเทพอสูรเลยดึงตัวคนเก่งๆ สิบสองคนให้ร่วมประชุมครั้งนี้ แถมยังมาตั้งแต่เช้าเพื่อตรวจเช็คความเรียบร้อย ซึ่งทางฝั่งกิลด์หมื่นดาบก็เป็นเสวียนอวี้ที่ลงมาดูแล

ไม่นานหัวหน้ากิลด์ของพวกเขาก็เดินทางมาถึง หลงจือหยางกุมมือเยว่ชิงเดินมาถึงบริเวณที่นั่ง ก่อนจะเอ่ยทักทายกันตามปกติหลงจือหยางก็แค่พยักหน้าเสวียนอวี้ก็เข้าใจ ส่วนเยว่ชิงเอ่ยทักทายทุกคนก็ยืนลูบหัวจิวอิงที่ทุกวันนี้ไม่ผอมแห้งเหมือนเดิม

"ดีจริงๆ ต่อไปนี้จิวอิงของพี่จะได้จับเต็มไม้เต็มมือ"จิวอิงยิ้มอย่างสดใส คงต้องขอบคุณไก่ทอดที่กินได้ไม่อั้นแถมยังเอากลับบ้านไปให้สองแฝดอีก เรียกได้ว่าสามพี่น้องไม่แท้มีกินอิ่มทุกวัน ไม่ต้องพึ่งพาข้าวต้มกับผัดผักอีกต่อไป

"ขอบคุณครับ ถ้าไม่มีพี่ ผมก็คงไม่มีวันนี้"เยว่ชิงลูบหัวคนน้องเบาๆ ก่อนจะพาไปนั่งที่เก้าอี้แล้วพูดคุย หลงจือหยางไม่ได้เอ่ยแทรกแต่อย่างใดกลับเดินตามคนรักต้อยๆ เมื่ออีกฝ่ายนั่งลงเขาก็เลือกนั่งเก้าอี้ข้างๆ กอบกุมมือเยว่ชิงไว้ตลอดโดยไม่ปล่อย

ถึงมือข้างนั้นก็ลูบหัวจิวอิงไปแต่มือข้างนี้เขาไม่ปล่อยหรอก คนเป็นแฟนก็ต้องได้มากกว่าสิ จริงไหม?

"ให้มันน้อยๆ หน่อย"เสวียนอวี้กระแทกศอกใส่หลงจือหยาง หยุดทำหน้าเหมือนเยว่ชิงคุยกับชู้สักที เด็กจิวอิงนั่นก็ของเขาแล้วจะหึงทำพระแสงอะไร

"แกจะไปเข้าใจอะไร ไม่มีสถานะอะไรสักหน่อย"พูดจบก็เหยียดหยามไปหนึ่ง เสวียนอวี้คิ้วกระตุก ก็เข้าใจได้นะว่านิสัยแท้จริงของหลงจือหยางไม่ใช่บุรุษที่แสนดีอย่างที่คนอื่นเข้าใจ ออกจะเป็นตัวร้ายเจ้าแผนการเลยก็ว่าได้ แต่นี่ก็เพื่อนไหมล่ะ จำเป็นต้องหยามขนาดนี้เลย

"เหอะ คอยดูตอนมีลูกแล้วกัน ฉันจะมีให้มากกว่าแก"เสวียนอวี้กล่าวอย่างไม่ยอมแพ้ เขาขุนเจ้าเด็กจิวอิงจนร่างกายสมบูรณ์เพื่อรอวันข้างหน้าเชียวนะ คอยดูเถอะ ฮึ่ม!

"เหอะ แกมีเท่าไหร่ฉันจะมีคูณสองเลยคอยดู"หลงจือหยางตอบกลับอย่างมั่นใจ ถ้ามันมีสิบเขาก็จะมียี่สิบ

"จะบอกให้นะเรื่องความแข็งแกร่งฉันไม่แพ้แกหรอกโว้ย"เสวียนอวี้ตบปุๆที่หน้าอกตัวเอง หลงจือหยางร้องเหอะก่อนจะเอ่ยออกมาบ้าง

"เหอะ คนที่เฟอร์เฟคที่สุดในโลกอย่างฉันไม่ได้มีดีแค่ที่เอวหรอกนะ"เยว่ชิงและจิวอิงหยุดชะงัก อะไรคือจุดเริ่มต้นที่ทำให้สองหนุ่มมาถึงตรงนี้กัน

เกาเทียนเย่และสมาชิกเกอทั้งสิบสองคนได้แต่กรอกตามองบนแล้วแบะปาก งานแต่งยังไม่ได้จัดก็คิดจะแข่งกันปั้มลูก หอยังไม่ได้เข้าก็ขิงกันใหญ่โต ทำไมพวกเขาต้องมาอยู่ท่ามกลางผู้ชายขี้ขิงที่ยังไม่ได้เมียเป็นตัวเป็นตนกันนะ

ทั้งสิบสองคนส่งสายตาเห็นใจให้กันและกัน ความเฟอร์เฟคของห้าหนุ่มที่เคยคาดคิดมันพังทลายลง ยกเว้นคนหนึ่งที่พวกเขาไม่ค่อยได้เจอ หนึ่งในห้าคนที่เป็นคนสำคัญของหลงจือหยาง เป็นเพื่อนที่หลงจือหยางอุปการะคนแรก และมีข่าวลือว่าครอบครัวเก่าของเพื่อนคนนี้

พบเจอหายนะไม่มีที่สิ้นสุด ว่ากันว่าอาวุธอีกฝ่ายเกี่ยวกับคำสาป

ผู้คนทยอยเข้าหอประชุมมากขึ้น แน่นอนว่าดาวเด่นของวันยังคงเป็นหลงจือหยางที่ได้รับการทักทายและพูดคุยด้วยมากที่สุด จนเยว่ชิงได้รู้จักคนอื่นๆ มากขึ้น อันเนื่องมาจากหลงจือหยางจะแนะนำเยว่ชิงกับคนอื่นๆ และแนะนำคนอื่นๆ ให้กับเยว่ชิง

โดยจะแบ่งพวกเขาตามลักษณะคำพูดของหลงจือหยาง จะแบ่งออกเป็นสองแบบหลักๆ คือคนแบบนี้คบได้ คนแบบนี้ควรหลีกเลี่ยง

แถมระยะหลังๆ ก็เป็นสตรีหลายคนที่ตามตระกูลมาเข้าร่วมได้เข้ามาทักทาย ขอบคุณตั้งแต่ช่วงสงครามที่หลงจือหยางปกป้อง แน่นอนว่าเยว่ชิงก็หวงนิดๆ หลงจือหยางปกป้องทุกคนดันมีแต่สตรีที่ขอบคุณเก่ง

ซึ่งเยว่ชิงก็ไม่เข้าใจว่าทำไมต้องยึดติดกับคนรักเขาขนาดนั้น ขนาดเยว่ชิงรักมาตั้งแปดปียังได้แต่มองห่างๆ แค่นั้นก็มีความสุข ไม่ดิ้นรนเข้าไปในชีวิตอีกฝ่ายเพราะกลัวจะรำคาญ ถ้าไม่มีระบบละก็ เยว่ชิงจะหยุดรักหลงจือหยางให้ได้เลย

คิดว่าน่าจะทำได้ละนะ....

บนโต๊ะตัวยาวเต็มไปด้วยของกินจากการสั่งของหลงจือหยาง แน่นอนว่าเป็นแบบเดิมที่เกอหลายคนถูกสตรีแย่งงานตรงส่วนนี้ไป เยว่ชิงจะต้องคอยมองสตรีที่สับเปลี่ยนกันมา

เขายังนั่งอยู่ข้างๆหลงจือหยางนะ เห็นกันบ้างรึเปล่า แต่ถึงอย่างนั้นเยว่ชิงก็ไม่มีท่าทีหึงหวงออกนอกหน้าแต่อย่างใด ในเมื่อคนรักของเขามีเขาแค่คนเดียว อีกฝ่ายจิตใจหนักแน่นเสียขนาดนั้น นอกจากเยว่ชิงจะเชื่อมั่นในตัวคนรักแล้ว เขายังเชื่อใจอีกฝ่ายด้วย

"อ้าปาก"หลงจือหยางจิ้มเอ็นหมูทอดก่อนจะบอกกับเยว่ชิงที่นั่งหน้านิ่ง ในฐานะคนรักที่อยู่ด้วยกันย่อมสัมผัสได้ว่าจิ้งจอกน้อยอารมณ์ไม่ดี

"เร็วเข้าเด็กดี เห็นนั่นไหม เขาจะกินพี่แล้ว"หลงจือหยางกระซิบแล้วชี้ไปที่เจ้าหญิงจากหลากหลายประเทศที่มองมา เยว่ชิงอ้าปากกว้างก่อนจะงับแล้วเคี้ยว

"คนเจ้าเล่ห์"เยว่ชิงชะงักเมื่อตัวเองตกหลุมพรางอีกฝ่าย คนอย่างหลงจือหยางนะเหรอจะสนสายตาสตรีที่จะจับตัวเองกิน

"ถ้าเป็นเมื่อก่อนพี่คงเมินเฉยไม่สนใจใคร แต่ตอนนี้พี่มีเธอก็อยากอวดแค่นั้นเอง"หลงจือหยางยักไหล่ ใครให้แฟนเขาน่ารักเล่าแบบนี้ก็อดใจไม่ไหวนะสิ อยากประกาศให้โลกรู้จริงๆ  ถึงแม้จะรู้กันทั้งโลกแล้วก็ตาม ว่าจิ้งจอกน้อยของเขาน่ารักที่สุดในโลก

"ฮึ่ย"เยว่ชิงสะบัดหน้าหนี หลบใบหน้าร้อนๆของตัวเองแต่หารู้ไม่ ใบหูของตัวเองแสดงอาการออกไปจนหมด

เมื่อครบองค์ประชุม ทางร้อยสามเสาหลักก็เริ่มบรรยายและแบ่งแยกหน้าที่จากหลากหลายฝ่ายทันที โดยมีการควบคุมจากทางร้อยสามเสาหลักเป็นผู้ดูแล เพื่อไม่ให้เกิดข้อผิดพลาดใดๆ

"กิลด์อันดับหนึ่งในประเทศตัวเองจะรับผิดชอบพื้นที่เมืองหลวง ในส่วนของเมืองอื่นๆก็ให้กิลด์ลำดับถัดไปคอยดูแล ยกเว้นประเทศเอสที่มีทั้งกิลด์อันดับหนึ่งและสองของโลก เพราะงั้นพื้นที่หอคอยทั้งหมดจะตกเป็นของกิลด์หมื่นดาบเป็นผู้ดูแล"

ผู้ประกาศผายมือไปยังหลงจือหยางที่นั่งกอดอกนิ่ง แน่นอนว่าทุกสายตาก็ต้องตามมา ในพื้นที่หอคอยนับว่ามีขนาดกว้างกว่าทุกประเทศ โอกาสเกิดดันเจี้ยนก็มากตามซึ่งมันรวมถึงผลประโยชน์ด้วย

"พื้นที่หอคอยนี้ยังรวมถึงพื้นที่ป่ารอบด้านที่ติดเขตกับประเทศอื่นๆเพราะเป็นกิลด์ใหญ่และมีกิลด์รองอย่างกิลด์ตำหนักเทพอสูร"เยว่ชิงพยักหน้ารับหลังจากอีกฝ่ายมองมา ตราบใดที่มีสัตว์อสูรประเภทตรวจจับคลื่นไฟฟ้าได้ก็ไม่ใช่ปัญหาที่จะครอบคลุมพื้นที่เพื่อแจ้งเตือนในที่เกิดเหตุ

เพราะทุกครั้งที่เกิดดันเจี้ยนจะต้องมีการผันผวนของมิติและบรรยากาศ ซึ่งส่งผลต่อขั้วแม่เหล็กไฟฟ้าของภาคพื้นดินและภาคอากาศทำให้มีความแปรปรวนในช่วงหนึ่ง

"ทางร้อยสามเสาหลัก ต้องการพัฒนาศักยภาพของแต่ละคน จึงขอความร่วมมือทั้งสามกลุ่มให้เกิดการประสานงานให้ได้มากที่สุด โดยทุกตระกูลที่อยู่ภายใต้การปกครองพื้นที่ต่างๆใต้คำสั่งกิลด์ จะถูกควบรวมเข้าช่วยเหลือซึ่งกันและกันชั่วคราว"

สิ้นประโยคนี้แน่นอนว่าบางตระกูลรู้สึกไม่เห็นด้วยทันที พวกเขาต้องการครอบครองอย่างน้อยดันเจี้ยนครึ่งหนึงที่ปรากฏโดยที่ผลประโยชน์ตกอยู่ที่ตระกูลของเขา มากกว่าฝั่งกิลด์

"ยกเว้นกลุ่มคนที่เข้าร่วมกิลด์นอกประเทศตัวเอง ในทางผลประโยชน์ที่จะได้รับ ภายในดันเจี้ยนจะมีการประมวลผลให้ซึ่งแน่นอนว่ายุติธรรมดี"

"และไม่ต้องกังวลว่าจะเกิดการฆ่ากันเพื่อชิงไอเทม เนื่องจากไอเทมในดันเจี้ยนเป็นแบบผูกมัด ถ้าตายไปไอเทมทุกชิ้นก็หายไปด้วย"

"เพราะงั้นทางร้อยสามเสาหลักจึงไม่อยากให้กิลด์ใดกิลด์หนึ่งหรือตระกูลใดตระกูลหนึ่งครอบครองพื้นที่ทั้งหมดโดยไม่เหลือให้คนอื่นได้ลุ้นไอเทม"

"ทางเราจะยกเว้นกรณีเดียวคือดันเจี้ยนผิดปกติที่จะถูกส่งต่อไปยังผู้ที่แข็งแกร่งให้เข้าเคลียร์พื้นที่"

"เรามาเริ่มประชุมอย่างเป็นทางการกันครับ ตอนนี้เรามาเริ่มเสนอว่าข้อความที่ผมพูดไปก่อนหน้านี้มีใครไม่เห็นด้วย"

เยว่ชิงและเกอที่เพิ่งมีโอกาสเข้าร่วมถึงกับหัวร้อนหลังจากที่เริ่มมีการถกเถียงกัน ส่วนแรกที่โดนทึ้งก่อนคือกิลด์หมื่นดาบ เพราะพื้นที่มีขนาดใหญ่และอยู่ใกล้หอคอยมากที่สุด ซึ่งมันมีโอกาสมากที่จะเกิดดันเจี้ยนทุกวัน

ตามด้วยผลประโยชน์ของแต่ละตระกูลที่ต่อรอง โดยการรวมเป็นประเทศ วันนี้ทีมนี้ดูแลถ้ามีดันเจี้ยนก็โชคดีไปแล้ววนกันไปเรื่อยๆสิบทีมก็วนสิบวันแล้วเริ่มใหม่

ทางร้อยสามเสาหลักที่ต้องการความร่วมมือก็พยายามพูดคุยเรื่องความช่วยเหลือเบื้องต้นและพัฒนา เพราะไม่รู้ว่าบอสในชั้นที่ยี่สิบมันจะเล่นแง่อะไรอีก

"หยุดก่อน งั้นผมขอให้หัวหน้ากิลด์ตำหนักเทพอสูรเสนอแนวทางแล้วกันว่าจะเลือกแบบไหน"เยว่ชิงขมวดคิ้วเมื่อหัวหน้ากิลด์อัศวินสีชาดเอ่ยขึ้นมา ทางร้อยสามเสาหลักเองก็จนปัญญาจนหัวจะล้านเลยได้แต่ปล่อยเลยตามเลยให้เยว่ชิงตัดสินใจ ในฐานะผู้มาใหม่

[ประลองครับโฮสต์ ใครกำปั้นใหญ่กว่าก็ชนะ]ระบบต้องเอ่ยบอกเพื่อช่วยเหลือ เพราะที่เยว่ชิงขมวดคิ้วไม่ใช่อีกฝ่ายกำลังคิดแต่กำลังอึนและมึนอยู่

"งั้นก็ประลองครับ ตัดสินกันด้วยกำลัง เพราะยังไงในดันเจี้ยนก็อันตราย ถ้าเป็นแบบนั้นไม่สู้คัดคนเก่งอย่างเดียวจะดีกว่าอัตราการรอดชีวิตก็สูง ยกเว้นจะสนใจไอเทมมากกว่าชีวิตตัวเอง"

ทางร้อยสามเสาหลักยกมือเห็นด้วยกับวิธีการนี้ทั้งหมด พวกเขาไม่ได้คิดถึงการประลองเพราะการประชุมครั้งนี้พวกเขาแค่ขอความร่วมมือเท่านั้น

"งั้นก็ตามนี้ ใครก็ตามที่อยากครอบครองพื้นที่หอคอยทั้งหมดก็ส่งคนมาสู้กับกิลด์หมื่นดาบ ฉันจะเป็นคู่ต่อสู้ให้เอง"เมื่อหลงจือหยางพูดขึ้น ไหนเลยจะมีคนกล้าประลองกับอีกฝ่าย จบเรื่องราวนี้ได้อย่างสวยงาม

ส่วนใครที่ยังไม่พอใจก็ไปประลองกันเอง โดยมีหนึ่งในร้อยสามเสาหลักให้การยืนยัน