webnovel

ตอนที่2.

เยว่ชิงทรุดตัวนั่งลงที่ม้านั่งเพื่อรอรถมารับ เจ้าตัวเอนกายพิงพนักด้านหลังก่อนจะถอนหายใจทิ้ง เขาใช้เวลาเดินไปกว่าหนึ่งชั่วโมงมีคนชื่นชอบเขาเพียงหกสิบเจ็ดคนเท่านั้นและดูเหมือนคะแนนความชอบจะมาจากเด็กระดับมัธยมตอนต้น

"ฉันไม่มีเสน่ห์กับคนมีอายุเหรอ"เจ้าตัวนั่งกุมมือแน่น โดยมีระบบคอยปลอบ

[ฮึบไว้โฮสต์นอกจากดวงตากับทรงผม อย่างอื่นของโฮสต์มันเฉิ่มเชยนี่น่า]

คนฟังอย่างเยว่ชิงรู้สึกเจ็บจี้ดขึ้นมา ถ้าจะขนาดนี้ก็เอามีดมาแทงกันเลยเถอะ

ผ่านไปไม่นานเยว่ชิงก็มายืนหน้าหอพักหลิงหลง ต้องบอกก่อนว่าพื้นที่ตรงนี้ดั้งเดิมเป็นเพียงพื้นที่แห้งแล้งไร้ผู้คนสนใจ จนเมื่อหอคอยปรากฏในพื้นที่ใกล้เคียง ผู้คนก็ทยอยเข้ามาที่นี่ จนมีการประกาศให้เป็นพื้นที่โดยรวมของทุกประเทศ

โดยฝั่งซ้ายของหอคอยไกลออกไปหนึ่งร้อยกิโลเมตร เป็นสถานศึกษาสำหรับทุกคนจึงมีจัดตั้งหอพักหลายร้อยหอ และมหาลัยที่ใหญ่เป็นอันดับหนึ่งของโลกมีทางแยกไปถึงแปดทางสำหรับคณะที่เกี่ยวกับจิตวิญญาณ

พื้นที่สำหรับฝึกจิตวิญญาณของบุรุษสามแห่ง สตรีสามแห่ง เกอหนึ่งแห่งและพื้นที่เตรียมสงครามหนึ่งแห่ง

ในส่วนของฝั่งขวาของหอคอยจะเป็นตึกที่พักเตรียมรับรองผู้คนที่จะแห่เข้ามาในเดือนสุดท้ายของการพิชิตหอคอยโดยแบ่งเป็นเขตๆ สำหรับทุกประเทศ

หลักๆในแต่ละปีของประเทศS ประเทศที่ใกล้กับหอคอยมากที่สุดมีตระกูลหลง เสวียน โม่ โจว จ้าว

ทางฝั่งประเทศJ ที่อยู่ถัดไปก็ตระกูลอัสซึชิ ตระกูลนักดาบซามูไร ตระกูลอาการิเน้นเวทมนต์เพราะส่วนใหญ่พวกเขามีอาวุธเป็นคทาเวทย์

ส่วนทางประเทศG ก็เป็นตระกูลที่มีหญิงสาวมากที่สุดอย่างโซราเฟียที่มีดอกไม้ประเภทพิษ

ตระกูลใหญ่ๆเหล่านี้มักมีกองกำลังส่วนตัว จากฮันเตอร์ภายนอกที่เข้าร่วม ส่วนหนึ่งเพื่อเงิน ทรัพยากรและชื่อเสียง ดังนั้นเมื่อต้องจัดการกับหอคอยแต่ละชั้น แต่ละกลุ่มจึงเดินทางเข้ามา

หอพักหลิงหลงต้องจ่ายเงินต่อเดือนมากกว่าสามล้านเครดิต มีระบบรักษาความปลอดภัยระดับสูง ห้องพักกว้างและหรูหรามีทั้งหมดสิบชั้นด้วยกันและมีชั้นละสิบห้อง

นั่นหมายถึงมีเพียงแค่หนึ่งร้อยคนที่สามารถเข้ามาอยู่ที่นี่ได้ ข้อสำคัญของมันคือการยกระดับฐานะชาติตระกูล เพื่อคอยสอดส่องจองตัวของเหล่าชายหญิง ซึ่งแน่นอนว่าเกอไม่มีใครพักอาศัยที่นี่แน่

เยว่ชิงเดินเข้าไปในตึกก่อนจะเดินตามลูกศรไปยังร้านกาแฟขนาดใหญ่ราวสองช่องของตัวตึก มีโต๊ะราวๆร้อยโต๊ะ นั่นหมายความว่านอกจากคนในหอยังมีคนอื่นแวะเวียนมาใช้บริการอีกมาก

เจ้าตัวเปิดประตูเข้าไปก่อนจะแจ้งคนที่นั่งเคาเตอร์ ต่อสายไปยังเจ้าของร้านโดยการสัมภาษณ์คือการชงกาแฟสามแบบ โดยมีผู้สมัครหลายสิบคน

เยว่ชิงเดินเข้าไปยังห้องด้านหลังก่อนจะนั่งลงท่ามกลางผู้สมัครคนอื่นๆส่วนใหญ่เป็นสตรีที่แต่งตัวประชันความงามและการอวดรวย

ซึ่งแน่นอนว่าคนที่เยว่ชิงคิดว่าเป็นเจ้าของร้าน

ที่นั่งเคาะนิ้วกับเยว่ชิงพอจะมองออกว่าคนพวกนี้มุ่งไปที่อะไร

หลงจือหยาง ชื่อนี้ไม่ว่าใครได้ยินก็อยากเข้าใกล้สักครั้ง หลายคนคาดหวังถึงแม้ไม่ได้เป็นผู้มีฐานะดีจนถึงขนาดเป็นคู่หมั้นแต่ขอแค่ได้นอนด้วยสักคืนก็ยังดี เพราะหลงจือหยางมอบเงินค่าตอบแทนอย่างงดงามเพื่อนของเขาก็เช่นกัน

อ๋อ รวมถึงบุรุษจากประเทศอื่นๆด้วย

"ได้เวลาแล้ว คงมีคนแค่นี้ ฉันขอบอกก่อนว่าจะไม่มีการสัมภาษณ์ด้วยปากมีแต่การลงมือทำ คนแรกที่มาถึงก่อนจะได้เริ่มก่อน"

"กาแฟสามแบบ หนึ่งเอสเพรสโซ่ สองคาปูชิโน่ สามอเมริกาโน่ เชิญ"

เยว่ชิงนั่งกุมมือเมื่อได้ยินคำวิจารย์ระดับที่สามารถทำให้คนเจ็บปวดจนร้องไห้ออกมา กาแฟทั้งสามแบบถูกตัดสินว่าแย่ ห่วยแตก แดกไม่ได้ จนคนที่นั่งรออยู่แทบจะไม่กล้ากระดิกตัว

[โฮสต์ โปรดเชื่อมั่นในระบบ แค่โฮสต์จับเครื่องมือก็จะมีความคุ้นเคยไปเองโดยอัตโนมัติ]

เยว่ชิงผ่อนลมหายใจก่อนจะยืนขึ้น เจ้าตัวใช้การอัดไอน้ำ ข้อมูลการทำเอสเพรสโซ่หลั่งเข้ามาในสมอง เจ้าตัวจึงทำได้คล่องแคล่ว เมื่อกาแฟได้รับความร้อนผ่านไอน้ำที่อัดแน่น กลิ่นของมันก็ลอยออกมาจนตลบ เยว่ชิงรู้สึกว้าวจนดวงตาระยิบระยับ

หวงจือหมิง ทายาทตระกูลหวงชายหนุ่มติดอันดับชายโสดที่เหล่าหนุ่มสาวต้องการเป็นอันดับสิบเจ็ดของโลก มองทุกการกระทำของเยว่ชิงผ่านม่านที่ติดด้านหลัง ส่วนคนที่นั่งเคาะนิ้วเป็นเพียงผู้จัดการ และเพื่อให้เขาได้มองเห็นถึงการกระทำ ทุกๆการกระทำของผู้เข้าแข่งขันแต่ละคน

ไม่นานเยว่ชิงก็ลงมือทำคาปูชิโน่และตามด้วยอเมริกาโน่ตามลำดับ เพราะเป็นครั้งแรกที่ได้จับเครื่องมือเหล่านี้เลยตื่นเต้นเป็นพิเศษ ทำให้หวงจือหมิงเข้าใจไปอีกอย่าง ว่าผู้เข้าทดสอบเยว่ชิงมีความชื่นชอบในการทำกาแฟ

<ท่านได้รับค่าความชื่นชอบ+1>

"ผ่านครับ ที่เหลือเชิญกลับไปได้เลย"ผู้จัดการร้านสะดุ้งเมื่อคนผู้นี่ผ่านด่านจากเจ้าของร้านโดยตรง โดยมีสายตาเขม่นมาจากผู้เข้าแข่งขันคนอื่น

"กรุณาเก็บสายตาด้วยครับ พวกคุณเป็นลูกคุณหนูคงเรียนแบบลวกๆมาสมัครเพราะคิดว่าร้านจะใช้ความงามและชื่อเสียงของพวกคุณดึงดูดลูกค้า ที่นี่คือร้านกาแฟครับ ไม่ใช่ผับบาร์ เชิญ"

"เห้อ ทายาทตระกูลหลงอีกแล้วละสิ ร้านค้าอื่นๆก็คงเป็น"ผู้จัดการร้านถอนหายใจ ก่อนที่เจ้านายของเขาจะออกมา

"สวัสดีครับเยว่ชิง ผมหวงจือหมิงเป็นเจ้าของร้าน เนื่องจากบาริสต้าคนเก่งของเราต้องเก็บตัวเพื่อพิชิตชั้นที่สิบนะครับ เราเลยต้องการบาริสต้าคนใหม่มาทำงานหนึ่งเดือน ขอบคุณที่มานะครับ"เยว่ชิงยื่นมือไปจับก่อนจะยิ้มออกมา

"ทางนี้ต้องขอบคุณเหมือนกันครับที่ให้โอกาส"

"ยังไงก็เริ่มงานคืนนี้ได้ไหมครับ เพราะหลายๆคนเริ่มฝึกซ้อมกันเร่งด่วนมากๆกาแฟเลยเป็นที่ต้องการมากเป็นพิเศษ"หวงจือหมิงกล่าวอย่างไม่ปิดบัง นอกจากบาริสต้ามือหนึ่งของร้านคนนั้นก็มีหวงจือหมิงอีกคนที่เป็นบาริสต้า

ถ้าหากไม่มีใครผ่านเขาก็คงทำคนเดียว อาจจะยุ่งไปบ้างแต่ก็เข้าใจได้

อีกทั้งยามนี้หลายคนที่จะเข้าหอคอยต้องพบกับบอสทุกๆชั้นที่ผ่านมา ระยะเวลาหนึ่งเดือนที่จะบุกหอคอย โดยผลัดกันเข้าไปฝึกในชั้นที่1-9 จึงมีคนวนเวียนเข้าออกเป็นว่าเล่น ช่วงแบบนี้คือช่วงเวลาที่กาแฟเป็นที่ต้องการมากที่สุดและเขาคงออกนอกสถานที่

หรือก็คือไปชงกาแฟที่หน้าหอคอย

เยว่ชิงสวมผ้าของทางร้านก่อนจะลงมือทำ ผู้คนค่อยๆหลั่งไหลกันมาเรื่อยๆโดยเฉพาะเวลาหนึ่งทุ่มกว่าๆ อาจจะเป็นเสน่ห์ในช่วงที่ยุ่งกับเครื่องมือการทำกาแฟ ทำให้มีเสียงแจ้งเตือนค่าความชื่นชอบจบครบหนึ่งร้อยตามที่ต้องการ

<ท่านได้รับค่าความชื่นชอบ+1>

ซึ่งค่าความชื่นชอบมันมาพร้อมกับหลงจือหยางที่เปิดประตูเข้ามาพอดี เยว่ชิงที่ถือแก้วกาแฟในมือมองคนตรงหน้าก่อนจะละสายตา

"มอคค่าได้แล้วครับ"เจ้าตัวหันไปทำอีกแก้วหลบซ่อนหน้าแดงๆของตัวเองเอาไว้ โดยมีเสียงจากระบบหัวเราะคิกคักอย่างชอบใจ

" ภารกิจที่5 เสร็จสิ้น

รางวัลความสำเร็จ:ผิวเนียนน่าสัมผัส "

เยว่ชิงยกมือลูบเรียวแขนตัวเองก่อนจะรู้สึกยิ่งลูบก็ยิ่งชอบจนแทบไม่อยากหยุดลูบเลยทีเดียว เสียงกรุ้งกริ้งของทางร้านดังขึ้นเรื่อยๆคาดว่าจะเป็นผู้ฝึกที่จะเข้าร่วมสงครามครั้งนี้

"นึกยังไงมากันทั้งกลุ่ม"หวงจือหมิงเอ่ยทักก่อนจะวางชามะนาวยื่นให้สาวตรงหน้า จากนั้นสายตาก็มองไปที่เหล่าคนดัง

"โห้เฮีย พูดเหมือนไม่อยากเจอ"โจวกว่างรุ่ยเอ่ย ก่อนจะแทรกตัวมาด้านหน้า

"ก็ไม่อยากเจอจริงๆ"หวงจือหมิงหัวเราะเสียงใส คงเพราะเด็กกลุ่มนี้มาบ่อยๆเลยสนิทกัน อีกอย่างหวงจือหมิงก็เป็นศิษย์เก่าที่นี่ด้วย น่าเสียดายที่จิตวิญญาณอาวุธของเขาไม่เหมาะกับสงครามเท่าไหร่

จิตวิญญาณอาวุธของเขาคือปิ่นปักผม ความคมของมันมีพอประมาน สามารถสู้แบบตัวต่อตัวได้ แต่ถ้าสงครามแบบโดนรุมแน่นอน แค่ก้าวเท้าเข้าไปก็ตาย

ยกเว้นชั้นที่พิชิตได้ ต่อให้โดนสัตว์ในนั้นฆ่าตายก็ฟื้นคืนชีพอยู่ดี ยกเว้นชั้นที่ยังพิชิตไม่ผ่านที่เจ็บจริงและตายจริง ทางเสาหลักฮันเตอร์จึงประกาศให้หนึ่งเดือนสุดท้ายของการพิชิตหอคอย ให้ทุกคนเข้าหอคอยได้ฟรีโดยไม่เสียเงิน แต่แค่ระดับชั้นที่1-9เท่านั้น

"พนักงานใหม่เหรอเฮีย ผมของเอสเพรสโซ่ครับห้าแก้วเลย"โจวกว่างรุ่ยหันมาสั่งกาแฟกับเยว่ชิง

"ได้ครับ รอสักครู่"เจ้าตัวเลยผงกหัวจากนั้นก็ลงมือทำ ไม่นานพนักงานเสิร์ฟของทางร้านก็นำไปส่งที่โต๊ะนั่งด้านหน้า

[ฮี่ๆๆๆ เป็นไงโฮสต์ผู้ชายที่เราแอบชอบเขาได้ลิ้มลองกาแฟฝีมือเรา] เยว่ชิงต้องตอบว่าดีใจอยู่แล้ว เจ้าตัวเลยยืนมองกาแฟแก้มนั้นจรดริมฝีปากหนาสีแดง ยามที่กาแฟไหลผ่านช่วงลำคอจนเห็นลูกกระเดือกชัดเจน เจ้าตัวกลืนน้ำลายดังอึกก่อนจะมีเสียงคนชุดใหม่เข้ามา

เมื่อตั้งสติได้ก็เริ่มทำทันที จนเวลาผ่านไปสักพักกลุ่มของหลงจือหยางออกไป ก็มีกลุ่มคนใหม่ๆผลัดกันเข้าออกจนถึงสี่ทุ่ม เยว่ชิงจึงเลิกงานกลับหอพัก

"อ๊าาาา"เจ้าตัวอ้าปากโวยวายใส่หมอน ยกมือสองข้างปิดใบหน้าดวงตาชื้นไปด้วยน้ำสีใส เมื่อภาพที่กาแฟจรดริมฝีปากหยักหนาลอยเข้ามาอีกครั้ง

หัวใจดวงน้อยๆเต้นตุบตับราวกับมันเป็นกลองใบหนึ่งที่มีหลายคนมารุมตี เจ้าตัวในชุดนอนสีฟ้าอ้าแขนอ้าขาจนเต็มเตียงก่อนจะพลิกตัวคว้าหมอนข้างมากอด ซุกซบใบหน้าก่อนจะเอ่ยเสียงอู้อี้

"ขอบคุณนะระบบ วันนี้ฉันมีความสุขมากจริงๆ"ความสุขของเยว่ชิงช่างเรียบง่ายเหมือนผ่านๆมา ได้มองห่างๆแค่นี้ก็มีความสุข

ระบบถึงกับส่ายหน้า อย่ามักน้อยได้ไหมล่ะ เสียชื่อระบบขยันเพื่อความงามจริงๆ ถ้างามแล้วเพียบพร้อมทุกอย่าง ยังไม่สามารถไปยืนข้างกายคนที่ชอบได้ เอาระบบไปย่ำยีได้เลย