บทที่ 51 คุณย่าอยากพบเธอ
สุดท้าย แน่นอนว่าผลการฝึกซ้อมครั้งนี้คือจนแล้วจนรอดซือเซี่ยก็ไม่สามารถลงไปจุมพิตได้
ไม่ใช่ทุกคนที่จะมีรสนิยมไม่ธรรมดาเหมือนกับซือเยี่ยหานอย่างที่คิดจริงๆ...
เยี่ยหวันหวั่นกลับถึงหอพัก ลบเครื่องสำอางและอาบน้ำ คิดว่าพรุ่งนี้จะแต่งหน้าอย่างไรดีไปพลาง เปิดคอมพิวเตอร์ไปพลาง
สำหรับเธอไม่จำเป็นต้องใช้เวลามากมายไปกับบทเรียนของโรงเรียนอีกแล้ว เธอเตรียมที่จะซื้อตำราด้านภาพยนตร์ประเภทผู้กำกับหรือนักเขียนบทให้มากหน่อยจากบนอินเตอร์เน็ต เพื่อทำเวลาเรียนด้วยตนเอง
ในเมื่อการสอบเข้ามหาวิทยาลัยเป็นเพียงการเริ่มต้นเท่านั้น เธอจะต้องแย่งทุกอย่างที่เป็นของพ่อกลับมาจากมือของเยี่ยเส่าอันกับเยี่ยอีอีให้ได้
ตอนนั้นเธอเอาแต่โทษว่าพ่อเธอไร้ความสามารถ จนเป็นเหตุให้เธอไม่สามารถอยู่กับกู้เยว่เจ๋อได้ ทว่าเธอไม่รู้เลยว่า คนที่ทำร้ายพวกเขาทั้งครอบครัวคือตัวเธอเอง
ตอนนั้นเยี่ยอีอีสวมรอยใช่ชื่อของกู้เยว่เจ๋อหลอกเธอไปร้านเหล้าห่างไกลแห่งหนึ่ง กล่อมให้เธอดูดกินผงสีขาวชนิดหนึ่งกับคนกลุ่มหนึ่ง ฉวยโอกาสที่สติของเธอพร่าเลือน ถ่ายคลิปที่เธอดูดสารเสพติด
เวลานั้นในห้องมีผู้หญิงผู้ชายปะปนกันมั่วไปหมด ตัวเธอเองก็เสื้อผ้าไม่เรียบร้อยห้อมล้อมไปด้วยพวกผู้ชาย ใครที่ได้เห็นล้วนต้องคิดไปถึงการมั่วเซ็กส์
หากไม่ได้กังวลว่าทำให้เป็นเรื่องร้อนแรงมากเกินไปแล้วพ่อของเธอจะมีปฏิกิริยาตรงกันข้ามกับที่คาดไว้ เกรงว่าเยี่ยอีอีคงไม่ยอมเลิกราสั่งให้คนทำลายความบริสุทธิ์ของเธอซะ
แค่เท่านี้ อารองใช้เรื่องพวกนี้ข่มขู่ให้พ่อยกหุ้นให้ พร้อมทั้งยอมรับว่าตัวเองกระทำผิดยักยอกเงินหลวง
คนที่พ่อรักมากที่สุดตั้งแต่เล็กคือเธอลูกสาวคนนี้ ทั้งครอบครัวล้วนยกให้เธอเป็นสุดที่รักยอมตามใจทุกอย่าง
ขณะที่เธอกำลังเที่ยวเล่นอยู่ต่างประเทศ มีอยู่ครั้งหนึ่งเกือบจะถูกผู้ก่อการร้ายทำร้ายจนเสียชีวิต จิตใจได้รับการกระทบกระเทือนครั้งใหญ่ ทำให้พ่อแม่โทษตัวเองไม่เลิก รับเธอกลับประเทศทันที ตั้งแต่นั้นก็ยิ่งดูแลเธอราวกับไข่ในหิน
และคงเป็นเพราะการปกป้องดูแลที่มากเกินไปของพ่อแม่ ทำให้เธอใสซื่อเกินไปจนหลงเชื่อคนอื่นอย่างง่ายดาย
พ่อได้เตือนเธอแล้วว่าช่วงนี้อย่าได้ออกไปไหนตามลำพัง แต่เพื่อที่เธอจะได้เดตกับกู้เยว่เจ๋อสองต่อสอง ก็เลยแอบสลัดบอดี้การ์ดหนีออกไป
ในเมื่อเป็นคำเชิญของกู้เยว่เจ๋อ ต่อให้เป็นมีดหล่นลงมาจากฟ้า เธอก็จะพุ่งออกไป แล้วจะอะไรกับคำเตือนประโยคเดียวของพ่อ
เวลานั้นเผชิญกับการข่มขู่ของอารอง พ่อเลือกที่จะปกป้องเธอให้ปลอดภัยโดยไม่ลังเลแม้แต่น้อย ต่อให้ต้องจ่ายด้วยการทอดทิ้งตระกูลเยี่ย
หลังจากเกิดเรื่อง พ่อกลัวว่าเธอจะโทษตัวเองมากเกินไปรับเรื่องสะเทือนใจไม่ไหว ก็เลยไม่ได้บอกความจริงเธอมาโดยตลอด
ส่วนเธอยังคงโง่เง่าหลงคิดว่าครั้งนั้นกู้เยว่เจ๋อเพียงไม่ได้มาตามนัด ไม่รู้เลยว่าการเอาแต่ใจของตัวเองครั้งหนึ่งได้ก่อให้เกิดผลลัพธ์ที่ร้ายแรงมากขนาดไหน ถึงขั้นตัดความสัมพันธ์กับพวกเขาเพียงเพราะผู้ชายกากๆ คนหนึ่งที่เมื่อพ่อสูญสิ้นอำนาจก็ยกเลิกการหมั้นหมายกับเธอทันที
หลงผิดเอาหมาป่ามาเป็นรักแท้ แล้วเอาครอบครัวเป็นศัตรู...
พอคิดถึงเรื่องพวกนี้ เยี่ยหวันหวั่นเกลียดตัวเองจะอยากจะแทงตัวเองให้ตาย
พ่อคะ... แม่คะ... รอหนูก่อนนะ...
เรื่องทั้งหมดนี้หนูจะเอาคืนมาจากพวกเขาให้หมด!
เวลานี้เอง เสียงเรียกเข้าที่เธอตั้งไว้เป็นพิเศษพลันดังขึ้น ซือเยี่ยหานโทรมา
เยี่ยหวันหวั่นจัดการอารมณ์ตัวเอง รีบรวบรวมสติรับโทรศัพท์
“ฮัลโหล?”
“เลิกเรียนหรือยัง?” เสียงที่ส่งมาจากปลายสายโทรศัพท์ของคนคนนั้นยังคงเย็นชาเหมือนเดิม
“อื้อ ค่ะ~ เลิกเรียนแล้ว~ เพิ่งจะซ้อมละครเสร็จ เจ้าชายน่าเกลียดเกินไป ฉันเกือบจะอ้วกออกมาแน่ะ ตอนแรกคิดว่าจะขออาจารย์สละสิทธิ แต่อาจารย์บอกว่าจะเปลี่ยนการตัดสินจากผลการจับฉลากไม่ได้...” เยี่ยหวันหวั่นบ่นอุบอิบ เธอจงใจเปิดเผยสิ่งที่เธอทำและเรื่องราวที่เกิดขึ้นในโรงเรียน แบบนี้แล้วเมื่อถึงเวลาซือเยี่ยหานจะไม่มีเหตุผลมาว่าเธอปิดบังอะไรเขาได้
คนปลายสายโทรศัพท์คนนั้นฟังเธอบ่นถึงเรื่องที่เกิดขึ้นในโรงเรียนอย่างมีความอดทน รอให้เธอพูดจบถึงได้เอ่ยขึ้นว่า “วันเสาร์ว่างไหม?”
“วันเสาร์เหรอคะ? น่าจะ...ไม่มีอะไรนะคะ...”
วันเสาร์อาทิตย์นักเรียนของโรงเรียนสามารถกลับบ้านได้ ถ้าหากซือเยี่ยหานให้เธอกลับไป เธอไม่มีเหตุผลที่จะปฏิเสธ คิดถึงตรงนี้ ของเยี่ยหวันหวั่นยากที่จะเลี่ยงไม่ให้เสียงเครียดขึ้นมา
ต่อให้แค่เพียงสองวัน แต่หากกลับไปแล้วออกมาไม่ได้อีกล่ะ...
สำหรับเธอแล้วความอิสระช่างล้ำค่าเหลือเกิน เธอยังมีเรื่องที่อยากทำอีกมาก ไม่คิดอยากกลับไปใช้ชีวิตเหมือนก่อนอีกแล้ว
“คุณย่าอยากพบเธอ” เหมือนว่ารู้สึกได้ถึงความตึงเครียดและอาการต่อต้านของเธอ เสียงของซือเยี่ยหานจึงเหมือนจะเย็นชาขึ้นด้วยเหมือนกัน
...............................................