บทที่ 42 อยู่เป็นเพื่อนฉันหกชั่วโมง
รองเท้าเก่า...
เฉินเมิ่งฉีตะลึงตาค้าง ไม่อยากจะเชื่อเลยว่าเยี่ยหวันหวั่นจะพูดคำแบบนี้ออกมาได้
ต้องรู้ก่อนว่า กู้เยว่เจ๋อเป็นเหมือนเทพบุตรของเยี่ยหวันหวั่น ไม่ว่าใครก็ห้ามพูดถึงกู้เยว่เจ๋อไม่ดีแม้เพียงครึ่งประโยค
เฉินเมิ่งฉีรู้สึกประหลาดใจ จ้องมองเธออย่างตกตะลึง “หวันหวั่น เธอ...เธอพูดถึงคุณชายกู้แบบนี้ได้อย่างไร! ทั้งหมดเป็นความผิดของเยี่ยอีอีผู้หญิงชั้นต่ำคนนั้น พ่อของเยี่ยอีอีแย่งตระกูลเยี่ยไป เยี่ยอีอียังหน้าด้านมาแย่งคู่หมั้นของเธอไปอีก คุณชายกู้เพียงแต่ไม่อาจทำตามใจตัวเองได้ก็เท่านั้น สรุปแล้วมันเกิดเรื่องอะไรขึ้นกันแน่? ทำไมจู่ๆ เธอก็มีความคิดแบบนี้?”
เยี่ยหวันหวั่นยึดมั่นเด็ดเดี่ยวอยู่กับกู้เยว่เจ๋อ เพื่อกู้เยว่เจ๋อแล้วเธอถึงขนาดยอมตัดขาดความสัมพันธ์กับพ่อแม่ของตัวเอง แล้วจะมาเปลี่ยนใจยอมแพ้กะทันหันเช่นนี้ได้อย่างไร
เยี่ยหวันหวั่นพูดไปส่งๆ “ไม่มีอะไร แค่อยู่ๆ ก็คิดได้แล้วเท่านั้น”
เฉินเมิ่งฉีรีบโน้มน้าวเธอ “หวันหวั่น เธออย่าใช้อารมณ์สิ รักกันมาตั้งหลายปี...”
เยี่ยหวันหวั่นหาวนอนฟอดใหญ่ แสดงออกชัดเจนว่าไม่อยากคุยเรื่องนี้ต่อไปแล้ว จึงพูดขัดจังหวะขึ้นมา “ฉันง่วงแล้ว คราวหน้ามีเวลาค่อยคุยกันนะ”
เฉินเมิ่งฉีเดิมทีอยากพูดต่อ แต่ว่าเห็นเยี่ยหวันหวั่นหาวฟอดใหญ่ล้มตัวลงนอนกับเตียงแล้ว จึงทำได้เพียงขอตัวก่อน
ทำไมถึงรู้สึกว่าเยี่ยหวันหวั่นกลับมาโรงเรียนคราวนี้ เหมือนจะมีตรงไหนแปลกไป...
เมื่อก่อนเธอเชื่อและทำตามทุกคำพูดของตน ตอนนี้กลับเหนือการควบคุมของเธอซ้ำแล้วซ้ำเล่า อีกทั้งท่าทีที่มีต่อเธอก็ยิ่งดูเย็นชาขึ้นทุกวัน
เมื่อมั่นใจว่าเฉินเมิ่งฉีจากไปแล้ว เยี่ยหวันหวั่นก็รีบลุกขึ้นเดินไปยังห้องน้ำโดยเร็ว
บทสนทนาที่เธอคุยกับเฉินเมิ่งฉีเมื่อครู่ ซือเยี่ยหานน่าจะได้ยินแล้ว คงจะได้เห็นโฉมหน้าที่แท้จริงของเฉินเมิ่งฉีแล้ว?
เยี่ยหวันหวั่นดึงเปิดประตูห้องน้ำ รีบเชิญปีศาจร้ายออกมาโดยเร็ว “ขอโทษนะ ขอโทษ กลับไปแล้วล่ะ ที่แท้ก็เป็นเฉินเมิ่งฉี ฉันคิดว่าเป็นเจ้าหน้าที่ตรวจหอเสียอีก ทำเอาฉันตกใจแทบแย่”
ตอนที่เยี่ยหวันหวั่นเปิดประตู ร่างกายอันสูงใหญ่ของซือเยี่ยหานได้พิงแอบอยู่กับอ่างล้างหน้า ในตะกร้าด้านข้างก็มีเสื้อผ้าที่ใส่แล้ววางอยู่ข้างใน ด้านบนสุดของกองผ้าก็มีชุดชั้นในลายสตอเบอร์รี่ของเธอ
เยี่ยหวันหวั่นรู้สึกเก้อเขินขึ้นมาทันที รีบคว้าผ้าขนหนูผืนหนึ่งโยนไปปิดมันไว้ แล้วแอบชำเลืองสังเกตสีหน้าของซือเยี่ยหาน
เพียงแต่ ความคิดของซือเยี่ยหานแสดงออกชัดเจนมากว่าเขาไม่ใช่คนธรรมดาที่เธอจะเดาออกได้โดยง่าย ใบหน้าของชายหนุ่มไม่มีความผิดปกติอะไรแม้แต่น้อย เดาไม่ออกเลยว่าเขากำลังคิดอะไรอยู่
ซือเยี่ยหานมองเธออยู่หลายนาที จากนั้นก็ใช้นิ้วมือลูบไล้กรามอันละเอียดอ่อนของสาวน้อยอย่างเบามือ เสียงอันแหบพร่าดังก้องอยู่ในห้องน้ำอันคับแคบ “หกชั่วโมง จะให้อภัยเธอ”
“ห๊ะ? หกชั่วโมงอะไร?” เยี่ยหวันหวั่นยังไม่ทันรู้ตัว
ซือเยี่ยหาน “นอนกับฉัน”
เยี่ยหวันหวั่นนิ่งไป
……….………………………………………..