บทที่ 4 โง่จนน่าเวทนา
ในชาติก่อน เยี่ยหวันหวั่นรู้สึกเพียงว่าการที่ตนเสียความบริสุทธิ์ เป็นเรื่องที่ทำผิดต่อกู้เยว่เจ๋อ จึงไม่มีอะไรโต้แย้งคำพูดไม่น่าฟังประโยคนั้นของเขา เพียงได้ยินเขาบอกว่าทำไปเพราะไม่รู้ตัวก็ให้อภัยหมดสิ้น พอรู้ว่าเขาจะพาตนหนีก็ยิ่งรู้สึกซาบซึ้ง คิดว่าในใจของเขายังมีตัวเองอยู่
เรียกง่ายๆ ว่าโง่จนน่าเวทนา
ไม่รู้เลยว่า นี่เป็นเพียงการสร้างเกียรติให้ตัวเองของชายคนนี้เท่านั้น
อย่างไรเธอก็เคยเป็นคู่หมั้นของกู้เยว่เจ๋อ แต่ตอนนี้เป็นคนรักของซือเยี่ยหานแล้ว หากว่าเรื่องแบบนี้แพร่สะพัดออกไป จะให้เขาเอาหน้าไปไว้ที่ไหน?
วินาทีที่กู้เยว่เจ๋อพูดว่าเขาจะพาตนหนีไป เยี่ยหวันหวั่นสัมผัสได้ว่าอากาศรอบด้านหนาวเย็นลงกะทันหัน
ในมุมลับสายตาห่างจากเยี่ยหวันหวั่นไปเพียงไม่กี่ก้าว
ใบหน้าของของชายหนุ่มหมองคล้ำกลืนไปกับสีของความมืด รังสีความโกรธแผ่ซ่านรอบกายอย่างควบคุมไม่ได้ ราวกับวินาทีต่อไปจะบดขยี้คนให้เละ แล้วกลืนกินจนแม้แต่กะโหลกศีรษะก็ไม่ให้เหลือ
สวี่อี้ผู้ช่วยข้างกายของซือเยี่ยหาน เวลานี้มีเหงื่อผุดขึ้นมาเหมือนสายฝน ขาสองข้างสั่นเทาไม่หยุด
ชีวิตแสนบัดซบนี้ ไม่นึกว่าจะมาเจอผู้หญิงของนายท่านกำลังจะแอบหนีตามผู้ชาย สวมหมวกเขียวให้กับนายท่าน!
ตั้งแต่ผู้หญิงที่ชื่อเยี่ยหวันหวั่นคนนี้ปรากฏตัวขึ้นข้างๆ นายท่าน ผู้ช่วยอย่างพวกเขาก็ไม่มีวันที่ดีเลยสักวัน เมื่อไหร่ที่นายท่านโมโห พวกเขาทุกคนจะพลอยเดือดร้อนไปด้วย
และสิ่งที่ผู้หญิงคนนี้ชำนาญที่สุดก็คือยั่วโมโหซือเยี่ยหาน
คราวนี้ระดับความโกรธของใครบางคนมากพอจะเผาทำลายทั้งเมืองหลวงให้พินาศเป็นเถ้าถ่านได้แล้ว!
สวี่อี้หลับตาลงอย่างสิ้นหวัง ไม่ต้องมองเขาก็เดาออก ว่าต่อไปศีรษะของนายท่านจะเขียวขนาดไหน...
กู้เยว่เจ๋อเห็นเยี่ยหวันหวั่นยังนิ่งไม่ขยับ สีหน้าก็เผยความหงุดหงิด ยื่นมือหมายจะดึงเธอออกไป
เยี่ยหวันหวั่นถอยหลังไปก้าวหนึ่งอย่างว่องไว หลบการสัมผัสเนื้อต้องตัวของอีกฝ่าย
“หวันหวั่น?” กู้เยว่เจ๋อขมวดคิ้ว
เยี่ยหวันหวั่นสีหน้าเย็นชา “กู้เยว่เจ๋อ ฉันเคยพูดว่าจะหนีไปกับนายเหรอ?”
แววตาของกู้เยว่เจ๋อฉายประกายเห็นใจ “หวันหวั่น คนฐานะอย่างซือเยี่ยหาน เขาแค่เล่นๆ กับเธอเท่านั้น ทำไมเธอต้องทำแบบนี้เพื่อแก้แค้นฉันด้วย ทำแบบนี้มีแต่จะเป็นการทำร้ายตัวเธอเองนะ!”
ในความทรงจำของเขา เยี่ยหวันหวั่นเป็นผู้หญิงที่รักเขาแทบยอมตายถวายชีวิต ทั้งยังเชื่อฟังเขามาโดยตลอด ดังนั้นกู้เยว่เจ๋อจึงคิดว่าเธอเพียงทำเพื่อเรียกร้องความสนใจของตนเอง
“ทำร้ายตัวเอง?”
เยี่ยหวันหวั่นเหมือนได้ยินมุกตลกอะไร จึงแค่นเสียงหัวเราะพลางเอ่ย “ซือเยี่ยหานรวยกว่า มีอำนาจมากกว่า มีหน้ามีตามากกว่า ทั้งยั้งรูปร่างดีกว่านายด้วย ต่อให้นอนกับเขาครั้งเดียว ก็ยังดีกว่าฝืนอยู่กับนายไปตลอดชีวิต! นายไปเอาความมั่นใจจากไหนมาพูดแบบนี้?”
“เธอ...” กู้เยว่เจ๋อไม่เคยคิดเลยว่าเยี่ยหวันหวั่นจะพูดถ้อยคำประเภทนี้ออกมาได้ ใบหน้าเคร่งเครียดทันที
เวลาเดียวกันนี้ รังสีอำมหิตรุนแรงที่แผ่ซ่านรอบกายใครบางคนที่แอบสุ่มอยู่ สงบลงไปทันทีราวกับสัตว์ป่าตัวหนึ่งที่ถูกลูบขนปลอบโยน
สวี่อี้ทำหน้าโล่งใจดั่งผู้รอดชีวิตจากภัยพิบัติ เหลือบมองไปทางเยี่ยหวันหวั่นด้วยสายตาประหลาดใจ
วันนี้ทำไมคุณหนูเยี่ยคนนี้ถึงดูผิดปกติไป?
เธอไม่น่าจะเป็นคนที่พูดคำพูดพวกนี้ออกมาได้ เธอรักกู้เยว่เจ๋อแทบยอมตายถวายชีวิตไม่ใช่เหรอ?
ควรจะรีบร้อนแอบหนีตามกู้เยว่เจ๋อไปสิถึงจะถูก
หรือจะเป็นกลยุทธ์หลอกให้ตายใจ?
ครั้งนี้กู้เยว่เจ๋อถูกสะกิดต่อมโมโหจริงๆ แล้ว เอ่ยเตือนด้วยน้ำเสียงเย็นเยียบสุดขีด “หวันหวั่น เธออย่าเอานิสัยงอนเป็นเด็กมาใช้กับฉัน เบื้องหลังของซือเยี่ยหานลึกเกินหยั่ง ทำทุกวิถีทางเพื่อให้ตัวเองบรรลุเป้าหมาย เธอรู้หรือเปล่าว่าเขาอันตรายมากแค่ไหน? จะอยู่ข้างคนแบบนี้ เธอไม่อยากมีชีวิตอยู่แล้วใช่ไหม?”
สำหรับคำเตือนที่รุนแรงของกู้เยว่เจ๋อ เยี่ยหวันหวั่นทำเพียงหาวหวอดใหญ่อย่างเกียจคร้าน วินาทีต่อมา เธอปรายตามองไปทางเขาเล็กน้อย แล้วบอกเสียงเบา “แล้วยังไงล่ะ ตายใต้ดอกโบตั๋น ถึงกลายเป็นผีก็คุ้มค่า[footnoteRef:1]~” [1: ตายใต้ดอกโบตั๋น ถึงกลายเป็นผีก็คุ้มค่า ประโยคนี้มาจากบทกวีในสมัยราชวงศ์หยวน “หลงใหลในไซซี” หมายถึง เพียงเพื่อให้ได้หญิงที่ถูกตาต้องใจ ถึงตายก็คุ้มค่า ]
…….…………………………………………………………..