บทที่ 13 มั่นใจนะว่าไม่ชอบแตงหวาน?
นี่เป็นครั้งแรกที่เยี่ยหวันหวั่นเข้าห้องซือเยี่ยหาน
เมื่อเหยียบเข้ามาก็รู้สึกถึงความกดดันรุนแรง
การตกแต่งสีภายในห้องอึมครึมผิดปกติ จุดที่โดดเด่นสะดุดตามีลำโพงคุณภาพสูงวางอยู่ กำลังส่งเสียงเพลงสะกดจิตให้นอนหลับอันเบาสบาย ม่านปิดสนิทอย่างแน่นหนา ไม่เหลือช่องว่างแม้แต่น้อย ทั่วทั้งห้องปิดสนิทโดยสมบูรณ์
สิ่งที่มีเยอะที่สุดในห้องก็คือเหล้า ฝั่งตรงข้ามเป็นตู้เก็บเหล้าขนาดใหญ่ ทั้งแถวเป็นเหล้านำเข้าหลากหลายชนิดของแบรนด์ต่างๆ
นอกจากซือเยี่ยหานแล้ว ในห้องยังมีอีกคนหนึ่ง
โม่เสวียน นักสะกดจิตบำบัดของซือเยี่ยหาน
ดูท่าเมื่อครู่ซือเยี่ยหานคงจะกำลังเตรียมตัวเข้านอน
เอ่อ แค่จะนอน ยังยุ่งยากน่าดูทีเดียว...
เหตุที่เมื่อวานเขานอนหลับได้อย่างราบรื่นมาก คงเป็นเพราะไม่ได้นอนมาสามวันอย่างนั้นสินะ?
เมื่อนักสะกดจิตบำบัดโม่เสวียนเห็นเยี่ยหวันหวั่นในสภาพไร้เครื่องสำอาง ดวงตาเผยความแปลกใจอย่างชัดเจน ทว่าก็กลับเป็นปกติอย่างรวดเร็ว
เมื่อเห็นเธอมา เขาก็ขอตัวออกไปก่อนแล้ว
ภายใต้แสงไฟสีเหลืองนวลเหนือศีรษะ ซือเยี่ยหานเดินไปนั่งลงบนเคาน์เตอร์บาร์ เทเหล้าแก้วหนึ่ง “พูดมาสิ”
เยี่ยหวันหวั่นกลั่นกรองบทพูดไว้นานแล้ว เวลานี้จึงไม่ลังเล พูดออกไปตรงๆ “ฉันอยากคุยเรื่องความสัมพันธ์ระหว่างเราสองคน!”
“ความสัมพันธ์ระหว่างเรา?” ชายหนุ่มหรี่ตาขมวดคิ้ว
เยี่ยหวันหวั่นพยักหน้า เปิดปากเอ่ยด้วยน้ำเสียงจริงจัง “ใช่... ซือเยี่ยหาน คุณคิดว่าตอนนี้ความสัมพันธ์ของพวกเราคืออะไร?”
ซือเยี่ยหานเอ่ยตอบโดยไม่ลังเลเลยแม้แต่น้อยว่า “เธอเป็นของฉัน”
เยี่ยหวันหวั่น “...”
คำตอบแบบนี้ เป็นคำตอบที่เยี่ยหวันหวั่นไม่อาจคุ้นเคยไปมากกว่านี้อีกแล้วจริงๆ
เหมือนกับที่เธอเคยถามเขาว่า ทำไมคนคนนั้นต้องเป็นเธอ แล้วเขาตอบว่า ‘เพราะมีแค่เธอเท่านั้น’
ทั้งหมดล้วนเป็นคำตอบที่เธอไม่อาจเข้าใจได้
เยี่ยหวันหวั่นฝืนตัวเองให้มองข้ามคำตอบของชายหนุ่ม พูดต่อไปว่า “ซือเยี่ยหาน ฉันไม่เข้าใจมาตลอดว่าทำไมคุณถึงชอบฉัน ด้วยฐานะของคุณ อยากได้ผู้หญิงแบบไหนก็ได้ทั้งนั้น ต่อให้คุณชอบแบบอวบอ้วน หรือชอบผู้หญิงสุดโต่ง ก็มีคนนับไม่ถ้วนยินดีสนองรสนิยมของคุณ
ไม่ว่าเหตุผลคืออะไร ในเมื่อจุดนี้เปลี่ยนแปลงไม่ได้แล้ว ถ้าอย่างนั้นพวกเรามาลองเปลี่ยนแปลงความสัมพันธ์ระหว่างกันสักหน่อยได้ไหม?
คุณเอาแต่โมโห และฉันก็เอาแต่ต่อต้าน นั่นเป็นเพราะไม่ว่าใครก็ทนให้คนอื่นมาบงการชีวิตไม่ได้ คุณยิ่งคิดจะควบคุมฉัน บีบบังคับฉัน มีแต่จะทำให้ฉันยิ่งอยากหนีไป คำโบราณว่าไว้ว่า ‘แตงที่ฝืนเด็ดจากต้นย่อมไม่หวาน’ เชื่อว่าคุณก็คงเข้าใจหลักการนี้เหมือนกัน!”
ซือเยี่ยหานฟังหญิงสาวพูดยาวเหยียดจนจบอย่างเงียบๆ จากนั้นเอ่ยขึ้นประโยคหนึ่งด้วยสีหน้าไม่บ่งบอกอารมณ์ “ใครบอกว่าฉันชอบแตงหวาน?”
เยี่ยหวันหวั่นรู้สึกหมดคำพูด
หมดหนทางที่จะคุยกันดีๆ ได้แล้ว!
ในที่สุดเธอก็เข้าใจแล้ว ความหมายของซือเยี่ยหานคือ ขอแค่เธอเป็น ‘ของ’ ของเขาก็พอ ส่วนเรื่องที่เธอจะสมยอมเป็น ‘ของ’ ชิ้นนั้นหรือไม่มันไม่สำคัญ
เมื่อคุยมาถึงตรงนี้ ก็ไม่อาจคุยต่อไปได้อีก
คนคนนี้ครู่เดียวก็ทำให้บทสนทนาไปต่อไม่ได้แล้ว!
เวลาผ่านไปอย่างเชื่องช้า...
ไม่รู้ว่าเงียบอยู่นานเท่าไร เยี่ยหวันหวั่นพลันลุกขึ้น เดินเข้าหาชายหนุ่มทีละก้าว
ซือเยี่ยหานไม่พูดสิ่งใด เพียงแต่มองเธอเข้ามาใกล้นิ่งๆ
ในที่สุด เยี่ยหวันหวั่นเดินไปหยุดยืนตรงหน้าชายหนุ่ม วินาทีถัดมาก็โค้งกายลงอย่างรวดเร็ว ริมฝีปากอ่อนนุ่มแตะลงบนริมฝีปากเย็นเยียบของเขา
“คุณ...มั่นใจเหรอ?”
เสียงนุ่มนวลอ่อนหวานของหญิงสาวพร้อมด้วยเสน่ห์ที่ไม่ปรุงแต่ง แนบชิดกับริมฝีปากเขา “มั่นใจเหรอ...ว่าไม่ชอบแตงหวาน?”
.....................................................................................