" ฉันถูกพ่อขายให้กับพวกผู้ชายมากหน้าหลายตาอย่างไม่เต็มใจ...เพราะต้องหาเลี้ยงพ่อและตัวเอง...บางทีฉันก็หาลูกค้าเองบ้าง แต่ที่เป็นปมในใจของฉัน...คือความรุนแรงและความน่ากลัวของคนพวกนั้นค่ะ" อัญชันเล่าด้วยน้ำเสียงสั่นเครือ ร่างบางนั้นสั่นเทาเมื่อนึกถึงเรื่องราวในอดีต เธอลูบแขนของตัวเองเป็นการปลอบประโลมไม่ให้เผยด้านที่เธออ่อนแอออกมามากขนาดนี้
" ที่บนเรือคุณสติแตก..."
" ฉันดันไปนึกถึงความน่าขยะแขยงพวกนั้นเข้าค่ะ..ถ้าไม่นึกถึงฉันก็ไม่เป็นไร...ต้องขอโทษที่ก่อปัญหาให้คุณด้วยนะคะ" อัญชันรู้ดีว่า คนที่ได้รับรู้เรื่องราวแบบนี้ของเธอมักจะรังเกียจเธอทุกคน
" โชคยังดีที่ฉันได้เจอเพื่อนที่ดีนะคะ...พี่ฟ้ากับพี่ดาว...พี่ๆเขาดึงฉันออกจากเรื่องราวอันทุเรสๆนั้นมาได้ พี่ๆชักนำพาเด็กที่ไม่รู้จักว่าชีวิตเป็นยังไงแบบฉัน ให้ไปในทิศทางที่ถูกที่ควร ฉันได้เรียนจนจบ ฉันได้ทำงานดีๆ ได้หัวเราะ ได้ร่าเริง ได้ตอบโต้...คุณรู้ไหมคะว่าพี่ฟ้ากับพี่ดาว...เขาสมชื่อเขามากเลยนะคะ...พี่ฟ้าใจดีเท่าฟ้าแข็งแกร่งเหมือนท้องฟ้าและอบอุ่นเช่นท้องฟ้า...พี่ดาวก็เป็นราวกับทางช้างเผือกส่องประกายนำทางที่มืดมิดให้ฉัน...ปกป้องฉันแม้ว่าตัวพี่ดาวเองก็กลัวไม่ได้ต่างกันเลย...พวกเราเป็นกัลยาณนิมิตรที่ดีต่อกัน...เป็นเพื่อน เป็นพี่ เป็นที่พึ่งพิง เป็นทุกๆอย่างให้แก่กัน...มันน่าเบื่อไหมคะเรื่อง..ของ..ฉัน.." เสียงของอัญชันถูกกลืนหายลงไปในลำคอ ดวงตากลมเบิกโพลงเพราะความตกใจ ริมฝีปากอวบอิ่มถูก ริมฝีปากบางครอบครอง อัญชันถูกจูบ!!! ทว่าจูบนั้นราวกับปลอบประโลมเรื่องราวในชีวิตที่ผ่านมาของเธอทั้งหมด!!! ดวงตากลมดุจกวางน้อยสั่นไหว น้ำตาที่เก็บกลั้นเอาไว้กลับไหลอาบสองแก้มราวกับทำนบแตก ไลอาร์จุมพิตทั่วใบหน้า ซับน้ำตาของเธอจนแห้ง เขาไม่ได้รู้สึกรังเกียจอะไรเธอสักนิด กลับกันเขา รู้สึกอยากปลอบประโลมเธอเสียมากกว่า เขารู้สึกขอบคุณพระเจ้าที่ไม่ใจร้ายจนทำให้หญิงสาวคนหนึ่งแตกสลายไปเหมือนคนอื่นๆ ถึงแม้เธอจะผ่านเรื่องราวมามากมายมากกว่าที่เขาเคยพบเจอ แต่เธอกลับเข้มแข็งและยังคงกตัญญูต่อบิดาของเธออย่างไม่ขาดตกบกพร่องสักนิดเดียว
" ให้โอกาสผมได้ปลอบคุณได้ไหม " เขาร้องขอ พลางกอดเธอเอาไว้อย่างหวงแหน อัญชันไม่ได้ไร้เดียงสาถึงกับไม่รู้ถึงความต้องการจากเขาและก็ไม่ได้หวาดกลัวเขาดั่งเช่นเคยหวาดกลัวมาก่อน เธอกลับรู้สึกผ่อนคลาย รู้สึกวางใจ โอนอ่อนไปตามที่เขาปลอบประโลม หญิงสาวพยักหน้ากับอ้อมอกแกร่ง ไม่เคยมีใครขอเธอแบบนี้ ถึงแม้เธอจะเคยผ่านเรื่องราวมามากแต่ชายหนุ่มกลับทำให้เธอรู้สึกใจเต้นแรงราวกับเป็นสาวน้อยที่ไม่เคยต้องมือชายใดๆ ไลอาร์อุ้มหญิงสาวขึ้นแนบอก เขาไม่รั้งรอเวลาให้เสียเปล่า เท้ายาวๆรีบก้าวไปยังห้องนอนของเขาที่อยู่ไม่ไกลจากห้องของอัญชัน
ชายหนุ่มค่อยๆวางร่างบางลงบนเตียงของเขา บรรจงจุมพิตเธออย่างแผ่วเบา มือหนาสะบัดเล็กน้อย สิ่งกีดขวางบนร่างกายของเธอและเขาก็กองไปอยู่กับพื้น ค่ำคืนที่เคยยาวนานสำหรับอัญชัน ในคืนนี้กลับผ่านไปอย่างรวดเร็ว ราวกับพายุทรายที่โหมกระหน่ำ
พระอาทิตย์ขึ้นจรดขอบฟ้าจนเผยให้เห็นเปลวแดดที่ร้อนแรงดุจเปลวเพลิง ทั้งคฤหาสน์นั้นเงียบกริบแม้แต่เล่าข้ารับใช้ก็พยายามทำตัวให้เงียบที่สุดเท่าที่จะทำได้ เมื่อ ริสารายงานออกไปได้ว่าหญิงสาวไม่ได้อยู่ในห้องของตนเอง ทว่าอยู่ในห้องของนายเหนือหัวของตน นั่นบ่งบอกได้ว่า ตำแหน่งนายหญิงของพวกเขาได้ถูกระบุเด่นชัดแล้ว อิลลารีบเตรียมน้ำอุ่นที่เต็มไปด้วยว่านสมุนไพรต่างๆอย่างรู้งาน และรอคอยนายหญิงของตนให้ตื่นขึ้นมา
ไลอาร์ ขยับกายเล็กน้อย ไล่ความเมื่อยขบ ร่างบางที่นอนอยู่ในอ้อมกอดของเขายังคงหลับลึกอยู่เลย เขาควานหานาฬิกาที่เขาโยนไว้ข้างๆหมอน มันบอกเวลาเกือบเที่ยงวันแล้ว
" อัญ...อัญ...ตื่นได้แล้วครับ" เขาเรียกเธอด้วยน้ำเสียงที่อบอุ่น ร่างบางขมวดคิ้วแล้วก็ยังซุกกายเข้ากับอ้อมอกของเขาราวกับโหยหาความอบอุ่นแทบเป็นแทบตาย
" หากคุณไม่ตื่น...คุณจะไม่ได้ไปเที่ยวในเมืองนะครับ" เขากระซิบแต่มือหนากลับลูบไล้ร่างบางนั้นอย่างเสน่หา ได้ผลยิ่งกว่าใดๆ ดวงตากลมลืมตาตื่นทันทีที่ได้ยินคำว่า'ในเมือง'
" ไปเที่ยวเหรอคะ?" อัญชันตื่นเต็มตา ตอนนี้เธอรู้สึกว่ามือหนาที่อบอุ่นนั้นกำลังซุกซนอยู่ภายใต้ผ้าห่มนวม
" ใช่...แต่ดูเหมือน...ก่อนไปเที่ยวคุณต้องให้รางวัลผมก่อนนะ" เขาพูดพลางมุดลงใต้ผ้าห่ม
" เอ๊ะ!!!!เดี๋ยวค่ะๆๆ...อร้าย!!! " เสียงร้องของอัญชันถูกกลืนหายไปอีกครั้ง เมื่อพ่อหมาป่าหนุ่มกำลังกลืนกินเธออีกครั้ง อย่างตะกละตะกลาม อัญชันไม่เคยรู้สึกถูกเติมเต็มเช่นนี้มาก่อนเธอจึงไม่ได้คัดค้านใดๆอีกทั้งยังจับมือกับเขาและพากันเดินไปสู่สรวงสวรรค์จนสุดทาง
ตะวันคล้อยจนบ่าย ในที่สุดอัญชันก็จะได้ออกเดินทางเสียทีแม้ว่าจะอ่อนแรงไปบ้างแต่เธอก็อยากเข้าในเมืองใจจะขาดแล้ว ร่างบางตื่นเต้นราวกับเด็กๆ เธอวิ่งขึ้นรถก่อนชายหนุ่มเสียด้วยซ้ำไป
" ใส่ผ้าคลุมดีๆสิ...อัญ...ผมไม่อยากให้ใครได้เห็นคุณเลย" ไลอาร์จัดผ้า*นิกอบให้เธอ
*(Niqab (นิกอบ) เป็นผ้าคลุมฮิญาบยาวที่มาพร้อมผ้าปิดบังใบหน้าและจะเห็นได้เฉพาะดวงตา ส่วนใหญ่สวมใส่ในประเทศอาหรับ และในหลายประเทศ ประเทศไทยเราก็มีคนเลือกคลุมผ้านิกอบอยู่ไม่น้อย)
" พี่...เช็คเงินสดที่พี่ให้ฉันนี่พี่ช่วยส่งไปใส่บัญชีพ่อฉันได้ไหมท่านจะได้มีเงินไว้ใช้" อัญชันเรียกร้องพลางทำสีหน้าระรื่นดีใจ เธอออกจากบ้านมาก็ร่วมสี่เดือนแล้วตั้งแต่อบรม เธอไม่เคยได้ส่งเงินให้พ่อเลย อัญชันห่วงเหลือเกินว่าเขาจะไม่มีเงินใช้
"เงินนี่ คุณเก็บไว้เถอะ...ส่วนเรื่องพ่อของคุณผมฝากเอฮาซานจัดการให้แล้วไม่ต้องห่วงหรอก" เขาตอบเธอ
"เอฮาซาน!!! จริงด้วยแล้วพี่ดาวที่อยู่กับคุณเอฮาซานล่ะคะเป็นยังไงบ้าง...ในเมืองมีสัญญาณโทรศัพท์อยู่ใช่ไหมคะ" อัญชันถาม
" พี่ของคุณอยู่สุขสบายดี ปราบเลขาของผมเสียอยู่หมัดเชียวล่ะถึงจะแง่งอนกันบ่อย...แต่ก็ดูรักกันดีนะ" เขาตอบ
"เอ๊ะ??....รักกัน???ไปรักกันตอนไหน??" อัญชันงงงวย
" ก็...คงจะเป็นตอนเดียวกันที่ผมรักคุณนั่นแหล่ะอัญ" เขาทำตาหวานเชื่อมใส่เธอ
" หยอกแรงนะคะเนี่ยะ!!! อย่าไปเที่ยวพูดแบบนี้กับผู้หญิงที่ไหนง่ายๆนะคะพี่...คนเขาจะรังเกียจเอาว่าเป็นพวกหมาหยอกไก่" อัญชันดุ ทว่าเธอกลับรู้สึกร้อนผ่าวไปทั้งกาย โชคดีที่เธอคลุมผ้า นิกอบเอาไว้ไม่งั้นชายหนุ่มคงเห็นหน้าแดงๆของเธอแน่ๆ
ในตัวเมืองฮาลันน่าร์ ไม่ได้มีตึกรามบ้านช่องใหญ่โตอย่างที่คิด บ้านช่องที่นี่มีอยู่ประปราย ทว่าผู้คนกลับแน่นขนัดไปหมด ในตลาดกลางเมือง มีข้าวของวางขายอยู่เกลื่อนกลาด อัญชันลากริสาไปๆมาๆราวกับเด็กน้อยที่เพิ่งเคยเจอสิ่งแปลกใหม่ โดยมีเรนดอลวิ่งตามอยู่ไม่ห่าง ไลอาร์ที่ถูกสูบพลังงานไปจนหมดตั้งแต่เมื่อคืนรู้สึกยอมแพ้เลยขอไปนั่งรอที่ร้านกาแฟและอาสาจัดการธุระให้อัญชันนั่นคือโอนเงินให้พ่อของเธอ
" จัดการโอนเงินไปยังบัญชีของมิสนภัทธาและบัญชีคุณพ่อของนายหญิงแล้วครับนายท่าน " เซนซิลรายงาน พลางยื่นเอกสารให้แก่เจ้านายของตนได้ตรวจสอบ
" อัญชันอยู่ที่ไหนแล้วตอนนี้" เขาถามโดยไม่ได้สนใจเอกสารที่องครักษ์ของตนส่งให้สักนิดเดียว
" อยู่ที่ถนนนาร์ครับ...กำลังซื้อขนมที่ร้านของหวานอยู่" เอเลนรายงาน
"ฮัลโหล!!!พี่ฟ้า!!!" ระหว่างที่อัญชันรอขนมที่มีคิวยาวเหยียดเธอก็ใช้จังหวะนี้โทรหาคนที่เธอคิดถึงเป็นอันดับแรกนั่นคือ นภัทธา
" ยัยอัญ!!!!นี่แกอยู่ไหน!!!ป้าอ้วนบอกฉันว่าแกถูกดึงตัวไปแล้วติดต่อไม่ได้เลยรู้ไหมว่าฉันเป็นห่วงขนาดไหน!!!" เสียงจากปลายสายตะโกนงัวเงียดังตามมาจากปลายสาย
" น้องอยู่....เอ่อ...ริสา...ที่ไหนนะ!!เอ่อ...ฮาลันน่าร์ไกล้ๆจอร์แดนหน่ะพี่" เธอตอบ
" ไปทำมะเขือเปาะแปะแกเรอะ!!!อีกฝากของโลกเนี้ยะ!!" ปลายสายโวยวาย
" ฉันมาทำงาน...เงินดีกว่าบนเรืออีกนะพี่"
"งานอะไรของแก"
".....งานนั้นแหล่ะ...เจ้านายใจดีมากให้น้องทีเป็นแสนๆเลยนี่เห็นเรนดอลบอกว่าเขาโอนให้พี่ด้วยนะเขาว่าให้เป็นทุนการศึกษาหลานๆ" อัญชันพูดอย่างเริงร่า
" เออออ!!!!แล้วจะกลับมาเมื่อไหร่ " นภัทธาถาม
" น้องยังไม่รู้เลยพี่...ว่าจะเก็บเงินอีกสักหน่อย...ว่าแต่พ่อยังมาระรานพวกพี่อยู่หรือเปล่า" เธอถามน้ำเสียงเป็นกังวล
" ไม่มาหรอก...เห็นก็มีญาติโกโหติกาเทียวเอาข้าวเอาเหล้าไปให้แกบ่อยอยู่แต่ก็ไม่ได้อาละวาดอะไรเหมือนแต่ก่อน" ปลายสายเล่าให้ฟ้ง
"ดีแล้วแหล่ะพี่...น้องจะส่งให้แกเดือนละหมื่นหมดคือหมดถ้าวนครบเดือนน้องจะส่งไปอีกไม่งั้นหมดแน่ๆ" อัญชันบอก
"ดีแล้ว...แกรักษาตัวดีๆนะพี่ง่วงๆนอนก่อนนะนี่ก็ดึกมากแล้ว" นภัทธาวางใจที่น้องสาวของเธอปลอดภัยดี
" จ้า...ฝันดีจ๊ะพี่ฟ้า" อัญชันวางสาย ประจวบเหมาะกับที่ริสาหิ้วถุงขนมมาให้พอดี ทั้งสามคนจึงชักชวนกันไปยังจุดนัดหมาย ทว่าเมื่อพ้นมุมถนน เธอก็พบกับคนที่ไม่อยากจะพบเสียจนได้
" แหม่ๆๆๆนึกว่าใคร...แม่คางคกขึ้นวอนี่เอง!!!" เสียงแหลมๆนั้นดังขึ้น อัญชันจำเสียงนี้ได้ดีขึ้นใจ
" คุณซูซี่!!" เธอเรียก ร่างบางระหงสวมชุดหรูปกปิดทั้งตัง สวม นิกอบเหลือเพียงดวงตาคมเฉี่ยวให้เห็น
"ใช่!!ฉันเอง...ทำชูคอต่อกระซิก...เป็นแค่โสเภณีเถื่อนๆ...เจียมกะลาหัวไว้บ้างก็ดีนะเวลาโดนเขี่ยทิ้งจะได้ไม่ต้องเสียใจ"
เธอเหยียดหยามหญิงสาว อัญชันรู้สึกเหมือนถูกเด็กนักเรียนตามกลั่นแกล้งจึงไม่ได้สนใจ และเดินผ่านไป
ทว่ามือเรียวบางของซูซี่นั้นไวกว่ามากเธอคว้าผ้านิกอบของอัญขันไว้แล้วกระชากอย่างแรง ทำให้ผ้านั้นหลุดติดมือบางไป เผยให้เห็นเรือนผมสีน้ำตาลอ่อนยาวสลวยกับใบหน้างามหยดราวกับเดือนเพ็ญ ทำเอาสายตาของทุกคนที่อยู่ ระแวกนั้น ต่างจับจ้องหญิงสาวต่างชาติที่งดงามนั้นไม่วางตา
" คุณอัญ!!!" ริสากับเรนดอลก็ว่องไวกว่า นางดึงผ้าจากมือบางกลับมาคลุมผมให้หญิงสาว ส่วนเรนดอลนั้นรีบเข้าไปขวางเหล่าชายฉกรรจ์ที่ตัวใหญ่หยั่งกับยักษ์ปักหลั่นที่กำลังจะพุ่งกายเข้ามาหาริสานั้นไม่ให้เข้ามาทำร้ายอะไรหญิงสาวทั้งสองคน
" แล้วคนที่ดีแต่หมาหมู่แบบคุณมันดีกว่าโสเภณีตรงไหนกันคะ...แม้แต่เกียตริ์ยังไม่มีเสียด้วยซ้ำ" อัญชันตอกกลับจนอีกฝ่ายหน้าหงายเงิบ พลางรีบจูงมือริสาไปยังร้านกาแฟที่ไลอาร์กำลังรออยู่ ปล่อยให้แม่นางแบบซูซี่ยืนอ้าปากค้างที่โดนหญิงสาวเอาคืนอย่างเจ็บแสบ