ตอนที่ 9 ฉันจะคิดว่าคุณเชิญฉันไปที่บ้านของคุณ
ผู้หญิงคนนี้หน้าหนาจริงๆ อารมณ์เขาเริ่มคุกรุ่น
“คุณต้องการจะตื๊อผมไปอีกนานแค่ไหน” เฉิงฉีตงหยิบเอกสารที่อยู่ข้างตัวมาขึ้นมาพลิก หยิบปากกามองบลังค์ออกมาเซ็นเอกสาร “ผมไม่ได้มีเวลามากขนาดนั้นหรอกนะ”
เฉิงฉีตงไม่ได้เงยหน้าขึ้นมองเธอ ยวี่หว่านเห็นมือที่ถือปากกาของเขาดูเรียวยาวเห็นข้อต่อชัดเจน แขนเสื้อคลุมอาบน้ำถูกพับขึ้นสองทบ เผยให้เห็นเส้นเอ็นบนกล้ามแขน ลำคอและต้นแขนยังคงมีหยดน้ำที่เช็ดไม่แห้งจากการอาบน้ำหลงเหลืออยู่
“คุณเฉียวเคยได้ยินคำพูดประโยคนี้มั้ย?”
“คะ” นี่น่าจะเป็นครั้งแรกที่เฉิงฉีตงเรียกชื่อเธอ
“แตงที่ฝึนเด็ดมักไม่หวาน”
ยวี่หว่านเลิกคิ้วเล็กน้อย “แต่ถ้าฉันเด็ดได้สำเร็จฉันจะดีใจมาก ถึงจะเด็ดไม่ได้ แต่อย่างน้อยก็ต้องทำให้น้องสาวฉันหมดสิทธิ์ไป จริงมั้ยคะ?”
เฉิงฉีตงหยิบปากกาที่อยู่ในมือขึ้นมาหมุนเล่น ก่อนจะเงยหน้าขึ้นมองหน้าหญิงสาวแววตาราวกับปิดซ่อนบางสิ่งบางอย่างเอาไว้
“ผมเป็นคนรักความสะอาด ชอบผู้หญิงขาวสะอาด” เฉิงฉีตงพูดตรงไปตรงมา
“ถ้าจะพูดว่าความเป็นสาวพรหมจรรย์ไม่มีค่านั้นคงจะไม่น่าเชื่อ แต่คุณเฉิงคงไม่ได้ต้องการให้ฉันไปขอเอกสารไร้สาระนั่นที่โรงพยาบาลหรอกใช่มั้ยคะ?” คำพูดของยวี่หว่าดูจะตรงยิ่งกว่า
พูดจบ หญิงสาวก็ก้มหน้ามองดูเวลาบนนาฬิกาข้อมือ หล่อนนัดกับซานซานตอนบ่ายสามโมงครึ่งที่โรงแรมแห่งนี้เพื่อดื่มชายามบ่ายด้วยกัน ตอนนี้ก็จวนจะได้เวลาแล้ว แม้หล่อนจะพูดกับเฉิงฉีตงต่อไปก็คงไม่มีอะไรดีขึ้น
“คุณเฉิงคะ เรื่องของเรายังมีเวลาอีกนาน คุณคืนบัตรประจำตัวประชาชนให้ฉันตอนนี้ได้มั้ยคะ คือเมื่อคืนฉันลืมไว้ที่บ้านของคุณ”
หญิงสาวยื่นมือเรียวยาวขาวเนียนไปตรงหน้าเขา
“คุณคิดว่าผมจะพกบัตรของคุณติดตัวไปไหนมาไหนเหรอ” เฉิงฉีตงพูดด้วยความขี้เกียจและหงุดหงิด
นั่นนะสิ เขาจะพกบัตรประจำตัวประชาชนของเธอมาได้ยังไง
“งั้นฉันจะคิดว่าคุณกำลังเชิญฉันไปที่บ้านของคุณก็แล้วกันนะคะ” ยวี่หว่านพูดออกไปก็คิดว่าตัวเองหน้าไม่อายเลย แต่ว่าหล่อนจำเป็นต้องทำแบบนี้ ก็เหมือนเหตุการณ์เมื่อสองปีที่แล้ว เพราะหล่อนมัวแต่คิดถึงหน้าตาของตัวเอง ไม่ยอมไปอ้อนวอนขอความช่วยเหลือจากมู่เฉิงเหยียนให้เป็นพยานให้หล่อน หลังจากเข้าคุกมานั่งเสียใจทีหลังก็สายไปแล้ว
เธอไม่สนว่าเฉิงฉีตงจะมองเธออย่างไร หันหลังให้แล้วเดินออกจากห้องไปทันที
พอก้าวออกจากห้อง หญิงสาวก็รู้สึกว่าตัวเองขาอ่อนไปหมด
การเสแสร้งทำเป็นไม่กลัวอะไรที่แสดงออกต่อหน้าชายหนุ่ม แต่ความเป็นจริงแล้วกลับไม่ได้เป็นเช่นนั้นเลย หล่อนกังวลจะตายอยู่แล้ว แต่หล่อนรู้เพียงว่าถึงเฉิงฉีตงไม่เลือกหล่อน แต่ก็ต้องไม่เลือกลู่อี้หนงเช่นกัน
*
ล็อบบี้ของโรงแรมปินเฉิงเมีกาแฟยามบ่ายไสตล์ฝรั่งเศส ยวี่หว่านใช้ช้อนเงินคนกาแฟอย่างช้าๆ พลางฟังซานซานบ่นไป
“ยวี่หว่าน แกต้องคิดให้ดีนะ ระหว่างเฉิงฉีตงกับลู่อี้หนงมีการหมั้นกันไว้แล้ว ถ้าแกจะแต่งงานกับเฉิงฉีตง คนนอกจะมองว่าแกเป็นมือที่สาม”
ซานซานหรือชื่อจริงคือเซิ่นเฉิน แต่เพราะคำว่าเฉิน(岑)นั้นข้างบนมีตัวซาน(山) ซึ่งสมัยเรียนอนุบาลยวี่หว่านไม่รู้จักตัวอักษรตัวนี้ จึงเรียกเธอว่า”ซานซาน”มาตลอดเวลาสิบกว่าปีแล้ว
ก็จริง เฉียวหลานซินกับพ่อของเฉิงฉีตงเป็นเพื่อนนักธุรกิจกันมานาน หลายปีก่อนจึงได้ตกลงหมั้นหมายทั้งสองคนให้แต่งงานกัน