webnovel

เผยตัวตนลับ จับหัวใจเธอ

ด้วยว่าพ่อแม่หย่าร้างกันตั้งแต่ยังเล็ก และ ฉินหร่าน ไม่ใช่เด็กประพฤติดี นอกจากจะไม่ตั้งใจเรียนจนผลการเรียนย่ำแย่แล้ว เธอยังหัวรั้นและก่อเรื่องทะเลาะวิวาทจนโดนพักการเรียนไปเป็นปี แตกต่างจาก ฉินอวี่ น้องสาวที่เป็นนักเรียนดีเด่นผู้แสนเพียบพร้อมราวฟ้ากับเหว ด้วยเหตุนี้แม่ของเธอจึงเลือกพาน้องสาวไปอยู่ด้วยเพียงคนเดียวและทิ้งฉินหร่านเอาไว้ท่ามกลางชนบท ปล่อยให้เธอเติบโตเพียงลำพังในความดูแลของคุณยายวัยชรา สองยายหลานร่วมทุกข์ร่วมสุขกันมาสิบสองปี จนกระทั่งวันหนึ่งคุณยายเกิดป่วยหนักอาการโคม่าต้องส่งตัวไปยังโรงพยาบาลในเมือง ครอบครัวฉินจึงได้กลับมาพบหน้ากันอีกครั้ง เมื่อคุณยายไม่สามารถดูแลฉินหร่านด้วยตัวเองได้ต่อไปได้อีก แม่ของเธอจึงอาสารับเลี้ยงเธอไว้แทน กระนั้นก็ยังไม่วายเหน็บแนมหญิงสาวอยู่ตลอดว่าอย่าทำตัวน่าขายหน้า ให้เอาอย่างฉินอวี่ผู้เป็นน้องบ้าง กระนั้นกลับไม่มีใครล่วงรู้เลยว่านอกจากฉินหร่านจะมีใบหน้างดงามเกินเด็กอายุรุ่นราวคราวเดียวกันแล้ว เธอยังมีอีกหนึ่งตัวตนปริศนาที่ซุกซ่อนเอาไว้อยู่ เพราะใครกันล่ะที่ทำข้อสอบกากบาททุกข้อแล้วผลคะแนนสอบจะออกมาได้เท่ากับศูนย์ในทุกๆ วิชา เธอโง่จริงๆ หรือว่าตั้งใจกันแน่... เช่นเดียวกับ เฉิงเจวี้ยน หมอหนุ่มประจำโรงเรียนที่แสนธรรมดาคนนั้น ทว่า...เขาเป็นแค่หมอประจำโรงเรียนจริงหรือ เมื่อโชคชะตานำพาให้คนสองคนที่ปกปิดตัวตนของตัวเองเอาไว้ได้มาพบกัน หน้ากากของใครจะถูกกระชากออกมาก่อนนะ

อีลู่ฝานฮวา · Urban
Not enough ratings
745 Chs

ตอนที่ 7

ตอนที่ 6 การเผชิญหน้า

เกาหยางเป็นอาจารย์หัวหน้ากลุ่มวิชาคณิตศาสตร์แห่งโรงเรียนอีจง

เขาได้นำนักเรียนชั้นม.สี่ไปสอบแข่งขันคณิตฯเมื่อปีที่แล้ว

“อาจารย์ใหญ่ครับ” เกาหยางผลักประตูให้เปิดออก ใบหน้าพ่วงพีของเขาดูทุลักทะเล ก่อนจะเอ่ยปากถามขึ้นว่า “อาจารย์อยากให้ผมตรวจข้อสอบอะไรเหรอครับ”

อาจารย์ใหญ่สวีเปิดลิ้นชักแรกแล้วหยิบหนังสือออกมาหนึ่งเล่ม

มันคือหนังสือเรื่อง “เด็กเก็บว่าว”

มีรอยเปื้อนสีแดงเลอะอยู่ที่ด้านข้างของหนังสือ ซึ่งดูๆ แล้วเหมือนเป็นรอยเลือดที่แห้งกรัง

ชายผู้สูงวัยเอื้อมมือไปปัดหน้าปก

เขาก้มหน้ามองหนังสือเล็กน้อย นิ้วมือวางอยู่บนหน้าปก แล้วจึงหยิบกระดาษหนึ่งแผ่นออกมาจากเล่มหนังสือ ความรู้สึกอาวรณ์เล็กๆ เหมือนจะฉายแววออกมาจากนิ้วมือของอาจารย์ใหญ่

“ดูนี่สิ” ชายวัยกลางคนส่งกระดาษแผ่นนั้นให้อาจารย์คณิตศาสตร์

ม้วนกระดาษที่สภาพค่อนข้างเก่านี้ถูกพับม้วนไว้เป็นอย่างดี

หลังจากกระดาษถูกคลี่ออกออก รอยย่นเล็กน้อยปรากฏบนพื้นผิวส่วนที่ถูกม้วนไว้ราวกับมันถูกขยำให้เป็นก้อนก่อนหน้านี้

อาจารย์ชายมองดูกระดาษด้วยความรู้สึกประหลาดใจเป็นอย่างมาก

นี่คือข้อสอบโอลิมปิกระหว่างประเทศปีที่แล้ว เกาหยางมีหน้าที่ดูแลเด็กโอลิมปิกคณิตศาสตร์ของปีก่อน และได้ฝึกโจทย์มากมายหลายข้อ เขาต้องทำข้อสอบนี้ถึงสามครั้งกว่าจะหาคำตอบได้

ตอนมองผ่านๆ ครั้งแรก อาจารย์เกาเห็นเพียงตัวอักษรโยเยที่เรียงตัวกันในแนวดิ่ง เส้นหนาบางของหมึกดูไม่เท่ากัน และเส้นของอักษรแม้จะขยุกขยิก แต่เขียนอย่างอิสรเสรี

แสดงถึงความตั้งใจและการปลดปล่อยอารมณ์จากภายในสู่ภายนอก

แค่มองดูจากภายนอก ครูชายก็แทบจะเห็นภาพว่าเจ้าของลายมือนี้จับปากกาอย่างไร คนคนนั้นต้องมีทั้งความเยือกเย็น และความบ้าคลั่งที่ระเบิดออกมา มันเหมือนว่าคนผู้นั้นกำลังส่งยิ้มให้เขาอยู่ห่างๆ

ข้อสอบโอลิมปิกคณิตศาสตร์นี้มาจากการแข่งขันโอลิมปิกระหว่างประเทศเมื่อปีที่แล้ว และหาไม่ได้จากออนไลน์

เขาเองก็ศึกษาหาคำตอบของข้อสอบชุดนี้มาตั้งแต่ปีกลาย เพราะอย่างนั้น เขาจึงดูข้อสอบทั้งชุดได้อย่างรวดเร็ว คำตอบส่วนมากในส่วนแก้โจทย์ต่างจากวิธีแก้ที่ผู้เป็นครูอย่างเขาเคยเห็นมา แต่ทิศทางโดยรวมถือว่ามาถูกทาง

บนข้อสอบมีคำถามอยู่เพียงไม่กี่ข้อ แต่ครูร่างท้วมกลับจ้องมองมันอยู่นานสองนาน

“ผมไม่ค่อยรู้เรื่องการสอบโอลิมปิกวิชาการนัก เลยอยากให้คุณช่วยดูหน่อยว่าเด็กคนนี้หน่วยก้านเป็นไงบ้าง”

อาจารย์ใหญ่รินชาแล้วยื่นถ้วยให้เกาหยาง

เขารับถ้วยมา แต่ยังไม่ได้ดื่มทันที อาจารย์เกายังคงถือชุดข้อสอบในมือ แล้วจ้องต่อไปอีกครู่ใหญ่

“อาจารย์ใหญ่สวีครับ ใครเป็นคนทำข้อสอบชุดนี้กัน เด็กในโรงเรียนเราหรือครับ”

ชายอาวุโสมิได้ตอบ เขาถือถ้วยชาแล้วถามด้วยน้ำเสียงเบาๆ แล้วถอนหายใจ “ทำออกมาได้ดีหรือเปล่าล่ะ”

“ยิ่งกว่าดีซะอีกครับ” เกาหยางตอบด้วยน้ำเสียงใคร่รู้ระคนเสียดาย “นี่ถ้าผมได้เจอตัวเด็กคนนี้สักสองปีก่อนหน้านี้ เหรียญทองต้องตกเป็นของโรงเรียนเราอย่างแน่นอน”

อาจารย์ใหญ่เพียงยิ้มแต่ไม่ได้พูดตอบคำถาม

อาจารย์ชายทนไม่ไหวจนต้องถามขึ้นมาอีกครั้ง “เด็กคนนี้เป็นเด็กในโรงเรียนเราหรือครับ”

นักเรียนที่เก่งคณิตศาสตร์ที่สุดคือ สวีเหยากวง นักเรียนในห้องของเขา อีกคนคือ หลินจิ่นเซวียนที่เรียนจบไปแล้ว แต่สองคนนี้ก็ยังเทียบไม่ได้กับผู้ที่ทำข้อสอบชุดนี้

หากเด็กคนนี้อยู่ในโรงเรียนนี้จริง พวกเขาจะต้องสร้างสถิติใหม่ได้แน่

แต่มันดูจะเป็นไปไม่ได้ เพราะเขาไม่รู้ว่าบุคคลปริศนานี้คือใคร

**

ณ ห้องพยาบาลของโรงเรียน

กรอบประตูสีเทาล้วนธรรมดาๆ เปิดแง้มอยู่

ห่างไปไม่ไกล กลุ่มวัยรุ่นสาวในชุดพละฯหัวเราะคิกคักไปมา ขณะที่มองมาที่ห้องพยาบาลของโรงเรียน

ราวกับมีสมบัติอยู่ในนั้น

ลู่จ้าวอิ่งจับตุ้มหูที่ส่องแสงเป็นประกายบนหูด้านซ้าย เขายิ้มพลางไล่เด็กสาวคนที่ยี่สิบสามออกไปช่วงเช้านี้ ก่อนจะหันหน้าไปยิ้มกระตุกปากให้เฉิงเจวี้ยนที่นอนอยู่บนโซฟา “เรตติงคุณยังแรงดีไม่มีตกเลยนะครับเนี่ย...”

ผู้เป็นนายดึงผ้าห่มมาคลุมหน้าไว้

“หุบปาก ห้ามส่งเสียง”

ลูกน้องหนุ่มทำท่ารูดซิปปากตัวเอง

เขาเงยหน้าขึ้นไปดู “เด็กคนนี้สวยดีแฮะ”

ลู่จ้าวอิ่งรีบเปลี่ยนท่า แล้วเก๊กทันที

เขาถือปากกาดำไว้ในมือ ทักทายแบบขอไปที ก่อนทำเป็นถามด้วยเสียงเข้ม “ว่าไงครับคุณ วันนี้ป่วยเป็นไรล่ะ”

ฉินหร่านมองผ่านเขาไปยังยาที่อยู่ในตู้ “มียานอนหลับหรือเปล่า”

น้ำเสียงเด็กสาวไม่ได้เย็นชา แต่ทว่าก็ไม่ได้อบอุ่นเช่นกัน

“ยานอนหลับเหรอ” มีนักเรียนหญิงหลายคนที่ทำมาเป็นขอยาเพราะอยากจะเจอหน้าเฉิงเจวี้ยน แต่เด็กสาวคนนี้เป็นคนแรกที่มาที่นี่เพื่อขอยาจริงๆ

ผู้ช่วยหนุ่มรู้สึกว่าเป็นเรื่องที่พบได้ยากจริงๆ “ยานอนหลับเป็นยาที่ต้องจ่ายตามคำสั่งแพทย์ ฉันให้เธอไปไม่ได้หรอก...”

จู่ๆ ก็มีเสียงทุ้มต่ำพูดแทรกขึ้น “กี่เม็ด”

ลู่จ้าวอิ่งรีบหันขวับไปดู

นิ้วมือยาว เกลี้ยงเกลาของเจ้านายเขาหยุดอยู่ที่กล่องใส่ยานอนหลับ คุณหมอหันไปมองหน้าเด็กสาว

“สิบเม็ด” เธอมองที่กล่องยา

หมอหน้าหล่อพยักหน้า เขานับยามาสิบเม็ดก่อนจะห่อมันในกระดาษขาว แล้วยื่นให้ฉินหร่าน

เธอรับยามา

คุณหมอหนุ่มไม่คิดว่าการจ่ายยาจะง่ายดายขนาดนี้ เธอถือยาไว้ แล้วนิ่งไปครู่หนึ่ง ก่อนจะมองไปที่หมอหน้าหล่ออีกครั้ง “ขอบคุณค่ะ”

เด็กสาวคนสวยค่อยๆเก็บยา ใบหน้าเธอสวยมาก แต่กลับเป็นไร้ความรู้สึกใดๆ คิ้วที่เรียงตัวกันเป็นระเบียบคู่นั้นไม่สามารถปกปิดนิสัยแปลกๆ ของเธอได้

ดวงตาของเธอเหมือนมีสีแดงเหมือนเลือดจางๆ เจออยู่ ที่แน่ๆ มันไม่ใช่สีขาว แม้จะดูนิ่งแต่กลับมีแววของความบ้าคลั่งและดุร้ายอยู่ในตาคู่งามนั้น

เธอสวมเพียงเสื้อยืดสีขาวธรรมดาเผยให้เห็นไหปลาร้าที่อยู่ใกล้ปกเสื้อ ผิวเธอขาวผ่องเปล่งประกายจนเห็นเส้นเลือดสีเขียวอมม่วงได้รางๆ

เฉิงเจวี้ยนมองดูใบหน้าสวยๆ นั้นจากด้านข้าง แล้วยิ้มออกมา

“ยินดี รับยาที่มีใบสั่งต้องเซ็นชื่อด้วยนะ” เขาเอ่ยขึ้น

แล้วก็เลื่อนกระดาษให้

เด็กสาวจับปากกาด้วยมือซ้าย แล้วเซ็นชื่อ

หมอหนุ่มก้มลงมองดูชื่อ “ฉินหร่าน”

พอเด็กคนนั้นเดินจากไป ลูกน้องหนุ่มหันกลับมาถาม “รู้จักเธอเหรอครับ”

ผู้เป็นนายหรี่ตาเล็กน้อย ก่อนยิ้มมุมปาก “เอวบางดีแท้”

“อะไรนะครับ”

เฉิงเจวี้ยนไม่ได้พูดอะไรต่อ

“มีอะไรหรือเปล่าเนี่ย” ลู่จ้าวอิ่งลูบคางไปมา พร้อมยิ้มเจ้าเล่ห์

คุณหมอมองดูลายมือไก่เขี่ยบนใบบันทึกการรับยา แล้วพูดออกมาอย่างสบายใจ “ฉันเป็นหมอของโรงเรียนนี้ นี่เป็นหน้าที่ของฉัน”

ลูกน้องหนุ่ม “...” นี่เพิ่งจะจำได้ว่าตัวเองเป็นหมอที่นี่เหรอเนี่ย

กลุ่มนักเรียนหญิงผลักประตูสีเทาให้เปิดออกเต็มที่

ผู้ช่วยหนุ่มมองหน้าเจ้านายเขา

คุณหมอหันหลังกลับ

แล้วเขาก็พูดออกมาสั้นๆ “ห้ามส่งเสียง”

ลู่จ้าวอิ่ง “…”

เฉิงเจวี้ยนมองตามทิศทางที่ฉินหร่านเดินจากไป นอกจากจะสวยจนเตะตาแล้ว เขามองไม่เห็นอะไรพิเศษเกี่ยวกับเด็กสาวคนนี้ ลายมือเธอขี้เหร่ยังกะไก่เขี่ย แต่มันก็แอบน่ารักเบาๆ

นี่นายน้อยเจวี้ยนคงไม่ทิ้งผู้หญิงเริ่ดๆ ที่คอยไล่ตามเขาในเมืองหลวง เพื่อมาชอบเด็กคนนั้นหรอกนะ

**

ชั้นเรียน 3/9 ทั้งปลาและมังกรมานั่งจับกลุ่มกัน

อยู่ที่โต๊ะหลังห้อง

เด็กหนุ่มคนหนึ่งพิงโต๊ะ แล้วทำท่ากระซิบกระซาบ “นายน้อยสวี ผมไปสืบมาแล้ว ที่คุณดาวโรงเรียนฉินอารมณ์เสียตอนเช้าเพราะเรื่องพี่สาวเธอน่ะครับ ลุงหลินคิดว่าตัวเองเป็นใครกัน ทำไมเขาถึงให้เด็กคนนั้นมาเรียนที่อีจงจนทำให้คุณฉินสุดสวยต้องลำบากใจด้วย” เขาถูคางแล้วพูดต่อ “ผมได้ยินมาว่าเด็กคนนั้นไม่ได้เรียนมาปีหนึ่งเพราะไปก่อเรื่อง ดูสิว่าเธอแย่ขนาดไหน”

โรงเรียนอีจงยังมีกลุ่มนักเรียนหญิงจอมแกล้งด้วย ซึ่งหน้าตาพวกเธอส่วนใหญ่ดุดัน เมื่อเทียบกับความสวยของเด็กหน้าตาดีทั่วไปแล้ว ถือว่าสองกลุ่มนี้ต่างกันมหาศาล

เด็กหนุ่มคนนั้นหัวเราะอย่างเย้ยหยัน “ดูเหมือนยัยเด็กใหม่จะมาที่อวิ๋นเฉิง และอยากมาเรียนที่อีจงเพราะดาวโรงเรียนฉินคนสวยเท่านั้น”

สวีเหยากวงหยิบสมุดออกมาหนึ่งเล่ม แล้วโยนไปบนโต๊ะจนเสียงดังปัง! เขาพูดเนิบๆ “ภาพวาดของเสือสุดท้ายก็กลายเป็นแค่หมา”

กระดิ่งโรงเรียนยังไม่ดัง

เกาหยางเดินเข้ามาในห้องเรียนพร้อมแผนการสอนล่วงหน้าในมือ เขายิ้มหน้าระรื่น “วันนี้ห้องสามทับเก้าของเราจะมีสมาชิกใหม่มาอยู่ด้วย ทุกคน ต้อนรับเพื่อนใหม่กัน!”