webnovel

ตอนที่ 52 บอกลากันเช่นนี้

ตอนที่ 52 บอกลากันเช่นนี้!

ตอนนี้บนใบหน้าเฟิ่งจิ่วหาได้มีความแหนงหน่ายเช่นยามปกติไม่ เธอใช้มือหนึ่งกดตรงหัวใจเขา ในดวงตามีความตั้งมั่น เธอพูดด้วยน้ำเสียงหนักแน่น “เขาเคยช่วยข้าไว้ ข้าจะให้เขาตายไม่ได้”

หงส์ไฟน้อยถูกสีหน้าของเธอดึงดูดไว้ เขาจึงต้องเอ่ยถามเสียงเบา “เจ้าคิดจะช่วยเขายังไง? พิษเหมันต์พันปีนี้ ต่อให้เป็นข้าก็ไม่อาจช่วยเขาได้หรอกนะ”

“ไม่ เจ้าช่วยเขาได้” เฟิ่งจิ่วส่งรอยยิ้มที่ค่อนข้างมีนัยยะให้เขาในทันที

เมื่อได้ยินเช่นนั้น หงส์ไฟน้อยก็กระพริบตาปริบๆ อย่างสงสัยเล็กน้อย ขณะที่กำลังจะถามว่าเธอหมายถึงอะไร? ก็เห็นเธอแก้เสื้อผ้าของหลิงโม่หานออก เผยให้เห็นแผงอกเขาที่เต็มไปด้วยน้ำแข็งสีขาว และสองมือที่มีพลังเร้นลับเคลือบแฝงก็กดทับลงตรงจุดเส้นประสาทบนร่างเขา

“มานี่สิ” เธอพลันหยุดมือลง แล้วมองไปทางหงส์ไฟน้อย

“หา? ทำอะไรน่ะ?” แม้จะไม่เข้าใจ แต่หงส์ไฟน้อยก็ยังลุกยืนขึ้นเดินเข้าไปตรงข้างๆ เธอ

เฟิ่งจิ่วผุดรอยยิ้มอ่อนโยนอย่างไม่เข้าท่านักไปทางหงส์ไฟน้อย พอเห็นเขาขนลุกขนพองขึ้นมา แต่ในเวลาต่อมา เขาก็กลับส่งเสียงร้องคร่ำครวญ

“อ๊า! มือข้า! มือข้าเลือดไหลแล้ว... เจ้า เจ้าผู้หญิงคนนี้ เจ้ากำลังทำอะไรกันแน่!”

เขามองเธอด้วยความขุ่นเคือง ใจเขารู้สึกน้อยเนื้อต่ำใจอย่างมาก

“ยืมเลือดเจ้ามาลองใช้นิดเดียว แค่แผลเล็กๆ ใช้เลือดไม่เท่าไหร่หรอก” เธอดึงมือเขามาตรงริมฝีปากหลิงโม่หาน แล้วใช้เลือดที่ไหลจากนิ้วหยดลงในปากเขา

เมื่อเลือดของหงส์ไฟน้อยเข้าไปในปากเขา ไอเย็นบนร่างก็ค่อยๆ สลายไป ราวกับถูกกดเอาไว้ ร่างกายเขามีไอร้อนพวยพุ่ง และไอร้อนนั้นก็ทำให้เรือนร่างแข็งทื่อได้รับความอบอุ่น ร่างกายที่เดิมทีเคยขดตัวม้วน ในที่สุดก็จะไม่หดตัวอีกแล้ว

“เลือดข้าได้ผลขนาดนี้เลยรึ?” ตอนนี้เขาเพิ่งรู้ว่าคำพูดก่อนหน้านี้ของเธอ ที่แท้ก็หมายความเช่นนี้

พอเห็นว่าในที่สุดเขาก็อุ่นขึ้นแล้ว เฟิ่งจิ่วถึงจะถอนหายใจออกมาเบาๆ ก่อนจะอธิบายว่า “เจ้าเป็นหงส์ไฟในตำนาน เลือดของหงส์ไฟนั้นร้อนแรงที่สุด จึงกดพิษเหมันต์ในร่างเขาได้เป็นธรรมดา”

ระหว่างที่พูด ก็ลูบศีรษะเล็กๆ ของเขา เธอพูดอย่างยิ้มๆ “ขอบใจเจ้ามากนะ ถือว่าเจ้าช่วยข้าตอบแทนคนผู้นี้”

“หึ!” หงส์ไฟน้อยเบือนหน้าอย่างไม่สบอารมณ์เท่าไหร่ แต่ในใจกลับเบิกบานเพราะคำพูดของเธอ

“เจ้าคิดจะให้เขาอยู่ที่นี่อีกนานแค่ไหนกัน? หากเขาตื่นมาจะทำยังไง?”

“ด้านนอกมีคนกำลังตามฆ่าเขา รอสักพักจนคนพวกนั้นเดินไปไกล ข้าค่อยพาเขาออกไป ไอเย็นในตัวเขาถูกกดไว้ คงใกล้จะฟื้นแล้ว ด้วยฝีมือของเขาขอแค่ตื่นขึ้นมาก็คงไม่มีปัญหาอะไร”

ได้ยินเช่นนั้น หงส์ไฟน้อยถึงจะไม่พูดอะไรอีก

และเฟิ่งจิ่วก็ทำจริงอย่างที่เธอพูด หลังจากผ่านไปครึ่งชั่วยาม เธอก็พาเขาออกไปวางไว้บนพื้นหญ้า

“ท่านอา ถือว่าข้าช่วยชีวิตท่านแล้ว ข้ายังมีธุระ เลยต้องจากลากันเช่นนี้” เห็นขนตาเขาขยับน้อยๆ ก็รู้ว่าเขากำลังจะฟื้นขึ้นมา เธอจึงใช้ฝีเท้าแปลกประหลาดวิ่งเข้าไปในป่าทันที...

พอเธอไปได้ไม่นาน หลิ่งโม่หานก็ฟื้น ในหัวเขายังมีเสียงขอทานน้อยผู้นั้นสะท้อนอยู่เลือนราง

เขามองร่างกายตัวเองที่ฟื้นคืนดังเดิมอย่างแปลกใจเล็กน้อย รู้สึกว่าไอเย็นจะถูกกดไว้ เขาตกตะลึงอยู่ในใจ แต่เมื่อมองไปรอบๆ ก็กลับไม่เห็นเงาของขอทานน้อยซะแล้ว...

ส่วนเฟิ่งจิ่ว เพราะกังวลว่าเจ้ายักษ์โง่อย่างกวนสีหลิ่นจะยังรอเธออยู่ที่นั่น ตลอดคืนเธอจึงรีบเร่งกลับไปที่เดิมนั้น ขณะที่ท้องฟ้าสว่าง ในที่สุดก็มาถึงใต้ต้นไม้ใหญ่ เมื่อไม่เห็นเงาร่างเขาอยู่ที่นั่น เธอก็แอบถอนหายใจอย่างอดไม่ได้

“ดูเหมือนจะไปแล้วสินะ ก็ดี ข้าจะได้ไม่ต้องคอยพะวง ว่าเขาจะยังโง่รออยู่ที่นี่”

ทว่าพอพูดไปเช่นนั้น เธอก็ได้ยินเสียงร้องอันคุ้นเคยดังลอยมาอยู่ไม่ไกล และยังมีเสียงขู่คำรามของสัตว์ร้าย...

…………………………………………………….