webnovel

เงารักในรอยใจ

เรื่องเมื่อสี่ปีก่อนทั้งหมดเป็นเพียงความผิดพลาด จี้อี้ แอบชอบ 'เขา' มาโดยตลอด เธอหวังว่าเขาจะชอบเธอบ้าง แต่หลังจากงานเลี้ยงจบมัธยมปลาย ค่ำคืนที่เธอคิดว่าเป็นคืนสุดแสนโรแมนติกกลับกลายเป็นความเพ้อฝันอันว่างเปล่า ... “ถ้าคืนนั้นฉันไม่เมา เธอคิดหรือว่าฉันจะแตะต้องตัวเธอ” “เพราะงั้นเธอบอกราคามาดีกว่า สรุปแล้วคืนนั้นจะเอาเท่าไหร่ เธอถึงจะยอมแล้วกันไป ทำเหมือนเรื่องนี้ไม่เคยเกิดขึ้น” ... ไม่ว่าจะผ่านไปนานแค่ไหน ขณะที่เธอคิดว่าตัวเองสามารถลืมเขาได้แล้ว แต่ทุกครั้งกลับพบว่าในส่วนที่ลึกที่สุดในหัวใจกลับมีเงาของเขาอยู่ตรงนั้นเสมอ

เย่เฟยเย่ · Urban
Not enough ratings
1075 Chs

007

บทที่ 7

ห้องขนาดใหญ่ ครู่เดียวก็เหลือจี้อี้เพียงคนเดียว

เธอยังไม่รีบลุกออกไปทันทีแต่ยังคงนั่งนิ่งอยู่ในท่าเดิม หญิงสาวนั่งต่อเงียบๆบนเก้าอี้ของร้านอาหาร ผ่านไปครู่หนึ่งเธอก็ลืมตาขึ้นสายตามองเก้าอี้ที่เฮ่อจี้เฉินเพิ่งนั่งเมื่อครู่  เธอจ้องมองตรงนั้นอยู่นาน จ้องจนรู้สึกว่านัยน์ตาพร่าเบลอ

บริกรเก็บของบนโต๊ะเสียงค่อนข้างดัง ชามกระเบื้องกระทบกันจนเกิดเสียงดังชัดเจน จี้อี้ที่กำลังนั่งเหม่ออยู่สะดุ้ง และกระพริบตาเบาๆเพราะจ้องอยู่ตรงนั้นเป็นเวลานานจึงรู้สึกปวดตา เธอลุกขึ้นยืนสะพายกระเป๋าแล้วเดินออกจากอวี้หวาถาย

เธอโบกรถแท็กซี่กลับมาที่มหาวิทยาลัย จี้อี้ไม่ได้รีบเดินกลับไปที่หอพักในทันที แต่เดินตรงไปที่สนามกีฬา

บนสนามกีฬามีกลุ่มคนกำลังเตะฟุตบอลกันอยู่ เสียงร้องตะโกนดังไปทั่วบริเวณ จี้อี้เดินอ้อมกลุ่มคนกลุ่มนั้น แล้วเดินตรงเข้าไปข้างในของสนามกีฬา หาที่ที่เงียบสงบและไม่มีคนพร้อมกับนั่งลง

จี้อี้ตกอยู่ในสภาวะที่สติไม่อยู่กับเนื้อกับตัวอย่างรุนแรง ขนาดตัวเธอเองก็ยังไม่รู้ว่าตัวเองกำลังคิดอะไรอยู่ ในหูได้ยินคำพูดที่หลินหย่าพูดในคืนนี้ว่า “ฉันขอแนะนำให้ทุกคนได้รู้จัก เขาคือเพื่อนของฉัน เฮ่อจี้เฉิน"

เฮ่อจี้เฉิน...จี้อี้จิกเล็บลงไปบนฝ่ามืออย่างไม่รู้ตัว ความเจ็บปวดที่แผ่ซ่านบนฝ่ามือทำให้เธอจำเป็นต้องเชื่อว่าเรื่องในคืนนี้ไม่ใช่ความฝันแต่มันเกิดขึ้นจริงๆ หลังจากสี่ปีผ่านไป คาดไม่ถึงว่าเธอจะได้พบกับเฮ่อจี้เฉินอีก

ความเจ็บปวดรุนแรงที่ไม่สามารถบรรยายออกมาเป็นคำพูดได้ลุกลามไปทั่วร่างของจี้อี้ เรื่องราวเมื่อสี่ปีก่อนทุกฉากทุกตอนยังคงชัดเจนราวกับมาฉายซ้ำอยู่ตรงหน้า

เคยมีคนบอกว่า เวลาคือสิ่งที่สามารถเยียวบาดแผลได้ดีที่สุด ผ่านมาตั้งสี่ปีแล้ว จี้อี้เองก็เคยคิดว่าเรื่องในอดีตเหล่านั้นคงจะถูกกาลเวลาที่ยาวนานทำให้จางหายไป แต่เมื่อเฮ่อจี้เฉินมาปรากฏตัวต่อหน้าเธอจริงๆ เธอถึงเพิ่งรู้ว่าบาดแผลและความเจ็บปวดเหล่านั้น แท้จริงแล้วแอบซ่อนอยู่ในภายในส่วนลึกของเธอมาโดยตลอด

จี้อี้ต้องใช้แรงกายอย่างมากถึงสามารถปรับอารมณ์ของตนเองได้ เดิมทีเธออยากอยู่ในสนามกีฬาคนเดียวเงียบๆต่อไปอีกหน่อย ทว่าใครจะรู้ว่าอยู่ๆฟ้าก็ร้องพร้อมกับเม็ดฝนที่โปรายปรายลงมาจากท้องฟ้า

เดือนสิบในปักกิ่ง ตอนกลางคืนมักจะมีฝนตกกะทันหันอยู่บ่อยครั้ง จี้อี้รีบลุกขึ้น แล้ววิ่งกลับไปที่หอพักทันที

ไม่นานก็ถึงประตูหอพัก จี้อี้มองเห็นปั้วเฮ่อเธออยากจะตะโกนเรียก ทว่าวินาทีต่อมาเธอก็เห็นเงาร่างที่คุ้นเคย

เป็นเฮ่อจี้เฉิน เขากำลังกางร่มให้หลินหย่าเพื่อส่งเธอกลับหอพัก

จี้อี้ไม่สนใจฝนที่กำลังเริ่มตกหนัก เธอหยุดเดินทันทีแล้วมองไปรอบๆ หญิงสาวก้าวถอยหลังไปหลบอยู่หลังเสาไฟฟ้า

เฮ่อจี้เฉินและหลินหย่าเดินค่อนข้างช้า รอกระทั่งปั้วเฮ่อและเพื่อนผู้หญิงอีกสองสามคนที่ไปกินอาหารค่ำด้วยกันบอกลาเรียบร้อยและวิ่งเข้าไปในตึกแล้ว คนทั้งสองจึงเดินไปที่บันไดทางเข้าของหอพัก

เฮ่อจี้เฉินและหลินหย่าหยุดเดิน

หลินหย่าไม่รีบเข้าไปในหอพัก เธอหันมาคุยกับเฮ่อจี้เฉิน

เพราะระยะทางที่อยู่ห่างกันค่อนข้างไกล อีกทั้งเสียงของฝนก็ดังมาก ทำให้จี้อี้ไม่ได้ยินว่าพวกเขากำลังคุยอะไรกัน แต่เธอก็เห็นว่าพวกเขากำลังพูดคุยกันอย่างมีความสุข รอยยิ้มที่ประดับอยู่บนใบหน้าของหลินหย่าเป็นประกายเจิดจ้า

เสื้อผ้าบนร่างของจี้อี้เปียกโชกไปทั่วทั้งตัว ลมพัดเอาความเย็นเข้ามา ทำให้จี้อี้ที่กำลังหนาวสั่นไปทั้งตัว

ตอนที่จี้อี้กำลังใกล้จะทนไม่ไหวนั้น ในที่สุดหลินหย่าก็ก้าวขึ้นบันไดด้านหน้าของหอพักไป

รอจนกระทั่งหลินหย่าเดินลับไปแล้ว เฮ่อจี้เฉินถือร่มยืนอยู่หน้าประตูหอพักหญิงอยู่อีกครู่หนึ่ง จึงค่อยหันกลับหมายจะเดินจากไป