หลังจัดเตรียมกระเป๋าเสร็จสายฝนก็ทำการค้นหาข้อมูลทะเลในอินเทอร์เน็ต เขาพบว่ามีทะเลอยู่สามแห่งใกล้ๆ สายฝนตัดสินใจไปแถวๆนี้ก่อน
'มันควรใช้เวลานานกว่าฉันจะหาวิธียกระดับเจอ' สายฝนคิด เขาตะโกนถามดารินทร์ว่าจัดกระเป๋าเสร็จหรือยัง เธอตอบกลับมาว่ายังไม่เสร็จ
สายฝนอดคิดไม่ได้ 'สมกับเป็นลูกคุณหนูจริงๆแค่จัดกระเป๋าก็ใช้เวลานานขนาดนี้แล้ว เธอคงไม่เคยทำอะไรแบบนี้มาก่อนสินะ' สายฝนบอกให้สาวน้อยรีบจัดกระเป๋าให้เสร็จ
เขาเดินออกจากบ้านและไปหาเพื่อนบ้านใกล้ๆ สายฝนบอกกับเหล่าเพื่อนบ้านว่าหลายวันนี้เขาจะไม่อยู่บ้าน ถ้าไม่เห็นออกมาไม่ต้องตกใจ ไม่ต้องเรียกตำรวจให้หาเขา
พวกเพื่อนบ้านพยักหน้าเข้าใจ พวกเขาเป็นมิตรกับสายฝนมาก ตอนสายฝนมาถึงหมู่บ้านแรกๆก็เป็นเพื่อนบ้านเหล่านี้ที่คอยช่วยเหลือ
ไม่กี่นาทีต่อมาดารินทร์ก็จัดกระเป๋าเสร็จ เธอออกมาจากบ้านสายฝน เด็กสาวเห็นเขากำลังคุยกับเพื่อนบ้านหลายคนอยู่เธอจึงเลือกไม่เข้าไปยุ่ง
"อะ ฝนเด็กสาวคนนั้นคือใครน่ะ?" มีเพื่อนบ้านคนหนึ่งสังเกตเห็นดารินทร์ออกมาจากบ้านสายฝน เขากล่าวถาม เพื่อนบ้านคนนี้ชื่อแดงซึ่งสายฝนเรียกเขาว่าลุงแดง
สายฝนตอบลุงแดง "เธอเป็นลูกสาวของคนรู้จักพ่อผมน่ะครับ ช่วงนี้เขาไม่ค่อยมีเวลาว่างจึงฝากลูกสาวไว้กับพ่อผม พ่อผมเองก็งานยุ่งมากเลยไม่มีเวลามาดูแลเธอ สุดท้ายแล้วเธอก็มาอยู่ในการดูแลของผม" แน่นอนสิ่งที่เขาพูดไปเป็นคำโกหกทั้งหมดยกเว้นเรื่องที่พ่อของเขางานยุ่ง สายฝนสงบนิ่ง เขาทำเหมือนกับว่าตนพูดความจริงออกไป
ลุงแดงไม่รู้ว่าสายฝนโกหก เขาเอ่ยชม "ดีแล้วแหละฝน เธอสามารถช่วยพ่อแบ่งเบาภาระได้ เธอนี่เก่งจริงๆ"
"ไม่ขนาดนั้นหรอกครับ" สายฝนพูด ลุงแดงเห็นท่าทางสายฝน เขากล่าวขึ้นอย่างชื่นชม "เธออย่าถ่อมตัวไปเลย ฝนเธอสมควรกับคำชมของฉันแล้ว"
"ครับ" ท่าทีสายฝนเปลี่ยนอย่างรวดเร็ว เขาทำท่ายอมรับคำชมของลุงแดง เขายืดอกภาคภูมิใจ ดารินทร์ที่อยู่ห่างออกไปรู้สึกอายแทนสายฝน ชายคนนี้สามารถพูดโกหกได้โดยไม่กระพริบตา แถมเขายังรู้สึกภาคภูมิใจกับเรื่องที่เขาแต่งขึ้นมาอีก หน้าของเขาต้องหนาถึงขนาดไหนกัน?
สายฝนกล่าวลาเหล่าเพื่อนบ้าน เขาหันไปเรียกดารินทร์ที่กำลังยืนมองมาทางเขาอยู่ ดารินทร์รีบเดินมาหาสายฝนทันที
เมื่อขึ้นรถสายฝนก็สตาร์ทเครื่อง เนื่องจากระยะทางเขาจึงต้องใช้รถยนต์ ระยะทางไปทะเลไม่ได้ใกล้เหมือนกับระยะทางร้านอาหารที่เขาไปกินเมื่อวาน
แน่นอนว่าสายฝนไม่ได้มีรถยนต์ เขายืมรถยนต์คันนี้มาจากเพื่อนบ้านคนหนึ่งที่มีรถยนตร์หลายคัน เพื่อนบ้านไม่ได้มีความคิดว่าสายฝนจะขโมยรถจึงให้ยืมมาโดยไม่ได้ถามอะไร อีกอย่างตัวเพื่อนบ้านเองก็รู้ว่าสายฝนเป็นคนมีเงิน เขาคงไม่มาขโมยรถยนต์ของตนหรอก
สายฝนไม่ได้ยืมรถยนต์มาฟรีๆ เขาให้เงินกับเพื่อนบ้านเจ้าของรถด้วย สายฝนขับรถเข้าสู่ตัวเมือง ระหว่างทางมันค่อนข้างน่าเบื่อสายฝนเลยหาเรื่องพูดคุยกับดารินทร์
"เมื่อคืนเธอหลับสบายดีรึเปล่า?" สายฝนถาม
"ไม่ค่อยสบายเท่าไหร่ค่ะ" ดารินทร์ตอบ เธอบอกกับสายฝนว่าเมื่อคืนเธอแทบจะไม่ได้นอนเลย เป็นเพราะกังวลเรื่องแม่ที่หายไป
สำหรับเรื่องแม่ของดารินทร์สายฝนไม่ได้พูดอะไร เขาไม่รู้ว่าควรทำยังไงกับเรื่องนี้ ตัวเขาไม่เคยได้รับความอบอุ่นจากพ่อแม่มาก่อนจึงไม่เข้าใจ
"อ่ะ พี่ฝนมีโทรศัพท์มั้ยคะ? หนูขอยืมใช้แป๊ปเดียวได้รึเปล่าคะ?" จู่ๆดารินทร์ก็ส่งเสียงร้องออกมา เธอกล่าวกับสายฝน
"มีอะไรเหรอ?" สายฝนสงสัยเล็กน้อย ในใจของเขาสามารถคาดเดาได้อยู่บ้างทว่าเขาก็เลือกกล่าวถามดารินทร์
"คือหนูต้องการโพสต์ตามหาแม่ในเน็ตน่ะค่ะ บางทีอาจมีคนเจอแม่ก็ได้ หนูก็เลยต้องการยืมมือถือของคุณ" สาวน้อยไม่โกหก เธอพูดความจริงออกมา
'แม่คงรักเธอมากเลยสินะดารินทร์' สายฝนคิดในใจ แม่ต้องทำเพื่อเธอขนาดไหนถึงทำให้ลูกรักมากแบบนี้? เขาไม่เข้าใจแม้แต่นิด ดารินทร์สามารถทำให้เขาอิจฉาเธอได้หลายเรื่องมาก เรื่องนี้เองก็ไม่เว้น สายฝนรู้สึกอิจฉาเธอ
แม้ดารินทร์จะมีแม่เพียงคนเดียวพ่อไม่รู้หายไปไหนทว่าแม่ของเธอก็รักและเอาใจใส่เธอซึ่งแตกต่างจากพ่อแม่สายฝน สายฝนอยากได้รับความอบอุ่นจากครอบครัวบ้างแต่นั่นก็เป็นได้แค่ความฝันที่ไม่มีทางเป็นจริง เขาส่ายหัวสลัดความคิดนี้ไป
เขาพูดกับดารินทร์ขณะขับรถ "ฉันคงไม่สามารถให้เธอยืมโทรศัพท์ได้" ดารินทร์ไม่เข้าใจ เธอเอ่ยถามขึ้น "ทำไมล่ะคะ? หรือว่าคุณต้องการให้หนูทำบางอย่างเพิ่ม? ไม่ว่าอะไรหนูก็ยอมเพราะงั้น…"
"ไม่ใช่อย่างงั้น ปัจจุบันโทรศัพท์ของฉันมันไม่สามารถใช้ทำอะไรได้เลย เธอก็คงสังเกตเห็นสินะว่ามันไม่มีสิ่งที่มือถือควรมี เมื่อวานฉันเพิ่งสั่งซื้อเครื่องใหม่และมันยังไม่มาส่งเลย" เขาพูดตัดบท
ดารินทร์เงียบคิดตามที่สายฝนพูด เธอค้นจากความทรงจำและพบว่าเป็นอย่างที่เขากล่าวจริงๆ โทรศัพท์สายฝนไม่มีสิ่งที่โทรศัพท์ควรมี มันไม่สมควรถูกเรียกว่ามือถือด้วยซํ้า มันควรเรียกแผ่นโลหะมากกว่า
'ทำไมโทรศัพท์ของเขาถึงเป็นแบบนั้นกันนะ?' ดารินทร์งุนงงแต่เธอไม่ได้เปิดปากถามสายฝนแต่อย่างใด เขาเป็นคนลึกลับมาก เพราะงั้นเขาน่าจะมีความลับมากมายที่เก็บใส่ หากเธอไปถามถึงความลับสายฝนคงไม่เป็นมิตรกับเธอแน่
ใช้เวลาหลายชั่วโมงกว่าสายฝนจะถึงทะเล ระหว่างทางเขาได้แวะพักที่ปั้มนํ้ามันหนึ่งหน
สายฝนหาโรงแรมถูกๆคุณภาพดี เขาใช้เวลาเลือกโรงแรมไม่นาน สายฝนเดินเข้าไปเช็คอินในโรงแรม เขาได้ห้องว่างมาหนึ่งห้อง
หลังเอากระเป๋าไปเก็บเสร็จแล้วท้องของสายฝนก็ร้องขึ้น เขาเริ่มรู้สึกหิวแล้ว ดารินทร์เองก็ไม่ต่างกัน พวกเขาพากันไปกินอาหารแถวๆโรงแรม เมื่อกินเสร็จก็ได้เวลาทำธุระของตน สายฝนไม่รู้อะไรเลยเกี่ยวกับทักษะตนเอง สิ่งที่รู้มีอย่างเดียวคือทะเล
สายฝนเดินตรงชายหาดมองไปที่ทะเลเผื่อว่าจะมีปาฏิหาริย์บางอย่างเกิดขึ้น น่าเสียดายเขาจิตนาการมากเกินไป เขาถอนหายใจออกมา เขายังไม่ยอมแพ้ สายฝนไปเปลี่ยนชุดเป็นชุดสำหรับว่ายนํ้าและลงไปในทะเล
///
ดารินทร์ที่อยู่ในชุดว่ายน้ำกำลังมองมาทางสายฝน เธอนั่งลงบนทราย สายฝนบอกเธอว่าไม่ต้องลงมาในนํ้า เพียงแค่มองสังเกตก็พอ
เพราะดารินทร์ยกระดับกลายเป็นระดับ1แล้วทำให้การรับรู้ของเธอดีขึ้น และเธอที่เป็นนักเวทธาตุนํ้าระดับ1แม้ไม่อาจเสกนํ้ามาจากอากาศได้แต่เธอมีความเข้าใจในธาตุนํ้ามากกว่าสายฝนและยังสามารถควบคุมนํ้าได้ สายฝนเลยคิดว่าหากได้ดารินทร์มาช่วยคงประหยัดเวลามากขึ้น
เวลาผ่านไปอย่างรวดเร็ว สายฝนยังไม่พบร่องรอยใดๆเกี่ยวกับทักษะตน เขาลองใช้วิธีการทั้งหมดเท่าที่คิดออกแล้วแต่ก็ไม่มีสิ่งใดเกิดขึ้น สายฝนยังไม่ยอมแพ้ เขาต้องการหาต่อทว่าท้องของเขาพลันร้องเสียงดัง
'นี่เย็นแล้วเหรอเนี่ย?' สายฝนเงยหน้ามองบนฟ้าพลางคิด เขาหันไปทางชายหาด เห็นดารินทร์กำลังจ้องมาที่ตน
"พักแค่นี้ก่อนดีกว่า" สายฝนพึมพำเบาๆ ขึ้นจากนํ้าและถามดารินทร์ว่าเธอต้องการเล่นนํ้าไหม
"ไม่เล่นหรอกค่ะ หนูหิวแล้ว" สาวน้อยส่ายหน้าไปมา เธอเคยมาทะเลหลายครั้งแล้ว เด็กสาวจึงค่อนข้างเบื่อ อีกเหตุผลหนึ่งก็คือเธอกังวลเรื่องแม่จนไม่มีอารมณ์เล่นสนุก
พวกเขาทั้งคู่เดินหาร้านอาหารข้างทางกิน มาเจอร้านอาหารตามสั่งร้านหนึ่งเข้า สายฝนสั่งผัดกระเพราส่วนดารินทร์สั่งข้าวผัด
'อาหารข้างทางก็ไม่ได้แย่อะไร' สาวน้อยที่อดีตไม่คิดแม้แต่มองอาหารระดับนี้พูดในใจ
ไม่นานอาหารของทั้งสองก็ทำเสร็จ ลูกสาวเจ้าของร้านเป็นคนมาเสิร์ฟเอง สายฝนพบว่าผู้หญิงคนนี้ค่อนข้างดูดีและน่ามอง วินาทีถัดมาเขาก็เลิกสนใจเธอ
สายฝนไม่รอช้ารีบรับประทานอาหารทันที ดารินทร์เองก็เหมือนกัน ขณะกินสายฝนก็ได้ยินเสียงดังจากโต๊ะข้างๆ มีชายสองคนกำลังทะเลาะกันอยู่ ผู้ชายคนหนึ่งดูเหมือนอายุเท่าสายฝนส่วนอีกคนเป็นชายวัยกลางคน
'ฉันไม่ควรยุ่งกับเรื่องนี้ รีบๆกินแล้วออกจากร้านน่าจะดีกว่า' สายฝนคิดและหันไปกระซิบดารินทร์ที่อยู่ข้างๆ สัญชาตญาณของเขากำลังบอกว่าอีกไม่นานจะเกิดเรื่องใหญ่
ยังไม่ทันให้ดารินทร์พยักหน้ารับคำพลันเกิดเสียงดังขึ้น
"ไอเวรเอ้ย! บัดซบ มึงต้องตาย!"
ชายวัยกลางคนซึ่งอยู่ข้างๆโต๊ะสายฝนลุกขึ้น เขาชักปืนขึ้นมายิงใส่ชายที่น่าจะอายุเท่าสายฝน
จบบทที่ 13 กะทันหัน