บทที่ 50 จะร่ำรวยแล้ว (2)
“ตำบลรึ?” พนักงานอดไม่ไหวแล้ว มิใช่ว่าเขาดูถูก ทว่าคนบ้านนอกสองคนนี้มิคิดจะสอบถามราคาของหอไฉ่อวิ๋นเลยหรือ? มิวางขายในตำบลแปลกมากเลยหรือ? ร้านพวกเขาหยิบมาลวกๆ ผืนหนึ่งก็ล้วนเป็นผ้าที่หาจากร้านอื่นไม่ได้ทั้งนั้น
“พวกท่านอยากขายผ้าหรอกหรือ เช่นนั้นข้าจะบอกทางให้” พนักงานดึงอวี๋เฟิงไปยังหน้าประตูแล้วชี้ไปทางทิศตะวันออก “เห็นตรอกนั้นหรือไม่? ตรงเข้าไปเลย ทั้งตรอกเป็นตรอกสำหรับขายผ้า พวกท่านลองไปเสี่ยงโชคตรงนั้นดูได้”
นั่นคือตรอกไว้ซื้อของเถื่อน แน่นอนว่าคุณภาพดีกว่าผ้าที่ขายในตำบลอยู่มาก
ไหนเลยจะรู้ว่าเขาเพิ่งพูดจบ ด้านหลังกลับมีเสียงตกใจของสตรีคนหนึ่งดังมา “ไอ้หยา ข้าตาพร่าไปหรือไม่? ข้าว่าข้าเห็นผ้าแพรหยกโปรยนะ!”
ผ้าแพรหยกโปรยเป็นผ้าแพรไหมประเภทหนึ่ง สีสันดุจหยก สวมใส่ยามเหมันต์อุ่นยามคิมหันต์เย็น ปริมาณการผลิตมีน้อยยิ่งนัก มีเพียงในพระราชวังจึงจะมีสิทธิ์ได้ยลโฉม
พนักงานคิดในใจ ‘สตรีมิรู้ความจากบ้านใดกัน กระทั่งผ้าแพรหยกโปรยก็จำผิดเชียวหรือ? พวกเขาจะมีของหายากเช่นนี้ได้ที่ไหน?’
ไม่รอให้เขาตำหนิจบก็มีเสียงตกใจดังมาอีกเสียง “ผ้าปักนภาวารี!”
“ไหมน้ำแข็ง!”
“ผ้าปักสีอวี้โจว[footnoteRef:1]!” [1: อวี้โจว เป็นเขตพื้นที่จีนสมัยโบราณ ปัจจุบันคือส่วนใหญ่ของมณฑลเหอหนาน]
“...” เดี๋ยวสิ คนพวกนี้พูดไร้สาระอะไรกัน!
พนักงานหันตัวกลับไปมองอย่างประหลาดใจ กลับกลายเป็นว่าตกใจกับฉากตรงหน้าเสียยกใหญ่!
อวี๋หวั่นคร้านจะสนทนากับพนักงานต่อจึงเปิดหีบออกเสียเลย แขกของหอไฉ่อวิ๋นล้วนเป็นลูกค้าชั้นสูง แม้จะไม่เคยลิ้มลองเนื้อหมู แต่ก็เคยเห็นหมูเดิน ณ ตอนนั้นเองก็มีฮูหยินสูงศักดิ์คนหนึ่งจำผ้าแพรหยกโปรยในหีบได้
เสียงของนางดึงดูดให้ฮูหยินท่านอื่นเดินมาหา
ดังนั้นเหล่าฮูหยินที่ความรู้กว้างขวางจึงทยอยกันจำผ้าล้ำค่าที่มีเพียงสตรีในวังสวมใส่เท่านั้นอย่างผ้าปักนภาวารี ไหมน้ำแข็ง ผ้าปักสีอวี้โจวได้
พนักงานอดทนสงบไม่ได้อีกต่อไป
นี่ก็คือผ้าที่มิวางขายในตำบลที่นางเอ่ยถึงหรือ?
ตำบลย่อมวางขายไม่ได้แน่นอน...
แม้แต่หอไฉ่อวิ๋นก็เช่นกัน!
“มะมะมะมะ...แม่นาง! เราไปหาที่คุยกันเถิด!”
อวี๋หวั่นเดินตามพนักงานไป ส่วนอวี๋เฟิงอยู่เฝ้าผ้า
หลังจากผ่านไปหนึ่งเค่ออวี๋หวั่นก็กลับมา
อวี๋เฟิงราวกับยกภูเขาออกจากอก หากน้องสาวยังไม่กลับมาอีก เขาคงจะถูกฮูหยินเหล่านั้นจับกลืนลงท้องไปแล้ว
“เป็นอย่างไรบ้าง” อวี๋เฟิงเอ่ยถาม
อวี๋หวั่นยกยิ้มมุมปาก “พวกเราออกไปกันเถิด สักครู่ค่อยมาใหม่”
“หืม?” อวี๋เฟิงมองนางด้วยความสงสัย
อวี๋หวั่นยิ้มบางๆ “ผ้าเหล่านี้มีราคาแพงนัก ผู้จัดการร้านออกไปข้างนอกแล้ว พนักงานไม่มีสิทธิ์ตัดสินใจ จึงให้พวกเรารอผู้จัดการก่อน เห็นว่าจะกลับมาตอนบ่าย ตอนนี้ยังไม่เที่ยงด้วยซ้ำ ไปหาอะไรกินกันก่อนเถิด”
“ระ...รออยู่ที่นี่เถอะ” อวี๋เฟิงกระแอมไอ “ข้าเอาของกินมาด้วย”
เพื่อประหยัดเงินค่าอาหารหนึ่งมื้อ อวี๋เฟิงก็สู้สุดชีวิตเช่นกัน
อวี๋หวั่นกลับหัวเราะเพราะความตระหนี่ของพี่ชาย “มิง่ายเลยกว่าจะได้มาเมืองหลวง มิต้องหาของกินก็ได้ แต่ยังต้องไปถามตามร้านยาอยู่ ข้าสอบถามเส้นทางมาจากพนักงานแล้ว ใกล้ๆ นี้มีร้านยาดีๆ อยู่สองสามร้าน ทักษะการแพทย์ของหมอก็สูงมาก เราไปถามว่ารักษาขาของท่านลุงได้หรือไม่ก่อนเถอะ”
อวี๋เฟิงไออย่างละอายใจไปที “ชะ...เช่นนั้นก็ไปเถอะ แล้วของล่ะ?”
“ทิ้งไว้ก่อนได้ เขาจ่ายเงินมัดจำให้ข้าแล้ว” อวี๋หวั่นเอ่ยพลางหยิบตั๋วเงินห้าสิบตำลึงแผ่นหนึ่งออกมา
หัวใจของอวี๋เฟิงเต้นแรงไปที!
งะ...เงินมัดจำมากเช่นนี้ แล้วเงินจำนวนเต็มไม่ใช่ว่า...
อวี๋หวั่นยิ้ม
จะร่ำรวยแล้ว
................................................