webnovel

หมอหญิงกับลูกลิงทั้งสาม

เธอคือหมอ(รักษาสัตว์)เทวดาคนแรกของอาณาจักร เริ่มจากข้ามมิติมาอยู่ในร่างของเด็กสาวชาวบ้านผู้แสนยากจน ทางซ้ายมีท่านแม่ที่ป่วยกระเสาะกระแสะ ทางขวาก็มีน้องชายตัวน้อยคอยให้ป้อนข้าว ที่แย่ไปกว่านั้นคือ เธอถูกผู้ชายเฮงซวยยกเลิกการแต่งงาน… ให้ตายเถอะ! เสือไม่โอ้อวดพลังก็จริง แต่เห็นเธอเป็น HelloKitty หรืออย่างไร ถึงมารังแกกันแบบนี้?! สั่งสอนผู้ชายเฮงซวย รักษาอาการป่วยของท่านแม่ เลี้ยงดูน้องชายที่ผอมแห้งแรงน้อย บุกเบิกที่นารกร้าง ปลููกพืชบนที่ดินว่างเปล่า นั่งดูความอุดมสมบูรณ์ แล้วก็ใช้ชีวิตอย่างมีความสุข วันเวลาอันแสนสุขค่อยๆ ผ่านไป... วันหนึ่งก็ได้ยินว่าเทพแห่งความตายผู้น่าสะพรึงกลัวจะมาเยือนถึงหน้าบ้าน บังคับขู่เข็ญให้เธอแต่งงานด้วย? ถึงเธอจะชอบผู้ชายหน้าตาดีก็เถอะ แต่ได้ยินว่าท่านอ๋องผู้นี้… “ท่านอ๋อง พวกเราไม่ได้สนิทกันเสียหน่อย!” หญิงสาวพูดด้วยสีหน้าจริงจัง “เหอะๆ” ท่านอ๋องยกยิ้มมุมปากอย่างมีเลศนัย แล้วคว้าเด็กน้อยตัวอ้วนจ้ำม่ำสามคนออกมาจากด้านหลัง “เรียกแม่สิ” เธอล่ะอยากจะเป็นลม...

เพียนฟางฟาง · History
Not enough ratings
867 Chs

011 พี่น้องขึ้นภูเขา

บทที่ 11 พี่น้องขึ้นภูเขา

เรื่องราวหลังจากนั้น อวี๋หวั่นมิได้ยื่นมือเข้าไปยุ่ง เมื่อจ่ายเงินค่ายาเรียบร้อยแล้ว เธอก็พาเถี่ยตั้นน้อยเดินออกมา

เมื่อครู่ เธอเทเหรียญออกมาทั้งถุง เถี่ยตั้นน้อยเห็นเหตุการณ์อย่างชัดเจน ตอนนี้เธอไม่มีเงินเหลืออยู่เลย

นี่หมายความว่าอย่างไร เถี่ยตั้นน้อยเข้าใจอย่างแจ่มแจ้ง

ทว่า สิ่งที่เขาเข้าใจมากกว่านั้นก็คือ เงินทั้งหมดได้นำไปซื้อยาของท่านลุงใหญ่

ถึงแม้เขาจะอยากกินขนมกุ้ยฮวา แต่เขาก็อยากให้ท่านลุงใหญ่หายดีเช่นกัน

“เถี่ยตั้น…” อวี๋หวั่นค้อมตัวลงมา

แม้เถี่ยตั้นน้อยรู้สึกเสียใจอยู่ลึกๆ แต่ก็กล่าวไปอย่างรู้ความ “ข้าไม่เป็นไรหรอกท่านพี่ ข้าไม่ได้ชอบกินขนมกุ้ยฮวาอยู่แล้ว!”

“จริงหรือ?” อวี๋หวั่นลูบศีรษะเล็กเบาๆ มือเรียวลากผ่านใบหูของเขาออกมา ระหว่างนิ้วชี้และนิ้วกลางมีเหรียญทองแดงที่ด้านในมีรูสี่เหลี่ยม

เธอหัวเราะเล็กน้อย

เถี่ยตั้นน้อยทำตาโต แล้วจึงรีบคลำที่ใบหูของตน “ข้า..ข้า..หูของข้ามีเหรียญงอกออกมาเองหรือ?”

อวี๋หวั่นหัวเราะเบาๆ “ยังอยากกินขนมกุ้ยฮวาอยู่หรือไม่”

“กินๆๆ! กิน!” เถี่ยตั้นน้อยตะโกนด้วยความตื่นเต้น!

การได้ขนมกุ้ยฮวากลับคืนมานั้น ช่างน่าอภิรมณ์ยิ่งกว่าการรู้ว่าจะได้กินขนมกุ้ยฮวาก่อนหน้านี้เสียอีก!

“ขนมกุ้ยฮวาขายอย่างไร” อวี๋หวั่นเดินมาที่แผง

คนขายเอ่ยตอบ “หนึ่งชิ้น หนึ่งเหรียญทองแดง”

“ขอให้ข้าหนึ่งชิ้น” อวี๋หวั่นส่งเหรียญในมือให้เขา “ท่านช่วยตัดแบ่งครึ่งให้หน่อยได้หรือไม่”

คนขายมองพวกเขาสองพี่น้องด้วยความประหลาดใจ สุดท้ายก็หัวเราะออกมา พร้อมกับตอบว่า “ได้สิ”

เขาไม่เพียงหั่นครึ่งขนมกุ้ยฮวาชิ้นบาง ทั้งยังบรรจงห่อให้อีกด้วย

“ขอบคุณ” อวี๋หวั่นเอ่ยขอบคุณ เธอหยิบขนมกุ้ยฮวาครึ่งหนึ่งส่งให้เถี่ยตั้นน้อย “อีกครึ่งหนึ่งเรานำไปให้น้องหญิงดีหรือไม่”

“อื้ม!” เถี่ยตั้นน้อยพยักหน้าอย่างดีอกดีใจ!

……

“พี่ใหญ่ ในน้ำเต้าของนาง แท้จริงแล้วขายยาอะไรกันแน่”

“ข้าจะไปรู้ได้อย่างไร”

“ในตอนแรกที่ไปยืมเงินนาง แม้แต่เหรียญเดียวก็ไม่มีให้ บัดนี้ขาของท่านพ่อรักษาไม่หายแล้ว นางจะมาเสแสร้งทำดีด้วยอย่างนั้นรึ!”

อวี๋เฟิงขมวดคิ้ว “ใครบอกเจ้าว่าขาของท่านพ่อรักษาไม่หายแล้ว”

อวี๋ซงอ้าปากพะงาบ เขาอยากบอกว่า ก็หมอกล่าวเช่นนั้น ตอนนั้นท่านอยู่ด้วย ท่านก็ได้ยินไม่ใช่หรือ ช่วงที่จะรักษาได้ผลดีที่สุดก็ผ่านไปแล้ว ในตอนนี้ กินยาก็เพียงเพื่อให้อาการไม่แย่ลงเท่านั้น…

คำพูดเหล่านี้ เขาก็มิได้เอ่ยออกมา

แต่ว่า พี่ใหญ่ไม่ได้โต้แย้งเรื่องที่นางเสแสร้งใช่หรือไม่

เขารู้อยู่แล้วเป็นแน่!

ที่จริงแล้วนางกำลังแสร้งเป็นคนดี!

นางคิดจะทำอะไรกันแน่!

อวี๋ซงนั้น ด้านหนึ่งก็โกรธอวี๋หวั่นจนแทบเป็นบ้า อีกด้านหนึ่งก็ต้องรับยามาด้วยความเคืองแค้น

เขาคิดว่า หรือนี่คือสิ่งที่นางต้องการ นางอยากให้พวกเราโมโหเจียนตาย!

……

ค่ารถที่เหลือไว้ ได้นำไปซื้อขนมกุ้ยฮวาเสียแล้ว อวี๋หวั่นจึงต้องใช้แผนสำรอง ด้วยการเดินเท้ากลับหมู่บ้าน

เถี่ยตั้นน้อยเดินจนเหนื่อย ได้แต่เลียขนมกุ้ยฮวาในห่อกระดาษ

อวี๋เฟิงและอวี๋ซ่งที่เดินตามอยู่ด้านหลังเห็นท่าไม่ดี จึงเดินขึ้นหน้ามาอุ้มเถี่ยตั้นน้อย คนหนึ่งอุ้มครู่หนึ่ง แล้วผลัดให้อีกคนหนึ่งอุ้มจนพวกเขากลับถึงหมู่บ้าน

เถี่ยตั้นน้อยผล็อยหลับไประหว่างทาง พวกเขาจึงต้องอุ้มเด็กน้อยไปส่งที่บ้าน

เมื่อป้าสะใภ้ใหญ่ซึ่งกำลังดูแลนางเจียงเห็นบุตรชายกับอาหวั่นปรากฏตัวที่หน้าประตู ก็รู้สึกกังวลขึ้นมา!

จากนั้น เมื่อนางเห็นอวี๋เฟิงกำลังอุ้มเถี่ยตั้นน้อยไว้ เรื่องราวก็กระจ่างขึ้นทันที

นางมองอวี๋หวั่น และกล่าวด้วยน้ำเสียงปกติว่า “กลับมาแล้วก็เข้าไปข้างในเถิด แม่เจ้าไม่ได้เป็นอะไร พวกข้าก็

ควรกลับบ้าน”

“ป้าสะใภ้ใหญ่” อาหวั่นเรียกนางไว้ และหยิบห่อกระดาษออกมาจากในเสื้อ พร้อมกล่าวด้วยรอยยิ้มว่า “ให้น้องหญิง”

ป้าสะใภ้ใหญ่ลังเลอยู่ครู่หนึ่ง จึงยื่นมือไปรับของมา

เมื่อถึงที่ลับตาคน นางคิดว่าจะโยนทิ้ง หากแต่ผีสางเทวดาเกิดดลใจให้นางเปิดดูเสียหน่อย

ขนมกุ้ยฮวา

บุตรสาวตัวน้อยกำลังร้องอยากกินขนมกุ้ยฮวา

.................

ในตอนบ่าย เมื่ออวี๋หวั่นทำความสะอาดบ้านเสร็จแล้ว เธอกำลังเตรียมตัวขึ้นเขา อวี๋เฟิงก็มาที่บ้าน

“เรื่องที่ร้านยาเจ้ามิได้เกี่ยวข้อง สามวันให้หลัง ข้าจะไปที่ว่าการเอง”

สถานการณ์นี้อยู่ในจุดที่ยากเกินย้อนกลับเสียแล้ว เขามิได้กล่าวโทษเธอที่ทำเช่นนั้นไปโดยพลการ อย่างไรเสีย ในตอนนั้นก็ไม่มีวิธีแก้ปัญหาที่ดีกว่านี้แล้ว แต่เขาก็ไม่คิดว่าเธอจะสามารถหาเงินมาภายในระยะเวลาสามวันอันแสนสั้น เว้นแต่ว่า…

เงินที่นำกลับมาในปีนั้นยังหลงเหลืออยู่

อวี๋เฟิงรีบปัดการคาดเดาเช่นนี้ของตนออกไป

มีคนเช่นนางจ้าวอยู่ ต่อให้เธอจะรวยล้นฟ้า ก็คงถูกถลุงเงินไปจนเกลี้ยงเสียแล้ว

“นี่เป็นเรื่องของครอบครัวข้า…”

อวี๋หวั่นหัวเราะและกล่าวตัดบทเขาว่า “วางใจเถอะ ข้าไม่ยอมให้พี่ใหญ่ต้องไปที่ว่าการหรอก”

“เจ้า…” คิ้วของอวี๋เฟิงขมวดกันแน่นยิ่งกว่าเดิม

อวี๋เฟิงมองไปยังพี่ใหญ่ และเอ่ยขึ้นว่า “ข้าบอกแล้ว ข้าแก้ปัญหาได้”

อวี๋เฟิงกล่าวอย่างขุ่นเคืองว่า “รวมกับดอกเบี้ยแล้ว ทั้งหมดยี่สิบตำลึง!”

พวกเขาตื่นแต่เช้าทำงานจนเย็น หนึ่งเดือนยังเก็บเงินได้ไม่ถึงหนึ่งตำลึง แม้ว่าปลาของนางจะขายดี หน่อไม้มีมาก ทว่าภายในเวลาเพียงสามวัน จะหาเงินมากเช่นนั้นมาจ่ายบัญชีได้อย่างไร

อวี๋หวั่นไม่มีกะจิตกะใจจะต่อล้อต่อเถียงกับเขา จึงถือเครื่องไม้เครื่องมือเดินออกขึ้นเขาทางหลังบ้าน

ในหมู่บ้าน มีเพียงบ้านนางเพียงหลังเดียวที่อยู่ใกล้กับหลังเขา

เดิมที ที่ดินผืนนี้ว่างเปล่าไร้ประโยชน์ เนื่องจากใกล้กับหลังเขา มักพบงู หนู มด แมลงต่างๆ ได้บ่อย อาหวั่นต้องการที่ดินราคาย่อมเยา ส่วนนางเจียงต้องการที่ที่เงียบสงบ ฉะนั้นจึงซื้อที่ดินแปลงนี้ปลูกบ้าน

เป็นครั้งแรกที่อวี๋เฟิงได้ไปที่หลังเขา พื้นที่บริเวณลาดเขาดูไม่ใหญ่นัก แต่เมื่อเข้าไปกลับกลายเป็นอีกทัศนียภาพหนึ่ง

ปกติแล้ว ชาวบ้านจะขึ้นไปตัดฟืนบนเขา ทว่ามักเป็นชาวบ้านในแถบที่นาฝั่งตะวันตก บริเวณนั้นคนเข้าไปมาก มีรอยเหยียบเข้าไปจนเป็นถนน ต่างกับที่นี่ ต้นไม้หนาทึบ เงาไม้บดบังแสงอาทิตย์ ทุกที่ล้วนเต็มไปด้วยอันตรายที่มิอาจคาดเดา

เขามองไปที่อาหวั่น พลางนึกในใจว่านี่คือน้องสาวของเขาจริงหรือ ไฉนท่วงท่าในการเดินจึงต่างกับอาหวั่นที่เขารู้จักอย่างกับคนละคน

“ถึงแล้ว” อวี๋หวั่นหยุดฝีเท้าลงใกล้กับแม่น้ำสายเล็ก

แท้จริงแล้ว ที่นี่ก็มีแม่น้ำสายหนึ่ง…อวี๋เฟิงรู้สึกประหลาดใจ “เจ้ามาตกปลาที่นี่หรือ?”

อวี๋เฟิงกล้าพนันว่าไม่เคยมีชาวบ้านมาตกปลาที่แม่น้ำสายนี้มาก่อน มิน่าเล่า จึงได้ปลาจำนวนมาก อีกทั้งตัวใหญ่เสียด้วย

“เป็นสตรี เข้าป่ามาเพียงลำพังเช่นนี้ เจ้าไม่กลัวว่าจะพบอะไรหรือ?” เป็นเพราะเขาขึ้นเขามาล่าสัตว์ไม่บ่อยนัก จึงไม่เคยเข้ามาในป่าลึกเช่นนี้

“พี่ใหญ่หมายถึงปลาหรือ?” อวี๋หวั่นหัวเราะน้อยๆ

อวี๋เฟิงไม่กล่าวอะไรต่อ

คำกล่าวที่ว่า ‘ทรัพย์ศฤงคารหาได้ในภยันตราย’ ก็มิใช่ว่าไม่มีเหตุผล

อวี๋หวั่นนำพลั่วออกมา และเริ่มขุดหาไส้เดือน

“เมื่อก่อนเจ้ากลัวสิ่งนี้เป็นที่สุด” อวี๋เฟิงเอ่ยขึ้นด้วยความไม่เข้าใจ

“ตอนนี้ไม่กลัวแล้ว” เธอกล่าวอย่างไม่อนาทรร้อนใจ เธอไม่มีอะไรปิดบัง เธอไม่ได้กลัว กระนั้นเธอเองก็ไม่อยากขบคิดเกี่ยวกับการเปลี่ยนแปลงของตนเองให้มากจนเกินไป จึงกล่าวโพล่งขึ้นมาว่า “พี่ใหญ่เดินขึ้นเขามากับข้าเช่นนี้ ไม่ใช่เพียงเพื่อดูข้าตกปลากระมัง?”

เป็นไป…ไม่ได้!

อวี๋เฟิงจึงตระหนักได้ว่า ตนเองเดินขึ้นเขามากับนางอย่างว่าง่าย!

เป็นไปได้อย่างไร…

อวี๋หวั่นหยิบฟืนออกมาจากตะกร้า มุมปากประดกขึ้นแล้วกล่าวว่า “เช่นนั้นก็รบกวนพี่ใหญ่ช่วยข้าตัดฟืนหน่อยเถิด”

อวี๋เฟิงมองอย่างไม่สบอารณ์นัก “เจ้าตกปลาทั้งแม่น้ำไปขาย ก็ยังไม่ได้ยี่สิบตำลึง!”

“เอ้านี่” อวี๋หวั่นมิได้ยี่หระกับคำกล่าวของอวี๋เฟิง เธอก้าวมาข้างหน้าและส่งมีดตัดฟืนใส่มือเขา จากนั้นจึงปลีกตัวไปตกปลา หลังจากตกปลาเสร็จเรียบร้อยก็ไปขุดหน่อไม้ต่อ เมื่อเธอได้ของมาจนเต็ม อวี๋เฟิงก็ตัดฟืนเสร็จพอดี มิหนำซ้ำยังขนไปแล้วสามรอบ รอบนี้เป็นรอบที่สี่

“ขอบคุณท่านมากพี่ใหญ่ พอใช้แล้ว” อวี๋หวั่นพยักหน้าพลางหัวเราะ และเดินกลับบ้านพร้อมกับอวี๋เฟิง

อวี๋เฟิงเพิ่งวางของที่หาบลง อวี๋หวั่นก็ส่งถังไม้สะอาดให้เขาสองใบ “พี่ใหญ่ช่วยข้าหาบน้ำหน่อยเถิด”

อวี๋เฟิงหน้าเปลี่ยนสี

นางเด็กคนนี้ ใช้งานผู้อื่นได้อย่างไม่รู้จักเกรงใจเอาเสียเลย

เมื่ออวี๋เฟิงหาบน้ำกลับมา อวี๋หวั่นก็กำลังง่วนอยู่กับการทำอาหารเย็น

“ถ้าเป็นไปได้ พี่ใหญ่ช่วยข้าทำกับข้าวหน่อยได้หรือไม่” อวี๋หวั่นเอ่ยถามด้วยรอยยิ้ม

อวี๋เฟิงโกรธจนหน้าแดง

“ช่างเถอะ” อวี๋หวั่นกำลังผัดหมูสามชั้นในหม้อ “ข้ากลัวว่าฝีมือการทำอาหารของพี่ใหญ่จะไม่ดี”

อวี๋เฟิงตัวสั่นเทิ้ม เขามองหมูสามชั้นที่ไหม้เกรียม ผู้ใดกันแน่ที่ฝีมือไม่ดี…

.......................................