webnovel

หมอหญิงกับลูกลิงทั้งสาม

เธอคือหมอ(รักษาสัตว์)เทวดาคนแรกของอาณาจักร เริ่มจากข้ามมิติมาอยู่ในร่างของเด็กสาวชาวบ้านผู้แสนยากจน ทางซ้ายมีท่านแม่ที่ป่วยกระเสาะกระแสะ ทางขวาก็มีน้องชายตัวน้อยคอยให้ป้อนข้าว ที่แย่ไปกว่านั้นคือ เธอถูกผู้ชายเฮงซวยยกเลิกการแต่งงาน… ให้ตายเถอะ! เสือไม่โอ้อวดพลังก็จริง แต่เห็นเธอเป็น HelloKitty หรืออย่างไร ถึงมารังแกกันแบบนี้?! สั่งสอนผู้ชายเฮงซวย รักษาอาการป่วยของท่านแม่ เลี้ยงดูน้องชายที่ผอมแห้งแรงน้อย บุกเบิกที่นารกร้าง ปลููกพืชบนที่ดินว่างเปล่า นั่งดูความอุดมสมบูรณ์ แล้วก็ใช้ชีวิตอย่างมีความสุข วันเวลาอันแสนสุขค่อยๆ ผ่านไป... วันหนึ่งก็ได้ยินว่าเทพแห่งความตายผู้น่าสะพรึงกลัวจะมาเยือนถึงหน้าบ้าน บังคับขู่เข็ญให้เธอแต่งงานด้วย? ถึงเธอจะชอบผู้ชายหน้าตาดีก็เถอะ แต่ได้ยินว่าท่านอ๋องผู้นี้… “ท่านอ๋อง พวกเราไม่ได้สนิทกันเสียหน่อย!” หญิงสาวพูดด้วยสีหน้าจริงจัง “เหอะๆ” ท่านอ๋องยกยิ้มมุมปากอย่างมีเลศนัย แล้วคว้าเด็กน้อยตัวอ้วนจ้ำม่ำสามคนออกมาจากด้านหลัง “เรียกแม่สิ” เธอล่ะอยากจะเป็นลม...

เพียนฟางฟาง · History
Not enough ratings
946 Chs

005 คนที่รังแกก็คือเจ้า

บทที่ 5 คนที่รังแกก็คือเจ้า

เมื่ออวี๋หวั่นเก็บต้นกระเทียมเสร็จและกลับถึงบ้าน นางจ้าวก็ยกไก่ตุ๋นหน่อไม้ร้อนๆ ไปเสียแล้ว

“คนชั่ว! เอาไก่ของบ้านข้าคืนมานะ! นี่ไม่ได้ไว้ให้ท่านกิน! ท่านพี่ไปจับมาให้พวกเรากิน!”

เสียงโหวกเหวกของเถี่ยตั้นน้อยดังมาจากห้องครัว

อวี๋หวั่นเร่งฝีเท้า เมื่อเธอเดินผ่านห้องโถงไป ก็เห็นใบหน้าที่มีรอยแดงช้ำของเถี่ยตั้นน้อย เขายืนเท้าเอวตะโกนอยู่ที่เล้าหมูอันว่างเปล่า

ช่วยไม่ได้ที่เขาตัวเล็ก ปีนอย่างไรก็ปีนไม่ได้

บ้านของพวกเขาไม่ได้เลี้ยงหมูมานานแล้ว เล้าหมูจึงดูสะอาดสะอ้าน แต่ถึงเป็นเช่นนั้น เมื่อเห็นน้องชายถูกขังไว้ เธอก็ระงับโทสะไว้ไม่อยู่

อวี๋หวั่นปลดกลอนบนไม้กระดาน และอุ้มน้องชายออกมา เธอเดินเข้าไปยังห้องครัว แง้มฝาหม้อดู ก็พบว่าไก่ตุ๋นหน่อไม้ที่เดิมทีมีอยู่เต็มหม้อ ถูกตักไปจนหมดไม่เหลือแม้แต่เศษ

“เกิดอะไรขึ้น ใครทำ” เธอเอ่ยถาม

เถี่ยตั้นน้อยเล่าเรื่องนางจ้าวให้เธอฟังโดยละเอียด

เมื่อฟังเรื่องที่เถี่ยตั้นน้อยเล่าจบ เธอก็พบว่าแท้จริงแล้ว ยังมีการสมรสของเธอที่ยังมิได้จัดขึ้นอีก ที่น่าแปลกคือ เรื่องใหญ่เช่นนี้ เหตุใดจึงไม่หลงเหลืออยู่ในความทรงจำของเจ้าของร่างเดิมเลย

นางจ้าวกล่าวออกมาว่า ‘ลูกสะใภ้ของข้า’ แต่ดูเสียว่านางทำอะไรลงไปบ้าง ในตอนที่เธอหมดสติไปก็ไม่มาเยี่ยมเยียน แย่งน้ำแกงไก่ไป ไม่บอกไม่กล่าวสักคำ ทั้งยังหยิกแก้มน้องชายของเธออีกด้วย

จะโทษเจ้าของร่างเดิมที่ก่อนตายไม่อยากจดจำนางก็มิได้ คนชั่วร้ายเช่นนี้ จะให้จดจำไว้ฉลองเทศกาลตรุษจีนด้วยกันหรืออย่างไร?

“ไม่มีไก่เหลือแล้ว...เป็นข้าที่ไม่ได้เฝ้าไก่ให้ดี...” เถี่ยตั้นน้อยกล่าว ขอบตาเริ่มแดง

อวี๋หวั่นใส่ต้นกระเทียมลงในกะละมัง พร้อมกล่าวว่า “เจ้ารออยู่ที่บ้าน เดี๋ยวพี่กลับมา”

“ท่านพี่จะไปไหน” เถี่ยตั้นน้อยถามอย่างไม่เข้าใจ

อวี๋หวั่นไม่ได้ตอบ เธอมุ่งหน้าตรงไปที่ห้องครัว หยิบมีดหั่นผักมาหนึ่งเล่ม และเดินออกไปด้วยสีหน้าเย็นชา

……

หลังจากที่นางจ้าวออกมาจากบ้านของอวี๋หวั่น ก็รีบจ้ำอ้าวกลับบ้านทันที ระหว่างทางมีชาวบ้านเอ่ยทักทายนาง นางกลับไม่สนใจเลยแม้แต่คนเดียว

กลิ่นหอมกรุ่นของน้ำแกงไก่ลอยไปไกลครึ่งค่อนหมู่บ้าน

นางจ้าวเดิมทีเป็นชาวนาจากหมู่บ้านสกุลจ้าวจากซีเป่ย หลังจากเกิดสงคราม หมู่บ้านสกุลจ้าวก็ถูกศัตรูยึดครอง นางกับสามีพาลูกชายลูกสาวหลบหนีออกมา ระหว่างทางสามีของนางตายเพราะถูกลูกหลงจากศรธนู นางกับลูกเล็กรอนแรมผ่านลมฝนมาด้วยกัน จนในที่สุดก็มาอาศัยอยู่ที่หมู่บ้านเหลียนฮวา

หญิงหม้ายและลูกกำพร้าผ่านพ้นความยากลำบากมา และที่โชคดีก็คือ นางจ้าวมีบุตรชายที่ดีหนึ่งคน

จ้าวเหิงมิเพียงสติปัญญาดี แต่ยังขยันหมั่นเพียร ฝึกฝนตนเอง ไม่นานก็สอบผ่านถงเซิง[footnoteRef:1] ด้วยเหตุนี้เองจึงได้ทลายกฎทะเบียนราษฎร์ และลงหลักปักฐานที่หมู่บ้านเหลียนฮวา [1: ถงเซิง คำเรียกบัณฑิตที่ยังไม่ได้สอบเคอจวี่เป็นซิ่วไฉ ในสมัยราชวงศ์หมิงและราชวงศ์ชิง]

ทว่า ครอบครัวของพวกเขาไม่มีทหารฉกรรจ์ และชะตาชีวิตของจ้าวเหิงก็คือการเรียนหนังสือ ไหนเลยนางจ้าวจะยอมให้เขาออกแรงทำไร่ไถนา ตัวนางจ้าวเองเป็นคนเกียจคร้าน บุตรสาวที่เลี้ยงมาก็มิได้เอางานเอาการ หลายปีมานี้จึงได้แต่หยิบยืมจากอาหวั่น แม้แต่ที่ดิน อาหวั่นก็เป็นคนช่วยลงแรงเพาะปลูก

จะว่านางจ้าวไม่พอใจว่าที่ลูกสะใภ้คนนี้ ก็คงไม่เสียทีเดียว จะว่านางชอบ ก็คงไม่ใช่เช่นกัน

อันที่จริง บุตรชายของนางเป็นถึงซิ่วไฉคนเดียวในหมู่บ้าน นางเด็กอาหวั่นจะได้ตกล่องปล่องชิ้นกับบุตรชายของนาง ก็นับว่าเป็นบุญของสกุลอวี๋แล้ว!

ในตอนที่นางจ้าวเดินเข้าไปในบ้าน จ้าวเป่าเม่ยเพิ่งตื่นพอดี ผมเผ้ากระเซอะกระเซิง ยังไม่ทันตื่นเต็มตา ก็ได้กลิ่นหอมยั่วยวนของน้ำแกงไก่ลอยมาแตะจมูก

นางลุกพรวดขึ้นมา พร้อมเอ่ยถามว่า “ท่านแม่! นั่นอะไรรึ”

นางรีบไปเปิดฝาโถดู กลับถูกนางจ้าวปัดมือออก

นางจ้าวเอ่ยถามว่า “พี่ชายเจ้าเล่า?”

จ้าวเป่าเม่ยเบะปาก ตอบไปว่า “ท่านพี่ไปสำนักการศึกษาแล้ว เพิ่งออกไป”

นางจ้าวมองดูโถที่ขณะนี้ส่งกลิ่นหอมอบอวลไปทั่วบ้าน กลืนน้ำลายด้วยความลำบากใจ “เช่นนั้นน่าจะไปไม่ไกลนัก แม่จะตักไว้ ให้เจ้านำไปส่งให้พี่”

แม้จ้าวเป่าเม่ยจะไม่ค่อยพอใจนัก แต่ก็ตระหนักดีว่า ในครอบครัวนี้พี่ชายสำคัญที่สุด

“เข้าใจแล้ว ท่านแม่” นางกล่าวพลางยิ้มน้อยๆ

นางจ้าวเดินเข้าไปในห้องครัวเพื่อหยิบชามเปล่าสองใบ ขณะที่กำลังจะตักน้ำแกงไก่ให้บุตรชายนั้น กลับไม่พบโถน้ำแกงแล้ว เห็นเพียงมีดหั่นผักเงาวับปักอยู่บนโต๊ะไม้!

นางจ้าวกลัวจนขนลุกไปทั้งร่าง

“คนแซ่อวี๋! หมายความว่าอย่างไร!” จ้าวเป่าเม่ยที่ยืนอยู่ด้านข้างได้สติกลับมาก่อน เมื่อเห็นอวี๋หวั่นยืนทำหน้าราวกับจะกินเลือดกินเนื้อ เธอถึงกับตกตะลึง

อวี๋หวั่นขี้คร้านจะสนใจนาง สายตาจับจ้องไปที่นางจ้าวที่ตกใจกลัวจนหน้าซีดเผือด เธอเอ่ยถามด้วยน้ำเสียงไม่ยี่หระว่า “เมื่อครู่ คนที่ไปบ้านข้าคือเจ้า?”

นางจ้าวมิได้คาดคิดเลยว่าอาหวั่นที่ยืนระเบิดโทสะอยู่ตรงหน้าของนางนั้น จะกล้าลุกขึ้นมาต่อปากต่อคำ มิหนำซ้ำยังถือมีดมาด้วย!

แต่ในเมื่อกดขี่อาหวั่นมาหลายปี นางก็มิได้รู้สึกเกรงกลัวอาหวั่น “เจ้าคิดจะทำอะไร ถือมีดมาบ้านข้าตั้งแต่ฟ้าสาง เสียสติไปแล้วหรืออย่างไร”

อวี๋หวั่นตอบด้วยน้ำเสียงแดกดันว่า “รังแกน้องชายข้า ขโมยไก่ข้า ยังมีหน้ามาถามอีกหรือว่ามาที่นี่ทำไม คนแซ่จ้าว ตกลงเจ้าเสียสติไปแล้วหรืออย่างไร”

คนแซ่ คนแซ่จ้าว? นางเด็กชั่วนี่เรียกนางว่าอะไรนะ?!

นางจ้าวเริ่มมีโทสะแล้ว นางชี้นิ้วไปที่อวี๋หวั่น พร้อมกล่าวว่า “เจ้ายังกล้าพูด เจ้าซื้อไก่มา แต่ไม่นำมาให้ข้า! กลับแอบเก็บไว้กินที่บ้าน! สบายใจเสียไม่มี เจ้ายังเห็นข้าอยู่ในสาย...”

น่ารำคาญ!

อวี๋หวั่นรู้สึกเหลืออดจนทนไม่ไหว เธอไม่รอให้นางจ้าวกล่าวจบ ก็ยกมีดหั่นผักบนโต๊ะขึ้นมา และโบกไปทางนางจ้าว

นางจ้าวกลัวจนต้องกระโดดหนี!

จ้าวเป่าเม่ยยิ่งไม่ต้องเอ่ยถึง

นางตะลึงในโทสะของอวี๋หวั่นตั้งแต่แรกแล้ว กลัวจนทำได้เพียงยืนมองอวี๋หวั่นทึ้งผมนางจ้าวราวกับดึงกระสอบป่านก็ไม่ปาน อวี๋หวั่นดึงนางจ้าวไปที่เล้าหมูหลังโถงกลาง

ทีนี้เล้าหมูของบ้านนางก็มีหมูแล้ว!

“โอ๊ย!”

นางจ้าวถูกผลักลงไปในรางข้าวหมู!

เหตุการณ์หลังจากนั้น จ้าวเป่าเม่ยจำไม่ค่อยได้ จำได้เพียงว่า หลังจากที่นางได้สติกลับมา โถน้ำแกงไก่ก็ถูกอวี๋หวั่นอุ้มกลับบ้านไปเสียแล้ว

....

เถี่ยตั้นน้อยนั่งอยู่ที่ธรณีประตูด้วยความเศร้าสร้อย

เขารู้ดีว่าท่านพี่ไปที่บ้านสกุลจ้าว ทว่าเขาไม่มั่นใจว่านางจะนำเนื้อไก่กลับมาได้

ท่านพี่เป็นเช่นนี้ ของดีๆ ก็ล้วนให้บ้านสกุลจ้าวก่อนเสมอ บ้านสกุลจ้าวใช้เสร็จ ของที่เหลือจึงตกถึงพวกเขา

เขาไม่ได้เกลียดท่านพี่ เพราะท่านแม่บอกไว้ ว่าเกลียดท่านพี่ไม่ได้ แต่ต้องรู้สึกเห็นใจนางไปชั่วชีวิต

แต่กระนั้น บางครั้งเขาก็หวังว่าท่านพี่จะเห็นใจพวกเขาเช่นกัน…

เนื้อไก่ไม่เหลือแล้วเป็นแน่

เถี่ยตั้นน้อยเช็ดน้ำตาด้วยความรู้สึกผิด

“อากาศหนาวเช่นนี้ เจ้ามานั่งทำอะไรที่ประตู”

ทันใดนั้นเสียงที่คุ้นเคยก็ดังขึ้นเหนือศีรษะของเถี่ยตั้นน้อย

เมื่อเถี่ยตั้นน้อยเงยหน้าขึ้นด้วยความรู้สึกว่างเปล่า เขาก็เห็นมือข้างหนึ่งของอวี๋หวั่นกำลังถือมีด ส่วนอีกข้างหนึ่งกำลังอุ้มโถน้ำแกงด้วยสีหน้าเรียบเฉย

..............................................