webnovel

ตอนที่ 010

ตอนที่ 10 ไม่พบสาเหตุการตาย

ตามข้อมูลที่หัวหน้าหยางส่งมา นักศึกษาเหล่านั้นได้เช่ารถกลับมาที่เมืองตงไห่ด้วยกันในช่วงปิดเทอม เนื่องจากฝนที่ตกหนักตลอดทั้งวัน ทำให้น้ำในอ่างเก็บน้ำเอ่อล้นออกมาท่วมจนทำให้ทางด่วนตัดขาด พวกเขาจึงจำเป็นต้องเปลี่ยนเส้นทาง โดยไปใช้เส้นทางถนนเก่าแทน แต่ไม่คาดคิดว่าระหว่างทางนั้นจะขับไปผิดทาง น้ำมันรถก็หมด จึงต้องค้างแรมที่โกดังในหมู่บ้านว่างยาชุนตามที่ผู้ใหญ่บ้านเสนอแนะ

แต่หมู่บ้านว่างยาชุนนั้นเป็นสถานที่ที่ห่างไกลความเจริญ แม้แต่สัญญาณมือถือก็ครอบคลุมไปไม่ถึง อีกทั้งแบตมือถือของนักศึกษาหลายคนก็หมด ทำให้พวกเขาไม่สามารถที่จะติดต่อกับทางบ้านได้ และไม่มีใครรู้ว่านักศึกษาเหล่านั้นอยู่ที่ใด

ในคืนของวันที่ 3 กรกฎาคม สถานีตำรวจทุกแห่งในเมืองตงไห่ต่างได้รับแจ้งความเข้ามา แต่เพราะผู้เคราะห์ร้ายรายนั้นเป็นผู้บรรลุนิติภาวะแล้ว และระยะเวลาที่หายตัวไปก็ยังไม่เกินสี่สิบแปดชั่วโมง ดังนั้นทางตำรวจจึงไม่สามารถที่จะดำเนินการได้ในทันที

เช้าของวันที่ 4 ตอนที่นักศึกษากำลังจะเดินทางออกจากหมู่บ้านว่างยาชุน ก็ได้พบว่าเพื่อนคนหนึ่งหายตัวไปอย่างกะทันหัน พวกเขาช่วยกันค้นหาจนทั่วบริเวณในหมู่บ้านแต่ก็ยังไม่พบ จึงคิดที่จะไปแจ้งความ แต่ใครเลยจะรู้ว่าสะพานที่ใช้เป็นทางเข้าออกหมู่บ้านนั้นได้ถูกน้ำพัดจนพังทลายไปเสียแล้ว นักศึกษาทั้งสามสิบกว่าคนจึงต้องประสบภัยติดอยู่ในหมู่บ้านแห่งนั้นอย่างไม่มีทางเลือก

หลังจากนั้น พายุฝนก็ได้ตกหนักลงมาตลอดทั้งสองวัน ยิ่งทำให้นักศึกษากลุ่มนี้ไม่สามารถที่จะออกไปจากหมู่บ้านได้ และที่แย่ที่สุดก็คือ เมื่อสะพานถูกทำลายลง ก็เหมือนกับถูกตัดขาดจากภายนอกโดยสิ้นเชิง พวกเขาไม่เพียงแต่ไม่สามารถติดต่อกับคนที่บ้านได้ แต่ยังไม่สามารถที่จะออกไปจากหมู่บ้านนี้ได้อีกด้วย

แม้ว่านักศึกษาเหล่านั้นจะไม่ค่อยเต็มใจนัก แต่ก็ต้องทนอยู่ในหมู่บ้านแห่งนี้ต่อไป ทว่าเรื่องที่ไม่คาดคิดนั้นกลับค่อย ๆ ทยอยเกิดขึ้นมาทีละเรื่อง ๆ พอตื่นขึ้นมาในเช้าวันที่ 5 กลับพบว่ามีนักศึกษาอีกคนหนึ่งได้หายตัวไป พวกเขาเริ่มระแวงและไม่ไว้ใจผู้คนในหมู่บ้าน แต่พอเมื่อค้นทั่วหมู่บ้านแล้วก็ไม่ยังพบร่องรอยเบาะแสใด ๆ เลย ยิ่งไปกว่านั้นการหายตัวไปของนักศึกษายิ่งเพิ่มมากขึ้นทุกที ๆ จนเช้าวันถัดมา นักศึกษาคนที่สามก็ได้หายตัวไป

หลังจากนั้นไม่นานก็ได้เกิดเหตุการณ์ที่ไม่คาดฝันขึ้น พวกเขาพบศพนักศึกษาทั้งสามคนถูกยัดรวมกันอยู่ในชั้นวางของในโกดัง ทำเอานักศึกษาที่เหลือต่างหวาดผวาจนอยากจะหนีออกไปจากหมู่บ้านนี้โดยเร็วที่สุด ยังโชคดีที่ฝนที่ตกมาตลอดทั้งวันนั้นได้หยุดลงตอนเที่ยงวัน เมื่อมีเจ้าหน้าที่จากสถานีตำรวจได้ผ่านมาพบนักศึกษาที่ถูกกักขังอยู่ในหมู่บ้านพอดี จึงรีบติดต่อผู้บัญชาการให้เริ่มปฏิบัติการณ์การเข้าช่วยเหลืออย่างทันที

นักศึกษาจำนวนสามสิบกว่าคนรวมอาจารย์อีกหนึ่งท่าน และคนขับรถหนึ่งคนหายตัวไปเป็นเวลาเกือบเจ็ดสิบชั่วโมงแล้ว ทำให้ผู้คนทั้งเมืองต่างให้ความสนใจคดีนี้เป็นอย่างมาก กรมตำรวจของเมืองตงไห่และเมืองใกล้เคียงต่างก็ได้รับแจ้งความ เมื่อภายหลังจากที่ได้รับแจ้งว่าได้พบศพนักศึกษาที่หายตัวไปแล้วนั้น หน่วยงานที่เกี่ยวข้องหลายหน่วยงานจึงให้ความสำคัญเป็นอย่างมาก รีบกระจายความช่วยเหลือโดยเร็วที่สุด ส่วนสำหรับกลุ่มนักศึกษาที่เสียชีวิตด้วยสาเหตุการตายที่แปลกประหลาดนั้น ก็ได้สั่งการให้ค้นหาสาเหตุการตายของพวกเขาโดยเร็ว และแจ้งไปยังผู้ปกครองของพวกเขา

ผู้ดูแลคดีต่างก็สงสัยคนในหมู่บ้านแห่งนี้ แต่จากคำบอกเล่าของผู้ใหญ่บ้านนั้น นักศึกษาทั้งสามสิบกว่าคนล้วนพักอยู่ในโกดังของหมู่บ้าน และผู้ใหญ่บ้านยังกำชับพวกเขาเป็นพิเศษว่า เมื่อตกกลางคืนต้องปิดประตูหน้าต่างให้เรียบร้อย เพราะมักจะมีสัตว์ป่าออกมาจากภูเขาบ่อย ๆ ไม่ใช่เฉพาะแค่นักศึกษากลุ่มนี้ ขนาดพวกชาวบ้านในหมู่บ้านที่เคยชินกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น เมื่อพระอาทิตย์ตกดิน ชาวบ้านก็จะรีบกลับบ้าน ปิดประตูหน้าต่างให้เรียบร้อยแล้วรีบเข้านอนทันที ถึงแม้จะมีเสียงใด ๆ ดังขึ้นข้างนอกบ้าน พวกเขาก็จะไม่ออกไปเด็ดขาด เพราะกลัวเจอเข้ากับพวกสัตว์ป่า

หน้าต่างในโกดังทั้งหมดล้วนถูกล็อกจากด้านใน ไม่ว่าข้างนอกจะเกิดอะไรขึ้นก็ไม่สามารถที่จะพังประตูเข้ามาได้ ส่วนประตูเข้าออกของโกดังปกติแล้วจะถูกล็อกจากทางด้านนอก แต่เมื่อนักศึกษากลุ่มนั้นได้เข้าไปด้านในโกดังแล้ว ประตูจะถูกล็อกจากด้านในแทน ทำให้คนที่อยู่ด้านนอกไม่มีทางเข้าไปได้ นอกเสียจากว่าพวกเขาจะเปิดประตูออกมาเอง

จากคำอธิบายตามรูปคดีนั้น ประโยคสุดท้ายทำให้เย่หนิงรู้สึกสนใจขึ้นมาทันที

โกดังที่ปิดตาย ประตูหน้าต่างที่ปิดจากด้านใน อย่างกับคดีฆาตกรรมในห้องปิดตายสุดคลาสสิก

แต่สิ่งที่เห็นได้ชัด ซึ่งเป็นจุดที่น่าสนใจที่สุดจุดหนึ่งในตอนนี้คือ ผู้ต้องสงสัยที่ก่อเหตุคดีนี้น่าจะอยู่ในกลุ่มคนที่ค้างคืนในโกดังกับหมู่นักศึกษา

เหตุผลประการแรก สภาพของห้องถูกปิดตาย การที่คนนอกจะเข้าไปก่อคดีได้นั้นมีความเป็นไปได้น้อยมาก หรือถ้ามีก็ต้องเป็นผู้สมรู้ร่วมคิดกับคนในถึงจะสามารถก่อคดีได้สำเร็จ

ประการที่สอง นักศึกษากลุ่มนี้เดินทางมาที่หมู่บ้านว่างยาชุนเป็นครั้งแรก อีกทั้งยังไม่เคยมีใครรู้จักคนในหมู่บ้านนี้มาก่อน ความสัมพันธ์ระหว่างพวกเขาคงไม่มีทางที่จะทะเลาะวิวาทกันได้ กลับกันความสัมพันธ์ของเพื่อนร่วมชั้นที่รู้จักกันมานานนั้นยิ่งมีโอกาสกระทบกระทั่งกันได้มากกว่า ดังนั้นถ้าจะให้พูดถึงแรงจูงใจในการก่อคดีแล้ว เธอกลับรู้สึกว่ามีโอกาสเป็นไปได้สูงที่หนึ่งในนักศึกษาเหล่านั้นจะก่อคดีขึ้น แต่นักศึกษาจำนวนมากขนาดนี้ ถ้าจะให้สอบปากคำทีละคน ก็คงเป็นงานที่หนักหนาสาหัสพอสมควร

เมื่อดูจากคำอธิบายตามรูปคดีแล้ว ตัวอักษรสุดท้ายไม่กี่ตัวกลับยิ่งทำให้เย่หนิงรู้สึกสนใจขึ้นมา ไม่พบสาเหตุการตายที่แน่ชัด !

อะไรกันนะเนี่ย ! ไม่พบสาเหตุการตายได้อย่างไรกัน เย่หนิงพลิกกลับไปดูหน้าแรกอีกครั้ง ข้อมูลที่หัวหน้าหยางส่งมาให้มันน้อยเกินไปจริง ๆ นอกจากรายงานที่เขียนไว้ว่าพบนักศึกษาเคราะห์ร้ายถูกฆ่ายัดอยู่ในชั้นวางของในโกดังแล้ว ก็ไม่มีความเห็นอื่น ๆ เขียนไว้เลย

บางที ตอนนี้ทางตำรวจก็อาจจะยังหาข้อสรุปอะไรไม่ได้

แต่ประโยคที่ว่า "ไม่พบสาเหตุการตายที่แน่ชัด” นี้ ยิ่งทำให้เย่หนิงรู้สึกว่าคดีนี้คงไม่ง่ายเสียแล้ว ที่ว่าการมณฑลส่งผู้เชี่ยวชาญมาเพื่อช่วยในการตรวจสอบ หัวหน้าหยางก็เลยเร่งพวกเขาให้รีบกลับไป เรื่องนี้มันชักแปลกประหลาดแล้วจริง ๆ ด้วยสิ

เย่หนิงคิดถึงเรื่องคดีนี้จนเพลิน ทำให้ลืมเหตุการณ์ทั้งหลายที่เกิดขึ้นเมื่อคืนไปเสียจนหมด จนเมื่อเวลาตีสามกว่าเธอก็ง่วงจนทนไม่ไหว เมื่อได้ล้มตัวลงนอนบนเตียงก็หลับไปจนฟ้าสว่าง หากโทรศัพท์มือถือไม่ดังขึ้นมาเสียก่อน ป่านนี้เธอก็คงยังไม่ตื่น

เมื่อหยิบมือถือขึ้นมาดูก็พบว่าเป็นลู่เว่ยที่โทรเข้ามา เจ้าหมอนี่ตะโกนใส่มือถือจนเย่หนิงหูแทบแตก "พี่เย่ นี่มันถึงเวลาแล้วนะครับ ทำไมลูกพี่ถึงยังมาไม่ถึงห้องสำนักงานอีก ? ตอนนี้ใกล้จะถึงเวลาประชุมแล้วนะครับ !"

"อะไรนะ!” เย่หนิงสะดุ้งพรวดขึ้นมา มองดูนาฬิกาบนมือถือ ตอนนี้เป็นเวลาแปดโมงห้าสิบเข้าไปแล้ว

พระเจ้าช่วย ! เธอนอนเพลินไปเลยหรือเนี่ย ขนาดเสียงนาฬิกาปลุกดังก็ยังไม่ได้ยิน เย่หนิงดีดตัวขึ้นจากเตียง รีบอาบน้ำแต่งตัวให้เสร็จภายในสิบนาที

เย่หนิงรีบพุ่งตัวออกจากบ้าน ตอนนี้ท้องฟ้าเริ่มเปิด อากาศยามฟ้าหลังฝนให้ความรู้สึกสดชื่นเป็นพิเศษ แสงอาทิตย์ส่องผ่านชั้นเมฆบางตาลงมา ทำให้เม็ดฝนบนกิ่งไม้ใบหญ้าส่องประกายสีทองราวกับไข่มุกขัดเกลาอย่างดี ขณะที่ลมอ่อน ๆ เฉียดหยดน้ำจนทยอยหยดมานั้น เหมือนดังไข่มุกเม็ดน้อยใหญ่โปรยปรายลงมา ทำให้หลุมแอ่งน้ำบนพื้นดินสาดกระเซ็นออกมาเป็นคลื่นน้ำหลาย ๆ ชั้น เกิดความรู้สึกสงบและดีใจออกมาแตกต่างกันเป็นพิเศษ

ต่อให้เย่หนิงรีบเร่งแค่ไหนก็อดไม่ได้ที่จะหยิบมือถือขึ้นมาถ่ายภาพยามเช้าอันแสนสวยนี้เก็บไว้ นี่ถ้าไม่ติดว่าเธอกำลังจะสาย แล้วต้องรีบไปเข้าประชุมต่อ เธอก็อยากจะถ่ายภาพเก็บไว้อีกสักหลาย ๆ รูป

ตอนที่เย่หนิงเข้าไปในห้องประชุม เธอเห็นคนนั่งอยู่ในห้องเต็มไปหมด จึงรู้สึกเคอะเขินขึ้นมาเล็กน้อย

เป็นเพราะว่าเธอมาสาย มาถึงห้องประชุมเป็นคนสุดท้าย หยางปินหัวหน้าทีมของพวกเขาที่ไม่ชอบคนที่ไม่ตรงต่อเวลาเป็นที่สุด ท่าทีของเขาจึงไม่ผิดไปจากที่คิดไว้นัก เมื่อเขาเห็นเธอเข้ามา หยางปินก็ถามขึ้นอย่างไม่สบอารมณ์ว่า "ทำไมถึงเพิ่งมา ? เมื่อวานผมก็บอกคุณชัดเจนแล้วไม่ใช่หรือว่าต้องมาถึงห้องประชุมก่อนเก้าโมงเช้า ! แล้วดูสิเนี่ย ว่าตอนนี้มันกี่โมงเข้าไปแล้ว !"

เย่หนิงพูดออกมาเบา ๆ "รายงานหัวหน้าค่ะ ตอนนี้เป็นเวลาเก้าโมง ห้านาทีค่ะ"

หยางปินพูดด้วยน้ำเสียงที่ไม่พอใจมากขึ้นกว่าเดิมว่า " รู้ไหมว่าตอนนี้ทุกคนกำลังรอคุณอยู่คนเดียว รู้ไหมว่าตอนนี้มีสายตากี่คู่ที่กำลังสนใจคดีนี้อยู่ ? แล้วรู้ไหมว่าผู้ว่าการมณฑลเขามีเวลาให้พวกเราแค่เท่าไหร่ ? ชักช้าอืดอาดยืดยาดแบบนี้ คุณมาเป็นตำรวจได้ยังไงกัน !"