webnovel

บทที่ 9 ขายผ้าเอาหน้ารอด

บทที่ 9 ขายผ้าเอาหน้ารอด

พริบตาเดียววันสอบของเซียวลิ่วหลังก็มาถึง

กู้เจียวตื่นแต่เช้ามืด นวดแป้งและนึ่งหมั่นโถวเนื้อขาว พร้อมทั้งตุ๋นน้ำแกงเห็ดป่า

เห็ดป่านั้นเก็บมาจากบนเขา ครั้งแรกที่เก็บมานั้นถูกกินไปหมดแล้ว ส่วนเห็ดเหล่านี้เพิ่งเก็บมาใหม่เมื่อวาน ทั้งยังเหลืออีกไม่น้อย เธอตั้งใจว่าจะหาบไปขายที่ตลาด

อันที่จริงเธอเก็บเห็ดหูหนูมาด้วย เพียงแต่เห็ดหูหนูสดนั้นมีพิษ ต้องตากแห้งเสียก่อนถึงจะกินได้

ขณะที่รออาหารสุกเธอจึงกลับเข้ามาในเรือนเพื่อกินยา

บาดแผลที่ข้อมือและศีรษะของเธอนั้นหายดีแล้ว ยาเองก็ใช้เกือบหมดแล้วเช่นกัน

ส่วนยาเนื้อครีมนั้นใช้ค่อนข้างน้อย จึงเหลืออีกกว่าครึ่งหลอด

เซียวลิ่วหลังที่อยู่อีกฟากหนึ่งก็ตื่นแล้วเช่นกัน

กู้เจียวรู้ว่าเมื่อคืนวานเขาอ่านหนังสือจนดึกดื่น เช้านี้จึงไม่ทำเสียงดังรบกวนเขา

แต่นึกไม่ถึงเลยว่าเขาจะตื่นเช้าถึงเพียงนี้

กู้เจียวจัดวางชามและตะเกียบแล้วตักน้ำแกงเห็ดป่าให้กับเขาครึ่งถ้วยเล็ก นั่นเป็นเพราะกลัวว่าเขาจะปวดเบาตอนสอบ ถึงตั้งใจไม่ตักเต็มถ้วย

แต่ไม่รู้ว่ากู้เจียวตาฟาดไปหรืออย่างไร ถึงได้รู้สึกอยู่ตลอดว่าสายตาของเซียวลิ่วหลังที่แอบมองมานั้นแฝงไปด้วยความตัดพ้อ

การสอบใช้เวลาทั้งวัน กู้เจียวห่อหมั่นโถวและน้ำดื่มให้กับเขา

เธอชะงักไปครู่หนึ่ง ไม่รู้ว่าคิดอะไรออกขึ้นมาบางอย่าง เธอถึงได้ยัดเหรียญทองแดงสิบเหรียญใส่ไปในห่อผ้าด้วย

เซียวลิ่วหลังเห็นขณะที่นางยัดเหรียญทองแดงเข้าไป แววตาของเขากระตุกไหว ทว่าไม่เอ่ยคำใด

กู้เจียวยื่นห่อผ้าที่บรรจุของเรียบร้อยแล้วให้แก่เขา “ค่ารถข้าจ่ายไปแล้ว ประเดี๋ยวเรียกแล้วก็คงมา ให้เขาไปส่งเจ้าใกล้ๆ กับสำนักบัณฑิต”

“อืม” เซียวลิ่วหลังขานตอบ รับห่อผ้ามาก่อนจะค้ำไม้เท้าเดินออกไป

กู้เจียวมองขากะเผลกของเขา พยายามหยุดความคิดที่จะไปส่งเขาที่หน้าหมู่บ้าน

เพราะว่าเขานั้นคงไม่เต็มใจนัก

เมื่อเซียวลิ่วหลังเดินมาถึงหน้าหมู่บ้าน เกวียนวัวลากของลุงหลัวเอ้อก็จอดอยู่ที่ใต้ต้นตั๊กแตนไฮวแล้ว บนรถมีคนนั่งอยู่ไม่น้อย ล้วนแต่เป็นชาวบ้านที่หอบหิ้วพืชผักไข่ไก่จากบ้านของตนเองเพื่อไปขาย

ในตัวอำเภอ

ชาวบ้านหันมาเห็นเขาก็พากันยิ้มทักทาย

เซียวลิ่วหลังเป็นคนรู้หนังสือ ยามปกติแล้วดูเย็นชา แต่ความจริงแล้วไม่ได้เย่อหยิ่งแต่อย่างใด บ้านไหนอยากให้อ่านจดหมายให้หรือเขียนจดหมายกลับก็ล้วนแต่มาหาเขาถึงเรือน แม้กู้ต้าซุ่นจะเป็นคนรู้หนังสือเหมือนกัน แต่ตอนกลางวันกู้ต้าซุ่นนั่นอยู่ที่สำนักบัณฑิต ยามค่ำกลับมากับเอาแต่เก็บตัวอ่านตำรา เหล่าชาวบ้านจึงไม่กล้ารบกวนเขามากนัก

ที่นั่งสุดท้ายบนเกวียนคงเหลือไว้ให้เขา

ขณะที่เซียวลิ่งหลังกำลังขึ้นไปนั่ง ก็เห็นว่ามีเงาของใครคนหนึ่งกำลังปรี่เข้ามาแล้วขวางหน้าเขาไว้

มือของอีกฝ่ายยันเกวียนวัวเอาไว้ มืออีกข้างหนึ่งพยุงร่างของใครอีกคนที่อยู่ด้านหลัง

“ซุ่นจื่อ รีบขึ้นไปเร็ว!”

นั่นคือแม่นางโจวสะใภ้ใหญ่ของตระกูลกู้

แม่นางโจวขวางเซียวลิ่วหลังไม่ให้ขยับไปไหน ไม่ปล่อยให้เซียวลิ่วหลังมีโอกาสขึ้นรถ

หญิงสูงวัยคนหนึ่งบนรถเอ่ยขึ้น “ซุ่นจื่ออะไรของเจ้า ลิ่วหลังมาถึงก่อนนะ”

กู้ต้าซุ่นที่กำลังตั้งท่าขึ้นรถชะงักไป

เขาหันหลังกลับไป สายตามองผ่านแม่ของตน แล้วหยุดอยู่ที่เซียวลิ่วหลัง

แววตาของเซียวลิ่วหลังเยือกเย็น สีหน้านิ่งเรียบ

แม่นางโจวไม่แยแสทั้งยังตะโกนดังลั่น “ซุ่นจื่อของข้าจะไปสอบ! เขามาก่อนแล้วอย่างไรเล่า

มาก่อนแล้วมีสิทธิ์อะไรทำให้ซุ่นจื่อของข้าเข้าสอบสาย”

คนในหมู่บ้านรู้ว่ากู้ต้าซุ่นนั้นฉลาดเฉลียวเพียงใด ไม่นานมานี้เพิ่งสอบติดสำนักเซี่ยนเสวียนเสวีย

เป็นถึงบัณฑิตซิ่วไฉ ได้ยินมาว่าสนิทสนมกับเจ้าสำนักจนไม่ต้องคุกเข่าคำนับแล้ว

เซียวลิ่วหลังแม้จะเป็นคนดี แต่ก็จริงอยู่ที่อนาคตของกู้ต้าซุ่นนั้นสำคัญกว่า

หากกู้ต้าซุ่นเป็นใหญ่เป็นโตแล้ว ไม่ใช่เพียงจะเป็นเกียรติเป็นศรีแก่ตระกูลกู้

แต่ทั้งหมู่บ้านชิงเฉวียนก็พลอยได้หน้าไปด้วย

ไม่มีใครกล้าปริปากเลยสักคน

“คือว่า...” ลุงหลัวเอ้อเอ่ยขึ้นเสียงแผ่วเบา “ลิ่วหลังเขา...เขาก็จะไปสอบเหมือนกัน”

คืนก่อนตอนที่กู้เจียวมาหาลุงหลัวเอ้อ ก็ได้บอกกล่าวกับเขาอย่างชัดเจนว่าเซียวลิ่วหลังจะเข้าสอบที่สำนักบัณฑิตแห่งหนึ่ง แต่เซียวลิ่วหลังขาพิการ จึงกำชับให้เขาไปส่งถึงที่ ด้วยเหตุนี้ถึงได้ให้เงินเขาเพิ่มอีกถึงสองเหรียญ

ลุงหลัวเอ้อเองก็มึนงงไม่น้อย เด็กบ้าตระกูลกู้ที่ไม่ถูกกับเซียวลิ่วหลังมาตลอด

เหตุใดถึงทำเรื่องเช่นนี้ได้ ราวกับเปลี่ยนไปเป็นคนละคน

ทว่าเขาไม่ทันได้ถามอะไรมา กู้เจียวก็กลับไปเสียก่อน

พอได้ยินว่าเซียวลิ่วหลังจะไปสอบเช่นกัน แม่นางโจวก็ยังไม่ยอมลดละ การเดินทางไปสอบของเซียวลิ่วหลังจะเทียบกับลูกชายของนางได้อย่างไร

ทว่ากู้ต้าซุ่นกลับหันไปมองเซียวลิ่วหลังอย่างตกตะลึง “เจ้า...ก็จะไปสอบเข้าสำนักเทียนเซียงเหมือนกันหรือ”

“ใช่” เซียวลิ่วหลังตอบเสียงเรียบ

ยามเซียวลิ่วหลังมาอาศัยอยู่ในหมู่บ้านแห่งนี้เขาก็เป็นบัณฑิตถงเซิง แล้ว ยามนั้นกู้ต้าเซียวก็เป็นถงเซิงเช่นกัน จากนั้นกู้ต้าซุ่นสอบได้เป็นซิ่วไฉ แต่เซียวลิ่วหลังยังคงเป็นแค่งถงเซิง กู้ต้าเซียวถึงไม่ได้เห็นเซียวลิ่วหลังอยู่ในสายตานัก

“เจ้าไม่ได้ไปเรียนที่สำนักมาครึ่งปีแล้ว...” กู้ต้าซุ่นส่ายหน้า

นั่นหมายความอย่างแจ่มแจ้งว่าเซียวลิ่วหลังไม่มีทางสอบติดแน่นอน

ลุงหลัวเอ้อเดิมทีคิดจะเกลี้ยกล่อมให้ชาวบ้านสักคนสละที่ให้เซียวลิ่วหลังเสียก่อน

พอได้ยินเช่นนั้นก็กลืนคำพูดนั้นลงท้องไป

ในเมื่อสอบไม่ติด แล้วจะลำบากลำบนไปเพื่อเหตุใดเล่า

ลุงหลัวเอ้อล้วงถุงเงินออกมา

ค่ารถไปตลาดสองเหรียญ ส่วนค่ารถไปที่อื่นนั้นสามเหรียญ กู้เจียวให้เพิ่มมาอีกสองเหรียญ ทั้งหมดเป็นห้าเหรียญ

ขณะที่ลุงหลัวเอ้อกำลังนับเงินคืนให้แก่เซียวลิ่วหลัง แม่นางโจวก็ดันกู้ต้าซุ่นขึ้นรถไปแล้ว

ทว่าเขายังไม่ทันได้นั่งลง ก็มีมือผอมแห้งเห็นกระดูกข้างหนึ่งเอื้อมเข้ามาคว้าท้ายทอยของเขาไว้ แล้วลากเขาลงมากจากรถ!

กู้ต้าซุ่นอายุมากกว่าเซียวลิ่วหลังสองปี ปีนี้อายุได้สิบเก้าปีแล้ว คือคนวัยหนุ่มแน่นร่างกำยำ

แต่กลับถูกกระชากลงมาอย่างทุลักทุเล จนเกือบจะเซล้มลงไปกับพื้นแล้ว

แม่นางโจวตกใจจนแทบหายใจหายคอไม่ทัน รีบเข้าไปพยุงกู้ต้าซุนไว้

“ผู้ใดกัน!”

นางเหลียวหลังมาตวาดด้วยความเดือดดาล

ก่อนจะเห็นร่างผอมบางของกู้เจียวพร้อมกันกับทุกคน

แววตาของกู้เจียวเยือกเย็น แฝงไปด้วยความน่าสะพรึงกลัวที่ไม่เคยพบเห็นมาก่อน

ทุกคนต่างตกตะลึง

“กู้เจียว เจ้าเป็นบ้าอะไรของเจ้า!” แม่นางโจวนึกอยู่ในใจว่าผู้ใดกันถึงได้กล้าดีเช่นนี้ ที่แท้ก็นางเด็กบ้านี่เอง

“เอาเงินคืนไป” กู้เจียวไม่สนใจแม่นางโจวแม้แต่น้อย จับจ้องเพียงมือที่ค้างเติ่งอยู่กลางอากาศของลุงหลัวเอ้อ นางคิ้วขมวดอย่างขุ่นเคือง “ข้าจองรถตั้งแต่เมื่อคืนแล้ว ท่านจะกลับคำก็ได้ แต่ก็ต้องคืนค่ารถทั้งหมดให้ทุกคน”

“เจ้าหมายความว่าอย่างไร” แม่นางโจวถาม

“ข้าพูดอย่างไรก็หมายความว่าอย่างนั้น หากวันนี้เซียวลิ่วหลังไม่ได้ขึ้นรถ เช่นนั้นคนอื่นก็ห้ามขึ้นรถเช่นกัน” นางเอ่ย

“เจ้ามีสิทธิ์อะไร” หญิงแก่คนหนึ่งโวยวาย

กู้เจียวค่อยๆ เผยเคียวออกมาจากด้านหลังของตน “เพราะข้าเป็นคนบ้าอย่างไรเล่า”

เมื่อทุกคนเห็นเคียวก็หน้าซีดเผือด

แม่นางโจวที่หมายจะกระโจนตัวเข้าไปกระชากผมกู้เจียวก็ไม่กล้าแม้แต่จะเดินเข้าไปใกล้แล้ว

คนบ้า...คนบ้าจะทำเรื่องบ้าบออะไรก็ได้จริงๆ สินะ

แต่นางบ้าผู้นี้ไม่เคยเหลียวแลเซียวลิ่วหลังแม้แต่น้อย เหตุใดถึงได้กล้าผิดใจกับญาติพี่น้องใกล้ชิดอย่างตระกูลกู้เพียงเพราะเขาเช่นนี้

“หากอยากไปก็รีบไปฟ้องนายใหญ่กู้สิ” กู้เจียวพ่นลมใส่เคียวที่ตนลับจนคมกริบ

แม่นางโจวคิดจะไปจริงๆ

ทว่าถูกกู้ต้าซุ่นรั้งไว้เสียก่อน

พูดคุยกับคนบ้าด้วยเหตุด้วยผลคงไม่มีประโยชน์ แต่หากไปสอบไม่ทันก็แย่เหมือนกัน

แม้เซียวลิ่วหลังจะพลาดการสอบ แต่เซียวลิ่วหลังนั้นสอบไม่ติดอยู่แล้ว ถึงจะพลาดก็พลาดไป ผลออกมาก็เหมือนเดิม

สุดท้ายกลายเป็นลุงหลัวเอ้อที่คิดหาทางออกได้ เขาให้แม่นางโจวจ่ายเงินซื้อผักของชาวบ้าน

คนหนึ่ง เพื่อให้ชาวบ้านคนนั้นสละที่นั่งให้กับกู้ต้าซุ่น

กู้เจียวไม่สนว่ากู้ต้าซุ่นซื้อที่นั่งของใคร

เพียงแต่เพื่อป้องกันไม่ให้เกิดเหตุไม่คาดฝันระหว่างทางอีก กู้เจียวจึงพกเคียวนั่งตามไปด้วย

ทว่าบนรถไม่มีที่นั่งเหลือให้นางแล้ว

นางจึงพาร่างผอมบางของตนเดินตามไปกว่าสิบลี้เพื่อส่งเซียวลิ่วหลังให้ถึงสนามสอบ

อย่างปลอดภัย