webnovel

สักวันฉันจะเป็นซุปตาร์

เธอ เฝิงหนาน คุณหนูตระกูลเฝิงผู้ร่ำรวยล้นฟ้า เมื่อลืมตาตื่นขึ้นมาอีกครั้ง เธอกลับมาอยู่ในร่างของ เจียงเซ่อ เด็กสาวยากจนที่ไม่มีอะไรดีนอกจากหน้าตา วันๆ เอาแต่ใฝ่ฝันว่าอยากจะเข้าวงการบันเทิง แม้ชะตาจะเล่นตลกทำให้ชีวิตกลับตาลปัตรไม่มีอะไรเหมือนกับชีวิตเดิมก่อนหน้านี้เลยสักนิด แต่นี่อาจจะเป็นโอกาสที่สวรรค์มอบให้เธอเพื่อให้เธอได้เลือกทางเดินชีวิตของตนใหม่อีกครั้งก็ได้ ชีวิตที่ไม่เคยได้เลือกเอง ตอนนี้โอกาสกลับมาอยู่ในมือเธออีกครั้ง ถ้าอย่างนั้นเธอก็ขอเริ่มต้นชีวิตใหม่ที่เป็นของเธอบ้าง… เมื่อคนรู้จักในชีวิตครั้งเก่าได้หวนกลับมาเจอกันอีกครั้ง ครั้งนี้เธอจะได้รู้จักพวกเขาเหล่านั้นใหม่อีกครั้งในมุมมองที่ต่างออกไป

กว่านเอ๋อร์ wr · Urban
Not enough ratings
710 Chs

611

บทที่ 611 ประกาศ

แค่หนังเล็กๆ ที่เกี่ยวกับวรรณคดีเขาเองก็ไม่ปล่อยให้รอดพ้นสายตาไป ก่อนอื่นก็ต้องดูชื่อของผู้กำกับและนักแสดง ถึงจะค่อยเอาเนื้อเรื่องมาเปรียบเทียบกัน และจัดตารางการดูหนังของตัวเอง

การเป็นนักวิจารณ์หนังที่มีคุณวุฒิสูงและโดดเด่นขนาดนี้ นี่คืองานที่ซูเพ่ยเอินจะต้องทำในทุกๆ วัน

ส่วนใหญ่แล้วจะคอยสัมผัสและทำความรู้จักกับความเป็นไปของตัวหนัง ถึงได้กลายมาเป็นเขาที่มีความรู้มากมาย ไม่ว่าจะจากหนังที่ธรรมดาๆ หรือจะเป็นหนังที่ยอดเยี่ยมเหนือใคร เขานั้นก็ได้สัมผัสมันมามากแล้ว

เสียงโทรทัศน์ในบ้านยังคงดังอยู่เรื่อยๆ ใบหน้าจอนั่น มีคนแก่คนหนึ่งที่กำลังนั่งร้องไห้สะอึกสะอื้นและพูดถึงลูกหลานที่ไม่มีความกตัญญู และภรรยาของเขาเองก็น้ำตานองหน้าเช่นกัน ดวงตาจดจ้องไปที่หน้าจอโทรทัศน์

ซูเพ่ยเอินหันไปมองแวบหนึ่ง จากนั้นก็หันหน้ากลับมาที่เดิม

เขาหยิบสมุดจดบันทึกที่วางอยู่ข้างๆ ขึ้นมา กับเขาที่อายุขนาดนี้แล้ว ถึงแม้ว่าเวลาทำงานจะต้องใช้คอมพิวเตอร์ในการพิมพ์งานหรือติดต่อหาคนอื่นๆ ก็ตาม แต่สิ่งที่ซูเพ่ยเอินชื่นชอบ ก็ยังคงเป็นการใช้ปากกาเขียนถึงข้อคิดและประสบการณ์ต่างๆ ของตัวเองลงบนสมุดอยู่ดี

ทั้งสองคนต่างก็ทำเรื่องของตัวเองไป แบบนี้ก็ถือว่าเป็นบรรยากาศที่ดีไม่น้อย ปลายปากกากำลังโลดแล่นอยู่บนสมุดบันทึก จดเกินเสียงเสียดสีออกมา ผสานเข้ากับเสียงดนตรีของโทรทัศน์ ทั้งหมดนี้ล้วนแล้วทำให้ซูเพ่ยเอินรู้สึกผ่อนคลายอย่างที่สุด จนกระทั่งเมื่อมือถือที่ตั้งอยู่บนโต๊ะน้ำชามันดังขึ้นมา เสียงเรียกเข้านั่นก็ได้ทำลายและปลุกคู่สามีภรรยาจากเสียงโทรศัพท์ขึ้นมาในทันที

ซูเพ่ยเอินขมวดคิ้ว เขาไม่ชอบให้มีใครมารบกวนในตอนที่ตัวเองกำลังใช้ความคิดแบบนี้ พอมือถือมันดังขึ้นมา ภรรยาของเขาก็วางไหมพรมในมือลง จากนั้นก็ลุกขึ้นไปหยิบมือถือขึ้นมาดู

“ชุยจางเฉิงโทรมาแน่ะ”

บนหน้าจอมือถือโชว์ชื่อ ‘ชุยจางเฉิง’ ขึ้นมา เขาเป็นบรรณาธิการหลักของนิตยสาร ‘สือไต้ผิงซัว’ เป็นเพื่อนที่ร่วมงานกับซูเพ่ยเอินมานานหลายปี ในนิตยสาร ‘สือไต้ผิงซัว’ นั้น เขามักจะยกคอลัมน์พิเศษให้ ซูเพ่ยเอินเขียนถึงบทวิจารณ์หนังเสมอ

แต่แค่ในหลายปีที่ผ่านมานี้ร่างกายของซูเพ่ยเอินไม่ค่อยแข็งแรง ถึงแม้ว่าจะยังดูหนังอยู่ แต่เรื่องการเขียนบทวิจารณ์นั้นก็เริ่มที่จะเพลาๆ ลงไปเยอะแล้ว ผลงานก็เริ่มน้อยลงด้วย แต่กับชุยจางเฉิงนั้นก็ยังเป็นเพื่อนที่สนิทกันเหมือนเดิม

ถ้าหากว่าไม่ได้มีเรื่องสำคัญอะไรจริงๆ ชุนจางเฉิงคงไม่มีทางที่จะโทรมาในเวลาแบบนี้แน่ๆ เพราะเขาน่าจะรู้ถึงการใช้ชีวิตของซูเพ่ยเอินดี และน่าจะรู้ด้วยว่าช่วงนี้เขาไม่ได้มีแผนที่จะเขียนบทวิจารณ์หนังเรื่องไหน โทรมาตอนนี้ คงจะต้องมีข่าวอะไรแน่ๆ

ซูเพ่ยเอินคาดเดาอยู่ในใจ พลางสวมปลอกปากกา และปิดสมุดลง จากนั้นก็หันไปรับมือถือมาจากภรรยา และเอ่ยขึ้น

“จางเฉิง ฉันเองซูเพ่ยเอิน”

“อาจารย์ซู คุณเห็นข่าวบนอินเทอร์เน็ตหรือยังครับ?”

น้ำเสียงชองชุยจางเฉิงมีความตื่นเต้นไม่น้อย “หนังเรื่อง ‘The second coming of Jesus Christ’ ที่คุณสนใจ เมื่อสามสิบนาทีก่อน ทางออฟฟิเชียลได้ปล่อยไฮไลท์ของตัวหนังออกมาด้วย”

หนังเรื่อง ‘The second coming of Jesus Christ’ นั้นมีเจียงเซ่อร่วมแสดงอยู่ด้วย ตั้งแต่งหนังเรื่อง ‘Evil’ ซูเพ่ยเอินก็คอยให้ความสนใจกับเจียงเซ่อมาโดยตลอด และพอรู้ว่าเธอได้ร่วมเป็นส่วนหนึ่งในหนังของเชี่ยซ่าเหลยแล้ว ตั้งแต่ที่มีข่าวออกมา เขาก็คอยให้ความสนใจและตามข่าวอยู่ตลอดเวลา

แต่น่าเสียดายที่ตั้งแต่หนังเรื่องนี้เริ่มถ่ายจนมาถึงตอนนี้ นี่มันก็ผ่านมาสามปีกว่าแล้ว การตัดต่อในขั้นตอนเทคนิคต่างๆ ก็ใช้เวลาอย่างยาวนาน ทำให้หนังเรื่องนี้ที่เป็นผลงานของเชี่ยซ่าเหลย จากตอนแรกที่ได้รับความสนใจมากมายจากกลุ่มแฟนคลับก็กลายเป็นเงียบหายไป

โดยเฉพาะหลังจากที่ ‘The second coming of Jesus Christ’ ได้ถ่ายทำเสร็จไป ก่อนหน้านี้ก็มีการประกาศว่าจะมีการเข้าฉายในอเมริกาเหนือก่อนในวันที่ยี่สิบหกเดือนธันวาคม และค่อนออกฉายทั่วโลกในวันที่หนึ่งเดือนมกราคม

จากคนที่ทำงานเกี่ยวกับหนังเรื่อง ‘The second coming of Jesus Christ’ นั้น กลุ่มนักลงทุนก็เป็นถึงบริษัทฮว๋านเต่าและบอร์เจียที่มีชื่อเสียงอย่างมากในต่างประเทศ ผู้กำกับก็เป็นถึงเชี่ยซ่าเหลยที่มีประสบการณ์มากมาย แถมยังมีนักแสดงชาวอิตาลีอย่างโดนัลด์ร่วมด้วย แค่นี้ก็เพียงพอที่จะทำให้คนทั่วโลกหันมาสนใจแล้ว ยิ่งมีข้อมูลออกมาแบบนั้น ก็ยิ่งง่ายต่อการเป็นข่าว

ว่ากันตามเหตุผล กับหนังมีการลงทุนสร้างที่ใหญ่ขนาดนี้ ได้มีการวางทุกอย่างเอาไว้ตั้งแต่ครึ่งปีแรก มันก็น่าจะมีการปล่อยไฮไลท์หนัง เพื่อดึงดูดความสนใจจากผู้ที่กำลังรอ เพื่อได้ยอดที่มั่นคงในวันเข้าฉายวันแรกไม่ใช่หรือ

แต่ที่น่าแปลกก็คือ ทำไม่ทางนักลงทุนถึงได้ยังคงมีท่าที ‘เงียบเชียบ’ ขนาดนี้

นี่มันก็เดือนตุลาคมแล้ว เหลืออีกแค่สองเดือนกว่าก็จะถึงวันเข้าฉายหนัง แต่ทางทีมงานหนังกลับยังไม่มีการประกาศหรือโปรโมทอะไรสักอย่างให้กับตัวหนังเลยสักอย่าง อีกทั้งแฟนคลับทั่วโลกก็ยังไล่ถามอยู่บ่อยครั้ง แต่ทางออฟฟิเชียลของ ‘The second coming of Jesus Christ’ ก็ลงอะไรอย่างอื่นที่ไม่ได้มีความเกี่ยวข้องกับตัวหนังเลย

ในสถานการณ์แบบนี้ ก็คงเป็นแค่ข่าวที่ไม่มีที่ไปเท่านั้นแหละ

มีคนเดาว่าหนังเรื่องนี้อาจจะเป็นหนังเรื่องแรกที่เชี่ยซ่าเหลยล้มเหลว เขาอาจจะถ่ายหนังที่มีความตื่นเต้นและท้าทายได้ สามารถถ่ายหนังที่มีจิตนาการล้ำเลิศอย่าง ‘The Lost City’ ได้ สามารถถ่ายหนังการตลาดเพื่อเรียกยอดขายจากคนดูได้ แต่นี่เป็นครั้งแรกที่เชี่ยซ่าเหลยได้มากำกับหนังที่เกี่ยวกับเนื้อหาของศาสนาแบบนี้ คงยากที่จะสามารถเข้าถึงแก่นจริงๆ ของนักเขียนที่ตั้งชื่อเรื่องนี้เอาไว้ว่า ‘นักโทษ’

ยังไงจริงๆ แล้วนิยายเรื่องนี้ก็มีชื่อเรื่องว่า ‘นักโทษ’ ในสายตาคนดูหลายๆ คนก็คงรู้สึกว่ามันไม่ค่อยจะโดดเด่นสักเท่าไหร่ เนื้อหาในหนังสือล้วนแล้วมีความเกี่ยวข้องกับเรื่องของศาสนา มีแต่เรื่องจริงจัง ทำให้ดูจืดชืดและยากเกินไปที่จะอ่าน

แทนที่จะพูดว่า ‘นักโทษ’ นั้นเป็นเหมือนนิทานเรื่องหนึ่ง ควรจะบอกว่ามันเป็นสิ่งที่ผู้แต่งนิยามเข้าใจและเกี่ยวกับตัว ‘พระเจ้า’ เสียมากกว่า

ในปีนั้นที่เชี่ยซ่าเหลยได้ประกาศว่าจะถ่ายหนังเรื่องนี้ ก็ทำเอาหลายๆ คนเกิดความสงสัยแปลกใจกันไปหมด จากนั้นก็ตามมาด้วยกระแสตอบรับที่ไม่เห็นด้วยเสียเท่าไหร่

แต่เป็นเพราะว่าชื่อเสียงของเขาเอง หนังมากมายหลายเรื่องที่เขาทำออกมาได้ดี ความคาดหวังและความปรารถนาของใครอีกหลายๆ คนจึงไปกลบกระแสเหล่านั้นลง

ตอนนี้เมื่อทุกอย่างดำเนินไปตามกาลเวลา เดือนธันวาคมใกล้เข้ามาแล้ว แต่หนังเรื่อง ‘The second coming of Jesus Christ’ ก็ยังไม่มีการประกาศหรือไฮไลท์อะไรออกมาเลยสักนิด ทำเอาแฟนคลับของเชี่ยซ่าเหลยเริ่มที่จะเกิดความกังวลกันแล้ว

คนวงในพากันเดาว่า หนังเรื่อง ‘The second coming of Jesus Christ’ ที่เชี่ยซ่าเหลยเป็นคนกำกับคงจะไม่ได้เป็นอย่างที่ทุกคนหวังไว้สักเท่าไหร่ ตามจากท่าทีในตอนนี้แล้ว ก็เริ่มที่จะมีแฟนคลับของ เชี่ยซ่าเหลยบางส่วนที่กังวลว่าหนังเรื่อง ‘The second coming of Jesus Christ’ จะได้ออกฉายในวันที่ยี่สิบหกเดือนธันวาคมนี้จริงๆ หรือเปล่า

เพราะว่านี่คือหนังต่างประเทศเรื่องแรกที่เจียงเซ่อได้ร่วมแสดง ซูเพ่ยเอินเองก็คอยตามข่าวอยู่ตลอด ข่าวคราวของ ‘The second coming of Jesus Christ’ บนอินเทอร์เน็ตเขาก็ตามอยู่เรื่อยๆ อยู่แล้วด้วย

ในหลายปีที่ผ่านมานี้ดาราภายในประเทศที่คิดจะเข้าสู่วงการต่างประเทศนั้นต่างก็ยากลำบากไม่น้อย กับใบหน้าชาวเอเชียที่ต้องก้าวเข้าไปยังตลาดของชาวยุโรปอเมริกาที่คนละสีผิวกัน มันไม่ใช่เรื่องง่ายเลยสักนิด การที่เจียงเซ่อสามารถเข้าร่วมกับหนังเรื่อง ‘The second coming of Jesus Christ’ ได้ ก็ถือว่าเป็นเรื่องที่เป็นหน้าเป็นตาของนักแสดงชาวหัวเซี่ยมากแล้ว

แต่การที่ในระหว่างนั้นไม่มีความเคลื่อนไหวจากทีมงานหนังเลย ซูเพ่ยเอินเองก็เริ่มที่จะกังวลแทนเธอ กลัวว่าหนังเรื่องนี้จะเรื่องที่ไม่คาดคิดขึ้น และเกิดความไม่แน่นอนตามมา

จนกระทั่งวันนี้ที่ชุยจางเฉินโทรมาหา แถมยังพูดว่าหนังเรื่อง ‘The second coming of Jesus Christ’ ได้ปล่อยตัวอย่างหนังออกมาแล้วด้วยน้ำเสียงที่ร้อนรนแบบนั้น ซูเพ่ยเอินจึงถามออกไปทันที

“จริงหรือ?”

เขาแทบไม่อยากจะเชื่อ ก่อนหน้านี้ทางกลุ่มนักลงทุน ไม่เห็นว่าจะมีท่าทีปล่อยตัวอย่างหนังออกมาเลยสักนิดเดียว ถึงแม้ว่าจะเป็นหน้าเพจออฟฟิเชียลก็ตาม แฟนคลับที่อยู่ทั่วทุกมุมโลกเองก็เริ่มพากันไล่ถามตั้งแต่เมื่อครึ่งปีแรก แต่ทางทีมงานก็ไม่มีการตอบกลับใดๆ

คนที่กำลังให้ความสนใจและติดตามหนังเรื่องนี้ก็มีมากมาย แต่เป็นเพราะว่าไม่มีการพูดถึงใดๆเกี่ยวกับหนังเรื่องนี้จากทีมงานเลยสักอย่าง ทำให้ทุกคนที่ยังคิดว่าถ้าหากว่าไม่มีการเปลี่ยนแปลงกำหนดการ และถ้าอยากจะชมผลงานชิ้นใหม่ของเชี่ยซ่าเหลย ก็คงจะต้องรอหลังจากที่เข้าฉายในอเมริกาเหนือในวันที่ยี่สิบหกเดือนธันวาคมนี้เสียก่อน ทางทีมงานถึงจะค่อยปล่อยตัวอย่างหนังหรือประกาศอะไรออกมาเสียที