webnovel

สักวันฉันจะเป็นซุปตาร์

เธอ เฝิงหนาน คุณหนูตระกูลเฝิงผู้ร่ำรวยล้นฟ้า เมื่อลืมตาตื่นขึ้นมาอีกครั้ง เธอกลับมาอยู่ในร่างของ เจียงเซ่อ เด็กสาวยากจนที่ไม่มีอะไรดีนอกจากหน้าตา วันๆ เอาแต่ใฝ่ฝันว่าอยากจะเข้าวงการบันเทิง แม้ชะตาจะเล่นตลกทำให้ชีวิตกลับตาลปัตรไม่มีอะไรเหมือนกับชีวิตเดิมก่อนหน้านี้เลยสักนิด แต่นี่อาจจะเป็นโอกาสที่สวรรค์มอบให้เธอเพื่อให้เธอได้เลือกทางเดินชีวิตของตนใหม่อีกครั้งก็ได้ ชีวิตที่ไม่เคยได้เลือกเอง ตอนนี้โอกาสกลับมาอยู่ในมือเธออีกครั้ง ถ้าอย่างนั้นเธอก็ขอเริ่มต้นชีวิตใหม่ที่เป็นของเธอบ้าง… เมื่อคนรู้จักในชีวิตครั้งเก่าได้หวนกลับมาเจอกันอีกครั้ง ครั้งนี้เธอจะได้รู้จักพวกเขาเหล่านั้นใหม่อีกครั้งในมุมมองที่ต่างออกไป

กว่านเอ๋อร์ wr · Urban
Not enough ratings
710 Chs

435

บทที่ 435 ที่จริงแล้ว

เขาไม่ได้มีความรู้อะไรมากมาย แต่กลับรู้จักสนิทสนมกับตำรวจตามพ่อตั้งแต่เด็กๆ เขาได้เรียนรู้การเป็นนักย่องเบามาตั้งแต่เล็ก จนรวมไปถึงสิ่งอื่นๆ ที่ผิดศีลธรรมและไม่ควรที่จะได้เรียนรู้นั่นด้วย เขาเป็นคนฉลาดมาก ก่อนที่จะเริ่มลงมือเขาจะวางแผนและเตรียมพร้อมมาอย่างดี

ถ้าไม่ใช่เพราะว่าเขารีบร้อนที่จะอยากได้เงินมากเกินไป ถ้าเขาไม่ได้คาดหวังเอาไว้สูงว่าจะกลับไปตี้ตูเพื่อพาลูกสาวและภรรยาไปอยู่ในจุดที่ดีกว่านี้แล้วละก็ บางทีหนทางชีวิตของเขาก็อาจจะไม่กลายมาเป็นแบบนี้ก็ได้

สุดท้ายในเหตุการณ์ทุกๆ อย่าง เขาก็ทำพลาด และถูกจับเข้าคุก

เผยอี้ไม่ได้สนใจเรื่องที่ว่าตอนที่ชายคนนี้อยู่ในเรือนจำต้องแบกรับความรู้สึกแบบไหนถึงสามารถผ่านวันเวลาแบบนั้นมาได้ ที่เขาสนใจมีแค่เรื่องที่ว่า คนที่เคยลักพาตัวเฝิงหนาน คนที่ทำร้ายเธอ และถึงขึ้นที่เกือบจะฆ่าตัวประกันอย่างเธอไปแล้วนั้น มาถึงวันนี้กลับกลายเป็นพ่อที่แท้จริงของเจียงเซ่อไปเสียอย่างนั้น

เจียงจื้อหยวนลักพาตัวเฝิงหนานก็เพื่อลูกสาวของตัวเอง เคยเกิดความคิดชั่วร้ายกับเฝิงหนาน ในชีวิตของเขา ทำแต่เรื่องผิดกฎหมายมาโดยตลอด ดูถูกชีวิตคน เหยียบย่ำคุณธรรมความดีงาม ไม่เคยสนว่าคนอื่นจะเป็นอย่างไร ไม่สนใจตัวเองด้วยซ้ำ สิ่งเดียวที่เขาสนใจก็คือผู้สืบสายเลือดในชีวิตเพียงคนเดียวของตนเท่านั้น

แต่ในวันนี้คนที่เขาห่วงใยมากที่สุด กลับกลายเป็นเด็กสาวที่เขาเคยทำร้าย เด็กสาวคนนั้นได้มาแทนที่ลูกสาวที่แท้จริงของเขาไปเสียแล้ว

ถ้าเป็นเมื่อก่อน เผยอี้คงคิดว่าการที่โชคชะตากำหนดมาแบบนี้ มันคงเป็นการประทานพรให้กับตัวเขา เพราะอยากจะช่วยเหลือให้ตัวเขาและเจียงเซ่อได้สมหวัง แต่ตอนนี้เขากลับคิดว่า ที่โชคชะตากำหนดมาแบบนั้น คงเพราะอยากจะมอบบทลงโทษที่หนักหนาสาหัสสำหรับเจียงจื้อหยวนหรือเปล่า ให้เขาห่วงใยอะไร ก็จะต้องเสียมันไปทุกอย่างแบบนั้น?

ถ้าเขาสามารถอดทนผ่านการติดคุกมาได้ถึงสิบเก้าปี ถึงกฎหมายจะสามารถปรับลดหย่อนโทษให้กับเขาได้ แต่โชคชะตามันไม่ได้ปล่อยผ่านไปง่ายๆ อย่างนั้น

เผยอี้รู้สึกความคิดมันตีกันยุ่งเหยิงไปหมด ไม่รู้เลยว่าจะบอกเจียงเซ่ออย่างไรดี

แถมเขายังเคยสัญญาเอาไว้แล้วว่า ไม่ว่าจะมีเรื่องอะไรเขาก็จะไปปิดบังเธออีก แต่ว่ากับเรื่องแบบนี้เขาควรจะเริ่มอย่างไรดีล่ะ?

“คุณปู่ คุณปู่จำฉันได้แล้วงั้นหรือ?”

เจียงเซ่อบ่นพึมพำกับตัวเอง ที่จริงความเป็นไปได้แบบนี้ เธอเองก็พอจะคาดเดาได้อยู่บ้าง

เมื่อวันก่อนที่จู่ๆ เฝิงจงเหลียงก็โทรมาโมโหใส่เธออย่างไม่มีสาเหตุ หลังจากนั้นก็รีบให้เสี่ยวหลิวมาถึงที่เซี่ยงไฮ้ เพื่อถ่ายลายมือของเธอไป ให้เธอลองเซ็นชื่อของเขา นี่ก็ยืนยันได้อย่างชัดเจนแล้วว่าคุณปู่กำลังเกิดความสงสัยบางอย่างขึ้นมา

เธอได้เฝิงจงเหลียงเลี้ยงดูมาจนโต แน่นอนว่าทุกการกระทำของคุณปู่เธอรู้และสัมผัสมันได้หมด แต่เธอแค่ไม่คิดว่ามันจะเร็วขนาดนี้

เรื่องนี้เป็นเรื่องที่เธอรอมานานแล้ว ตั้งแต่ที่มาเกิดใหม่ ที่จริงเธอไม่ต้องการที่จะไปรบกวนชีวิตบั้นปลายของคุณปู่เลยแม้แต่น้อย แต่เป็นเพราะว่ามีเรื่องการกระทำต่างๆ ของเฝิงหนานเข้ามา จึงทำให้เธอต้องเปลี่ยนความคิดใหม่ และเริ่มที่จะพาตัวเองเข้าไปอยู่ในวงโคจรของคุณปู่ จนค่อยๆ กลับไปทำทุกอย่างเหมือนที่เคยทำกับเฝิงจงเหลียง เธอทิ้งเบาะแสและร่องรอยให้คุณปู่ได้รู้ ยื่นอำนาจให้เฝิงจงเหลียงเป็นค้นหาตัวเอง ให้เขาได้หาข้อสรุปและจดจำว่าเธอคือหลานสาวที่แท้จริงของเขาด้วยตัวเอง

ระยะเวลาของการรอคอยนั้นช่างยาวนาน ระหว่างนั้นก็เกิดความสับสนและลังเลขึ้นมาอยู่หลายครั้ง ว่าความจริงแล้วเธอแค่บอกออกไปเรื่องทุกอย่างมันคงจะชัดเจนไปแล้วหรือเปล่านะ

เธอกลัวที่จะต้องเจ็บปวด กลัวที่จะถูกปฏิเสธ ในระยะเวลาสองปีมานี้ ที่จริงความกลัวของเธอมันไม่เคยสงบลงเลยสักนิด

แต่ทว่าในตอนที่เผยอี้ยืนยันกับเธอแล้วว่ามันคือเรื่องจริง ว่าเฝิงจงเหลียงนั้นจำเธอได้แล้ว เจียงเซ่อกลับมีความรู้สึกเหมือนว่าตนเองได้กลับบ้านแล้วอย่างไรอย่างนั้น

คุณปู่จำเธอได้แล้ว ท่านรู้แล้วว่าเธอคือใคร แต่ว่าท่านกลับไม่ได้ติดต่อมาหาเธอเลยแม้แต่น้อย ความตื่นเต้นของเธอจึงกลายเป็นความไม่แน่ใจเข้ามาแทนที่

เธอไม่พูดอะไรออกมาสักคำ แต่ทว่าในใจของเธอกำลังคิดอะไรอยู่ เผยอี้นั้นรู้ดีเสมอ

“อย่าเพิ่งคิดมากไปเลยครับ ถ้าหากว่าคุณปู่เฝิงไม่ชอบพี่จริงๆ หรือถ้าเขาไม่อยากจำพี่ได้จริงๆ เขาก็คงไม่มีทางพูดเรื่องนี้กับผมแน่ๆ” เขายังต้องร้อนใจกับเรื่องเจียงจื้อหยวนอีก เมื่อสองเดือนก่อนหน้านี้ เจียงจื้อหยวนได้บุกไปที่บ้านครอบครัวตระกูลตู้ ตอนนั้นเกือบจะฆ่าครอบครัวตู้ยกครัวอยู่แล้ว แต่ไม่รู้ทำไมถึงไม่ได้ลงมือ

ตู้ชางฉวินเก็บเรื่องราวเอาไว้อยู่พักหนึ่ง แต่สุดท้ายก็ทนไม่ไหว เขาตกใจกลัวเหมือนนกที่หวาดกลัวคันศร ไม่มีเวลาไปคิดถึงเรื่องอื่นเลย

เขากลัวว่าเจียงจื้อหยวนจะเป็นพวกเชื่อไม่ได้ วันไหนจะหวนกลับมาฆ่าเขาทิ้งก็ไม่รู้ เขาถึงขึ้นคิดว่าจะขายบ้านทิ้ง แล้วพาครอบครัวหนีไปหลบที่ไกลๆ จากคนๆ นั้น

เขาอยากจะออกนอกประเทศเพื่อหลบหนีคนคนนี้ ดูท่าแล้วจะถูกเจียงจื้อหยวนทำให้ตกใจไม่น้อยเลย

แผนการของตู้ชางฉวินก็คือ เตรียมตัวไปแจ้งความกับตำรวจ เพื่อให้มาจับตัวเจียงจื้อหยวนไป จากนั้นก็ให้โจวฮุ่ยไปหาเจียงเซ่อเพื่อขอเงินก้อนใหญ่มาพาครอบครัวอพยพไปอยู่ที่อื่น

ถึงตอนนั้นแล้วเจียงจื้อหยวนก็จะฆ่าคนไม่ได้อีก ถึงจะออกมาจากคุกอีกครั้ง ก็คงจะหาตัวพวกเขาเจอได้ยากแล้ว

เขาเคยได้ยินมาจากโจวฮุ่ยว่า คนๆ นี้เป็นอาชญากร หากอยากจะออกจากประเทศก็คงไม่ใช่เรื่องง่ายๆแน่ และอย่างไรเสียเขาก็ไม่มีงานทำ ไม่มีรายได้ ถึงเวลานั้นถ้าพวกเขาหนีไปกันแล้ว ถึ้งยังคิดอยากจะแก้แค้นแล้วจะไปแก้แค้นกับใครที่ไหนได้อีก?

แต่หลังจากที่แจ้งความไปแล้ว จะส่งผลกระทบอะไรต่อเจียงเซ่อนั้น ตู้ชางฉวินก็ไม่สนใจอะไรมากมายขนาดนั้น

เอาไว้รอให้เงินถึงมือเมื่อไหร่เขาก็จะไปในทันที ครึ่งชีวิตที่เหลือนี้ขอไม่ยุ่งเกี่ยวกับคนแซ่เจียงอีกต่อไป ไม่ว่าจะเป็นเจียงจื้อหยวนก็ดี หรือเจียงเซ่อก็ดี จะไม่มีอะไรที่เกี่ยวของกับเขาอีก

เขาวางแผนเอาไว้อย่างดี แม้กระทั่งก่อนที่จะไปแจ้งความเขาก็ได้เตรียมพร้อมเอาไว้แล้ว วันที่เขาโดนจับ เขาได้ไปคุ้ยถังขยะแถวๆ บริเวณบ้าน และเจอถุงมือยางหลายคู่ที่คนอื่นใช้แล้วมาทิ้งไว้ เลยเอามันมาซ่อนไว้ในบ้าน พวกนี้เป็นของที่เจียงจื้อหยวนเคยใส่ เขาต้องการที่จะเอาของพวกนี้มาเป็นหลักฐาน และใช้เป็นหลักฐานข่มขู่เจียงจื้อหยวนหากเขาคิดจะปฏิเสธ

แต่ว่าตอนที่เขาเข้าไปแจ้งความ กลับพบเข้ากับเฝิงจงเหลียง และเรื่องนี้ก็ได้ถูกเก็บเงียบไปอย่างรวดเร็ว

เฝิงจงเหลียงไม่ได้อยากจะช่วยเจียงจื้อหยวน แต่เมื่อเขาลองพิจาณาดูแล้วว่ามันอาจจะเกิดผลเสียต่อเจียงเซ่อในภายหลัง จึงทำให้แผนของตู้ชางฉวินล้มเหลวไป แต่พอทำแบบนี้แล้วเรื่องความสัมพันธ์ระหว่างเจียงจื้อหยวนและเจียงเซ่อจะต้องถูกหยิบยกขึ้นมาเป็นประเด็นแน่ๆ สิ่งที่เขาจะต้องจัดการยังมีอีกมาก นอกจากจะต้องสั่งไม่ให้พวกครอบครัวตู้พูดอะไรออกมาแล้ว ในขณะเดียวกันก็ต้องคอยจับตามองเจียงจื้อหยวนต่อไป เพื่อไม่ให้เขาได้ทำอะไรที่จะเกิดผลเสียต่อเจียงเซ่อเป็นอันขาด

“เซ่อเซ่อ” เผยอี้เรียกเธอขึ้นมา เธอเงยหน้าขึ้นมองเขาอย่างล่องลอย ดวงตาคู่นั้นกำลังเปล่งประกายอย่างสวยงาม แยกขาวดำออกอย่างชัดเจน ราวกับปรอทแวววาวคู่หนึ่ง ขนตาเป็นแพเรียงตัวสวยกำลังขยับขึ้นลง ทำเอาเขารู้สึกลุ่มหลงและอ่อนยวบไปหมด

“พี่ยังจำ ตอนนั้นได้ไหม” ตอนที่เขาพูดเรื่องนี้ขึ้นมา ท่าทางของเขาก็ดูเหมือนลำบากใจไม่น้อย เธอเอ่ยขึ้น “หืม?” ส่งสัญญาณให้เขาพูดต่อ

“ตอนนั้น ที่คนร้ายแซ่เจียงเคยลักพาตัวพี่ไป?”

พอเขาพูดจบ เธอก็ชะงักไปในทันที พร้อมๆ กับร่างกายที่นิ่งแข็งไปด้วย มือที่กำลังจับเขาอยู่ก็กำแน่นยิ่งกว่าเดิม

ร่างกายที่กำลังตอบสนองนั่นเป็นเครื่องยืนยันได้ดีว่าเธอจำได้ แต่ว่าสภาวะอารมณ์จริงๆ แล้วดีกว่าที่เขาคิดเอาไว้มากนัก

เพราะช่วงนี้หนังที่เธอกำลังถ่ายทำก็มีส่วนเกี่ยวข้องกับเรื่องนี้ด้วย เธอเลยต้องคอยย้อนความรู้สึกกลับไปในความทรงจำนั้นทุกครั้ง ต้องปล่อยให้ตัวเองจมเข้าไปในวังวนของบรรยากาศการถูกลักพาตัว ทำให้ตอนนี้จิตใจของเธอเริ่มที่จะสามารถผ่านพ้นมันไปได้แล้ว

ถ้าเป็นเธอเมื่อก่อนนี้คงจะกลัวมากๆ ไม่กล้าแม้แต่จะไปคิดถึงมัน เพราะกลัวว่ามันจะระเบิดออกมา

แต่ทว่าตอนนี้เธอมีเขาคอยอยู่ข้างๆ แล้ว จิตใจของเธอมีที่พึ่ง ถึงจะให้ลองย้อนนึกถึงมันก็ไม่ได้รู้สึกเท่าเมื่อก่อนแล้ว

ความทรงจำบางอย่างคือความทรงจำที่แสนเจ็บปวด ไม่กล้าที่จะไปแตะต้องมัน ปิดผนึกมันเอาไว้อย่างแน่นหนา แต่ก็ไม่ได้หมายความว่ารอยแผลเหล่านั้นจะหายไป

สิ่งที่ทำให้ตกใจกลัวที่จริงแล้วก็เป็นแค่ความคิดของตัวเอง มันไม่ใช่ความจริงเสียหน่อย ที่จริงแล้วเธออาจจะคิดมากไปเอง เรื่องราวในอดีตเหล่านั้นดูเหมือนจะไม่น่าหวาดกลัวขนาดนั้นแล้ว

“ก็พอจำได้บ้าง” เจียงเซ่อพยักหน้าเงียบๆ เธอนิ่งเงียบไปครู่ใหญ่ แล้วจู่ๆ ก็ถามขึ้น

“อาอี้ ที่จริงช่วงนี้ฉันเองก็คิดถึงเรื่องนี้อยู่เหมือนกัน”