เขตตัวเมืองนั้นอยู่ตรงตีนเขาของตระกูลมู่ เพราะช่วงเวลานี้มีการสอบคัดเลือกเข้าสำนักประชากรส่วนใหญ่ในเมืองต่างก็ขึ้นไปแสดงความสนุกสนานในรอบสามปีกันจำนวนมากทำให้ภายในตัวเมืองพบผู้คนอยู่ประปรายแต่ก็สามารถเรียกได้คึกคัก
ตอนนี้ ในสุดเขตของถนนสายหนึ่งมีสถานที่หนึ่งก่อตั้งขึ้นมาอย่างฉาวโฉ๋ราวกับไม่เกรงใจคนของทางการ ที่แห่งนี้คือพรรค มัจฉาทวนน้ำ ซึ่งตอนนี้ภายในพรรคเทียบกับข้างนอกอาจจะเรียกได้ว่าคึกตักกว่ามาก เพราะผู้คนในพรรคยามนี้กำลังมีทีท่าตื่นตระหนกวุ่นวายอยู่เป็นระรอก
ภายในห้องหนึ่งมีชายวัยกลางคนที่ไว้หนวดแพะและมีหน้าตาเหมือนกับโจรภูเขากำลังแสดงสีหน้าเครียดออกมาอย่างปิดไม่มิด สานตาส่วนหนึ่งมองไปยังแผนที่ที่อยู่บนโต๊ะมาพักใหญ่ ดูก็รู้ว่าเกิดปัญหาอะไรขึ้นในที่แห่งนี้
ทันใดนั้นอยู่ดีๆบรรยากาศวุ่นวายข้างนอกก็เงียบลง ทว่าชายในชุดเคราแพะยังไม่ทันได้สงสัยเสียงของบุรุษผู้หนึ่งก็ดังขึ้น ดึงสติเขากลับมาในบัลดล
"ดูหมือนว่าจะเกิดปัญหาขึ้นตอนที่ข้าไม่อยู่"
ชายหนวดแพะเมื่อได้ยินเสียงนี้ก็สะดุ้งโหยง หันสายตาไปเห็นร่างของบุรุษหนุ่มผู้สง่างามที่เข้ามาอย่างไม่ให้สุ่มให้เสียงเขาก็ต้องเข่าอ่อนคุกเข่าลงก่อนจะคำนับทันที
"คุณชาย วันนี้ท่านไม่ควรลงมาจากตระกูลนี่ขอรับ"
มู่อิ้งเทียนมองไปยังหัวหน้าของพรรคคนปัจจุบันที่มีนามว่าถูหมิงผู้นี้ และพบว่ามันแสดงสีหน้าเคร่งเครียดอย่างที่ไม่เคยเป็นมาก่อน ทำให้ตนเองรับรู้ได้ในทันทีว่ามีปัญหาอะไรบางอย่างเกิดขึ้นแน่นอน
"เรื่องของข้าเจ้าไม่ต้องสนใจ มีอันใดเกิดขึ้นว่ามาก่อนเถอะ"
มู่อิ้งเทียนปัดมืออย่างรำคาร ก่อนที่จะพุ่งเข้าประเด็นหลักและไม่ถามถึงสาเหตุที่ไม่มีใครมาบอกข่าวแก่เขาเลยสักคนเดียวเพราะ เขาก็พอจะเดาได้ว่าวันนี้เป็นวันสำคัญถูหมิงคงไม่อยากจะส่งข่าวไม่ดีไปรบกวนเขามากจึงไม่ได้ติดต่อเขาไป
ถูหมิงตามจริงไม่อยากจะรบกวนคุณชายแต่ในเมื่อเรื่องมันเลยเถิดมาจนถึงขั้นนี้แล้วอีกอย่าง คุณชายก็ดันมาปรากฏอยู่ตรงหน้าแแล้วจะไม่พูดก็ใช่เรื่องจึงจำใจยอมรับออกมา
"เอ่อ..คือว่า อันที่จริง.."ถูหมิงพูดจายึกยักจนมู่อิ้งเทียนที่ยิ้มอยู่เริ่มจะรู้สึกหงุดหงิด ทำให้ถูหมิงเหงื่อไหลออกมาเต็มหลังเพราะว่ารู้ดีว่าถ้าคุณชายหน้าหยกผู้นี้รู้สึกโกรธขึ้นมาจะเกิดอะไรขึ้น เขาจึงรีบเล่ายอย่างรวบรัดว่า
"อันที่จริงเมื่อไม่กี่ชั่วยามก่อน หน่วยลาดตระเวนของเรากลุ่มหนึ่งได้ขาดการติดต่อไป จนกระทั้งเราได้ส่งคนไปดูตอนนี้ก็ยังไม่กลับมา"
ได้ยินมู่อิ้งเทียนก็ขมวดคิ้วขึ้นทันที ก่อนกล่าวว่า
"หายไป? หมายความว่าเช่นไรที่ว่าหายไป ไม่สามารถติดต่อได้สักคตนเลยงั้นรึ"
"ขอรับนายน้อย อีกทั้งตอนที่พวกเราเดินทางไปตรวจสอบดูก็ไม่พบร่องรอยถึงการต่อสู้อันใดเลยแม้แต่น้อย เรื่องเช่นนี้ข้าเองก็พึ่งเคยพบเจอเป็นครั้งแรกเช่นกัน"
มู่อิ้งเทียนเคาะนิ้วเรียบเรียงความคิดในหัว ถ้าสัตว์อสูรโจมตีอย่างน้อยก็ต้องมีร่องรอยอะไรเกิดขึ้นบ้าง? หรือว่าจะเป็นฝีมือมนุษย์แต่พวกมันมีเป้าหมายอันใดถึงเล็บเป้ามาที่เขตเมืองของตระกูลมู่ หรือว่าจะเป็นคนของอีกสองสำนักใหญ่ แต่เขาคิดว่าไม่น่าใช่หาจะเล่นเกมการเมืองการใช้วิธีรุ่นแรงในตอนนี้ไม่ใช่สิ่งที่ดีคนของทางนั่นเองก็ไม่ได้โง่ถึงขั้นที่จะมาสร้างปัญหาในตอนที่สำนักจากชั้นสี่ลงมาทำการทดสอบรับศิษย์
มู่อิ้งเทียนได้ฟังก็รับรู้ได้ในทันทีว่าเรื่องนี้แปลกประปกติในเขตของตระกูลมู่นั้นล้วนแต่ปลอดภัยจากสัตว์อสูรร้ายและไม่ค่อยเกิดเรื่องราวเช่นนี้มากนัก อีกอย่างคนจากสำนักมัจฉาทวนน้ำก็ไม่ใช่พวกตะเกียงพร่องน้ำมัน การที่จะหายตัวไปพร้อมกันในคราวเดียวโดยที่ไม่มีหลักฐานเหลือยู่เลยนับว่าแปลมากจริงๆ
"ส่งเรื่องไปยังสำนักคุมกฏหรือยัง"
สำนักคุมกฏที่เขากล่าวถึงเป็นเหมือนกับหน่วยปราบปรามของโลกใบนี้ที่มีอยู่ทุกชั้น กล่าวกันว่าที่คนจากชั้นสูงไม่กล้าลงมือต่อชั้นล่างอย่างพวกเขาเป็นเพราะว่าสำนักคุมกฏยังดำรงอยู่ ถือว่าเป็นตัวแทนของความยุติธรรมบนโลกใบบนี้เลยก็ว่าได้ เพราะเช่นนั้นส่วนมากหากมีปัญหาอันใดพวกเขาก็จะไปแจ้งสำนักคุมกฏสาขาย่อยให้มาช่วยเหลือ
"ยังขอรับ" ถูหมิงตอบมา ซึ่งเป็นไปตามคาดจากมุมมองของคนคุมพรรคคบงไม่อยากให้ชื่อเสียงพรรคต้องด่างพร้อยจนกว่าจะอับจนหนทางที่สุดถึงไปขอช่วยที่สำนักคุมกฏ
"ไม่ต้องมาห่วงชื่อเสียงแล้ว ไปเชิญแม่นางเฟิ่งมาเลยก็ได้ ทำการรัดกุมไว้จะดีกว่า"มู่อิ่งเทียนสั่งคำสั่งก่อนที่จะยื่นใบสีขาวส่งมอบให้แก่ถูหมิง "นี่คือใบรับรองจากข้า แมม่นางเฟิ่งเคยติดหนี้ข้าครั้งหนึ่งถ้าเรียกนางมา นางไม่กล้าปฏิเสธแน่เจ้ารีบส่งข่าวไปเถอะ"
มู่อิ้งเทียนกล่าวจบบทสนธนาอย่างรวดเร็วก่อนที่จะมองยังภายในพรรคที่กำลังวุ่นวายอย่างหนัก ภายในหัวของเขาชั่งหนักเบาอยู่พักหนึ่ง ก่อนที่จะลุกขึ้นยืน ทำให้มูหลิงทำหน้าเหวอหวาเมื่อเดาสิ่งที่มู่อิ้งเทียนจะทำได้
"คุณชายจะไปไหนขอรับ"
"ข้าจะเข้าไปตรวจดูด้วยรอบๆด้วยตนเองสักหน่อย"
"แต่ว่ามันอันตรายมากนะขอรับคุณชาย!"
"ไม่ต้องห่วงข้าแค่ไปเดินดูรอบๆไม่ได้เข้าไปข้างในหรอก" มู่อิ้งเทียนปัดไปอย่างรำคาร
"อย่างน้อยก็พาคนไปด้วยสักคนสองคน" ถูหมิงที่เห็นเรื่องความปลอดภัยของคุณชายจึงขัดขึ้นมาอีกครั้ง แต่ว่ามู่อิ้งเทียนมีหรือจะฟัง
"ไม่ต้องหรอก ไม่นานสำนักคุมกฏคงจะมาอยู่ดีเจ้าให้คนอยูู่ประสานงานที่นี่เถอะ"
"เดี่-- คุณชายรอก่อนขอรับ"
ยังไม่ทันพูดจบเงาร่างของมู่อิ้งเทียนก็เดินหายลับออกนอกประตูพรรคไปเสียแล้ว ทำให้สีหน้าของถูหมิงกลับมาซีดเผือกอีกครั้ง การสนธนาครั้งนี้เกิดขึ้นไวและจบลงอย่างรวดเร็วจนถูหมิง เดาได้ว่าคุณชายเองก็มีเวลาไม่มากนักจึงอาสาไปตรวจสอบด้วยตนเอง ทว่าเรื่องนี้หากจะมองว่าเป็นเรื่องเล็กมันก็ใช่ แต่หากมันมีอันตรายมากกว่าที่คิดตัวของเขาก็ต้องหัวหลุดออกจากบ่าแล้วถ้าเกิดอะไรขึ้นกับตัวนายน้อยของพวกเขา
ถูหมิงจึงสะบัดหัวไม่คิดมากอีก รีบเรียกคนของพรรคมาช่วยติดต่อคนของสำนักคุมกฏในทันที แชละเพราะว่าใบรับรองของคุณชายที่อยู่ในมือเขามั่นใจแปดในสิบส่วนว่าพวกสำนักคุมกฏต้องไม่กล้าชักช้าแน่
ถูหมิงชั่งใจอีกสักนิดคิดว่าจะส่งคนตามไปหาคุณชายดีหรือไม่ แต่พอคิดสลับไปมาเขาก็หยุดความคิดนั้นเอาไว้ เพราะว่าคุณชายนั่นคงไม่มีทางชอบใจแน่หากรู้ว่าตนส่งคนไปช่วยเขาอย่างลับๆและอีกอย่างด้วยความเร็วของคุณชายพวกเขาคงไม่มีใครสามารถตามทัน และอย่างสุดท้ายและสำคัญที่สุด
อีกสาเหตุหนึ่งคงเป็นเพราะว่าคุณชายกำลังหาเรื่องแก้เบื่ออยู่อย่างแน่นอน!
ไม่ว่าจะเป็นอัจฉริยะหรือมากพรสวรรค์เพียงไหนเขาก็ยังเป็นเด็กอายุสิบห้าปี ย่อมต้องชอบเรื่องตื่นเต้นเป็นธรรมดา
ทางที่ดีที่สุดในตอนนี้คือเขาต้องรีบแจ้งข่าวให้คนของสำนักคุมกฏมาให้ไวที่สุดน่าจะเป็นหนทางที่ดีที่สุด
ถูหมิงหวังว่าคงจะไม่เกิดเรื่องอะไรขึ้นกับคุณชายเขาเสียก่อนที่พวกเขาจะไปถึง ไม่เช่นนั้นพวกเขาทั้งพรรคคงได้ไม่มีศีรษะอยู่บนบ่าอีกอย่างแน่นอน
เขาหวังว่าจะไม่มีอันใดเกิดขึ้นจริงๆ...