webnovel

โยกย้ายสกิล

หลายเดือนต่อมา การจู่โจมของเหล่าปีศาจก็ไม่เกิดขึ้นอีก ทุกอย่างกลับสู่ความเงียบสงบอีกครั้ง ชีฟนั่งเล่นเกมเอลเดนริงอยู่ในบ้านอย่างสบายอารมณ์ เช้านี้ทุกอย่างก็ดำเนินไปตามปกติ ความสนิทสนมของเขากับครูน้ำตาลทำให้ผู้ใหญ่มองแปลก ๆ เล็กน้อย แต่พอเวลาผ่านไปทุกคนก็ชินและรับรู้ว่าทั้งสองกำลังคบกันอยู่ ตอนนี้ชีฟไม่สนใจต้นมักกะลีผลอีกแล้ว

ไพรินเดินเข้ามาในบ้านและเรียกลูกชายที่กำลังนั่งเล่นเกมอยู่

"ชีฟ มีคนมาหาแนะลูก"

ชีฟหันไปมองหนึ่งหญิงและสามชายในชุดข้าราชการสีกากีที่หน้าประตูบ้าน บรรยากาศแปลก ๆ ทำให้เขาเหลือบไปมองกล้องวงจรปิดที่ติดเอาไว้ เพราะในชายสามคนมีหนึ่งคนอยู่ในชุดเจ้าหน้าที่ตำรวจ

หญิงสาวเมื่อเดินเข้ามาก็เริ่มแนะนำตัว

"สวัสดีจ้ะ เราเป็นเจ้าหน้าที่จากกรมควบคุมการศึกษาระบบสกิลนะจ๊ะ พี่ชื่อสิริน อยู่ฝ่ายตรวจสอบ ส่วนที่เหลือเป็นผู้ช่วยของพี่เองจ้ะ"

"ครับ นั่งก่อน"

ชีฟเชิญให้ทุกคนนั่งลงบนโซฟาที่อยู่ด้านหลังของเขา มันเป็นโซฟาที่เขาชอบใช้นอนนั่นเอง

ชีฟนั่งลงบนโซฟาตัวเล็กใกล้ ๆ แล้วมองทั้งสี่คน

"มีอะไรกันเหรอครับ"

"อ่าจ้ะ เธอได้รับสกิลมาเมื่อตอนปี 2066 ใช่มั้ย"

"ครับ"

"เธอรู้มั้ยว่าระบบสกิลของเรามีความสำคัญยังไง"

"รู้ ใช้ปราบปีศาจ"

"ใช่จ้ะ เราให้สกิลพวกเธอ"

ชีฟที่ได้ฟังก็พูดตัดบท

"เทพให้ไม่ใช่พวกคุณ"

สิรินชะงักและหน้าเสียเล็กน้อย ก่อนจะตีหน้ายิ้มแล้วพูดต่อ

"แล้วรู้มั้ยว่าปีศาจจะกลับมาบุกโลกเราอีกครั้ง"

"รู้"

"รู้ แล้วทำไมเธอถึงเอาสกิลที่ไม่พร้อมสำหรับต่อสู้มาใช้ล่ะ รู้มั้ยว่ามีอัตราน้อยแค่ไหนที่เด็กคนหนึ่งจะได้เหรียญสักเหรียญมาเพื่อไปซื้อสกิล"

"เอ่อ แล้วยังไงเหรอครับ"

สิรินมองท่าทีของชีฟที่เริ่มรำคาญ

"งั้นเรามาเข้าเรื่องเลยละกัน เราเล็งเห็นว่าสกิลของเธอนั้นไม่มีประโยชน์สำหรับการต่อสู้เลย ทางผู้ใหญ่จึงลงความเห็นว่าเราควรที่จะโยกย้ายสกิลของเธอ"

การโยกย้ายสกิล คือการเอาบ่อพลังของเด็กที่ได้รับเหรียญ ไปให้กับเด็กที่ไม่ได้รับเหรียญ เพื่อให้เด็กคนนั้นได้รับการประเมินอีกครั้งในตอนอายุสิบแปดปี โดยเหรียญที่ได้จะได้เท่ากับเด็กอายุสิบเจ็ดที่เป็นเจ้าของบ่อพลัง การกระทำนี้จะทำให้คนที่โดนเอาบ่อพลังไปใช้สกิลไม่ได้อีก ซึ่งการกระทำแบบนี้นั้นจะใช้กับคนที่ใกล้ตายหรือหมดสภาพแล้วเท่านั้น เช่นหากเด็กคนหนึ่งได้รับบาดเจ็บทางสมองจนกลายเป็นเจ้าชายนิทรา พ่อแม่ก็จะตัดสินใจยอมให้มีการโยกย้ายสกิลไปให้ผู้อื่น เพื่อรับเงินเป็นค่าตอบแทน

ชีฟจ้องมองคนทั้งสี่อย่างไม่พอใจ

"เอาสิทธิ์อะไรมาโยกย้ายสกิลของผมเหรอครับ"

"สิทธิ์ในพลังในการใช้สกิล และเพื่อผลประโยชน์ของประชาชนชาวโลก เธอจะต้องยอมโดนโยกย้ายสกิล"

ชีฟคิ้วกระตุก

"เอ่อ ผมจำได้ว่าเทพโอเอซิสเคยบอกเอาไว้ว่าพลังที่ใช้สกิล เป็นของที่มีแต่เดิมในมนุษย์ทุกคนตั้งแต่แรกเกิด พวกคุณเอาอะไรมาอ้างสิทธิ์ในพลังของผมเหรอครับ กฎหมายข้อไหนระบุไว้เหรอ"

สิรินนิ่งไปครู่หนึ่ง ชายอีกสามคนก็มีท่าทีแปลก ๆ เหมือนเตรียมพร้อมจะต่อสู้ได้ทุกเมื่อ คนหนึ่งเป็นตำรวจอายุน่าจะเกินสามสิบแล้ว คนนี้ไม่มีสกิลแน่นอนแต่น่าจะมีปืน ส่วนอีกสองคนยังดูหนุ่มอยู่ น่าจะเป็นนักรบสกิลที่พึ่งเรียนจบใหม่ ๆ

"กฎหมายเพื่อความปลอดภัยและความสงบสุขของชาวโลกไง เธอควรจะศึกษาไว้นะ"

ชีฟหยิบโทรศัพท์มือถือขึ้นมาแล้วโชว์หน้าค้นหาข้อมูล

"เจ้ นี่มันยุคไหนแล้ว ทุกอย่างล้วนมีในอินเทอร์เน็ต ผมไม่เคยเห็นกฎหมายข้อนี้ผ่านตาเลย"

"มันเป็นกฎหมายใหม่จ้ะ เธออาจจะไม่รู้จัก เพราะฉะนั้นขอให้เธอเซ็นเอกสารฉบับนี้ด้วย จะได้ไม่ต้องเป็นเรื่องถึงขั้นขึ้นโรงขึ้นศาล"

สิรินนำเอกสารออกมาจากกระเป๋าสะพายข้างและยืนให้ชีฟ

"ไม่รับครับ"

ชีฟหันไปหาแม่ที่พึ่งเดินเข้ามา

"แม่โทรแจ้งตำตรวจ สน. ใกล้ ๆ ที มีคนอ้างตัวเป็นเจ้าหน้าที่รัฐมาขู่ปล้นพลังของผม"

นายตำรวจที่มาด้วยพูดขึ้น

"ไม่ต้องแจ้งครับ ผมนี่แหละตำรวจ"

ชีฟหันไปย้ำกับแม่อีกครั้ง

"แม่แจ้งเลย"

สิรินรีบพูดขึ้น ก่อนที่ไพรินจะแจ้งความ

"สรุปว่าน้องไม่ยอมให้มีการโยกย้ายสกิลใช่มั้ยคะ งั้นเดี๋ยวทางเราจะกลับมาใหม่พร้อมหมายศาลนะคะ"

"เชิญครับ"

สิรินหน้าเสียอย่างหนัก เมื่อเห็นว่าชีฟไม่มีท่าทางที่เกรงกลัวเลยสักนิด แล้วทั้งสี่คนก็พากันลุกขึ้นแล้วรีบเดินจากไป

อีกวันต่อมา ทั้งสี่คนก็ไม่ได้กลับมาตามที่พูดไว้ ซึ่งเรื่องนี้ชีฟรู้อยู่แล้วว่ามันโกหกหลอกลวงทั้งเพ เพราะในอินเทอร์เน็ตมีการออกมาเตือนมากมายว่ามีกลุ่มคนเที่ยวไปหาหลอกเอาบ่อพลังของคนอื่น เช่น เด็กพิการอะไรพวกนี้ โดยที่พ่อแม่ของพวกเขาได้ค่าตอบแทนที่ไม่คุ้มค่าเลยสักนิด แล้วแทนที่เด็กพิการจะได้สกิลมาช่วยอำนวยความสะดวกตัวเอง กลับต้องเสียสกิลแล้วอยู่อย่างพิการเช่นเดิม บุคคลเหล่านี้นับเป็นบุคคลที่ชั่วร้ายมาก

ชีฟเดินออกมายืดเส้นยืดสายนอกบ้านในยามเย็น ก่อนจะเห็นศพชายใส่ไอ้โม่งสองศพนอนตายอยู่ข้างไผ่อสรพิษที่เขาใช้ล้อมบ้านเอาไว้ ใกล้ ๆ กับศพมีถังน้ำมันอยู่ด้วย

ชีฟแจ้งตำรวจและเจ้าหน้าที่มาตรวจสอบ ก่อนจะพบว่าศพสองศพนี้คือชายที่เคยต้องโทษก่อคดีวางเพลิงมาก่อน

ชีฟยืนมองเจ้าหน้าที่ทำงาน และคอยเตือนเกี่ยวกับหนามของไผ่ เจ้าหน้าที่คนหนึ่งเดินมาหาชีฟและเริ่มถามคำถาม

"พี่ขอถามคำถามหน่อยนะ"

"ครับ"

"เคยไปสร้างความแค้นให้ใครไว้หรือเปล่า"

"ไม่ครับ"

"ช่วงนี้มีใครมองเธอแบบไม่พอใจหรือพบเห็นใครมีพิรุธบ้างมั้ย เพราะจากรูปการณ์แล้วพวกนั้นกะวางเพลิงเผาบ้านของเธอเลยนะ"

"อืม มีเจ้าหน้าที่รัฐสี่คนมาที่บ้าน แล้วบอกให้ผมโยกย้ายสกิลไปให้คนอื่น เพราะสกิลผมไม่มีประโยชน์"

"แล้วเจ้าหน้าที่พวกนั้นว่าไง"

"เห็นบอกว่าจะกลับมาวันนี้พร้อมหมายศาล แต่นี่ก็เย็นจนจะค่ำแล้ว ยังไม่เห็นมีใครกลับมาเลย"

ตำรวจพยักหน้ารับรู้ ก่อนจะเลิกถามคำถามแล้วเดินจากไป

หลายวันต่อมา ทุกอย่างก็ดำเนินไปอย่างเรียบร้อยตามปกติ ในเช้าวันเสาร์ครูน้ำตาลกำลังก่อกวนคนขี้เซาที่กำลังหลับอยู่บนเตียง เมื่อคนทั้งบ้านรับรู้ถึงความสัมพันธ์ของทั้งสองคนแล้ว ครูน้ำตาลก็มักจะมานอนที่ห้องของชีฟบ่อย ๆ หรือบางที่ชีฟก็จะไปนอนกับครูน้ำตาลที่ห้องของครูน้ำตาลบ้าง

"อือ..."

ชีฟครางอย่างนึกรำคาญเมื่อมีคนเอาขนไก่จากในครัวมาแหย่จมูกเขา

ครูน้ำตาลทำเสียงดุ

"ตื่นเลยชีฟ วันนี้รับปากจะไปซื้อของให้พี่ไม่ใช่เหรอ ฮึ"

ชีฟเอาผ้าห่มมาคลุมตัวเองเพื่อหลบเจ้าขนไก่อันน่ารำคาญ แล้วพูดด้วยน้ำเสียงงัวเงีย

"ยังเช้าอยู่เลย"

ครูน้ำตาลเหลือบมองโทรศัพท์มือถือบนหัวเตียง

"สิบโมงแล้วย่ะ ไม่เช้าแล้ว ลุกเลย"

มือสองข้างกระชากผ้าห่มออก วันนี้อะไหล่โน้ตบุ๊คที่ใช้ทำงานอดิเรกของเธอเสีย แล้วเด็กหนุ่มก็รับปากว่าจะไปซื้อมาเปลี่ยนให้ แต่นี่พระอาทิตย์จะตรงหัวอยู่แล้ว อีกฝ่ายกับยังไม่ยอมลุกจากที่นอน

"ไม่ตื่นใช่มั้ย"

หมับ มือบางกำแน่นเข้าที่เป้ากางเกงของคนขี้เซาแล้วบีบเต็มแรง

ชีฟลุกพรวดขึ้นมาอย่างรวดเร็วราวกับติดสปริง มือสองข้างจับมือของครูน้ำตาลไว้แน่น พร้อมกับเสียงอู้อี้

"จะไปเดี๋ยวนี้แหละครับ"

ในยามบ่าย ชีฟขับรถออกจากบ้านมาด้วยท่าทางที่เหมือนกับคนนอนไม่เต็มอิ่ม เมื่อติดไฟแดง เขาก็อ้าปากหาวฟอดใหญ่ไปหลายรอบ เมื่อสัญญาณไฟกลายเป็นสีเขียว ชีฟก็ออกตัว

โครม! รถเก๋งคันหนึ่งแหกไฟแดงมาชนชีฟเข้าอย่างจัง