"ไปใดมาใดวะ"
วินทักทายเพื่อนร่วมงานรุ่นน้องอย่างประหลาดใจ ชายหนุ่มเห็นช่างโต้งเดินเข้ามานั่งที่บาร์เครื่องดื่มตั้งแต่ตอนที่เขายังเล่นเพลงสุดท้ายไม่จบ
"หมู่เปื้อนเขานัดกั๋นร้านข้างเนี้ยอ้าย มันปิ๊กกันไปหมดละ ผมก่อเลยแวะมาหาอ้าย" โต้งไขข้อข้องใจ ก่อนจะหันไปสั่งเบียร์มาส่งให้รุ่นพี่
"เมียอนุมัติแล้วแม่นก่อ ดึกขนาดนี้" ลูกพี่หยอกพร้อมยื่นมือไปรับขวดเบียร์มาจิบ
"แหม่ อ้าย คนเขามีเมียแล้ว ก่อต้องมีการขออนุญาตเมียกันบ้าง" โต้งหัวเราะเบาๆอย่างเขินๆที่มีคนรู้ทัน แล้วเขาก็ได้ทีแหย่หัวหน้ากลับบ้าง "ว่าแต่อ้ายเต๊อะ สาวๆทั้งโฮงงานเปิ้นรออ้ายอยู่เน้อ"
"นายช่างจ๋นๆ บ่มีไผมาสนใจเฮาหร้อก" นายช่างจนๆยกเบียร์ขึ้นจิบ พูดถึงใครบางคนออกมาอย่างไม่ทันรู้ตัว
"ถึงเฮาจะจ๋น แต่เฮาก่อมีศักดิ์ศรีนาอ้าย" แต่ลูกน้องคนสนิทของเขากลับตอบมาด้วยน้ำเสียงจริงจัง สีหน้าเคร่งขรึมขึ้นโดยทันใด
"เฮ้ย จริงจังหยังวะ"
วินเก้อเขินไปเล็กน้อยเมื่อเห็นอาการที่ไม่ต้องการจะพูดเล่นจากอีกฝ่ายหนึ่ง มันเป็นอาการที่เกิดขึ้นไม่บ่อยนัก การพูดคุยส่วนใหญ่ในกลุ่มของพวกเขาจะเป็นไปในแนวหยอกล้อแซวกันไร้สาระซะมากกว่า
"ถึงเขาจะจบนอกจบนา เงินเดือนสูงลิบลิ่ว แต่มันก่อบ่ได้หมายความว่า เขาจะเหนือกว่าเฮานาอ้าย" โต้งยังพูดต่อไปด้วยน้ำเสียงขึงขัง พลางจ้องตารุ่นพี่เขม็ง
คนถูกจ้องตารู้สึกหนาวๆวูบๆกับสิ่งที่นายช่างรุ่นน้องพูด หรือโต้งจะรู้ความสัมพันธ์ระหว่างเขากับสิปรางค์ ความสัมพันธ์ที่คลุมเครือ ความสัมพันธ์ที่อาจเป็นเขาฝ่ายเดียวที่หวั่นไหวไปเอง วินหลบตาลูกน้องคนสนิท
"เฮ้ย บ่มีหยัง…" ชายหนุ่มพยายามที่จะพูดแก้เก้อ เสยกแก้วเบียร์เข้าปาก ก่อนที่ตาเขาจะจับจ้องอยู่แต่ที่แก้วเบียร์ เขาไม่กล้าสบตาคนนั่งข้างๆ
"มันบ่มีหยังก็ดีละ เรื่องนี้บ่น่าจบง่ายนาอ้าย กำเดียวเขาก่อต้องปิ๊กกรุงเทพละ"
รุ่นน้องยังพูดแทงใจดำต่อไป โต้งเอ่ยถึงบุคคลที่สามซึ่งทั้งสองต่างก็รู้ดีกันอยู่แก่ใจว่าคือใคร
และมันก็ความเป็นจริงที่วินเองก็หวั่นใจมาตลอด เขาเองก็ไม่รู้ว่าเรื่องราวระหว่างเขากับคนสวยจากกรุงเทพนั่นจะเดินไปในทิศทางไหน และจะจบลงอย่างไร แต่ชายหนุ่มก็หักห้ามใจตัวเองไม่ได้…
"เฮ้อ… ฮาก่อบ่ฮู้ว่ะ… แต่คิงเข้าใจฮาแม่นก่อ"
วินเผลอหายใจออกมาอย่างยาวเหยียด ก่อนจะเงยหน้าขึ้นมองนายช่างรุ่นน้องด้วยความจำนน แววตามีความสับสน โต้งเอื้อมมือมาตบไหล่รุ่นพี่คนสนิทอย่างเห็นใจ เขารักชายหนุ่มตรงหน้าคนนี้มาก วินเป็นทั้งหัวหน้า เป็นทั้งพี่ชาย และเป็นทั้งเพื่อนของเขา เขาไม่อยากเห็นผู้ชายดีๆคนนี้ต้องเสียใจ…
หลังจากที่แยกกับหัวหน้ารุ่นพี่ ช่างโต้งก็เดินมายังที่ลานจอดรถเพื่อที่จะเตรียมกลับบ้าน ขณะที่เขากำลังไขกุญแจประตูรถของตัวเองอยู่นั้น หางตาของเขาก็เหลือบไปเห็นหญิงชายคู่หนึ่งเดินตระกองกอดกันมาจากผับข้างๆ ทั้งคู่ต่างมองไม่เห็นเขาเพราะกำลังหยอกเย้ากันอย่างมีความสุข
ในตอนแรกชายหนุ่มก็ไม่ได้คิดจะใส่ใจชายหญิงคู่นี้นัก หากแต่ชั่วขณะที่ทั้งสองกำลังจะเดินผ่านเขาไป โต้งกลับรู้สึกเหมือนคุ้นเคยกับคนทั้งคู่อย่างประหลาด เขาอดไม่ได้ที่จะมองตามหลังคนทั้งสองไป ประจวบกับมีจังหวะหนึ่งที่ชายหนุ่มและหญิงสาวต่างก็หันหน้าเข้าหากัน มันทำให้ช่างโต้งเห็นใบหน้าด้านข้างของทั้งคู่อย่างชัดเจน
เชี่ย! คุณณัฐกับน้องเบลล่า! โต้งอุทานในใจ
อะหยังกันวะวันนี้ มาแหมคู่ละ
เขาพยายามเพ่งตามองให้แน่ใจ แสงสว่างจากเสาไฟฟ้าบริเวณที่รถของทั้งคู่จอดอยู่เผยให้เห็นใบหน้าของทั้งคู่ชัดๆแต่ทั้งสองไม่ทันสังเกตเห็นชายหนุ่ม โต้งรู้สึกไม่พอใจแทนเพื่อนร่วมงานรุ่นพี่ที่กำลังแอบหลงรักราณีอยู่
เรื่องนี้ต้องถึงหูอ้ายอู๊ดแน่ๆ…
"เฮ้ย แต๊กา คิงบ่ด้ายเมานา"
ช่างอู๊ดยังไม่อยากจะเชื่อในสิ่งที่ได้ยินเมื่อโต้งเอาเรื่องนี้มาบอกกับเขาในเช้าวันถัดมา เขาวางไขควงในมือลงก่อนหยิบผ้าขึ้นมาเช็ดมืออย่างลวกๆ แล้วจึงหันไปมองนายช่างรุ่นน้องอย่างคาดคั้น
"คิงอาจจะจำคนผิดก่อด้าย" นายช่างรุ่นใหญ่ยังมีความหวังอยู่ลึกๆว่าสิ่งที่รุ่นน้องเห็นไม่น่าจะเป็นความจริง
"แต๊ อ้าย ผมหันกับต๋า" โต้งยังยืนยันหนักแน่น
ซึ่งอันที่จริงแล้วช่างอู๊ดก็ไม่คิดว่าหนุ่มรุ่นน้องจะพูดเล่นๆ ปกติโต้งก็ได้ชื่อว่าเป็นชายหนุ่มที่พูดจาเป็นเรื่องเป็นราวที่สุดแล้วเมื่อเทียบกับหนุ่มๆคนอื่นๆในโรงงาน
"ฮาบ่ยอม!" ทันใดนั้นเขาก็ผลุนผลันลุกขึ้น แล้วเดินดุ่มๆออกจากโรงซ่อมบำรุงไปอย่างรวดเร็ว
"อ้าว เฮ้ย อ้าย จะไปไหน" โต้งรู้สึกได้ถึงความไม่ชอบมาพากล จึงลุกขึ้นวิ่งตามเพื่อนรุ่นพี่ไปในทันที…
แม้แดดภายนอกโรงซ่อมบำรุงจะร้อนผ่าวเพียงใด มันก็ยังไม่ร้อนเท่าใจของนายช่างวัยรุ่นใหญ่ในขณะนี้ ช่างอู๊ดรู้สึกปวดจี๊ดเป็นระลอกในใจขณะที่เดินฝ่าเปลวแดดอย่างรีบเร่งไปที่อาคารสำนักงาน
และภาพบาดตาบาดใจที่เขาเจอในห้องกาแฟในตอนที่เขาพรวดพราดเข้าไป ก็ตอกย้ำคำบอกเล่าของโต้งช่างรุ่นน้อง
ณัฐและราณีกำลังคุยกันอย่างกะหนุงกะหนิงใกล้ชิดก่อนที่ทั้งสองจะหันมาเห็นเขา ช่างอู๊ดมองภาพนั้นด้วยสายตาเจ็บช้ำ ก่อนจะสาวเท้าก้าวเข้าไปหาชายหนุ่มจากเมืองหลวง
"คุณณัฐ คุณจีบน้องเบลล่าอยู่ก๋า"
นายช่างรุ่นใหญ่เอ่ยถามหนุ่มนักบัญชีรุ่นน้องตรงๆด้วยน้ำเสียงที่แข็งกร้าว จังหวะนั้นโต้งก็ตามมาถึงที่ห้องกาแฟพอดี เขารีบเดินเข้ามาดึงแขนรุ่นพี่เอาไว้
หนุ่มหล่อจากกรุงเทพชะงักไปกับคำถามแบบไม่อ้อมค้อมนั่น ณัฐไม่เคยถูกใครถามซึ่งๆหน้าแบบนี้มาก่อน และแถมยังถามต่อหน้าผู้หญิงที่เขากำลังจีบ ชายหนุ่มรู้สึกกระอักกระอ่วนใจอย่างบอกไม่ถูก แต่ด้วยความมีชั้นเชิง ทำให้หนุ่มหล่อเริ่มพยายามจะควบคุมสถานการณ์โดยการหลีกเลี่ยงที่จะไม่ตอบคำถาม
"อ้าว ช่างอู๊ดมาพอดี ผมกำลังอยากปรึกษาเรื่องเครื่องจักรสำรองเลยครับ" เขาพยายามเบี่ยงเบนประเด็นเป็นอันดับแรก
"บ่ต้องอู้เรื่องอื่น ผมถามเรื่องน้องเบลล่า" หากคนที่อาวุโสกว่ายังคงพยายามคาดคั้น วันนี้เป็นไงก็เป็นกัน เขาจะต้องรู้ความจริงจากปากคนทั้งคู่ให้ได้
ราณีมองสถานการณ์ด้วยอาการตกใจเล็กน้อย ใจหนึ่งหล่อนก็ภูมิใจที่มีผู้ชายมาแสดงความหึงหวงต่อหน้าต่อตา แต่อีกใจหนึ่งหล่อนก็กลัวว่าจะเกิดเรื่องราวใหญ่โต หญิงสาวคิดว่าตนเองรู้จักนิสัยของบรรดาเพื่อนร่วมงานอยู่บ้าง พวกฝ่ายช่างดูเหมือนจะไม่เคยเกรงกลัวใคร
"คือ ไว้คุยกันนะครับ วันนี้ผมยุ่งมาก" ณัฐพยายามทำใจดีสู้เสือ
เขาไม่อยากปฏิเสธตรงๆ เพราะกลัวราณีเสียหน้า แต่ชายหนุ่มก็ไม่อยากจะยอมรับตรงๆ เพราะเขาเองก็ไม่เคยคิดจีบราณีจริงจัง เขาก็แค่เล่นๆกับหล่อนเหมือนกับที่เล่นๆกับผู้หญิงคนอื่น ราณีสวยน่ารักจริง ณัฐยอมรับ แต่เขาก็ดูออกว่า อันที่จริงหล่อนก็ไม่ได้ใสซื่ออย่างที่หล่อนพยายามจะแสดงออก ผู้หญิงที่ไม่ได้จริงใจอย่างธรรมชาตินั้น ไม่มีทางได้ใจเขาไปอย่างแน่นอน
และที่สำคัญที่สุด ชายหนุ่มมีแฟนแล้วอยู่ที่กรุงเทพ ยังไงเขาก็ต้องให้ความสำคัญกับแฟนตัวจริงเป็นอันดับแรกอยู่ดี เขากับแพรวคบกันมานาน เราเหมาะสมกันทุกอย่าง ทั้งฐานะ การศึกษา และชาติตระกูล แพรวต่างหากเป็นผู้หญิงที่ควรคู่กับหนุ่มไฮโพรไฟล์อย่างเขา
"กล้ายะ ก่อต้องกล้าฮับก่ะ"
หากแต่ช่างอู๊ดยังไม่ยอมลดละ เขาต้องการให้ชายหนุ่มยอมรับให้ได้ แม้จะมีผู้เข้ามาใหม่อย่างโต้งคอยดึงแขนไว้ แต่นายช่างรุ่นใหญ่ก็ยังพยายามจะเดินเข้าไปหาณัฐ
แล้วเขาก็แสดงความจริงใจออกมาก่อน "จะได้ฮู้กันไป๋ ถ้าคุณณัฐจีบน้องเขาแต๊ ผมก็จะได้ถอย"
ณัฐรู้สึกประหลาดใจกับท่าทางของนายช่างคนนี้มาก เขาไม่นึกว่าคนอย่างช่างอู๊ดจะยอมถอยง่ายๆ ในหัวของชายหนุ่มมักมีแต่ภาพนักเลงของบรรดาพวกช่างในโรงงาน
ในขณะเดียวกัน ราณีก็ใจเต้นรอฟังคำตอบอยู่ไม่ห่าง หญิงสาวเองก็อยากจะรู้ว่าณัฐคิดอย่างไรกับหล่อนกันแน่ เขากับหล่อนสนิทกันขึ้นเรื่อยๆ ไปเที่ยวด้วยกันก็ออกบ่อย แต่ณัฐไม่เคยเผยความในใจอะไรกับหญิงสาวเลยแม้สักนิด…
บรรยากาศในห้องกาแฟขณะนี้เริ่มเข้มข้นขึ้นทุกขณะ ตอนนี้บรรดาพนักงานคนอื่นๆเริ่มพากันมาร่วมวงดูด้วยความสนใจ และขณะที่ทุกคนกำลังจ้องเป็นตาเดียวกันไปที่ชายหนุ่มหน้าใสผู้มาจากกรุงเทพนั้น หัวหน้าหนุ่มร่างสูงแห่งโรงซ่อมบำรุงก็เดินดุ่มๆฝ่าวงล้อมของกลุ่มพนักงานเข้ามา
วินทำท่าเหมือนไม่รับรู้เรื่องราวที่กำลังเกิดขึ้นตรงหน้า ชายหนุ่มเดินตรงรี่เข้าไปเปิดตู้เย็นที่อยู่ข้างๆณัฐ ท่าทางที่ค้นหาอะไรกุกกักวุ่นวายในตู้เย็นของเขานั้นทำให้ทุกคนอดไม่ได้ที่จะเบี่ยงเบนสายตาจากหนุ่มกรุงเทพ แล้วมองตามไปที่นายช่างร่างสูงคนนั้น และก่อนที่จะมีใครทันพูดอะไรขึ้นมา
หัวหน้าช่างใหญ่ก็เงยหน้าขึ้นมาจากตู้เย็น แล้วตะโกนถามเสียงดัง
"เมื่อวานผมเอาบัวลอยมาแช่ในตู้เย็น ใครมาเอาบัวลอยของผมไป"
วินมองไปรอบๆด้วยหน้าตาจริงจัง ทุกคนต่างจ้องคนตัวสูงด้วยสายตาประหลาดใจ
เค้าพูดอะไรของเค้า ช่างวินกะบัวลอยเนี่ยนะ?
แล้วนี่ยอมเดินมาไกลจากโรงซ่อมบำรุง เพื่อเอาบัวลอยมาแช่ตู้เย็นที่ห้องกาแฟเนี่ยนะ?
แต่ชายหนุ่มก็ยังย้ำข้อความเดิมด้วยเสียงที่ดังมากขึ้น "บอกมานะ ใครขโมยบัวลอยของผมไป"
วินทำหน้าขึงขัง มองกวาดไปที่สมาชิกแต่ละคนในห้องกาแฟอย่างช้าๆ แล้วเริ่มขานชื่อ
"ปี้แวว!"
"ปี้บ่ได้เอาไปเน้อช่างวิน"
"ปี้อ้อย!"
"อื๊อ บ่ใจ้ปี้ ช่างวินบ่ต้องหันมาผ่อตางอี้"
"น้องนก!"
"เอ่อ… คือ… นกป่าวนะคะช่างวิน"
"คุณณัฐ!"
"เอ่อ… คือ… ผมยังไม่เคยเห็นมีบัวลอยในตู้เย็นเลยนะ"
"ไอ่เติ้ด!"
"ผมบ่ฮู้โตยเน้ออ้าย ผมนั่งอยู่แต่ในห้องทำงานของผม"
"อ้ายดนัย"
"เค้าป่าวนะฮ้า แต่เอ๊ เมื่อวานช่างวินเข้ามาในนี้ด้วยหรือฮ้า"
"ช่างโต้ง!" หัวหน้าช่างหนุ่มไม่สนใจคำถามของเลขาใหญ่ แต่หันไปเรียกชื่อลูกน้องคนสนิทพลางขยิบตาถี่ๆให้
"เอ้อ… อ้ายวิน ผมเพิ่งกึ้ดออก เฮามีประชุมแผนกตอนสิบโมง" โต้งสะดุ้งพลางละล่ำละลัก สายตาเริ่มลอกแลก
"ป๊ะ ป๊ะ ไปเต๊อะอ้ายอู๊ด ประชุมสำคัญมากวันนี้ ขาดบ่ได้เลย"
และท่ามกลางความงวยงงของทุกคนว่าเกิดอะไรขึ้นกันแน่ โต้งจึงถือโอกาสหันไปดึงแขนเพื่อนร่วมงานรุ่นพี่ลากออกไปจากห้องกาแฟอย่างรวดเร็วโดยที่อู๊ดไม่ทันได้ตั้งตัว
"เออ จริงลืมสนิทเลยว่ามีประชุม งั้นต้องไปก่อนละนะทุกคน" ตัวลูกพี่เองก็ทำท่าผสมโรงนึกขึ้นมาได้ รีบก้าวเท้าทำท่าจะตามลูกน้องทั้งสองไป
แต่ก่อนที่ตัวคนตัวสูงจะก้าวพ้นไปจากห้องกาแฟ เขายังมิวายหันกลับมาทิ้งท้ายด้วยน้ำเสียงจริงจัง
"อย่าให้รู้นะ ว่าใครขโมยบัวลอยของผมไป! ขโมยไปตั้งสองถุงเลยด้วย!"
ในขณะที่ดนัยยังคงพึมพำสงสัยเรื่องบัวลอยของช่างวิน ชายหนุ่มต้นเรื่องอย่างณัฐก็ถอนหายใจอย่างโล่งอก เขาไม่ทันได้สังเกตเห็นสายตาของราณีที่มองมาอย่างน้อยใจ…
"ช่างวิน เฮามีประชุมอะหยังคับวันนี้ อ้ายจำบ่ได้เลย"
นายช่างรุ่นใหญ่ผู้ก่อเรื่องพึมพำอย่างสับสนขณะที่ทั้งสามกำลังเดินฝ่าแดดเปรี้ยงกลับโรงซ่อมบำรุง
"บ่มีหร้อก" ช่างโต้งส่ายหน้า
"เอ้า อะหยังวะเนี่ย จุ๊กั๋นทำหยังเนี่ย" ช่างอู๊ดหัวเสีย เขากำลังจะเคลียร์ปัญหาหัวใจให้เรียบร้อยแล้วเชียว
วินหยุดอยู่ที่หน้าประตูโรงซ่อมบำรุง เขาหันมาพูดกับลูกน้องสูงวัยกว่าด้วยเสียงเรียบๆระคนไปด้วยความเห็นใจ
"อ้ายอู๊ด ตัดใจเต๊อะ อย่าไปหาเรื่องเปิ้นเลย"
"ช่างวิน ผมก็บ่ได้จะยะอะหยังเปิ้น" นายช่างรุ่นใหญ่ถอนหายใจ ความทะเล้นไม่มีบนใบหน้าเขาเหมือนเช่นเคย
"ผมก่อแค่กั๋วเขาจะมาหลอกน้องเบลล่ามัน เขามาทำงานชั่วครั้งชั่วคราว เขาจะมาจริงจังอะหยังกะคนของเฮา"
ช่างอู๊ดพูดระบายความในใจออกไปเรื่อยๆโดยไม่ทันสังเกตว่าหัวหน้าหนุ่มรุ่นน้องไม่ได้ตั้งใจฟังเขาอยู่ วินกำลังเหม่อมองไปที่โรงงานอีกฝั่ง โต้งมองตามรุ่นพี่ไปก็เห็นสิปรางค์กำลังคุยอยู่กับช่างวุฒิ ครั้นพอหญิงสาวเสร็จธุระ หล่อนก็หันมาเจอวินเข้าพอดี หล่อนยกมือขึ้นโบกให้ช่างหนุ่มแบบขอไปทีก่อนที่จะรีบเดินกลับไปยังอาคารสำนักงาน โดยที่วินรีบโบกไม้โบกมือตอบแทบไม่ทัน
โต้งถอนหายใจเมื่อเห็นท่าทางของลูกพี่ที่ดูจะดีใจและมีความสุขที่ได้เห็นคนสวยคนนั้น ทำไมเขาจะดูไม่ออกว่าหัวหน้าของเขามีใจให้กับหญิงสาวจากกรุงเทพคนนี้มากแค่ไหน…
ณัฐเปิดตู้เย็นหยิบเบียร์กระป๋องขึ้นมาแล้วออกไปนั่งลงบนเก้าอี้ผ้าใบที่ระเบียงด้านนอก ห้องพักของเขาอยู่บนชั้นที่ยี่สิบของคอนโดไม่ไกลตัวเมืองเชียงใหม่นัก ชายหนุ่มเกือบจะเสร็จสิ้นภารกิจที่โรงงานในส่วนของเขาแล้ว และวางแผนจะกลับกรุงเทพทันทีก่อนปีใหม่นี้ ช่วงนี้เขาจึงใช้เวลาส่วนใหญ่หลังเลิกงานกับราณี
วันนี้ก็เช่นกัน เขาเพิ่งกลับมาจากห้องพักของหญิงสาว คืนนี้หล่อนตั้งอกตั้งใจปรนเปรอความสุขให้เขาอย่างเต็มที่
ชายหนุ่มนั่งมองดูแสงไฟของตัวเมืองเชียงใหม่ยามค่ำคืนอย่างเหม่อลอย เขายังไม่รู้สึกง่วงแม้ตอนนี้จะเป็นเวลาดึกมากแล้ว คำพูดของช่างอู๊ดในห้องกาแฟวันก่อนยังรบกวนจิตใจเขาอยู่ไม่น้อย แม้ช่วงนี้เขากับราณีจะไม่มีใครเอ่ยถึงเรื่องที่เกิดขึ้นที่ห้องกาแฟ แต่ณัฐก็ยังรู้สึกไม่สบายใจ แม้ลึกๆในใจจะรู้สึกผิด แต่คนอย่างเขาก็ยังเลิกนิสัยเจ้าชู้ไม่ได้ เขาไม่เคยหักห้ามใจตัวเองได้เลยเมื่อเจอกับสาวๆสวยๆ
และกับราณีก็เช่นกัน ณัฐพอจะมองออกตั้งแต่วันแรกที่เขามาถึงโรงงานว่าคนสวยประจำโรงงานคนนี้พึงพอใจในตัวเขามาก ซึ่งชายหนุ่มก็ไม่แปลกใจอะไร ผู้หญิงทุกคนที่ได้รู้จักกับเขาส่วนใหญ่ก็จะหลงเสน่ห์เขาทั้งนั้น เพียงแต่ว่าเขามองราณีผิดไป ณัฐไม่คิดว่าหล่อนจะหลงรักเขาขนาดนี้ ผู้หญิงส่วนใหญ่ที่เขาเคยเจอมา เมื่อได้รู้ว่าชายหนุ่มไม่คิดจะจริงจังด้วย ก็มักจะเป็นฝ่ายทนไม่ได้และเป็นฝ่ายถอยห่างออกไปเอง
แต่ราณียังคงยอมเขาทุกอย่าง…
เขาคิดว่าหล่อนก็รู้ว่าเขาไม่เคยคิดจะจริงจัง แต่หญิงสาวก็ไม่เคยเรียกร้องอะไร และเป็นฝ่ายทำตัวน่ารักกับเขาเสมอมา หล่อนยังคงเอาใจเขาอย่างสม่ำเสมอ แล้วนี่ชายหนุ่มก็ยังไม่ได้บอกหล่อนเรื่องที่เขาจะกลับกรุงเทพในไม่กี่อาทิตย์ข้างหน้า ราณียังคงไม่รู้ว่าเรื่องราวระหว่างเขาและหล่อนกำลังจะจบลงในไม่ช้านี้
ณัฐดื่มเบียร์รวดเดียวหมดกระป๋องพลางถอนหายใจ กะแค่ผู้หญิงที่ไม่มีอะไรเทียบกับแฟนเขาได้เลย แต่ทำไมคาสโนว่าตัวพ่ออย่างเขาถึงต้องรู้สึกผิดขนาดนี้ด้วยนะ…