webnovel

รักข้ามภพ

         ~ รักข้ามภพ ~            จุดกำเนิดรักข้ามภพ               "อารัมภาบท"                  ".. ฟ้า!!...ได้โปรดเถิดฟ้า...ได้โปรดคืนนางกลับมาให้ข้าอีกสักครั้งเถิด...!!! "    .. ข้าคงมีชีวิตอยู่ต่อไปไม่ได้ ถ้าไม่มีนาง..    งานธรรม!!..งานฟ้า!!..ข้าทำ!!..ข้าช่วยทุกอย่าง...แต่..สิ่งเดียว!!..ที่ข้าขอท่าน...!!  ช่วยข้ามิได้เชียวหรือ!!..   ..ฟ้า.. ได้โปรด...!!.     อย่าแกล้งรักของข้าอีกเลย.......  กว่าเราทั้งสองจะผ่านอุปสรรค ขัดขวางความรักต่างๆของเรา จนได้มาอยู่ครองคู่กัน...!!  ท่านรู้ไหม!! ว่า...ข้ารอวันนี้มานานเท่าไร..?!! ข้าต้องทนทุกข์ทรมานกายใจเพียงเท่าใด!!   ที่รักแต่พูดไม่ได้!!..ที่รักแต่โดนกรีดกันปิดกั้นทางใจ!!  ฟ้า...ได้โปรดเถิด.....!!   "หากว่าปาฏิหาริย์แห่งรักของเราทั้งสองมีจริง...ได้โปรดเถิดฟ้า...โปรดทำให้ยอดดวงใจของข้า!!...ให้นางฟื้นคืนกลับมาด้วยเถิด....พระพรหมเจ้าข้า...!! "    ********************************  *** พูดจบ....นาคราชหนุ่มก็ก้มลงไป ทำการจุมพิต ที่ริมฝีปากของนางผู้เป็นที่รัก ยอดรักยอดดวงใจ พร้อมกับตั้งจิตอธิฐานถอดถอนดวงใจนาคราชของตน ออกจากกายตัวคายให้นางไป  โดยไม่ได้คำนึงถึงชีวิตของตนเองเลย...     แสงสว่างจ้าจากดวงแก้วสีแดงเลือดนก  แลดูทรงพลังเข้มขลัง พร้อมกับฉายฉัพพรรณรัศมีสีรุ้งทองทอแสงระยิบระยับล้อมรอบเปล่งประกายออกมาจากดวงแก้วหัวใจนาคราช  ที่ค่อยๆเคลื่อนออกมาและกำลังจะถูกถ่ายทอดไปยังอีกร่างหนึ่งนั้น...     เวลาผ่านไปไม่นานนัก  ร่างกายของหญิงสาวที่ท่อนบนเป็นคนและท่อนล่างมีหางเหมือนงูนั้น..     ร่างก็ค่อยๆเริ่มเปลี่ยนสีกลับคืน มาจากร่างที่ซีดเผือดไปก่อนหน้านี้ แล้ว หางก็ค่อยๆหดหายไปกลายเป็นขาคนแทน ร่างของหญิงสาวที่ถูกจุมพิตอยู่นั้นก็...ค่อยๆขยับและรู้สึกตัวช้าๆนางลืมตาขึ้นโพลง..!! ก็ชักสีหน้าตกใจนิดๆ...!!      แต่ภายในจิตใจของนางกลับสะอื้นร้องไห้ เหมือนจะอ้อนวอนด้วยความดีใจ...     ที่ได้เห็นหน้า"ผู้เป็นพระสวามีสุดที่รัก"   ทั้งสองยังคงจูบจุมพิตกันอยู่เยี่ยงนั้น...     แล้วใช้สื่อจิตคุยกันแทนคำพูดออกเสียง...!!      น้องหญิงของพี่ น้องหญิงแม่ยอด ดวงใจของพี่ยา..เจ้ารู้ไหม พี่นี้ใจแทบจะขาดตาย เมื่อพี่กลับมา...มองเห็นเจ้านอนอยู่ในสภาพนี้  ทำไมเจ้าชั่งใจร้ายเสียยิ่งนัก..!    ไม่รักษาดูแลตัวเองให้ดีๆรอพี่กลับมาเล่า..!  เจ้ารู้ไหมทุกคืนวันที่พี่นี้นั้นออกรบ...ช่วยปกป้องเทวสถานจากการบุกรุกทำลายของเหล่าพญาครุฑเกเรนั่น.......!!    ใจข้านี้มีแต่เจ้าเป็นแรงใจข้าคิดถึงเจ้าเสมอทุกทิวาราตรี รอคอยให้การศึกจบสงบลง แล้วข้าจะได้กลับมาครองคู่อยู่กับเจ้าพร้อมหน้าพร้อมตาครอบครัวใน"วังทิพย์อินทร์แปลง" วังนาคินทร์แห่งนี้.....     พูดไปทั้งสองก็สะอื้นไปปากก็ยังจูบจุมพิตคาบดวงแก้วอยู่ในปากคนละครึ่งอยู่อย่างนั้น......      เหตุเพราะว่า..หากมอบให้ฝ่ายใดฝ่ายหนึ่ง อีกหนึ่งก็อาจจะตายได้ ทั้งสองจึงต่างกอดกันแน่นด้วยความรัก ความคิดถึงคนึงหา จุมพิตกันผสานสายใยรักสุดซึ้ง ลึกลงกลางดวงใจ แต่น้ำตาของทั้งคู่อาบสองแก้มไหลเป็นสายธารไม่ขาดสาย....''สุดอาลัยในรักที่ปักทรวง"   ******************************** *** ตำนานรักข้ามภพของนาคาหนุ่มผู้มีความรักมั่นคงต่อนางอันเป็นที่รักและนางอันเป็นที่รักผู้เฝ้าคอยติดตามมาทุกภพชาติ ****   ไว้ติดตามเรื่องราวกันต่อไปนะครับกับนิยายชุด          " รักข้ามภพ " ผู้แต่ง...รัตนบดี...

Thap_Thevapat · Fantasy
Not enough ratings
22 Chs

ตอนที่ 7

         

      ตอน"จุดกำเนิดรักข้ามภพ3/2"

 

  *** นเรนทร...คลายตัวถอนจิตออกจากการนั่งสมาธิ วันนี้จากการนั่งสมาธิ มันทำให้เค้าได้เห็น และได้รับรู้เรื่องราวต่างๆในอดีตของตนอีกครั้ง จึงเป็นที่สงสัยเสียนักกับสิ่งที่เห็นและทำให้เค้าอยากรู้ขึ้นมาอีกว่าอะไรมันจะเกิดขึ้นต่อไป หลังจากที่นั่งทบทวนเรื่องราวต่างๆแล้ว จึงลุกขึ้นยืนเพื่อขยับแข้งขาคลายเส้นเพื่อไม่ให้เส้นเอ็นมันยึด เสร็จแล้วจึงเดินมาเข้าห้องน้ำ แล้วมาที่ตู้เย็นหยิบน้ำออกมาขวดนึงและเดินมานั่งที่โซฟา นเรนทรก็นั่งคิดทบทวนกับเรื่องราวในสมาธิอีกรอบ มือที่ถือขวดน้ำก็ยกขึ้นกินแล้วจึงวางไว้บนโต๊ะ นเรนทรก็ล้มตัวเอนลงนอนคิดไปเรื่อย ว่า เรื่องที่เห็นนั่น 'มันจริงหรอมันใช่หรอ' คิดๆไปจนเผลอหลับบนโซฟานั่นเอง เค้ามาสะดุ้งตื่นอีกทีในตอนเช้า ก็มองดูนาฬิกาเป็นเวลา6โมงเช้าแล้ว จึงลุกไปเข้าห้องน้ำล้างหน้าแปรงฟัน เสร็จแล้วก็เดินออกมาที่หน้าบ้าน ก็เห็นเจ้ายะสุริยากำลังจัดโต๊ะเพื่อรอใส่บาตร จึงเดินเข้าไปหา สุริยาหันมาเจอก็ทักทายว่า "เออ!!..ไงแกไอ้นเรน ตื่นนานยังแก?"

  นเรนก็ตอบมาว่า "อืม..ตื่นมาเมื่อกี้ ล้างหน้าแปรงฟันเสร็จก็ออกมาเห็นแกจัดโต๊ะอยู่นี่ล่ะ…"

   สุริยาก็ได้บอกกับนเรนทร ว่า "เออ!!แกเฝ้านี่ไว้นะเดี๋ยวฉันจะเข้าไปในบ้านเตรียมของเพิ่มให้แกอีกชุดนึง" สุริยาเตรียมของเสร็จก็ยกออกมา ก็พอดีกับพระเดินบิณฑบาตรมาถึงหน้าบ้านพอดี นเรนทรจึงเอ่ย นิมนต์พระว่า.."หลวงตาขอรับ...นิมนต์มารับบิณฑบาตรทางนี้ด้วยนะคับ" จากนั้นทั้งสองก็ต่างวางอาหารขนมตามชุดที่ได้จัดมาใส่ในบาตรแก่หลวงตา จากนั้นก็นั่งกรวดน้ำรับพร จากพระหลวงตาเสร็จก่อนที่หลวงตาจะเดินจากไป หลวงตาท่านก็ได้เอ่ยกับนเรนทรว่า "โยม!!.ตัวโยมน่ะให้หมั่นสวดมนต์ทำสมาธิบ่อยๆอย่าได้ขาดนะมันจะดีแก่ตัวของโยมเอง" นเรนทรได้ฟังก็รับปากหลวงตาว่า"ขอรับหลวงตา" จากนั้นท่านก็เดินไปเพื่อกลับวัด ทั้งสองก็พากันเอาน้ำที่กรวดเมื่อกี้ไปเทตรงโคนมะม่วงหน้าบ้าน แล้วจึงมาพากันเก็บของและพากันเข้าบ้านไป " ไอ้นเรน.."...กาแฟอยู่ในครัวแกจะกินก็ไปชงเอานะ ฉันขอไปอาบน้ำก่อนล่ะ

  " เออๆ ตามสบายมึงเลยไอ้ยะ  เดี๋ยวกูจัดการเองแหล่ะกาแฟ " สุริยาก็แยกตัวเข้าห้องไป ส่วนนเรนทรก็เดินเข้าครัวไปเสียบกาน้ำร้อน และหาแก้วมาชงกาแฟ เมื่อชงเสร็จก็เดินออกมานั่งกินที่หน้าบ้าน มองชมวิวตอนเช้าๆของ โฮมสเตร์ และคิดว่าบรรยากาศมันดี เหมาะสำหรับการพักผ่อนดีจริงๆ กินกาแฟหมดก็เดินเข้าครัวไปล้างแก้ว แล้วจึงเดินมาที่เรือนพักของตนเอง เมื่อเข้าไปแล้ว นเรนทรก็จัดการอาบน้ำแต่งตัวเตรียมออกหาเที่ยวในแหล่งเที่ยวต่างๆของหนองคาย อาบน้ำเสร็จ ออกมาก็เห็นเจ้ายะเดินมาพอดี จึงเอ่ยปากถามว่า "ที่นี่มีจุดไหนหน้าเที่ยวบ้างว่ะ" เจ้ายะ จึงบอกว่าวันนี้จะพาไปเที่ยวที่ท่าเสด็จ ท่าข้ามเรือจุดเที่ยวของหนองคาย ที่ใครๆต่างก็ต้องมาที่นี่ ไม่งั้นไม่ถือว่ามาเที่ยวหนองคาย คุยกันพักนึงจึงชวนกันออกเดินทาง ทั้งคู่พากันขี่รถเครื่องออกมาจากบ้าน จนมาถึงตัวหนองคาย มาถึงท่าเสด็จซึ่งเป็นตลาดแหล่งท่องเที่ยวของเมืองหนองคายอันมีชื่อ ที่ใครๆต่างก็รู้จักกันทั่วไป ขนาดแม้แต่ฝรั่งที่มาเที่ยวเมืองไทย ยังบอกกันต่อๆกันไปเลยว่าหากมาเมืองไทย มาที่หนองคายใครไม่ได้มาเที่ยว "ตลาดท่าเสด็จ"ถือว่ามาไม่ถึงหนองคาย ทั้งสองก็พากันเดินชมนั่นชมนี่ในตลาดแล้วก็พากันมาที่ริมโขงตรงตลิ่ง นเรนทรมองดูสายน้ำเวิ้งน้ำโขงมันช่างมีมนต์ขลังกับเขาเสียนี่กระไร ด้านซ้ายมือมองไปจะเห็นสะพานไทย-ลาว ที่ข้ามน้ำไปฝั่งเวียงจันทร์ ด้านขวามือมองออกไปไกลสุดลูกตาก็จะมีเหมืองขุดทราย ทั้งฝั่งลาวและทางฝั่งไทย นี่แหล่ะผลประโยชน์ที่มนุษย์ได้จากแม่น้ำโขง ตรงพื้นใต้ตลิ่งมองลงไปก็จะมีพวกเรือแพร้านอาหารริมน้ำ ที่เอาไว้บริการให้กับนักท่องเที่ยว เอาไว้นั่งกินดื่มชมวิวธรรมชาติของลำน้ำโขง จากนั้นก็พากันเดินกลับมาเข้าตลาดท่าเสด็จอีกรอบ เพื่อหาอาหารมากินกัน แต่ดูท่าวันนี้คงพากันอดนั่งร้านอาหารในตลาดท่าเสด็จแน่แท้ เพราะว่าร้านต่างๆผู้คนเต็มร้านจนไม่มีที่นั่ง จึงพากันเดินต่อมาข้างนอกหาร้านข้าวแกงอาหารตามสั่งกินกันแทน เสร็จจากกินข้าวก็พากันไปไหว้พระต่อที่วัดพระใสที่ผู้คนรู้จักกันในนามวัดโพธิ์ชัย(วัดหลวงพ่อพระใส) ที่วัดพระใสนี้ โอ้วว!!วันนี้ผู้คนพากันมาเยอะมาก จนหาที่จะเดินก็ยากจึงรีบพากันเข้าไปไหว้หลวงพ่อพระใสเสร็จก็รีบออกมาเพราะคนเยอะมากที่มากัน.....  เสร็จจากวัดหลวงพ่อพระใสโปรแกรมต่อมา ก็พากันขี่รถมาที่"พุทธสถานวัดแก้วกู่" อันเป็นที่สุดท้ายของวันนี้ มาถึงวัดแก้วกู่ก็'อืมม..ผู้คนเยอะอีก' แต่ก็ดีหน่อยตรงที่วัดแก้วกู่นี้ มีพื้นที่อันกว้างขวาง ทำให้การเดินชมรูปปั้นต่างๆในพุทธสถานแห่งนี้แบบสบายๆ หลังจากเดินชมนั่นนี่เสร็จก็มานั่งพักร่มที่บ่อปลา ที่ทางวัดเอาไว้ให้นักท่องเที่ยวมาให้อาหารปลากัน  ที่นี่มีปลาสวายตัวใหญ่ๆก็เป็น100โลให้ผู้คนที่พากันมาเที่ยวชมจนพอใจ ก็พากันกลับ......