webnovel

ระบบตกหนอนหนังสือไปเปิดไฟท์ที่ต่างโลก

บทที่ 8

สองชั่วโมงผ่านไปยังคงไร้วี่แววนักรบทั้งห้าของโรซที่ออกไปหาเสบียง แม้น่าเป็นห่วงแต่พวกเขาเสียเวลารอไปมากกว่านี้ไม่ได้แล้ว ในเมื่อหลายคนเริ่มแสดงสีหน้ากระสับกระส่าย คงกังวลว่าอาจไปถึงโคลเทคไม่ทันแล้วไม่สามารถหาวัคซีนมารักษาได้คงไม่แคล้วกลายเป็นซอมบี้

"รอนานกว่านี้ไม่ได้แล้วนะครับ" คริสเตนนั่งยองพิงรถสายตากวาดไปไกลๆ "ไม่เห็นวี่แววคนเป็นเลยครับ แต่มีพวกซอมบี้อยู่ทางนั้นสองตน"

"ฉันก็ว่าควรไปได้แล้วล่ะ อยู่แบบนี้ล่อเป้าน่าดู" จินตกชยืนระวังภัยอยู่บนหลังคาตู้คอนเทนเนอร์ ส่วนคนอื่นขึ้นไปนั่งในรถแบบพร้อมเดินทางทุกเวลาแล้ว ไม่มีแม้ยื่นหน้าออกมาช่วยระวังอันตราย

ขี้เกียจหรือเห็นแก่ตัวครับพวกคุณ

"ทิ้งข้อความไว้ให้พวกเขาสักหน่อยละกัน หวังว่ากลับมาอ่านได้ละก็นะ" ไอแลนด์เอามีดเลเซอร์มากรีดแผ่นปูนในบริเวณนั้นเป็นข้อความ

เพราะสายมากแล้วเอลจินจึงขับรถด้วยความเร็วสูงสุดไปตามทางที่ไอแลนด์บอก เก้าอี้ข้างคนขับของรถคอนเทนเนอร์นั้นกว้างมาก สี่ห้าคนนั่งได้สบาย ฉะนั้นในห้องคนขับถึงมีซอยล์ อิลิก โรซและไอแลนด์เข้าไปนั่งอยู่ด้วย ส่วนคริสเตนกับจินตกชอยู่บนหลังคา ต่อให้ในตู้มีที่ว่างเหลือเฟือทั้งสองก็ไม่อยากเข้าไปนั่งส่งรังสีเขม่นกันให้เปลืองพลังโดยใช่เหตุหรอก สู้เอามาระวังภัยในการเดินทางได้ประโยชน์กว่า

ทักษะที่เพิ่มขึ้นทำให้จินตกชตรวจจับกองทัพซอมบี้ได้จากระยะไกลจึงส่งสัญญาณให้เอลจินเปลี่ยนเส้นทางเป็นอ้อมพวกมันไปให้ไกลก่อนมันได้ยินเสียง การอ้อมทำให้เจอสะพานเกือบขาดซึ่งกว่าจะผ่านมาได้ทำเอาเครียดจนลำไส้แทบบิด ทว่าพอข้ามสะพานแล้วกลับเหลือแค่ทางเดียวต้องขับผ่านกลางเมืองร้างซึ่งยามนี้มั่นใจได้โดยไม่ต้องให้เห็นกับตาว่าซอมบี้มากมายคงรอต้อนรับอยู่ในเมืองแน่นอน

"เอาไงดี ไม่มีทางเลี่ยงไปทางอื่นเลยด้วย แต่ถ้าผ่านเมืองนี้ออกไปได้ ขับรถไปอีกวันเดียวก็ถึงโคลเทคแล้วล่ะ" ไอแลนด์ขึ้นมายืนบนหลังคาด้วยหลังจากรถจอดดูสถานการณ์อยู่นอกเมือง

สีหน้าทุกคนตึงเครียดมากขึ้น ต่างคนไม่อยากออกไปเจอกองทัพซอมบี้ในยามนี้สักนิด คนเจ็บหลายคนเริ่มออกอาการไม่ดี ได้แต่คิดว่าจะไม่กลายร่างระหว่างทางทั้งที่ตามจริงแล้วโดนกัดหรือโดนข่วนนั้นมีเวลาแค่วันเดียวเท่านั้น หลังจากนั้นต่อให้ได้รับวัคซีนก็เปล่าประโยชน์ ทว่าแต่ละคนทำเป็นไม่รับรู้ทั้งที่รู้แก่ใจอยู่แท้ๆ การทำแบบนี้ยิ่งทำให้ซอยล์มองคนพวกนี้อย่างเหยียดหยามแบบไม่ปิดบัง

"เก็บสีหน้าบ้างไม่ได้หรือคุณ" คนขี้ริ้วเอาปากกระบอกปืนจิ้มหลังพ่อคุณที่ออกมายืนนอกรถเพราะทนอึดอัดที่มีโรซอยู่ในระยะสามเมตรไม่ได้

ซอยล์หันมากดสายตาเย็นเฉียบใส่คนขี้ริ้ว "มีปัญหากับหน้าคนอื่นด้วยหรือไง"

"มี ต่อยได้ต่อยไปแล้ว" บอกตามตรงหมั่นไส้เป็นบ้า ถึงพ่อคุณคืออาหารตาชั้นเลิศแต่นิสัยแบบนี้ปัดลงถังไป

ซอยล์ขมวดคิ้วยกยิ้มมุมปากท่าทางก่อกวนอวัยวะติดพื้นมากมาย "เพราะหน้าตนเองเป็นแบบนั้นเลยอยากต่อยคนอื่นให้มีหน้าแบบเดียวกันหรือไง"

ผลัวะ!

เข้าเต็มๆ กลางพุงพ่อคุณส่งลงไปนั่งกุมท้องข้างรถทันที และทำให้คนอื่นๆ ผวาเฮือกโดยเฉพาะไอแลนด์กับคริสเตน

"มันไม่มีข้อไหนบัญญัติไว้สักหน่อยว่าเวลาต่อยต้องที่หน้าเท่านั้น" ยืนค้ำหัวโปรยยิ้มเยาะเย้ยให้อย่างตั้งใจ นั่นทำเอาพ่อหนุ่มหล่อกัดฟันกรอด ด่าไม่ออกมันจุก

"ทำแบบนี้จะดีหรือพี่จินต์ นั่นคือภารกิจของพี่นะ" อิลิกกระโดดลงจากรถแล้วเดินตามจินตกชที่เดินออกไปสำรวจบริเวณใกล้ๆ หลังส่งพระเอกลงไปนั่งด่ายาวเหยียดข้างรถ

"แค่เอาไปส่งที่ปลอดภัยโดยสายพันธุ์ไม่เปลี่ยนเท่านั้น โดนบ้างเล็กๆ น้อยๆ แบบนั้นไม่สะเทือนหรอกน่า"

"สะเทือนนะระดับของพี่แค่ไหน แล้วทางนั้นแค่ไหน" อิลิกกังวลจริงๆ และมันก็ทำให้จินตกชเพิ่งนึกได้

"ฉิบเป๋ง จริงด้วยข้างในแตกหักบ้างหรือเปล่าเนี่ย!?" ว่าแล้วกระโจนพรวดกลับมาตรงหน้าพ่อคุณแล้วยื่นมือไปคลำพุงตรวจอย่างไว

"ทำอะไรของนาย!" ซอยล์สะดุ้งสุดตัวสองมือจับมือเจ้าคนลวนลามในสายตาแน่น แต่แรงที่ต่างกันทำให้ไม่ช่วยให้ห้ามอันใดได้สักนิด

"อยู่เฉยๆ สิ ฉันแค่ดูว่าที่ต่อยไปทำอะไรแตกหักบ้างหรือเปล่า ขอโทษทีลืมคิดไปว่าร่างกายนายไม่ได้แข็งแกร่งเท่านักรบอย่างฉัน" จินตกชรู้สึกผิดจริงๆ

สีหน้าเป็นห่วงจากใจจริง ของคนขี้ริ้วทำซอยล์อึ้งไปเลย เขาไม่เคยบอกใครว่าเขามีพลังในการอ่านความรู้สึกคนอื่นได้ว่ากำลังมีความรู้สึกแบบไหน มันไม่ใช่การอ่านใจแต่เป็นอ่านความรู้สึกและที่เขายอมเชื่อในตัวจินตกชก็เพราะอ่านได้แต่แรกแล้วว่าคนคนนี้ไม่สนใจตัวตนพิเศษอย่างเขาสักนิด แม้มีปิดบังไว้หลายอย่างแต่ก็ไม่คิดร้ายหรือเอาเปรียบต่อเขาเลยแม้แต่น้อย

"ไม่รอให้ฉันกระอักเลือดเสียก่อนล่ะ"

"โอเคขอโทษ ฉันผิดเอง ฉะนั้นตอนนี้กลับขึ้นรถได้แล้ว จะไปเปิดทางให้" จินตกชก้มหัวอย่างสำนึกผิด

"เปิดทาง?" ซอยล์โดนจินตกชจับเอวยกส่งขึ้นรถ

จินตกชชี้นิ้วข้ามบ่าตนเองไปทางเมืองร้าง "ความหมายตรงตามที่บอกนั่นแหละ ตามมาให้ไวละกัน" ว่าแล้วดึงดาบเลเซอร์ที่ได้มาจากเอลจิน "ไอแลนด์ คริสเตนเข้าไปอยู่ในรถด้วย อิลิกขึ้นรถสิ!"

สั่งเสียงเฉียบขาดแล้วกระโจนออกไปรวดเร็วราวกระสุนทะยานออกจากรังเพลิง ดาบตวัดนำออกไปถล่มสิ่งกีดขวางเสียงสนั่นก้องไปทั้งเมือง กลายเป็นจุดสนใจให้พวกซอมบี้ที่หลบอยู่ตามเงามืดพุ่งออกมามากมายนับพัน ครู่เดียวแทบกลืนคนที่กระโจนออกไปให้หายไปจากสายตาทว่าเสี้ยววินาที ราวทุกคนมองเห็นเส้นแสงสีทองตวัดไปมาในความมืดมิด

ซอมบี้มากมายล้มลงบ้างแตกกระจายเป็นชิ้นเล็กชิ้นน้อย ทางตรงหน้าเปิดกว้าง จินตกชส่งสัญญาณให้ตามมา ส่วนตัวเขาก็พุ่งออกไปฟาดฟันเปิดทาง พลังทำลายและความว่องไวยิ่งกว่าความเร็วของรถบรรทุกที่วิ่งตามมาด้านหลังจนทำให้อดคิดไม่ได้ว่านั่นอาจไม่ใช่คนอีกต่อไปแล้ว ใช้เวลาไม่ถึงชั่วโมงก็พุ่งออกมาจากฝูงซอมบี้ในเมืองร้างแล้วเหยียบมิดคันเร่งทะยานไปด้านหน้าไม่มีลดความเร็วสักนิด บนหลังคามีคนขี้ริ้วนอนหงายกางแขนขาหอบหายใจตัวโยน

"เขาจะไม่ตกลงไปใช่ไหม?" คริสเตนชะเง้อออกไปดูจากช่องหลังคาที่เปิดได้

"อย่าไต่ขึ้นมา ฉันไม่รู้ว่าเลือดซอมบี้มีพิษแค่ไหน" ต่อให้ฝีมือสูงแค่ไหนกระโจนเข้าไปในวงล้อมแบบนั้น ไม่โดนเขี้ยวเล็บก็ต้องโดนเลือดเน่ากระเซ็นใส่อยู่ดี เพราะงั้นยามนี้ทั้งตัวถึงดำคล้ำอยู่นี่ไง

"วิ่งไปแบบนี้ไม่หยุดอีกวันเดียวก็ถึงโคลเทคแล้ว นายอดทนหน่อยนะ" อย่างไรร่างกายพวกนักรบมีความต้านทานสูงกว่าคนทั่วไป สามถึงสี่วันนั่นแหละถึงติดเชื้อซอมบี้หากได้แผลจากพวกมัน คริสเตนยื่นน้ำขวดเล็กให้

จินตกชรับมาเปิดดื่มหมดในสองอึก "พวกบาดเจ็บของโรซอาการเป็นไงบ้างแล้ว?"

"ไม่ดีเท่าไหร่ ตอนนี้แยกกลุ่มนั่งหัวท้ายสองกลุ่มล่ะ พรุ่งนี้คงมีถีบลงจากรถบ้างแน่นอน" เห็นดวงตาขวางของคนพวกนั้นแล้วคริสเคนคาดเดาได้ไม่ยาก

"บอกเอลจินขับยาวไปเลยอย่าหยุดพักเด็ดขาดไม่งั้นโดนกวดทันแน่นอน" คงเพราะทักษะที่เพิ่มขึ้นกระมังทำให้ยามนี้จินตกชรับรู้ได้ว่ามีซอมบี้กองทัพใหญ่กำลังไล่กวดมา นำด้วยราชาตนใหม่ที่เขารู้จักเสียด้วย

คริสเตนเย็นสันหลังยะเยือกขึ้นมาเช่นกัน เจ้าตัวพอรับรู้ได้ถึงจิตสังหารจากที่ไกลๆ เพียงแต่ไม่ชัดเจนทว่าพอจินตกชพูดแบบนี้เขาก็แน่ใจว่าสังหรณ์ร้ายน่าจะเป็นจริงเสียแล้ว "ว่าแต่นายยังไหวหรือเปล่า"

"ถ้าเห็นกำแพงของโคลเทค พลังฉันคงฟื้นเต็มหลอด" จินตกชพูดที่เล่นทีจริงเรียกมะเหงกจากคริสเตนได้หนึ่งที

"นี่เป็นห่วงนะเว้ย ยังทำเป็นเล่นอีก" แล้วผลุบลงไปด้านล่างทันที

นี่พูดจริงเลยนะ ขอแค่ส่งซอยล์กับอิลิกเข้าโคลเทคได้ก็ไม่ต้องกังวลอะไรแล้ว

ภายในรถอิลิกอยากตีตั๋วไปนั่งบนหลังคากับจินตกชเสียเต็มประดา ในเมื่อคุณพระเอกแผ่จิตเย็นเหยียบออกมาแบบไม่สนใจคนอื่นเลยสักนิดทั้งที่ต้องการกันไม่ให้โรซเข้ามาเกาะแกะเท่านั้นแท้ๆ

'ไม่ต้องเผื่อแผ่มาทางนี้ด้วยไม่ได้หรือคะ อาหารตาเขย่าขวัญแบบนี้ไปที่ชอบๆ เถอะนะคะ หมายถึงฉันนะคะไม่ใช่คุณพระเอก'

อิลิกหารู้ไม่ว่าโดนซอยล์รวบไปด้วยนั่นตั้งใจ ก็ดันแสดงออกว่าสนิทสนมกับจินตกชให้เห็นมากไปนี่นา ซึ่งซอยล์เองก็ไม่รู้ทำไมเขาหงุดหงิดกับเจ้าคนหน้าเสียปากเสียนั่นแบบนี้

ยามกลางคืนรถยังคงแล่นต่อไป แน่นอนว่ามีการพุ่งเข้ามาจู่โจมจากพวกซอมบี้ระหว่างทาง ทว่าจินตกชผู้เพิ่มทักษะมาเต็มแม็กซ์มองเห็นในความมืดได้จึงเก็บกวาดรอบๆ รถไปตลอดทางได้สบาย จนแสงยามเช้าส่องสว่างพวกเขาถึงเห็นกำแพงทอดตัวยาวที่เส้นขอบฟ้าไกล

"นั่นแหละเขตโคลเทค"

ไม่แค่ใจทุกคนเต้นแรงดีใจอย่างไม่มีเก็บอาการเท่านั้น บางคนแทบกระโดดทว่าความรู้สึกนั้นมีอยู่แค่ไม่นาน คงมีแค่จินตกชเท่านั้นที่ยิ้มไม่ออกแต่แรก รถบรรทุกเบรกจนแทบพลิกคว่ำเมื่อในตู้เกิดการต่อสู้กันเพราะบางคนอาการกำเริบแล้วไม่ยอมลงจากรถ ดึงดันจะไปให้ได้ทั้งที่เปลี่ยนเป็นซอมบี้ไปครึ่งค่อนตัวแล้ว ซ้ำด้านนอกยังมีซอมบี้มืดฟ้ามัวดินรอต้อนรับราวรู้ว่าพวกเขากำลังมา

"บ้าเอ๊ยเยอะขนาดนี้ประตูไม่มีทางเปิดให้พวกเราเข้าไปแน่"

"ขืนเปิดซอมบี้พวกนี้คงพุ่งเข้าไปราวน้ำป่าไหลหลาก"

"กว่าจะถึงประตูกำแพงสักไมล์ได้นะนั่น ซอมบี้หมื่นหรือมากกว่านั้น เฮ้อ พอติดต่อกองกำลังด้านในให้ออกมาช่วยซัพพอร์ตสักหน่อยได้ไหม ฉันคนเดียวไม่ไหวนะ" จินตกชแทบโบกธงขาวมันเสียเดี๋ยวนั้น เมื่อวานใช้ความกล้าหมดทั้งชีวิตแล้ว ตอนนี้เหลือแค่ความปอดแหก

"นี่ก็กำลังพยายามติดต่ออยู่ สัญญาณไม่ดีเสียเลย" ไอแลนด์กำลังใช้เครื่องมือสื่อสารในรถซึ่งของพวกเขาพังไปหมดแล้ว ไม่งั้นคงติดต่อให้มาช่วยตั้งนานแล้วล่ะ

"รีบหน่อย ราชาซอมบี้ที่ตามหลังมาใกล้เข้ามาทุกทีแล้ว อย่างน้อยต้องฝ่าไปให้ใกล้ประตูที่สุดเท่าที่ทำได้ก่อนราชามาถึงนะ ไม่งั้นจบเห่แน่" จินตกชยกมือป้องหูฟังเสียง ส่วนด้านหน้าก็เริ่มรับรู้แล้วว่ามีอาหารจานเด็ดอยู่ไม่ห่างจากพวกมัน

"พวกมันยังไม่รู้ตัวใช่ไหมพี่จินต์" อิลิกยื่นหน้าออกมาจากรถ แล้วถูกมือหยาบดันกลับเข้าไป

"อย่าโผล่ออกมาสิเว้ยมันอันตราย คุณด้วย" เขม็งสายตาดุจริงใส่ชายหนุ่มที่ทำท่าจะลงมาจากรถให้หดขากลับทันที

ในตู้คอนเทนเนอร์ยังมีเสียงโครมครามครู่หนึ่งประตูหลังเปิดออกโครมใหญ่พร้อมร่างหลายร่างโดนถีบลงไปกองนิ่งที่พื้นถนน

"บ้าเอ๊ย รีบหาทางเข้าเร็วๆ สิ พวกฉันไม่อยากกลายเป็นซอมบี้นะเว้ย!" แต่ละคนเลือดโชกจากเขี้ยวเล็บซอมบี้ กลิ่นเลือดนั้นกระตุ้นให้กองทัพซอมบี้หน้ากำแพงหันกลับมาทุกตนทันที พริบตาคลื่นซอมบี้ขนาดยักษ์ก็พุ่งเข้ามา

จินตกชแทบน้ำตาไหลเป็นน้ำตก เวลาทำใจไม่มีเลยจริงๆ เจ้าตัวกระโดดเข้าไปกลางคลื่นซอมบี้เป็นด่านหน้าอย่างจำใจที่สุด

"ตามมา!" จินตกชอดนึกถึงการ์ตูนเรื่องหนึ่งขึ้นมาไม่ได้ ท่ามกลางหมอกควันมืดทึบมองไม่เห็นด้านหน้า พระรองของเรื่องทุ่มฝีมือนำทางให้ ด้านหลังของเขาช่างเท่จนแทบน้ำตาไหล ทำไมเขาถึงตัดสินใจทำอย่างนั้นฉันในตอนนี้เข้าใจแล้ว มันไม่ใช่ภารกิจมันก็แค่ อยากให้บางคนมีชีวิตต่อไปเท่านั้น ทั้งที่เบื้องหลังมีคนจริงๆ แค่สองคนแต่เขาอยากให้คนทั้งรถรอดปลอดภัยต่อไปอีกนานๆ นี่นา

แม้มีฝีมือและพลังมากมายปานใดหากแต่เมื่อตัวคนเดียวปะทะกับซอมบี้นับหมื่นมันก็ไม่ต่างเอามีดปอกผลไม้ฟันตะม่อสะพาน ทว่าจินตกชยังคงมุ่งไปด้านหน้าเปิดทางให้กว้างที่สุด

เหล่าผู้คนในรถมองตามหลังคนที่นำทางให้ทั้งที่ร่างนั้นเล็กจ้อยเต็มไปด้วยเลือดเน่าของพวกซอมบี้ ทว่าพวกเขารู้สึกราวเห็นแสงสว่างนำทางที่จะพาพวกเขาไปถึงที่ปลอดภัยได้แน่นอน ผ่านไปครึ่งไมล์ ทางโคลเทคก็ติดต่อเข้ามาจนได้

"ที่ติดต่อเข้ามาคือใครกัน?" ทางนั้นถามห้วนๆ

"ผมเอง" สั้นๆ แต่ได้ยินเสียงอื้ออึงดังตามมาจนฟังไม่ได้สรรพ

"ดร.ซอยล์คุณปลอดภัยหรือครับ!?"

"ตอนนี้ยังปลอดภัยอยู่แต่ถ้าไม่มีใครออกมาช่วย เจอกันอีกทีไม่เป็นซอมบี้ก็คงเป็นเศษเนื้อ" เขาพูดตามสถานการณ์จริง และได้ยินเสียงสั่งการวุ่นวายไปหมดดังแทรกเข้ามา

"หน่วยจู่โจมทั้งสิบกำลังออกไป ได้โปรดอดทนอีกสองนาทีนะครับ"

"ข้างหน้ามีคนเปิดทางให้อยู่ เล็งให้ดีอย่าให้โดนเขาล่ะ"

"รับทราบครับ"

ป้อมปืนบนกำแพงคือสัญญาณตอบรับแรกที่ดี ก่อนประตูเปิดออกนักรบร้อยกว่าคนกรูออกมาพร้อมอาวุธครบมือ การเก็บกวาดซอมบี้จนมาถึงคนขี้ริ้วใช้เวลาไปพอประมาณ หัวหน้าหน่วยนักรบกวาดตามองจินตกชแวบหนึ่งแล้ววิ่งผ่านไปอย่างไว

'คุณพบ แอสเทรีย มาร์เรน นางเอกของเรื่อง สถานะนักรบระดับ S กำลังพัฒนาความสัมพันธ์กับพระเอก'

นางเอกหรือ สวยสง่ามากเลยค่ะ แล้วยังแข็งแกร่งแบบนี้คุ้มครองพ่อถั่วเหลืองได้แน่นอน

"ซอยล์คะ คุณไม่เป็นไรใช่ไหม!?" หญิงสาวหน้าตางดงามราวดอกไม้บอกบางทว่าแผ่รังสีความแข็งแกร่งออกมาได้ยิ่งกว่าบุรุษร่างสูงใหญ่ที่ตามหลังเธอมาหลายเท่า

"แอสเทรีย เธอออกมาเองเลยหรือ" ซอยล์กำลังจะลงจากรถแต่ถูกห้ามไว้

"อย่าลงมา ไปจอดที่ประตูก่อนแล้วค่อยลงมา" จินตกชโยนมือซอมบี้ที่คว้าติดมือมากระแทกประตูรถเป็นการห้าม "รีบไปทั้งหมดนั่นแหละ ยังมีทางโน้นใกล้จะมาถึงแล้ว" เขาพยักหน้าไปยังเส้นขอบฟ้าด้านหลัง ฝุ่นฟุ้งลอยขึ้นสูงจนเห็นเป็นกำแพงสีแดงคล้ำ

"นั่นมันอะไร?" แอสเทรียและเหล่านักรบทั้งหมดต่างประหลาดใจ

"ราชาซอมบี้กับกองทัพของเขาไงล่ะ" จินตกชตอบง่ายๆ ทำทุกสายตาหันมายังเขา แล้วพร้อมใจกันเบนหนี คาดว่ากลับเข้าไปคงแย่งยาล้างตากันวุ่นวายแน่นอนเจ้าตัวเลยแถมหัวเราะหลอกหลอนตบท้ายให้อีกเล็กน้อย

"ราชาซอมบี้! นายกำจัดมันไปแล้วไม่ใช่หรือ?" ซอยล์เห็นกับตาแล้วยามนี้ดันมาบอกว่าราชาซอมบี้กำลังมาอีกได้ไง

"มันไม่ได้มีราชาตนเดียวนี่นา ซ้ำราชาตนนี้พวกเขาน่าจะรู้จักดีเสียด้วย" พูดพลางบุ้ยใบ้ไปทางสาวผมทอง

"นายหมายความว่าอย่างไร?" โรซจ้องกลับตาวาวอย่างเอาเรื่อง

จินตกชไหวไหล่ไม่ตอบแล้วผายมือไปทางประตูกำแพงสูง "เชิญท่านผู้สำคัญทั้งหลายเข้าไปเขตปลอดภัยก่อนเถอะ มัวแต่ชักช้ารู้ไหมมันเกะกะ" ฝุ่นฟุ้งไกลลิบใกล้เข้ามาราวทางนั้นมีความเร็วเสียง พริบตามีดเลเซอร์ในมือคนขี้ริ้วก็ปะทะกับเขี้ยวแหลมยาวแข็งราวเพชรของราชาซอมบี้ที่พุ่งใส่คอเขาก่อนสิ่งใด "รีบไปสิเว้ย!"

โรซปากคอสั่น มือสั่นระริกชี้ไปยังราชาซอมบี้ "ดะ... ดังเคิล ทำไมถึงเป็นแบบนั้นล่ะ!?"

ถูกแล้วราชาซอมบี้ร่างสีฟ้าเทาซีดที่กำลังจู่โจมใส่คนขี้ริ้วก็คือดังเคิลนั่นเอง

"ฝืนใช้ผลึกแก้วราชาทั้งที่พลังของตนไม่พอก็เป็นแบบนั้นไงล่ะ ตามปกติผลึกแก้วจะยอมรับผู้ที่กำราบมันลงได้โดยปริยาย ถ้าจินตกชเอาไปใช้ความเข้ากันได้คือร้อยเปอร์เซ็นต์ ถ้าคนอื่นฝืนใช้จะเป็นอย่างที่เห็น นอกจากคุณจะอยู่ระดับ SS นั่นถึงใช้ได้แม้ไม่ใช่ผู้กำราบราชาตนนั้นๆ ก็ตาม" ไอแลนด์ยอมอธิบายยืดยาวเมื่อเห็นสีหน้าสุดน่าสมเพชของโรซกับนักรบของเธอ ในกลุ่มซอมบี้มีหน้าตาคุ้นๆ อีกสี่คนด้วย

"จินต์คนเดียวไม่น่ารับมือไหวแล้วนะ" ซอยล์สีหน้าเครียด แม้มองตามการปะทะระหว่างคนขี้ริ้วกับราชาซอมบี้ไม่ทันแต่รับรู้ความรู้สึกหนักใจจากคนขี้ริ้วได้ชัดเจน

"ฉันไปช่วยเขาเอง คุณรีบกลับเข้าไปหลังกำแพงเร็วๆ เลยค่ะ"

ไวเท่าความคิดแอสเทรียพุ่งเข้ามาร่วมวงด้วยนักรบระดับ S สองคนยังทำได้แค่ถ่วงเวลา การเคลื่อนไหวของราชาซอมบี้ว่องไวรวดเร็วจนเห็นเป็นแค่ภาพติดตาทว่าทั้งสองกลับรับมือได้อย่างเหลือเชื่อ

"เก่งนี่ ผิดหน้าตาเลย" แอสเทรียยังมีแก่ใจชื่นชมคนขี้ริ้ว

จินตกชยิ้มรับเพิ่มความหลอน "หน้าตาเกี่ยวไรกับฝีมือเล่าคุณ" ดาบเลเซอร์ในมือจงใจฟาดฟันแค่ราชาซอมบี้ ในเมื่อซอมบี้ทั่วไปมีนักรบของโคลเทคยันไว้ให้อยู่

"คุณอยู่ในสังกัดใครหรือ สาวสวยคนนั้น หรือหนุ่มสวยคนนั้น?" แอสเทรียก็ไม่คาดสายตาจากราชาซอมบี้

"ไม่คิดว่าอยู่ในสังกัดพ่อถั่วเหลืองบ้างหรือครับ" ฟาดดาบใส่แขนราชาซอมบี้ทำแขนทางนั้นขาดกระเด็น จึงเป็นจังหวะให้ถอยห่างออกมาจากวงต่อสู้ได้ แน่นอนว่าแอสเทรียย่อมไม่ทิ้งโอกาสนี้รีบกระโจนตามออกมาเช่นกัน

"ถั่วเหลืองงั้นหรือ คุณนี่ไม่เคยตายเลยสินะ" แอสเทรียหลุดหัวเราะ "คนสุดท้ายที่กล้าเรียกเขาว่าถั่วเหลืองเพิ่งกลายเป็นอาหารซอมบี้เมื่อปีก่อนจากนั้นก็ไม่มีใครเรียกเขาอย่างนั้นอีกเลย"

"ดุร้ายขนาดนั้นเลยหรือ" ก้มหัวหลบกรงเล็บแหลมที่ตวัดเข้ามาแล้วถีบส่งกระเด็นไปกระแทกซอมบี้อีกเป็นสิบกลิ้งตามกันไป

"เขามีพลังจิตที่อ่านอารมณ์ผู้คนได้แล้วยังใช้บงการได้ถ้าเขาต้องการ ระดับ S ยังเสียสติเพราะพลังของเขามาแล้ว แต่ถ้าไม่ล้ำเส้นจนสุด ซอยล์ก็ไม่ทำร้ายใครก่อนเด็ดขาด แน่ละว่าเส้นความอดทนของเขาสูงมากอย่างเหลือเชื่อเลยเช่นกัน"

จินตกชเหลียวไปมองรถบรรทุกซึ่งเวลานี้แล่นช้าเป็นเต่าคลานฝ่ากองทัพซอมบี้โดยมีกลุ่มนักรบคอยคุ้มกันไปเกือบถึงประตูกำแพงแล้วแวบหนึ่ง "ผู้สร้างใส่คุณสมบัติสมเป็นพระเอกที่สุดในโลกให้เลยนะนั่น แบบนั้นคงทำคนรักคนหลงนับไม่ถ้วนเลยกระมัง"

แอสเทรียส่งสีหน้าไม่เข้าใจว่าจินตกชพูดอะไร ซึ่งธรรมดาตัวละครย่อมมีกำแพงบางอย่างกั้นให้ไม่รู้ สำหรับพวกเขาที่นี่คือโลกที่มีชีวิตจริงไม่ใช่แค่ตัวอักษร ต่างจากผู้โดนเตะโด่งเข้ามาเดินเล่น แค่มองว่าเหล่านี้คือตัวอักษรเท่านั้นกดลบหรือป้ายด้วยน้ำยาลบคำผิดก็จบ แต่เจอแบบนี้จินตกชยอมรับว่าไม่สามารถมองทุกอย่างเป็นแค่ตัวอักษรได้แม้แต่อย่างเดียว พวกเขา ไม่สิ ทุกสิ่งที่เห็นที่สัมผัสคือความจริงคือชีวิตในอีกโลกหนึ่ง ในเมื่อจักรวาลมีโลกธาตุเป็นอนันต์นี่นา ถ้าที่นี่เป็นโลกหนึ่งที่มีจริงก็ไม่แปลกอะไร

จินตกชไม่รู้ว่าผู้เดินเล่นคนอื่นคิดอย่างไรต่อโลกในนิยาย ทว่ายามนี้เขาคิดไปแล้วว่ามันเป็นโลกที่มีชีวิตจริงๆ ฉะนั้นเขาซึ่งมาจากด้านนอกเมื่อมีความสามารถพอให้คนที่นี่ปลอดภัยผ่านไปอีกวันได้ เขาจึงขอทำให้สุดเท่าที่ทำได้ละกัน

รถบรรทุกคอนเทเนอร์แล่นฝ่าซากซอมบี้ไปถึงประตูจนได้ นักรบสิบกว่าคนคุ้มกันซอยล์กับทุกคนบนรถลงจากรถตรงไปที่ประตู แอสเทรียเห็นอย่างนั้นจึงส่งสัญญาณให้นักรบทุกคนถอนตัวก่อนเธอจะใช้พลังจิตจัดการผลักซอมบี้ออกไปเป็นวงกว้างส่งผลให้กองทัพซอมบี้กระเด็นห่างออกไปหลายร้อยเมตร

"รีบมาเร็วเข้าคุณน่ะ!" แอสเทรียเรียกคนขี้ริ้วพร้อมกระโจนไปทางประตูอย่างว่องไว

จินตกชวิ่งตามไปติดๆ ก่อนชะงักเท้าเมื่อตรงหน้ามีหน้าต่างเรืองแสงสีฟ้าโผล่ขึ้นมา ในหัวได้ยินเสียงประกาศจากระบบ

'คุณทำภารกิจสำเร็จแล้ว อีกห้านาทีคุณจะถูกถอนตัวออกจากนิยายเรื่องนี้'

ภารกิจเรียบร้อยแล้วงั้นอิลิกก็ อ้อสำเร็จแล้วเหมือนกันแฮะ

จินตกชเห็นสีหน้าอิลิกมองอากาศตรงหน้าก็รู้ล่ะว่าคงมีหน้าต่างปรากฏขึ้นมาเหมือนที่เขาเห็นเมื่อครู่ นั่นจึงทำให้จินตกชหยุดฝีเท้าลงซึ่งมันห่างจากประตูร้อยกว่าเมตร นักรบคนอื่นวิ่งไปอยู่หน้าประตูทั้งหมดแล้ว และบานประตูก็เปิดให้คนทยอยเข้าไปแล้วด้วย

"จินต์ รีบมาสิ"

"พี่จินต์รีบมาสิคะ!" อิลิกตะโกนเร่งเมื่อเห็นราชาซอมบี้ที่โดนแอสเทรียซัดกระเด็นไปเมื่อครู่กำลังพุ่งตรงเข้ามา

มือกำเป็นหมัดยกขึ้นได้ระยะพอดีเสยเข้าปลายคางราชาซอมบี้ส่งปลิวไปตกไกลลิบแล้วกลิ้งไปอีกหลายเมตรก่อนมันจะได้พุ่งผ่านตัวเขาไป

"คิดว่าคงต้องมีใครสักคนคอยกันเจ้านี่น่ะ ไม่งั้นมันตามเข้าไปด้วยแน่" จินตกชตวัดดาบในมือตัดร่างซอมบี้อีกหลายสิบตัวที่พุ่งเข้ามาใกล้ พวกมันเคลื่อนไหวได้เร็วแบบนี้ถ้าไม่มีใครคอยกันให้สักคนหลุดเข้าไปได้เป็นเรื่องแน่นอน

"ไม่จำเป็นขนาดนั้น บนกำแพงมีพลปืนเขาจะคุ้มกันให้ รีบมาเร็ว!" ซอยล์บอกเสียงหนัก

จินตกชไหวไหล่ท่าทางยียวนก่อกวนเท้าชาวบ้านมากมาย "นายนั่นแหละกลับเข้าไปเร็วๆ เลยมันเกะกะไม่รู้หรือไงอยู่ตรงนี้หาประโยชน์ไม่ได้"

ไหนๆ จะไปแล้วพูดกวนเท้าพระเอกส่งท้ายหน่อยละกัน ดูมุมปากพ่อคุณสิกระตุกน่ากลัวเลย

จินตกชตั้งใจชนกับราชาซอมบี้เป็นครั้งสุดท้ายก่อนต้องออกไปจากโลกนี้

"มานี่เดี๋ยวนี้ จินตกช!" ซอยล์ตะโกนเรียกคนขี้ริ้ว น้ำเสียงนั้นแฝงอำนาจสั่งการแบบที่นักรบระดับไหนก็ขัดขืนไม่ได้ แม้แต่คนนอกอย่างจินตกชยังต้องฝืนแทบตายที่จะไม่กระโจนไปหาพ่อคุณเสียเดี๋ยวนั้น

นี่หรือพลังบงการของพระเอก อย่างกับเซลล์ทั้งหมดในร่างพร้อมใจกันคุกเข่าให้พ่อคุณทันทีอย่างไรอย่างนั้น

จินตกชหันกลับไปพลางส่ายหน้า "ไม่เอาน่าพ่อถั่วเหลืองอย่ามาใช้พลังกันแบบนี้สิ ฉันน่ะทำตามสัญญามาส่งคุณถึงเขตปลอดภัยเท่านั้น สัญญาย่อมจบแล้วหลังจากนี้ก็ทางใครทางมัน"

"ว่าไงนะ จะให้ฉันไปลากคอนายมาเองงั้นหรือ" กดเสียงโหดเหี้ยมทำลายล้างจิตชาวบ้านมากมาย นั่นทำเซลล์ทั้งร่างคนขี้ริ้วเจ็บแปลบแทบลงไปดิ้นที่พื้น

พลังพ่อคุณช่างโหดร้าย ดูสิทำเซลล์ทั้งร่างแทบแตกเป็นผงแน่ะ

คนหน้าตาขี้ริ้วยกเท้าขวาขึ้นเหยียบซากซอมบี้แล้วถลกขากางเกงขึ้นเผยให้เห็นขาข้างนั้นชัดๆ

"ฉันเหลือเวลาอีกชั่วโมงกว่าๆ เท่านั้น ฉะนั้นอย่าเสียเวลากับคนตายเลยนะ ดร.ซอยล์"

"แผลที่ขานั่นหรือว่า... ที่คุณถีบโรซให้พ้นจากราชาซอมบี้ตนนั้น" คริสเตนปากคอสั่น ทำไมตอนนั้นเขาถึงไม่เห็นว่าจินตกชโดนเล็บราชาซอมบี้

"นาย... ทำไมไม่บอก!" สีหน้าซอยล์พลันหม่นคล้ำ หากเขาสังเกตสักหน่อยไม่มีทางเอาวัคซีนให้โรซไปแน่นอน

"ที่จริงไม่ใช่แค่เล็บราชาซอมบี้หรอกก่อนหน้านั้นก็โดนกัดไว้แล้วเพียงแต่ร่างการมีภูมิต้านทางสูงเลยยื้อเวลาได้ ถ้าไม่โดนราชาซอมบี้ก็น่าจะอีกเดือน ตอนเจอนายคิดว่าคงรอดแล้ว ทว่านี่แหละผลของการหลอกใช้นายราชาซอมบี้เลยมาตบฉันหัวทิ่มถึงที่อยู่นี่ไง"

"นายโกหก ฉันอ่านความรู้สึกผู้คนได้ นายไม่มีความคิดหลอกใช้ใครตรงข้ามนายต้องการให้ใครอื่นมีชีวิตต่อไปแม้แค่วันเดียวก็ตามถ้านายทำได้"

เดี๋ยวนะ พลังพระเอกอันตรายเกินไปแล้ว ฉะนั้นต้องรีบเผ่นด่วนๆ เหลือเวลาอีกแค่สองนาทีต้องตบราชาซอมบี้ให้จบในครั้งเดียว!

จินตกชยกสองมือขึ้นอย่างยอมแพ้ "ฉันยอมๆ คุณแอสเทรียพาซอยล์กลับเข้าไปได้แล้ว ถ้าฉันไม่ตายไปพร้อมราชาตนนั้นมันคงอันตรายต่อพวกคุณมากกว่าฉะนั้น... ไปก่อนนะ" ไม่ให้ใครได้ห้ามอีกจินตกชพุ่งออกไปสู่กองทัพซอมบี้ดั่งลูกธนูที่หลุดออกไปจากมือ

"จินตกช!"

"พี่จินต์!"

ยังได้ยินเสียงตะโกนดังสั่นสะเทือนเซลล์ทั้งร่างจากพระเอกของเรื่องที่กำลังโดนนางเอกของเรื่องพยายามดึงตัวกลับเข้าไป แล้วยังอิลิกอีกคนที่โดนคริสเตนแบกเข้าไป ไม่งั้นจะวิ่งออกมาให้ได้ และสุดท้ายเสียงประตูปิดตัวลง พอดีกับปลายดาบเลเซอร์เสียบจากคางทะลุหัวดังเคิล

"มันไม่ใช่ความผิดอะไรของนายเลยที่เอาผลึกไปใช้ ทักษะโฉมงามนั่นมันแย่ชะมัด และก็ขอโทษที่เข้ามาเปลี่ยนเนื้อเรื่องจนนายกลายเป็นแบบนี้" จินตกชตวัดดาบฟันผลึกในหัวราชาซอมบี้แตกละเอียด ตนเองก็ล้มลงเพราะร่างโดนมือข้างหนึ่งของราชาซอมบี้ทะลวงควักเอาหัวใจออกมาเช่นกัน