webnovel

ระบบตกหนอนหนังสือไปเปิดไฟท์ที่ต่างโลก

ตอนที่ 4

นักรบกลุ่มใหญ่ไร้สังกัดมารวมตัวกันได้เพราะสาวน้อยผู้งดงามดั่งกุหลาบบอบบางแสนสวยงามสร้างความแปลกใจให้ซอยล์ไม่น้อย เขาไม่คิดว่านักรบทั้งหลายยอมติดตามใครสักคนแบบไม่หวังประโยชน์ใดขอแค่ได้อยู่ใกล้ๆ เท่านั้นแบบคนเหล่านี้ มันดูผิดปกติ แต่คนพวกนั้นกลับยอมรับว่าพวกเขาขอแค่ได้ติดตามคุ้มครองโรซเท่านั้นก็พอแล้วในชีวิตของพวกเขา

"ไม่คิดว่ามันแปลกๆ บ้างหรือไง"

"อะไรแปลก?" จินตกชเงยหน้ามองคุณถั่วเหลือง เอ๊ย คุณดร.ซอยล์

"ทุกอย่าง" เจ้าตัวตอบทั้งสีหน้าและน้ำเสียงเคร่งเครียด

"ยกตัวอย่างให้เห็นหน่อย"

"สีหน้าเหมือนคนหลงจนโงหัวไม่ขึ้น สายตาเทิดทูนเหมือนอีกฝ่ายไม่ใช่มนุษย์เดินดิน กิริยานอบน้อมเสมือนข้ารับใช้ผู้ซื่อสัตย์ต่อเจ้านาย" ยิ่งพูดน้ำเสียงซอยล์ยิ่งกระด้าง บอกให้รู้ว่าเขาไม่ชอบใจ

นี่ทักษะโฉมงามใช้กับพระเอกไม่ได้หรอกหรือ!?

"ไม่รู้สึกว่าเธอน่าหลงใหล อยากปกป้องอยากอยู่ใกล้ตลอดเวลาบ้างหรือไง?" จินตกชหันมองไอแลนด์กับคริสเตนที่กำลังมองโรซตาละห้อย ท่าทางอยากพุ่งเข้าไปห้อมล้อมด้วยแต่ก็กลัวซอยล์ฝังลืมไว้นอกโคลเทคเลยยังยืนมองอยู่ตรงนี้

"ไรสาระ" มีสีหน้าเหม็นเบื่อแถมให้ด้วย

ผิดคาดเลย รัศมีพระเอกนี่มันลบล้างได้ทุกทักษะแทรกแซงหรือไง พวกลูกรักคุณนักเขียนนี่ช่างน่าหมั่นไส้ชะมัด

"อะไรสายตาแบบนั้น อยากมีเรื่องหรือไง"

"นี่นายเป็นพวกนักวิจัยตัวจริงหรือพวกอันธพาลสวมชุดกราวด์กันแน่ฟะ" ท่าทางพ่อคุณเถื่อนเสียไม่มี แต่ให้ตายสิเท่กินขาดเป็นบ้า

ถามไถ่และสำรวจจนแน่ใจแล้วว่าไม่มีใครบาดเจ็บใดชายร่างสูงใหญ่ที่เคยส่งมีดให้จินตกชยืมเดินมาหาทั้งสี่

"ดูท่าขบวนรถของพวกฉันคงทำให้ที่ซ่อนตัวของพวกนายพังสินะ ถ้าอย่างไรแล้วพวกฉันไปส่งที่โคลเทคให้ละกัน"

พูดแบบนี้คือต้องการไปโคลเทคด้วยและให้ซอยล์รับรองพวกเขาว่าเป็นกลุ่มนักรบที่ช่วยไว้ละสิ แหมเป็นแผนที่คิดง่ายทำง่ายดีแฮะ แต่ได้ผลด้วยนะ

"จากตรงนี้ถึงโคลเทคพันกว่ากิโลเมตร ระหว่างทางรับรองว่าได้เจอพวกซอมบี้พอทั้งชีวิตเลยนั่นแหละ แน่ใจหรือที่จะเสี่ยงไปส่งพวกฉัน" ซอยล์กวาดตามองกลุ่มคนทั้งยี่สิบเก้าคนนั้น นับว่าจำนวนมากจนหนักใจมากกว่าอุ่นใจ

"จริงสิฉัน ดังเคิล" เขายื่นมือให้ซอยล์ "โลกนี้อยู่ตรงไหนก็เสี่ยงทั้งนั้นนั่นแหละ"

ชายหนุ่มตาสีเหล้าองุ่นมองมือนั้นนิ่งๆ ครู่หนึ่งแล้วยื่นมือไปจับ "ซอยล์ ทางนี้ไอแลนด์กับคริสเตน" แล้วใช้ขาสะกิดไม่เบานักที่หลังคนยังนั่งเล่น (จริงๆหมดแรงต่างหาก) ที่พื้นไปเสียครั้ง "เจ้าขี้ริ้วนี่จินต์"

"บอกเฉยๆ ไม่ต้องเพิ่มระบบสัมผัสด้วยไม่ได้หรือไง นายถั่วเหลือง" มั่นใจว่ากลางหลังมีรูปรอยเท้าพ่อคุณติดอยู่แน่นอน

"ใครถั่วเหลือง?" แผ่จิตสังหารไม่สมเป็นนักวิจัยสักนิดใส่ด้วยแน่ะ

"ก็ Soy ไม่ใช่หรือ" ถามด้วยสีหน้าใสซื่ออย่างเสแสร้งที่สุด

เท้ามาก่อนเลยให้หนอนหนังสือหลบแวบ "Soil เว้ย!" แยกเขี้ยวสีมุกสวยใส่ให้อีกนิด เพิ่มความหล่อได้หลายระดับ อู้ ไม่หลงครับ ไม่หลงเด็ดๆ

เห็นดังเคิลถอนใจเฮือกคาดว่าคงรับไม่ได้กับการโดนเมิน "ซอยล์หรือครับ รู้สึกว่าผมเคยได้ยินชื่อนี้มาก่อนนะ"

"คนที่คิดค้นวัคซีนรักษาผู้ติดเชื้อซอมบี้ระดับที่หนึ่งได้ไงล่ะ แล้วยังยาเพิ่มทักษะต่อสู้ ยาเพิ่มภูมิต้านทานพิษกัดกร่อน ยาเพิ่มความแข็งแกร่งของกล้ามเนื้อ ยาละลายพิษในพื้นดินทำให้สามารถเพาะปลูกพื้นได้อีกครั้ง รวมทั้งละลายพิษในน้ำด้วย แล้วยังสร้างพืชพิเศษฟอกอากาศพิษให้บริสุทธิ์ได้อีกอย่างด้วย" คำบรรยายสรรพคุณ เอ๊ย บรรยายตัวตนพ่อคุณมาจากปากสาวน้อยผมทองผู้เป็นที่รักของนักรบกลุ่มใหญ่ "หรือเขาก็คือ ดร. ซอยล์ ไดเจส นั่นเอง" พูดจบแล้วโปรยยิ้มหวาน ไม่แค่เหล่านักรบที่เธอตกมาแม้แต่ผู้คุ้มกันสองคนของซอยล์เองก็เคลิ้มไปไกล

"น่ารักขนาดนี้ สุดๆ ไปเลยแฮะ" จินตกชยอมรับว่าเธอดูดีมาก ก่อนรู้สึกสันหลังเย็นอย่างประหลาด

คุณถั่วเหลืองเขม่นฉันทำไมมิทราบ คิดจะเก็บเจ้าหล่อนเข้าฮาเร็มหลังจากนี้ก็ตามสะดวกเถอะ ฉันไม่เข้าไปแย่งหรอกน่า

"แต่ว่าตัวจริงหรือนี่ ดูดีไร้ที่ติอะไรอย่างนี้"

"นึกว่าพวกนายแบบที่ยังเหลืออยู่ในโลกนี้เสียอีก"

"ท่าทางเขาไม่เห็นเหมือนนักวิทยาศาสตร์เลยนะ เหมือนพวกราชามากกว่า"

เสียงซุบซิบเผ็ดร้อนแบบไม่เบาสักนิดดังเข้าหูสี่คนทางนี้เต็มๆ ซอยล์มีสีหน้าเย็นเหยียบมากขึ้นไปอีก คาดว่าเขาคงเบื่อไม่น้อยกับการที่มีคนมองเขาด้วยสายตาประกายราวเจอสมบัติที่ต้องคว้ามาให้ได้ไม่ว่าต้องใช้วิธีไหนแบบนั้น

โรซเดินมาหาทั้งสี่ "ให้เราได้ช่วยคุณเป็นการขอโทษเถอะนะคะ ดร.ซอยล์" เธอช้อนสายตาวิงวอนใส่ชายหนุ่มโดยตรง

พลังทำลายล้างสติขั้นแม็กซ์เลยนี่หว่า

จินตกชเห็นแสงออร่าสีทองแผ่ออกมาปกคลุมคนทั้งสองตัดขาดทุกสิ่งในโลกออกไป คาดว่านั่นแหละทักษะโฉมงามดึงดูดผู้ปกป้อง

ซอยล์ยืนนิ่งไปอึดใจหนึ่ง "งั้นก็รบกวนด้วย" น้ำเสียงอ่อนลงเยอะแต่ยังคงมีความเย่อหยิ่งแฝงอยู่

สาวเจ้ายิ้มอย่างงดงามแล้วหันไปหากลุ่มคนของตน "ทุกคนขึ้นรถค่ะ เราจะไปส่งดร.ซอยล์ที่โคลเทคกัน"

ถึงบอกว่าไปส่งแต่ที่จริงคือใช้โอกาสนี้เข้าไปอาศัยในโคลเทคนั่นเอง แต่กับคนโลกนี้มันจำเป็นแหละนะ

จินตกชมองโรซที่เวลานี้จับแขนซอยล์ดึงให้ไปขึ้นรถคันเดียวกับเธอ ซึ่งได้รับการต้อนรับจากสมาชิกทุกคนอย่างดี ส่วนไอแลนด์กับคริสเตนไปนั่งเบียดบนรถบรรทุกขนาดเล็ก

"นายอยากนั่งตรงไหนล่ะ?"

ไม่รู้ว่านี่ดังเคิลกำลังกวนบาทาอยู่หรือเปล่า เล่นผายมือไปยังหลังคารถแล้วเลื่อนไปยังที่วางของท้ายรถซึ่งเหลือที่ให้นั่งห้อยเท้าได้หนึ่งคน แล้วแถมท้ายที่บันไดสามขั้นเกาะท้ายยานพาหนะขนของอีกคันหนึ่ง

"เฮ้ย นี่หาเรื่องใช่ไหม" ถ้าไม่หมดแรงอยู่พ่อจะฟาดด้วยท่อนเหล็กให้ลืมหน้าเก่าไปเลย

"ก็ที่ในรถมันเต็มแล้ว อัดเข้าไปอีกคงไม่ไหว หรือนายอยากนั่งกระโปรงรถไปล่ะ" ชี้ไปยังรถบรรทุกเล็ก

จินตกชโคลงหัวแล้วเดินไปกระโดดขึ้นนั่งยังที่วางของ "ขอปืนกระบอกหนึ่งด้วย" จบคำปืนยาวกระบอกหนึ่งส่งให้ถึงมือทันที

"อย่าใช้กระสุนเปลืองนักล่ะ" กระสุนอีกหนึ่งกล่องส่งตามไปด้วย

คิดให้ฉันเป็นคนระวังหลังนี่หว่า แต่เอาเถอะ แบบนี้ภารกิจคงจบเร็วขึ้น

ขบวนยานพาหนะซึ่งมีถึงแปดคันแต่ไม่มีที่ให้จินตกชนั่งซะงั้นออกเดินทางอีกครั้ง โดยวกกลับไปทางที่ซอยล์พาเดินทางมา ทั้งที่ยานพาหนะแล่นเร็วมากแต่คนขี้ริ้วยังนั่งได้มั่นคงเหมือนนั่งเล่นบนเก้าอี้ในสวนอย่างไรอย่างนั้น

ดังเคิลเหลือบมองกระจกหลังหลายครั้งจนคนขับหัวเราะเบาๆ "สนใจเจ้านั่นมากเลยนะ เก่งขนาดนายยอมรับเลยหรือ"

"เก่งแบบพวกนายสิบคนรวมกันยังเทียบไม่ได้"

"ระดับ S หรือ?" เจ้าคนขับรถหันกลับไปมอง

"ขับรถอยู่มองข้างหน้าสิเว้ย ไอ้นี่!" ดังเคิลจับหัวให้หันกลับมา

ที่เจ้าคนขับยานพาหนะคันนี้ถามเพราะดังเคิลเปลี่ยนมานั่งอีกคันซึ่งคันนี้แหละที่จินตกชนั่งอยู่ที่วางของท้ายรถ แน่นอนว่านอกตัวรถ และนี่ก็เป็นหนึ่งในเจ็ดคันที่ไม่เห็นวีรกรรมคนหน้าขี้ริ้ว

ระดับ S สองคน A ห้าคน นอกนั้น B และก็คนจากนอกนิยาย คงรับภารกิจเดียวกันแน่เลย ดูจากท่าทางแม่คุณตอนพุ่งเข้าใส่นายถั่วเหลืองสิ

จินต์กวาดตามองไปทั่ว ใช่ว่าเขาระวังหลังให้หรอกนะ แค่กำลังชมทัศนียภาพของโลกในนิยายในธีมสิ้นโลกอยู่ต่างหาก ไกลๆ เห็นฝุ่นฟุ้งเหมือนการเคลื่อนพลของอะไรสักอย่าง ซึ่งในโลกแบบนี้มันจะเป็นอะไรได้ถ้าไม่ใช่ซอมบี้อยู่ไกลๆ ทว่าไม่ได้ใกล้เข้ามาคาดว่าคงไปทางอื่น ถึงไม่บอกคนในรถให้ระวังอะไร

ต่อให้ยานพาหนะสามารถทำความเร็วไปสองร้อยแปดสิบกิโลเมตรต่อชั่วโมงก็ไม่ได้ช่วยให้เดินทางได้เร็วอะไรนัก ในเมื่อทางสัญจรเต็มไปด้วยสิ่งกีดขวางเล็กใหญ่ มีตั้งแต่ซากยานพาหนะขนาดเล็กแบบคนเดียวยกไหวไปถึงพวกน้ำหนักร้อยกว่าตัน แล้วยังมีซอมบี้พุ่งเข้าใส่ได้ทุกเวลา การเคลื่อนไหวของพวกซอมบี้ไม่มีแบบแผนก็จริง เจอเมื่อไหร่แยกเขี้ยวพุ่งใส่เมื่อนั้น ทว่านี่แหละสุดอันตราย

แค่ชั่วโมงเดียวจินตกชก็ยิงจนกระสุนหมด ครั้นเคาะกระจกหลังให้คนด้านในส่งกระสุนมาอีกกลับได้รับการส่ายหน้า

"นายใช้เปลืองเกินไป ไม่จำเป็นต้องยิงทุกตนที่พุ่งเข้ามา" คนขับยานพาหนะคันนี้บอกเสียงเข้ม

"ถ้านายมีสามารถแบบไม่ต้องยิงทุกตนอย่างนั้นมาเปลี่ยนกันไหม เดี๋ยวขับให้ ฉันขับรถเป็น" จินตกชพูดอย่างไม่พอใจ มืออีกข้างแกว่งปืนไร้กระสุนแบบพร้อมโยนของไร้ประโยชน์ทิ้ง

ดังเคิลส่งกล่องใส่กระสุนผ่านหน้าต่างด้านหลังให้ "ใช้ประหยัดด้วย มันเหลือแค่ไม่กี่กล่องแล้ว"

"ที่จริงแล้วไม่ต้องให้ฉันมายุ่งยากระวังหลังก็ได้ไม่ใช่หรือ ตัวถังรถแข็งขนาดนี้โดนกัดโดนชนบ้างไม่เสียหายหรอกน่า" รับกล่องใส่กระสุนมาแล้วเอาพานท้ายปืนเคาะรถเบาๆ หลายครั้ง

"ไม่มีคนระวังหลังไม่ได้หรอก เวลาพวกซอมบี้กรูเข้ามาเป็นสิบเป็นร้อยทำให้รถพลิกคว่ำได้ง่ายๆ ฉะนั้นคนระวังหลังจึงสำคัญที่สุด"

จินตกชพยักหน้าแล้วยิ้มกว้างหลอนสายตาผู้คน "ว่าแต่คนล่าสุดที่ระวังท้ายให้กลายเป็นตัวช่วยให้พวกนายหนีมาถึงตอนนี้ได้กี่ชั่วโมงที่ผ่านมาแล้วล่ะ?"

ทิ้งคนหนึ่งให้เป็นเหยื่อล่อแล้วพวกตนก็เปิดตูดแน่ว นิสัยสมเป็นคนในโลกที่ล่มสลายชะมัด

เจ้าคนขับยานพาหนะหลุดหัวเราะพรืดใหญ่ "ฉลาดนะ แต่ทำไงได้หากไม่มีตัวล่อคนเยอะขนาดนี้ไปไม่ถึงโคลเทคแน่นอน"

"นายหมายความว่าที่จริงแล้วมีเป้าหมายไปโคลเทคแต่แรกแล้วงั้นหรือ"

ทั้งสองไม่ปฏิเสธ ดังเคิลแค่ยักไหล่ "เขตปลอดภัยที่ดีที่สุดในโลกคือโคลเทค ไม่ว่าใครก็ต้องการเดินทางไปอยู่ที่นั่นทั้งนั้น คุณโรซเองก็ต้องการไปแต่แรกแล้ว"

"เพราะงั้นถึงถือโอกาสตามน้ำคุ้มครองซอยล์เสียเลย" จินตกชอ่านความคิดพวกนี้ออกแต่แรกแล้ว เขาโคลงหัวหลบกรงเล็บซอมบี้ตนหนึ่งที่วิ่งสวนขบวนมาทันลงมือได้ที่คันสุดท้ายพอดี

เจ้าซอมบี้กระโจนตามมายื่นมืออันเต็มไปด้วยกรงเล็บมาตรงหน้าจินตกช คนหน้าขี้ริ้วยิ้มแฉ่งพลางส่งมือไปตีมือนั้นเสียครั้ง

"กลับไปตัดเล็บก่อนแล้วฉันจะยอมจับมือด้วย" จากนั้นตามด้วยปากกระบอกปืนตบใส่กระเด็นไปไกลลิบเลย

ระหว่านั้นยังมีหลุดมาจู่โจมอีกหลายตนและจินตกชก็แค่ตบด้วยปืนเสียเป็นส่วนใหญ่ ยิงใส่ไปอีกแค่สี่ครั้งจนหลุดมาไกลและมาหยุดที่สิ่งเกะกะขวางทางขนาดใหญ่ นั่นคือยานพาหนะขนาดใหญ่ห้าคันถูกระเบิดขวางทาง ควันไฟยังหลงเหลือเล็กน้อย

"นี่มันยังกับเพิ่งถูกระเบิดเลยนะ" คนในยานพาหนะคันหน้าสุดลงไปดู

"ฝีมือคนที่ไม่ต้องการให้ซอยล์กลับไปได้ล่ะสิ" จินตกชพูดกับตนเองเสียงเบา แถวนี้ไม่มีร่องรอยปะทะกัน มีแค่ซากรถระเบิดขวางทาง คาดว่าคงเกิดขึ้นหลังกลุ่มของซอยล์โดนซอมบี้ไล่ไปแล้ว

"คงต้องอ้อมไปอีกทาง แย่เป็นบ้าแบบนี้เชื้อเพลิงจะพอหรือ" ดังเคิลกางแผนที่ดู หัวคิ้วมุ่นท่าทางหนักใจไม่มีปิดบัง

"พอหรือไม่ก็ต้องอ้อมอยู่ดี บ่นทำไมขึ้นรถแล้วเดินทางให้ไวดีกว่าไหม" จินตกชไม่สนว่าคนพวกนี้กังวลแค่ไหน เพราะถ้าให้เร็วจริงและประหยัดเชื้อเพลิงคือ ทิ้งอะไรที่ไม่จำเป็นให้หมด เอาแค่คนกับรถยานพาหนะสักสามคัน แล้วเอาเชื้อเพลิงคันอื่นมาสำรองแค่นี้ก็ทำให้ไปได้อีกไกลแล้ว ทว่ามองดูแล้วคนพวกนี้คงไม่ยอมนั่งเบียดกันแบบปลากระป๋องแน่ในเมื่อนั่งสบายเสียเคย ซ้ำโรซนั่งเพียงคนเดียวบนเบาะสามคนนั่งเสียด้วย รอบตัวมีทั้งเสื้อผ้าของใช้ของประดับ น้ำ ขนมขบเคี้ยวซึ่งไม่รู้ไปหามาจากไหน ท่าทางราวเจ้าหล่อนออกมาทัศนะศึกษากับเพื่อนๆ อย่างไรอย่างนั้น

แต่ตอนนี้มีซอยล์ไปนั่งด้วยอีกคน ของเกะกะทั้งหลายเลยไปอยู่บนบนเก้าอี้ด้านหลังซึ่งยังว่างอยู่อีกสองที่ เก็บไว้ให้ใครไม่รู้ รู้แค่จินต์ไม่มีสิทธิ์เข้าไปนั่งละกัน

ผลของการอ้อมทำให้ขบวนพาหนะมาติดแหง็กอยู่บนสะพานขาดในช่วงเวลาเกือบค่ำ พวกเขาจึงตัดสินใจขับย้อนกลับไปเล็กน้อยหาที่พักค้างคืน ในหมู่บ้านร้าง ถึงบอกหมู่บ้านร้างแต่มันก็มีสภาพไม่ต่างจากกองเศษซากหักพังที่พอลากมาใช้เป็นกำบังได้บ้างเท่านั้นเอง

การจัดเวรยามกะแรกคือคนของโรซทั้งหมดสี่คน กะสองคนของซอยล์สามคนของโรซหนึ่งคน หัวค่ำพวกเขาล้อมวงกินอาหารรอบกองไฟ สาวน้อยผมทองเกาะติดดร.หนุ่มแบบเงาตามตัวเลยก็ว่าได้ ซ้ำยังเอาอกเอาใจสารพัดจนน่าหมั่นไส้

"ถ้าไม่ติดว่าเป็นคนของโคลเทคฉันจะทิ้งไว้ที่นี่แหละ" สองสามคนที่นั่งห่างออกไปจ้องทั้งสองอย่างอิจฉา

"ตลกน่า ต่อให้ไม่ใช่คนของโคลเทคแต่นั่นคือดร.ซอยล์เลยนะเว้ย ขืนทิ้งก็โง่เกินเยียวยาแล้วล่ะ" เจ้าคนที่นั่งอยู่ในกลุ่มส่ายหน้า

"อิจฉาก็ให้ถูกคนหน่อย ขืนทำอะไรเขาเข้านายนั่นแหละจะโดนทิ้งไว้ที่นี่" ถึงไม่ชอบใจแต่เจ้าคนนี้ก็รู้ว่าอะไรควรไม่ควร

ขณะที่หนุ่มสาวกินมื้อค่ำกันอย่างสบายใจ คนขี้ริ้วก็ต้องมานั่งกินผักกาดแก้วหนึ่งต้นกับชีสก้อนเท่าหัวแม่มือหนึ่งก้อน ซึ่งแค่นี้มันพอยาไส้ที่ไหน

"ทำไมมันน้อยนิดอย่างนี้" ไม่อยากบ่นแต่มองพวกนั่งรอบกองไฟถือขนมปังก้อนใหญ่กินกับเนื้อกระป๋อง แล้วยังมีผลไม้กับเครื่องดื่มอีกต่างหาก ทว่าทำไมแต่ละคนจ้องผักกาดต้นนี้จังฟะ

"อย่าบ่นไปเลยน่า ปกติผักสดหากินยากจะตายและที่นายกินก็ไม่ใช่ผักธรรมดาทั่วไปด้วย" ดังเคิลเดินมาตรงนี้เมื่อไหร่ไม่รู้ เจ้าตัวจ้องผักหนึ่งต้นที่จินตกชกำลังแทะเป็นหนอนน้อยตัวหนึ่งอย่างสนใจ

"ไม่ธรรมดาตรงไหน กินยังไงก็ผักกาด" ถึงเขาชอบกินสลัด แต่ก็ไม่ได้กินทั้งต้นแบบนี้

"นั่นเป็นพืชที่ดร.ซอยล์เพราะพันธุ์ขึ้นมาใหม่ มันช่วยให้พลังจิตพลังกายฟื้นคืนได้อย่างรวดเร็ว หนึ่งต้นนั่นมีค่ายิ่งกว่ายานพาหนะสิบคันเสียอีก" ดังเคิลดูอยากได้สักใบจริงๆ จินตกชดึงส่งให้หนึ่งใบใหญ่อย่างใจกว้าง ดังเคิลไม่ปฏิเสธรับไปกินอย่างไว

จะว่าไปพ่อถั่วเหลือเดินเอามาให้เขาเองเลยนี่นา ในขณะที่ไม่มีใครมีผักกาดกินเลยแม้แต่ไอแลนด์กับคริสเตน

จินตกชจึงกลายร่างเป็นหนอนน้อยกินผักกาดต่อไปเงียบๆ จนหมด

ไม่เห็นพลังฟื้นคืนเท่าไหร่เลยแฮะ หรือเพราะนี่เป็นร่างตัวประกอบกันหว่า

จินตกชเข้าใจดีว่าซอยล์ให้ผักฟื้นพลังมาใช่ว่าพิศวาสเขา แค่ต้องการให้พลังของเขาฟื้นคืนมากๆ เพื่อรับมือพวกซอมบี้หลังจากนี้เท่านั้นเอง แต่ทำไมจงใจให้เขาคนเดียว คิดว่าคงเหลือแค่ต้นเดียวนี้แล้วนั่นแหละ

"จริงสิดังเคิล นายได้เก็บหินผลึกจากหัวซอมบี้มาบ้างหรือเปล่า เชือดไปเยอะขนาดนั้นน่าจะมีเป็นร้อยนะ"

"มีเวลาเก็บที่ไหนเล่า" ดังเคิลพูดจริง ไม่พูดถึงเขาก็ไม่เสียดายหรอก แต่พอจินตกชพูดถึงดังเคิลก็สบถเบาๆ "แบบนี้ใครมาเจอคงเก็บเพลิน น่าโมโหเว้ย"

"อย่ามัวแต่หัวเสียเลยน่า กินเสร็จแล้วก็เดินยามได้แล้ว" จินตกชผายมือออกไปข้างตัว แน่นอนว่าเดี๋ยวเขาก็หาที่นอนพักแล้ว แค่วันแรกก็เหนื่อยแทบขาดใจ ได้แต่คิดว่าคืนนี้คงไม่ต้องลุกขึ้นมาออกแรงกลางดึกเพิ่มนะ

ข้างกองไฟโรซผู้ถูกห้อมล้อมด้วยผู้หลงเสน่ห์ทั้งหลายชวนซอยล์คุยท่าทางราวรู้จักสนิทสนมกันมานานปี ภาพบาดตานั้นทำหนุ่มๆ นักรบไม่พอใจมากมายทว่าไม่มีใครกล้าบ่นต่อหน้าโรซสักคน

"ทรัพยากรที่คุณซอยล์ออกมาตามหาเป็นแบบไหนหรือคะ ฉันขอดูหน่อยได้ไหม?" สาวเจ้าช้อนสายตาอ่อนหวานใส่ชายหนุ่ม

ซอยล์พยักหน้าไปที่กล่องโลหะใบหนึ่งบนยานพาหนะ "อยู่ในกล่องนั้น มันเป็นแค่ผลึกรูปร่างคล้ายเฟิร์นต้นเล็กๆ ค่อนข้างเปราะบาง"

นอกจากโรซชายหญิงหลายคนที่นั่งอยู่ใกล้ต่างสนใจไม่น้อยเช่นกัน ซอยล์เลยให้คริสเตนเอาลงมาเปิดให้ดู

"น่ารักจังเลย!" โรซยื่นมือเข้าไปใกล้ก่อนโดนซอยล์ห้ามไว้

"ไม่ได้ครับ ถ้าไปแตะมันอาจแตกสลายได้ แล้วคุณสมบัติของมันจะสลายไปทั้งหมดครับ" ชายหนุ่มบรรจงปิดกล่องอย่างใส่ใจ

ถึงกลับเอามาให้ดู บางทีทักษะโฉมงามอ่อนแอคงมีผลกับพระเอกบ้างแน่ๆ

จินตกชส่ายหน้าดิกขณะใช้เสื้อกวาดพื้นที่เล็กน้อยให้พอนอนแล้วไม่เจ็บเนื้อหนังมากนัก ครั้นแนบหูลงพื้นแบบตั้งใจจะหลับพักให้ได้ในสิบวินาทีต้องลุกพรวดขึ้นจากพื้นแล้วพุ่งเข้าไปกดหัวซอยล์ลงติดพื้นโดยใช้มือข้างหนึ่งรองคางเขาไม่ให้กระแทกพื้น

โครม!!

เงาร่างรูปแบบมนุษย์ลอยข้ามหัวไปรวดเร็วแบบมองไม่ทันแต่ก็ตวัดปรอยผมคนทั้งสองขาดไปไม่น้อย ก่อนไปลงพื้นไกลลิบ แล้วไถลชนเศษซากระเกะระกะให้พังถล่มลงมาจนฝุ่นควันฟุ้ง

"อะไรน่ะ!?"

"เกิดอะไรขึ้นเนี่ย?"

แต่ละคนที่นั่งล้อมรอบกองไฟยังไม่รู้ด้วยซ้ำว่าเกิดอะไรขึ้น ต่างจับจ้องไปยังจุดที่เงาร่างนั้นผ่านแวบไปลง เสียงคำรามน่าสยดสยองดังสนั่น พลังเสียงพัดฝุ่นควันสลายหายไป ทำให้เห็นร่างนั้นจับด้วยแสงจากกองไฟและดวงจันทร์เต็มดวงชัดถนัดตา

"ฉิบเป๋ง ไอ้ราชาซอมบี้ขี้ตื้อ!"