บทที่ 39 สงครามชี้ขาดแห่งหนานเสวียน (2)
นี่เป็นการปลุกระดมลูกสมุนของตนให้ก่อกบฏต่อหน้าต่อตาชัดๆ หลูอวี้ย่อมไม่ปล่อยให้เขาได้พูดต่อ
"พูดจาส่งเดช!" หลูอวี้ตะโกนอย่างเกรี้ยวกราด "หุบปากเน่าๆ ไปซะ วันนี้เป็นวันตายของเจ้า!"
"ดี! วันนี้เจ้ากับข้ารู้ดำรู้แดงกัน!" ทันใดนั้นหยางชิ่งควบอาชามังกรพุ่งออกมาลำพัง แล้วหยุดอยู่ตรงกึ่งกลางสนามรบระหว่างทั้งสองฝ่าย ดอกบัวสีเขียวเรืองแสงเบ่งบานออกมาห้ากลีบตรงหว่างคิ้วเขาชี้ทวนไปที่หลูอวี้ "ไอ้เศษสวะ อย่าให้พี่น้องคนอื่นต้องเดือดร้อนไปด้วยเลย กล้าสู้ตัวต่อตัวกับข้ามั้ยล่ะ!"
เหมียวอี้พบว่าหยางชิ่งคนนี้กล้าหาญมาก เขาต้องการประลองกับหลูอวี้จริงๆ ราวกับว่าการล้มหลูอวี้เป็นเรื่องที่ง่ายมาก ทำให้ทหารฝั่งเขามีกำลังใจฮึกเหิมขึ้นทันที
สำหรับการต่อสู้กันแบบนี้ ในสถานการณ์ปกติแม่ทัพหลักจะไม่ออกรบเป็นกองหน้า จะพยายามลดการใช้พลังอิทธิฤทธิ์ ไม่เช่นนั้นหากมีคนฉวยโอกาสก่อกบฏตอนพลังอิทธิฤทธิ์แม่ทัพใช้งานไม่ได้ นั่นคงไม่ใช่เรื่องล้อเล่นแล้ว
หลูอวี้มีกำลังคนมากมาย รวมๆ แล้วมากกว่าหนึ่งเท่า เขาได้เปรียบกว่าอยู่แล้ว ย่อมไม่ต้องการประลองเดี่ยวกับหยางชิ่งเป็นธรรมดา ให้ลูกสมุนทะลักเข้ามาเป็นกลุ่ม ทำลายกองทัพปีกซ้ายและขวาของหยางชิ่ง จากนั้นก็ล้อมโจมตี ถึงจะเป็นวิธีการที่ทำให้มั่นใจได้
แต่เขานึกไม่ถึงว่าหยางชิ่งจะท้าประลองเดี่ยวต่อหน้าคนมากมายเช่นนี้ เนื่องจากวรยุทธ์ของหลูอวี้สูงกว่าหยางชิ่งหนึ่งขั้น
สายตาสมุนทุกคนของฝ่ายหลู่อวี้แทบจะมารวมอยู่ที่ตัวเขาในทันที ดูว่าเขาจะกล้ารับคำท้าหรือไม่
สงเซียวและพรรคพวกทางฝ่ายเขาเส้าไท่เหมือนจะปรึกษากันดีแล้ว ประมุขถ้ำแต่ละสายชูมือขึ้นโหร้องทันที "ท่านประมุขขุนเขาน่าเกรงขาม หลูอวี้คนถ่อยกล้ารับคำท้ามั้ย! ท่านประมุขขุนเขาน่าเกรงขาม หลูอวี้คนถ่อยกล้ารับคำท้ามั้ย..."
แม้แต่เหมียวอี้และคนอื่นๆ ก็ตะโกนตามขึ้นมา ตะโกนเสียงดังซ้ำๆ สนั่นไปทั่วทิศ ปลุกขวัญกำลังใจนักรบเป็นอย่างดี
ในทางกลับกัน พวกสมุนฝั่งหลูอวี้เงียบกริบ กำลังพากันมองว่าหลูอวี้จะกล้ารับคำท้าหรือไม่
หลูอวี้สงสัยอยู่รางๆ ว่าฝ่ายนั้นจะขี้โกงหรือเปล่า?
หยางชิ่งโบกทวนชี้อีกครั้ง ตะโกนเกรี้ยวกราด "ทำเป็นแต่ส่งพวกลูกสมุนมาตายสินะ? ไอ้ถ่อยขี้ขลาด! กล้าสู้ให้ตายกันไปข้างมั้ยล่ะ!"
สักพักหลูอวี้ก็จนมุม หากวันนี้ไม่รับคำท้าสู้ ต่อไปคงหมดสิ้นศักดิ์ศรีต่อหน้าลูกสมุน
หากเป็นผู้ที่วรยุทธ์สูงกว่าตน ยังพอจะหลบเลี่ยงได้ ไม่ถือว่าเสียหน้า แต่เจอกับคนที่วรยุทธ์ต่ำกว่าตน ซ้ำยังเป็นลูกสมุนกบฏที่กำลังชี้หน้าด่าตน หากไม่โต้ตอบสักหน่อยก็คงโดนหัวเราะเยาะ
หากลูกสมุนพากันนึกว่าตนเป็นกระถางดอกไม้ที่สวยแต่เปลือกนอก เขากลัวต่อไปทุกคนจะกล้าเอาเยี่ยงอย่างหยางชิ่ง จะก่อปัญหาตามมาไม่จบสิ้น
"ตายซะเถอะ!"
หลูอวี้ตะโกนอย่างเกรี้ยวกราด ดอกบัวสีเขียวเรืองแสงเบ่งบานออกมาหกกลีบตรงหว่างคิ้วเขา อาชามังกรที่ขี่อยู่พาเขาวิ่งออกมาราวกับลมพัด
ด้วยความเร็วของอาชามังกร ในระยะห่างสั้นๆ ไม่กี่ร้อยเมตร เพียงชั่วพริบตาเดียว ง้าวกรีดนภาในมือหลูอวี้ฟันเข้ามาด้วยความโมโห
ทวนเงินที่หยางชิ่งโบกขึ้นมากระพริบแสงสีเขียว ค่อยๆ เลือนรางเปลี่ยนออกมาเป็นภาพมายาของวัวตัวหนึ่ง ชนเข้ากับง้าวกรีดนภาที่ฟันเข้ามา
ปั้ง!
เสียงดังสนั่น พลังอิทธิฤทธิ์สั่นสะเทือน เศษหินเศษหญ้าปลิวกระจาย หลูอวี้ที่จู่โจมเข้ามาต้องฝืน หยุด อาชามังกรของทั้งคู่ร้องลากเสียงยาว พวกมันทนไม่ไหวเล็กน้อย เคราะห์ดีที่พวกมันมีพลังอิทธิฤทธิ์ของเจ้าของคอยป้องกันอยู่
ถ้าเป็นม้าธรรมดาทั่วไป เมื่อรับกับแรงกดดันแบบนี้ อย่างน้อยก็ต้องขาหักสี่ข้าง แต่สำหรับอาชามังกรที่สามารถวิ่งได้เหมือนสายฟ้าแลบแล้ว มันมีพลังเท้าที่แข็งแกร่ง และด้วยเหตุนี้มันจึงเป็นม้าพันธุ์ดีที่นักพรตชื่นชอบ
"ที่แท้ก็ยาปีศาจขั้นสอง มิน่าถึงกล้ากำเริบเสิบสาน!"
หลูอวี้เหยียดหยาม ง้าวกรีดนภาในมือเขาก็มีแสงสีเขียวลอยขึ้นมาเช่นเดียวกัน เป็นภาพมายาของหมีตัวหนึ่ง แล้วใช้ง้าวซัดออกไป
ไหล่ทั้งคู่ของหยางชิ่งสั่นสะท้าน หัวสัตว์ที่อยู่บนไหล่ซ้ายขวาของเสื้อเกราะก็มีชีวิตขึ้นมาทันที ขยายใหญ่ขึ้นในทันทีทันใด กลายเป็นหมอกสีเงินสองกลุ่ม กลายเป็นเส้นสีเงินแล้วจับตัวกันเป็นสัตว์ดุร้ายสองตัวอย่างรวดเร็ว
เสือโคร่งหนึ่งตัวกับเสือดาวหนึ่งตัว ท่อนบนใหญ่ ท่อนล่างเล็ก เหมือนทะลุออกมาจากไหล่หยางชิ่งเพียงชั่วพริบตา เหมือนนั่งอยู่บนหัวไหล่ของหยางชิ่ง พวกมันต่างก็เรืองแสงสีเขียวรางๆ
เสือโคร่งหนึ่งตัวกับเสือดาวหนึ่งตัว รวมทั้งทวนยาวเงามายาวัวในมือหยางชิ่ง ปั้ง! ทั้งหมดร่วมกันต้านการจู่โจมของหลูอวี้ไว้
หลูอวี้ตื่นตระหนก โบกง้าวกรีดนภาซ้ำแล้วซ้ำเล่าเพื่อต้านทาน ทั้งคู่ควบม้าวิ่งวนไล่กัน วนอ้อมสู้รบอย่างดุเดือด เศษหินเศษทรายปลิวว่อนราวกับลมพายุงวงช้าง พลังที่ออกมาน่าตกตะลึงมาก ร่างกายของมนุษย์ธรรมดาที่ไม่มีพลังอิทธิฤทธิ์ป้องกันอยู่ หากเข้าใกล้อาจจะโดนฉีกเป็นชิ้นๆ ได้
หยางชิ่งเหมือนกับมีสามหัวหกมือ เหมือนกับสามรุมหนึ่ง โจมตีจนหลูอวี้เหลือแค่พลังไว้ต่อต้าน ถอยหลังกลับซ้ำแล้วซ้ำเล่า
เป็นครั้งแรกที่เหมียวอี้ได้เห็นภาพที่น่าตื่นเต้นแบบนี้ เขารีบถ่ายทอดเสียงไปถามเหยียนซิวทันทีว่านี่มันเรื่องอะไรกัน
ผ่านการอธิบายจากเหยียนซิว เข้าถึงได้เข้าใจ ระดับของปีศาจไม่ได้แบ่งย่อยละเอียด วรยุทธ์ของปีศาจขั้นหนึ่งก็เกือบเท่าวรยุทธ์ของนักพรตบงกชขาวขั้นหนึ่ง วรยุทธ์ปีศาจขั้นสองก็เท่ากับนักพรตบงกชเขียว ส่วนขั้นสามเท่ากับนักพรตบงกชแดง เป็นต้น
และยาปีศาจก็แฝงไว้ด้วยวรยุทธ์จำนวนมากของพรตปีศาจ เป็นสิ่งที่บรรดาผู้ฝึกตนอยากจะได้มาก สามารถหลอมเป็นของวิเศษได้
นักพรตที่วรยุทธ์สูง สามารถใช้ของวิเศษประเภทนี้สังหารศัตรูได้ในระยะไกล!
แน่นอน เงื่อนไขอย่างแรกที่ต้องทำคือตัดหัวพรตปีศาจ ถึงจะได้ยาเน่ยตัน[1]ของมันมา
แต่ทว่าพรตปีศาจที่ถูกตัดหัวแล้ว วรยุทธ์ที่แฝงอยู่ในยาเน่ยตันของมัน แน่นอนว่ามีไม่เท่าตอนยังมีชีวิตอยู่ ระดับจะลดลงไปหนึ่งขั้นโดยปริยาย
เช่น ตัดหัวพรตปีศาจขั้นสามหนึ่งตน ยาเน่ยตันที่ได้มาก็ได้เท่ากับวรยุทธ์ขั้นสอง พอๆ กับระดับบงกชเขียวของนักพรต ของวิเศษที่หลอมได้ก็จะเรืองแสงสีเขียว
แต่ถ้าหากที่ตัดหัวมาได้เป็นพรตปีศาจขั้นหนึ่ง ถ้าอย่างนั้น ยาเน่ยตันของมันก็จะยังไม่ถึงขั้น ให้ผลไม่มาก เพราะใช้ประโยชน์อะไรไม่ได้เลยสำหรับนักพรตบงกชขาวขั้นหนึ่ง
เหมียวอี้เข้าใจในทันที มิน่าล่ะหลูอวี้ถึงบอกว่าหยางชิ่งได้ยาปีศาจขั้นสองมาแล้ว เห็นได้ชัดว่าทวนในมือของหยางชิ่งหลอมรวมยาปีศาจขั้นสองของปีศาจวัวไว้หนึ่งตัว หัวสัตว์บนหัวไหล่ซ้ายขวาของเสื้อเกราะก็หลอมรวมยาปีศาจขั้นสองของปีศาจเสือโคร่งและปีศาจเสือดาวไว้ ส่วนง้าวกรีดนภาในมือของหลูอวี้ก็หลอมรวมยาปีศาจขั้นสองของปีศาจหมีเอาไว้เช่นกัน
แต่หยางชิ่งกับหลูอวี้เดิมก็มีวรยุทธ์ระดับบงกชเขียวอยู่แล้ว สภาพการณ์ตอนนี้ก็เทียบได้กับการที่หยางชิ่งใช้นักพรตระดับบงกชเขียวสี่ตน โจมตีหลูอวี้สองคน
"น่าเสียดาย ถ้าหยางชิ่งมียาปีศาจขั้นสามหนึ่งเม็ด ต้องเอาชนะหลูอวี้ได้ภายในท่าเดียวแน่" เหมียวอี้ทำเสียงน่าเสียดาย
เหยียนซิวอดกลอกตามองบนไม่ได้ "น้องชาย ลำพังอาศัยวรยุทธ์ระดับบงกชเขียวของหยางชิ่ง แล้วได้ยาปีศาจขั้นสองมาก็ถือว่าไม่ง่ายแล้ว นั่นต้องตัดหัวปีศาจระดับบงกชแดงเลยนะ ข้าไม่คิดว่าเขามีความสามารถถึงขั้นตัดหัวปีศาจระดับบงกชแดงได้หรอก แล้วสามเม็ดที่อยู่ในมือเขา ยิ่งไม่ต้องพูดถึงเลย ไม่รู้จริงๆ ว่าเอามันมาได้ยังไง มิน่าล่ะถึงได้กล้าท้าทายหลูอวี้ ส่วนยาปีศาจขั้นสามนั่นน่ะ ก็หมายความว่าต้องตัดหัวปีศาจระดับบงกชม่วง วรยุทธ์ของทั้งสองฝ่ายห่างกันมาก ต่อให้หยางชิ่งร้อยคนรวมกัน ก็ฆ่าปีศาจระดับบงกชม่วงไม่ได้ เจ้าจะให้เขาไปหามาจากไหนล่ะ?"
ขณะที่ทั้งสองคนกำลังคุยกัน ทางด้านนั้นก็สู้รบกันอย่างดุเดือด
พอเห็นหลูอวี้ใกล้จะต่อต้านไม่ไหวแล้ว กลับได้ยินหลูอวี้ตะโกนด้วยความโกรธ "ยังไม่มาช่วยกันอีก มาฆ่าไอ้คนทรยศนี้ด้วยกันสิ!"
นอกจากหยางชิ่งคนทรยศ ประมุขขุนเขาอีกเก้าคนแห่งจวนหนานเสวียน ก็รีบบุกเข้ามาช่วยชีวิตทันที นักพรตกว่าพันคนเคลื่อนไหวตามคำสั่ง เสียงโห่ร้องเข่นฆ่าสนั่นฟ้า พุ่งเข้ามาอย่างรุนแรง
สงเซียวและพรรคพวกทางฝั่งนี้ รวมทั้งฉินเวยเวย พากันชูมือขึ้นโหร้อง "ฆ่ามัน!"
บนที่รกร้าง กลิ่นอายสังหารพุ่งขึ้นฟ้าทันที อาชามังกรของทั้งสองฝ่ายพุ่งเข้าใส่กันอย่างบ้าระห่ำราวกระแสน้ำ แม้แต่พื้นดินยังสะเทือน
เหมียวอี้โดนปลายทวนของฉินเวยเวยชี้จนพูดไม่ออก เห็นสายตานางแฝงความดุร้าย ก็รู้ว่าต้องทำตามที่พูดก่อนหน้านี้ คือให้ตนไปรบเป็นกองหน้า
ต่อให้เหมียวอี้จะไม่เข้าในสถานการณ์แต่เขาก็เข้าใจอยู่อย่างหนึ่ง ในสนามรบถ้าบังอาจไม่ฟังคำสั่ง ฉินเวยเวยก็จะหาข้ออ้างฆ่าตนทันที และหยางชิ่งก็ช่วยอะไรไม่ได้ด้วย
เขาจึงทำได้เพียงฝืนใจพุ่งนำหน้าออกจากขบวนถ้ำร้อยบุปผาไปก่อน
แต่ทว่า สิ่งที่ทำให้เขาประหลาดใจก็คือ เหยียนซิวที่เอาแต่หลบข้างหลังมาตลอด ไม่น่าเชื่อว่าจะตะโกน "ฆ่ามัน!" เสียงดัง แล้วถือขวานปากกว้างสองด้ามรีบพุ่งตามเขาออกมา เหมียวอี้อดหันมองซ้ำสองครั้งไม่ได้
…………………………
^1 เน่ยตัน ในลัทธิเต๋า คือยาที่หลอมรวมขึ้นจากจิงชี่เสิน (ของเหลว ลมปราณ และจิตวิญญาณ) ในร่างกาย