หลังจากที่คุณชายทั้งสองเดินกลับห้องของตัวเอง เพื่อไปจัดเตรียมข้าวของสำหรับเดินทางไปเมืองหลวง ตามคำสั่งของดยุคไมน์ฮาร์ท
เมื่อพ่อบ้านคิดว่าทั้งสองท่านน่าจะจัดของเสร็จแล้วสั่งให้สาวใช้ทั้งสองคนไปเรียนเชิญคุณชายทั้งสองให้มาที่ห้องหนังสือ
ณ ห้องหนังสือ
"พ่อบ้านอัลเบิร์ต เรียกพวกเรามาทำไม"วิลเฮล์มที่เดินเข้าห้องมาก่อนแล้วนั่งยังโต๊ะที่พ่อบ้านจัดไว้ ตามด้วยริเชเนียที่เดินมาทีหลัง
"ผมได้รับคำสั่งจากนายท่านไมน์ฮาร์ทให้กระผมติวเข้มท่านทั้งสองแะสอนทุกสิ่งทุกอย่างก่อนจะไปเมืองหลวงในวันพรุ่งนี้ครับ"อัลเบิร์ตกล่าวด้วยน้ำเสียงสุภาพเรียบนิ่ง
วิลเฮล์มกับริเชเนียที่ได้ยินคำว่าติวเข้มเริ่มรับรู้ลางร้ายที่กำลังจะเกิดกับพวกตนเอง จิตใจทั้งคู่แทบอยากจะวิ่งหนีออกจากห้องนี้ในทันที แต่ยังไม่ทันได้ลุกก็ได้ยินคำขู่เตือนของพ่อบ้านซะก่อน
"นายท่านได้เตือนมาว่าห้ามคิดจะโดดเรียนวันนี้เด็ดขาด และยิ่งถ้าสอบคัดเลือกไม่ผ่าน นายท่านจะมีบทลงโทษที่น่ากลัวสำหรับคุณชายทั้งสองท่านด้วยซึ่งท่านจะเป็นผู้จัดการเองนะครับ
บทลงโทษที่น่ากลัวสำหรับพวกวิลเฮล์มกับริเชเนียนั้น ไม่พ้นเรื่องคู่หมั้นกับการแต่งงาน
คนหนึ่งรักอิสระและความสนุกในชีวิตจึงยังไม่อยากแต่งงานตอนนี้ เพราะการผูกมัดทำให้เขาอึดอัดและขัดใจในการเดินทางเที่ยวเล่นผจญภัยของเขา คำสั่งเด็ดขาดนี้เขาคงต้องทำตามนั้นจนไม่อาจปฏิเสธได้
คนหนึ่งก็มีความรังเกียจและกลัวบรรดาเหล่าขุนนาง ไปออกงานกับคนในตระกูลโอทิสแค่ครั้งเดียว เขาก็สลบเป็นไข้ไปสามวันอย่างไร้สาเหตุ ถึงหมอจะบอกว่าเพราะความเครียดและกดดันมากเกินไป เขาก็ไม่ค่อยอยากเชื่อว่าเป็นสาเหตุนั้น
"กระผมถือว่าความเงียบคือการตอบรับแล้วกันนะครับ"พ่อบ้านอัลเบิร์ตพยักหน้าและยิ้มอย่างดีใจที่คุณชายทั้งสองไม่คิดหนีแล้ว
ใครมันจะไปกล้าปฏิเสธคำสั่งดยุค/พ่อแล้วหนีได้ล่ะ เล่นส่งคำเตือนข่มขู่กันซะขนาดนี้ สองคุณชายมีความคิดในใจตรงกันเป็นครั้งแรกโดยไม่รู้ตัว
สมัยเด็กก่อนที่ท่านจะหนีออกจากบ้านน่าจะเรียนประวัติศาสตร์ของประเทศนี้มาบ้างนะครับ
"ก็มีบ้างนะครับแต่ไม่ได้อ่านนานแล้ว"ริเชเนียชอบอ่านหนังสืออยู่แล้ว เพียงแค่ตอนหนีออกจากบ้านก็แทบไม่ได้แตะหนังสือสักเล่ม
"ส่วนฉันโดดเพราะมันน่าเบื่อ"วิลเฮล์มไม่ชอบเรียน ถ้าเป็นดาบหรือวิชาต่อสู้ เวทมนต์ต่างๆเขาจะพร้อมตั้งใจเรียนเลย
อะแฮ่ม พ่อบ้านอัลเบิร์ตกระแอมขัดจังหวะคุณชายนักโดดเรียนวิชาการเพื่อไม่ให้พูดเสียภาพพจน์ว่าที่ดยุคโอทิสในอนาคตไปมากกว่านี้
"ถ้างั้นกระผมจะเริ่มเล่าความเป็นมาของประเทศนี้เพื่อเป็นความรู้ประดับในการสอบคัดเลือกนะครับ"อัลเบิร์ตแอบเหน็บแนมเล็กน้อยก่อนจะเริ่มสอน
ก่อนที่ ณ ที่แห่งนี้จะเป็นก่อตั้งเป็นประเทศดั่งทุกวันนี้ แผ่นดินนี้เคยเป็นแค่เกาะร้างขนาดใหญ่ที่ไม่มีอะไรไปมากกว่า ต้นไม้ ภูเขา นานาพืชพันธุ์ และสัตว์ป่าหลากหลายชนิด มนุษย์ชนกลุ่มแรกที่มาตั้งหลักปักฐานเพื่ออยู่อาศัยคือราชวงศ์ ซึ่งราชาองค์แรกแห่งประเทศนี้คือ ท่านแอตลาส ด้วยพลังของท่านผู้นั้นสามารถจัดการจัดสรรที่อยู่ให้ผู้คนอย่างเท่าเทียมกัน มอบตำแหน่งขุนนางให้กับคนมีความสามารถเพื่อปกป้องประชาชนผู้อ่อนแอกว่า ยุคนั้นเป็นช่วงเมื่อ 500 ปีก่อน
เหล่าขุนนางใหญ่ที่ท่านแอทลาสแต่งตั้งมามีสี่คน เพื่อคอยปกป้องประเทศจากสิ่งต่างๆในน้ำที่จะขึ้นบกมาเพื่อทำการรุกรานผู้คน เพราะประเทศเราเป็นเกาะและล้อมรอบไปด้วยทะเล บางครั้งจะมีสัตว์ประหลาดใต้น้ำขึ้นมาบุกรุกยังที่ต่างๆ หรืออาจจะมีคนแผ่นดินอื่นเข้ามาบุกรุกโจมตีก็เป็นได้
ดังนั้นสี่ขุนนางใหญ่นั้นจึงได้รับการแบ่งอาณาเขตเพื่อดูแลจากท่านแอตลาส ได้แก่ ท่านเท็ดริกแห่งทิศเหนือ ท่านโอทิสแห่งทิศใต้ ท่านมอร์เกนแห่งทิศตะวันออก ท่านคอสโมแห่งทิศตะวันตก สุดท้ายท่านแอตลาสผู้เป็นศูนย์กลาง พวกท่านทั้งห้าจึงนำชื่อตัวเองตั้งเป็นชื่อเมืองและนามสกุลให้ลูกหลานได้ส่งต่อสืบทอดกันรุ่นต่อรุ่น กลยามาเป็นนามสกุลหรือต้นตระกูลของพวกท่านในตอนนี้
และดีที่ว่าหลังจาก 500 ปีที่ผ่านมานี้ยังไม่มีเหตุการณ์ใดรุนแรงถึงขั้นต้องออกรบ เป็นยุคที่สงบสุข แต่เราก็ยังต้องฝึกทั้งวิชาดาบและเวทมนต์เพื่อความไม่ประมาทจากสิ่งที่ไม่แน่นอนนี้ด้วยครับ
ริเชเนียทำเสียงหึภายในใจเบนสายตาและคิ้วขมวดไปทางอื่นหลังจากได้ฟังคำว่า'ยุคสงบสุข และไม่มีเหตุการณ์รุนแรง'
มันช่างสงบเสียจริงที่พ่อแม่ของเขาตายอย่างปริศนาเหมือนอุบัติเหตุเกวียนตกเหว แต่ตัวเขากลับรอดมาได้พร้อมเสียความทรงจำในตอนนั้นทั้งหมด มันทำให้เขาต้องทุกข์ทรมานกับความฝันแดงฉานที่ขาดๆ หายๆ จากความทรงจำ
ดูเหมือนพ่อบ้านอัลเบิร์ตจะจับสังเกตได้ว่า เขาอาจจะเผลอพูดไปสะกิดแผลใจของคุณชายบ้านเท็ดริกไป "กระผมขออภัยถ้าการสอนนี้กระทบจิตใจของคุณชายริเชเนียนะครับ"
ริเชเนียได้ยินคำขอโทษจากพ่อบ้านจึงหลุดจากภวังค์แห่งความเจ็บปวดแล้วหันมายิ้มให้กับอัลเบิร์ต"ผมไม่เป็นไรหรอกครับ เชิญสอนต่อได้เลยไม่ต้องใส่ใจผมมากก็ได้"
แม้ริเชเนียจะไม่ว่าอะไรกับเรื่องนั้น แต่อัลเบิร์ตรู้สึกผิดอยู่บ้าง แต่เมื่อหันไปเห็นว่านายน้อยว่าที่ดยุคนั้นสลบหลับคาโต๊ะเรียนไปแล้ว
"น่าจะยากหน่อยนะครับ เพราะนายน้อยวิลเฮล์มหลับไปก่อนแล้วหน้านี้แล้วครับ"อัลเบิร์ตถอนหายใจ เริ่มรู้สึกกังวลอนาคตของบ้านโอทิสซะแล้ว
"ไม่เป็นไรครับ ผมฟังต่อได้ ปล่อยวิลนอนไปเถอะครับ รายนั้นทำอะไรก็ผ่านอยู่แล้วล่ะ"ริเชเนียเองก็ชินกับพฤติกรรมนี้ของเจ้าเพื่อนสนิทตัวดีคนนี้ไปแล้ว อีกอย่างนั่งฟังเรื่องราวมันสนุกกว่านั่งอ่านคนเดียวเสียอีก
เมื่ออัลเบิร์ตเห็นว่าคุณชายสีหน้าดีขึ้นแล้ว เขาจึงเรียบเรียงเรื่องที่สอนที่กระทบต่อจิตใจคุณชายบ้านเท็ดริกให้น้อยที่สุด
"งั้นเอาเป็นเรื่องการสอบคัดเลือกองค์รักษ์ของเจ้าชายที่สองผู้เป็นพระอนุชาของพระราชาองค์ปัจจุบัน ซึ่งท่านเป็นผู้ร่างกฎการคัดเลือกเอง"ยังไม่ทันได้พูดต่อผู้ตั้งใจเรียนก็ยกมือถามขัดขึ้นมาซะก่อน
"ผมสงสัยอยู่นิดหน่อยนะ ทำไมพระอนุชาถึงยังดำรงตำแหน่งเป็นเจ้าชายอยู่ละ?"ปกติน่าจะได้ดำรงตำแหน่งดยุค หรือผู้สำเร็จราชการ มือขวาของพระราชาไรแบบนี้ไม่ใช่หรือ
"เคสของท่านผู้นั้น….คงเป็นกรณีที่พูดยากเสียหน่อยนะครับ เดี๋ยวท่านจะได้รู้เองเมื่อท่านผ่านการทดสอบแล้ว"อัลเบิร์ตจึงรีบเปลี่ยนเป็นหัวเรื่องอื่นแทนเรื่องนี้"กระผมจะบอกหัวข้อที่ต้องสอบนะครับ"
"ข้อแรกต้องเป็นทีมสองคนต้องมีคนถนัดการต่อสู้ด้วยดาบ และอีกคนต่อสู้ด้วยเวทมนต์ ข้อสองการสอบข้อเขียนนั้นแค่วัดความเท่านั้น แต่ถ้าคะแนนของคนใดคนหนึ่งผ่าน ถือว่าสอบผ่านครับ"
"เอ๋ มีแค่นี้เองเหรอครับ?" ริเชเนียอึ้งกับกฎการทดสอบที่ฟังดูเป็นเรื่องง่ายแปลกๆ จนมีลางสังหรณ์แปลกๆ
"ข้อสุดท้ายนั้น ทีมผู้ที่ผ่านทั้งสองจะต้องผ่านการทดสอบของเจ้าชายสองเองครับ ซึ่งไม่มีใครรู้ว่ามันเป็นการทดสอบแบบใด"อัลเบิร์ตเองก็จนใจที่จะบอกเพราะเขาก็ไม่ทราบลึกถึงข้อสุดท้ายนี้
"สรุปต้องผ่านสองข้อนั้นก่อนสินะถึงจะได้รู้ว่าข้อสามคืออะไร"เสียงพูดงัวเงียของเจ้าคนที่หลับตลอดนั้นดูท่าจะตื่นเพราะได้ยินกฎการสอบที่ฟังแล้วดูทั้งน่าสนใจและน่าสนุก มือเขาคว้าจับข้อมือริเชเนียทันที"พวกเราคู่กันไปสอบเถอะ"
"นายนี่มัน.....เอ่อ…. ก็ได้"ริเชเนียที่อยากปฏิเสธแต่พอเจอสีหน้าเหมือนลูกหมาออดอ้อน ทำเอาตัวเขาทั้งเอือมระอาและใจอ่อนกับท่าทีขอร้องเจ้าเพื่อนเจ้าเล่ห์คนนี้ทุกที
"ในเมื่อพวกท่านตกลงกันได้แล้วก็ลองไปฝึกซ้อมที่สวนหญ้าหรือโรงฝึกซ้อมไหมครับ"อัลเบิร์ตถามเพื่อจะได้ไปเตรียมสถานที่ให้คุณชายทั้งสอง และวางกำหนดการอื่นๆ เผื่อให้เวลาว่างทั้งสองได้พักผ่อนก่อนเดินทางในวันพรุ่งนี้เช้า
"ไปสวนด้านหลังนั่นแหละ สะดวกสุด"วิลเฮล์มคว้าแขนริเชเนียแล้วลากนำทางไปด้วยโดยไม่ถามความคิดเห็นอีกฝ่ายสักนิด ทิ้งพ่อบ้านวิลเฮล์มไว้ในห้องคนเดียว
"แผลใจของคุณชายเท็ดริกไม่อาจจะหายได้แม้ผ่านมาหลายปีแล้วสินะครับ"พ่อบ้านชายชราได้มองประตูที่คุณชายทั้งสองออกไปกันหมดแล้ว หลังจากนั้นเขาก็เริ่มเก็บของทำความสะอาดห้องหนังสือ ก่อนจะเดินออกไปรายงานตัวกับดยุคไมน์ฮาร์ท
คุณชายตระกูลโอทิสกับคุณชายตระกูลเท็ดริกเริ่มฝึกทั้งดาบและเวทมนต์ไปด้วยกัน ทำเอาเสียงดังสนั่นลั่นสวนหลังบ้าน แต่ทุกคนในตระกูลโอทิสจะชินกับเสียงนี้ไปแล้วเลยไม่ค่อยตกใจมากเท่าไหร่ เด็กหนุ่มทั้งสองมักจะฝึกกันเสียงดังมาตั้งแต่เด็ก และทำสวนด้านหลังเละเทะจนไม่มีพืชเกิดขึ้นใหม่ตรงบริเวณนั้นอีกเลย มันจึงเป็นที่ฝึกซ้อมของพวกเขาสองคน ดยุคไมน์ฮาร์ทเองก็สั่งกำชับไว้ว่า ห้ามทำลายสวนหลังบ้านเพิ่ม ถ้ามีอีกต้องมีการลงโทษที่น่าสยดสยองกว่าเดิมแน่นอน ถึงจะไม่ได้พูดออกมา แต่รอยยิ้มกับรังสีอำมหิตที่แผ่ออกมาจากด้านหลังนั้นน่ากลัวจนไม่กล้าถามออกไป
เมื่อตะวันตกดินแล้ว เด็กหนุ่มสองที่ฝึกกันมาพอแล้วจึงกลับเข้ามายังคฤหาสถ์ จัดการธุระส่วนตัว ทานอาหารเย็นกับทุกคน ก่อนจะขออนุญาตเข้าไปห้องนอนของตัวเอง ซึ่งท่านดยุคเองก็ไม่ว่าอะไร เนื่องจากพวกเขาใช้พลังกันไปเยอะมากกับการฝึก ดังนั้นการพักผ่อนจึงสำคัญที่สุด
ความเห็นของทั้งสองคนตอนนี้คือต้องทำทุกวิถีทางเพื่อผ่านการทดสอบบ้าๆนี่เพื่อที่จะได้มีอิสระอีกครั้ง
แต่ดูเหมือนทั้งคู่จะลืมจุดประสงค์ของการสอบคัดเลือกนี้ไปซะแล้ว แน่นอนว่าคนภายในบ้านไม่คิดจะเตือนสติพวกเขาเลยดวยซ้ำ
//
โซนนักเขียน
มาลงช้าสักหน่อยเพราะช่วงนี้งานยุ่งเอาการ แต่จะพยายามมาลงเรื่อยๆ
วันนี้มีกำลังใจเขียนมากขึ้นเพราะกดกาชาเกนชินได้น้องนาฮิดะได้แล้ว ขอขิงสักหน่อยล่ะ(เปล่าอู้นะ แค่มือลั่น---)
พระเอกก็ยังคงค่าตัวแพงเช่นเดิม