เราเห็นเขาอยู่เสมอ ยามใจที่ใจถวิลหาเราจะมองเขาอยู่ในมุมเดิมทุกวัน เรามีความสุขเสมอเมื่อได้เห็นใบหน้าอันงดงาม ผ่านรูปวาดผืนใหญ่ในห้องนอนของเรา ไม่สิ เดิมทีมันเป็นของปู่ทวด น้องชายแท้ๆของปู่ทวดของเรา ปู่ทวดที หรือพระนามเต็ม หม่อมเจ้านทีบวรวงศ์ ท่านวาดภาพนี้ด้วยมือของท่านเอง ท่านพ่อของเรามักจะพูดเสมอว่าเราเหมือนท่านปู่ที ปู่ทวดของเรา เหมือนอย่างว่าเป็นคนๆเดียวกัน และภาพที่อยู่ในห้องเรานั้นคือภาพวาดของชายอันเป็นที่รักของท่าน ฟังไม่ผิด ท่านพบรักกับผู้ชายสามัญคนนึงระหว่างที่ท่านไปเป็นทหารอยู่ชายแดนเมืองพิษณุโลก ทั้งคู่รักกันมากและใช้ชีวิตอยู่ด้วยกันตลอดระยะเวลาที่เป็นทหารอยู่ จนกระทั่งปลดประจำการทหารท่านปู่ทวดต้องกลับมายังพระนคร ท่านได้พาคนรักของท่านกลับมายังเรือนบวงวงศ์ด้วย และพามาแนะนำตัวกับท่านพ่อของท่าน พระยาภูวเดชบวงวงศ์ ต้นตระกูลบวงวงศ์ สมัยนั้นและยาวนานมาจนถึงสมัยเราแน่นอนว่า ชายรักชายเป็นเรื่องที่เป็นไปไม่ได้ที่จะเปิดเผยเป็นเรื่องเป็นราวโจ่งแจ้ง คู่รักทั้งหลายที่เป็นชายรักชายย่อมมีอยู่ไม่น้อย แต่ล้วนเป็นรัก "ในพื้นที่แห่งความลับ" ทั้งสิ้น ไม่มีใครรับรู้ถึงความรักของคนทั้งคู่ในที่สาธารณะ หากทั้งสองครอบครัวยอมรับได้ ก็ทำได้เพียงแสดงความรักกันได้ภายในบ้านตนเองเท่านั้น ยามออกสังคมก็กลายเป็นเพื่อนชายคนสนิทเท่านั้น เมื่อพ่อของท่านทราบเรื่องตามคำบอกของปู่ทวด มีหรือที่ท่านจะยอมรับได้ ท่านผู้ยึดมั่นในขนบธรรมเนียมและกฏของบ้านเมืองอย่างเคร่งครัดมาตลอด ย่อมไม่อยากให้เกิดเรื่องผิดแปลกจากจารีตเดิมเป็นแน่นอนอยู่แล้ว ท่านปู่ทวดโดนต่อว่าสารภัดคำให้เจ็บช้ำใจอย่างแสนสาหัส ชายอันเป็นที่รักก็พยายามยืนยันว่าตนนั้นรักและจริงจังจริงใจกับท่านปู่แค่ไหน จะไม่ยอมทิ้งท่านไปไหนอย่างแน่นอน แม้ว่าตนจะเป็นเพียงสามัญชนแต่ก็มีฐานะครอบครัวตระกูลตนนั้นมั่งคั่งรำรวย มีที่ดินมากมาย ทำการค้าขายกับฝาหรั่งและพวกแขกมายาวนาน เลี้ยงดูท่านปู่ทวดได้สบาย แต่เหมือนว่าคำพูดเหล่านั้นของคนรักท่านปู่ทวดคงไม่ได้ส่งไปถึงท่านพ่อของท่านปู่ทวดเลยแม้แต่น้อย กลับกลายเป็นคำพูดอวดดีและถูกไล่เตพิดอีกครั้ง ท่านปู่ทวดจึงถูกสั่งให้กักบริเวณอยู่เพียงในห้องนอนของตนเอง ถูกล็อกประตูหน้าต่างอย่างแน่นหนา แทบไม่เห็นแสงเดือนแสงตะวัน ท่านถูกกักขังอยู่อย่างนั้นโดยไม่มีกำหนดวันเวลา เพราะพ่อของท่านกลัวว่าท่านจะออกไปหาชายคนรักคนนั้นอีก วันเวลาผ่านไปร่วมเดือนร่วมปี ท่านทนทุกข์ทรมานข้าวปลาแทบไม่ได้กิน นอนไม่เคยหลับเต็มตื่น ร่างกายซูบผอมอ่อนแอลงผิดหูผิดตา และไม่นานพ่อของท่านก็แจ้งข่าวแก่ท่านว่า...ชายคนรักของท่านตรอมใจจนป่วยตายไปแล้วเมื่อหลายวันก่อน เหมือนฟ้าถล่มลงมาทับกายใจจนแหลกไม่เหลือชิ้นดี สติล่องลอยไม่รับรู้สิ่งใดๆรอบข้างอีก แม้จะเป็นเพียงคำบอกเล่าจากท่านพ่อของเรา แต่เราสัมผัสและรับรู้ได้เลยว่าท่านปู่ทวดนั้นรู้สึกเช่นไร หัวใจที่แตกสลายไม่เหลือแม้เรี่ยวแรงจะหายใจ ท่าน....ตัดสินใจวาดภาพนี้ขึ้นมา และสั่งให้คนนำภาพมาติดไว้ที่ฝาห้องของท่าน และขังลืมตัวเองไว้ในห้องนอนของท่าน จนสุดท้าย...ท่านก็ตัดสินใจทำร้ายตัวเอง จบชีวิตของท่านไปเองต่อหน้ารูปวาดคนรักของท่าน....และสุดท้ายห้องนี้ก็ส่งต่อมาถึงเรา หรือเราจะเป็นท่านปู่ทวดกลับมาเกิดจริงๆ หากคนในเรือนรับรู้ว่าเราเป็นเช่นท่านปู่ทวด ชะตาชีวิตเราจะมีจุดจบเช่นท่านรึเปล่า เราคิดหนักเหลือเกิน ความรักของเราจะลงเอยเช่นไรกัน ความรักที่แปลกแตกต่าง ทั้งยังอยู่กันคนละโลกเช่นนี้...พูดให้ใครที่ไหนฟังคงไม่มีเชื่อ จะหาว่าเราบ้าซะด้วยซ้ำไป แต่เราจะทำอะไรได้ ในเมื่อใจของเราถวิลหาเขาอยู่ทุกคืนวัน ไม่ได้เรียกว่ารู้สึกดี ไม่ได้เรียกว่ารู้สึกชอบ แต่เป็นรัก รักที่ได้เห็นเขาอยู่ในโลกของตนอย่างมีความสุขและปลอดภัย แม้เขาไม่เคยรับรู้ถึงความรู้สึกของเรา แต่เราหวังว่าสักวันปฏิหาร...คงมีจริง เราคงได้พบ ได้อยู่ด้วยกันกับเขา ไม่ใช่ทำได้แค่รักและเฝ้ามองเขาผ่านภาพวาดรูปนี้ไปตลอดกาล...เราคงไม่อาจจะทานทนได้นานนัก เพราะแค่ได้มองผ่านภาพวาดรูปนี้ ใจเรายังไม่เคยจะอยู่กับเนื้อกับตัว อยากสัมผัสใบหน้างาม ร่างกายกำยำด้วยสองมือของเราเองในสักวัน ก็เพียงพอ