webnovel

ปมรัก รอยอดีต โดย ฮาร์โมนิก้า

ชีวิตที่เคยสมบูรณ์แบบของเธอในวัยสิบห้าปี ได้พังภินท์ลงเมื่อวันที่เธอและมารดาท้องแก่ถูกจับตัวไปเรียกค่าไถ่ คืนวิปโยคในถ้ำมรณะที่คร่าชีวิตมารดาและน้องชายที่ยังไม่เคยมีโอกาสลืมตาดูโลก อนาสเตเซีย คิริยาคอส ผู้กลายเป็นทายาทเพียงคนเดียวของมหาเศรษฐีธุรกิจเดินเรือของกรีซ กลายเป็นโรคซึมเศร้า เก็บตัว และออกห่างจากบิดา ทุกคนที่รัก รวมถึงกฤช คริสตอฟ อนาโตลาคิส ผู้เป็นทั้งญาติ พี่ชายที่แสนดี และผู้ครอบครองดวงใจของเธอตั้งแต่วัยเยาว์ เพื่อใช้ชีวิตแบบโดดเดี่ยวราวกับต้องการลงโทษตัวเอง เจ็ดปีต่อมาเธอกลับมายังกรีซอีกครั้ง และได้ตัดสินใจแต่งงานกับนิโคลาโยส วาลลาซ ชายหนุ่มรูปหล่อปานเทพบุตร ผู้มีเสน่ห์เหลือล้น ทว่าเธอได้พบความจริงหลังการแต่งงานไม่นานว่าเขาไม่ใช่สามีที่ซื่อสัตย์ ที่สำคัญเขาไม่ได้รักใคร่ใยดีเธอ มากไปกว่าต้องการมีทายาทกับเธอเท่านั้น ในยามที่ลูกชายของเธออายุครบสี่ปี เหตุร้ายต่าง ๆ ได้หวนกลับคืนสู่ชีวิตเธออีกครั้ง บุตรชายที่ถูกจับเรียกค่าไถ่ บิดาผู้เป็นที่พึ่งสำคัญประสบอุบัติเหตุเสียชีวิตอย่างมีเงื่อนงำ มารดาเลี้ยงผู้ท้องแก่หายสาปสูญไปอย่างไร้ร่องรอย ขณะที่หลักฐานต่าง ๆ เริ่มผูกมัดเธอมากขึ้น พร้อมกับเงื่อนงำมากมายซึ่งเชื่อมโยงไปยังสามีของเธอ และราวกับใครบางคนเจตนาทิ้งร่องรอยเศษขนมปังให้เธอตามรอยไปถึงปริศนา ณ ถ้ำมรณะ อนาสเตเซีย ผู้ติดกับดัง และต้องสูญเสียสถานะทางสังคม อิสรภาพ ทรัพย์สิน และบุตรชายสุดที่รัก เธอจะสามารถเอาชนะสามีโฉด และทวงคืนชีวิตของเธอมาจากคนเจ้าเล่ห์เช่นเขาได้อย่างไร นวนิยายรักดราม่า โรแมนติก ฆาตกรรม หักเหลี่ยม เฉือนคมที่ชวนลุ้นตั้งแต่ต้นจนจบ

ANNIEmalista · Urban
Not enough ratings
16 Chs

บทที่ 6 ความหลัง..ความหวัง 1

by Harmonica

อนาสเตเซียนอนพลิกตัวอย่างกระสับกระส่ายบนเตียง

เธอตื่นขึ้นกลางดึกเพราะเสียงรถที่วิ่งออกจากสนามหน้าบ้าน ตอนแรกเธอเข้าใจว่าเป็นรถของนิโคลาโยสที่เพิ่งกลับมา แต่เมื่อลุกไปมองที่หน้าต่าง กลับเป็นรถสีดำหน้าตาคล้ายเบนซ์สปอร์ต

ใครนะมาที่บ้านของเธอในยามวิกาลแบบนี้โดยไม่เข้ามากดออดเรียก ทำเหมือนมาแอบซุ่มดูแล้วก็ไป หญิงสาวคิดอย่างกังวลใจ คำกล่าวเตือนของสารวัตรดราโก้ ลาซารอสยังดังก้องอยู่ในหู หญิงสาวเริ่มวิตกหากว่าครอบครัวของเธอกำลังตกเป็นเป้าหมายของผู้ประสงค์ร้ายบางคนอย่างที่สารวัตรเตือนไว้จริง เธอจะทำอย่างไร เธอควรจะต้องพาจูเลี่ยนไปไว้ที่ไหนดีที่จะปลอดภัย

บางทีพรุ่งนี้เช้าเธอควรรีบมองหาโรงเรียนประจำ หญิงสาวคิดว่าจะปรึกษานิโคลาโยสเรื่องส่งจูเลี่ยนเข้าโรงเรียนประจำสำหรับเด็กผู้ชายในสวิสเซอร์แลนด์ซึ่งน่าจะปลอดภัยพอสมควร

เมื่อนาฬิกาบอกเวลาตีห้า อนาสเตเซียก็ทนนอนต่อไม่ได้ เธอลุกขึ้นเดินไปที่หน้าต่าง มองไปยังสนามหน้าบ้านอีกครั้ง ยังไม่มีวี่แววของนิโคลาโยส

สามีเธอกลับบ้านดึกดื่นหรือไม่ก็เช้าบางครั้งก็สายเป็นประจำ เขาเที่ยวหนัก ดื่มเยอะ ชอบการเต้นรำสังสรรค์และการเสี่ยงโชค อนาสเตเซียได้ยินคนพูดให้เข้าหูอยู่เนืองๆ ว่า เขาควงสาวสวยนอกบ้านมากหน้าหลายตา

หญิงสาวไม่แน่ใจว่าตัวเองหยิ่งเกินกว่าจะคุยกับสามีเรื่องพวกนี้ หรือว่าลึกๆ แล้วไม่ใส่ใจพอที่จะสนใจพฤติกรรมแหลกเหลวของเขา นับวันความสัมพันธ์ระหว่างเธอกับเขาก็ยิ่งห่างเหินราวคนแปลกหน้าที่อยู่ร่วมบ้านเดียวกัน

ทั้งคู่มีห้องชุดของตัวเอง ซึ่งส่วนของห้องนอน ห้องน้ำ ห้องแต่งตัว และห้องนั่งเล่นแยกกันเป็นสัดส่วน มีประตูเชื่อมถึงกันที่ห้องนั่งเล่นส่วนตัวซึ่งอยู่ตรงกลาง ห้องชุดทั้งสองอยู่ชั้นสองทางฝั่งด้านหลังของตัวบ้าน มองเห็นสนามหลังบ้านที่ติดกับหน้าผาและทะเล

ส่วนที่เป็นห้องนอนของอนาสเตเซียจะพิเศษกว่าห้องอื่นเนื่องจากอยู่สุดมุมตึก จึงกินพื้นที่ทั้งส่วนหน้าและส่วนหลังของตัวบ้าน สามารถดูวิวและเห็นความเป็นไปรอบบ้านได้สามฝั่ง

ห้องของจูเลี่ยนเป็นห้องชุดขนาดเล็กมีห้องน้ำและห้องนั่งเล่นส่วนตัวแยกจากคนอื่นเช่นกัน แต่อยู่อีกด้านของโถงทางเดิน คืออยู่ทางด้านหน้าของตัวบ้าน โดยมีซอนญ่าพี่เลี้ยงพักอยู่ห้องติดกัน คั่นด้วยโถงกลางบ้านซึ่งอยู่ตรงข้ามกับบันไดหินอ่อนขนาดใหญ่ โถงนี้จัดเป็นที่สำหรับนั่งเล่นชมวิวทิวทัศน์ และรับแดดได้เนื่องจากเป็นบริเวณที่ติดกระจกยาวจากเพดานจรดพื้น และเปิดออกไปเป็นระเบียงกว้างทางฝั่งหน้าบ้าน

ถัดจากโถงนั่งเล่นเป็นห้องชุดขนาดเล็กสำหรับแขกใกล้ชิด ติดกันเป็นห้องชุดขนาดย่อมของเมลานีแม่บ้านและอีเนียสพ่อบ้านสองสามีภรรยา ซึ่งห้องชุดของคนทั้งคู่ตั้งอยู่สุดมุมตึกตรงข้ามกับของอนาสเตเซีย โดยมีบันไดเล็กๆ ซ่อนอยู่หลังประตู เพื่อให้เดินลงไปที่ห้องครัวชั้นล่าง ห้องเก็บไวน์ในชั้นใต้ดิน ตลอดจนห้องเก็บของ ห้องซักอบผ้า

อนาสเตเซียไม่ได้จ้างเชฟไว้อย่างคิโรสเนื่องจากเธออยู่อย่างสันโดษ ไม่มีแขกมาพักที่บ้านบ่อยๆ อย่างบิดา

เธอปล่อยหน้าที่ในการดูแลบ้านและอาหารตกเป็นของพ่อบ้านอีเนียส และแม่บ้านเมลานี สองสามีภรรยามีหน้าที่ดูแลทุกสิ่งภายในตัวบ้าน โดยอีเนียสจะมีหน้าที่ดูแลความเรียบร้อยในการทำงานของทุกๆ คนทั้งภายในตัวตึกรวมทั้งอาณาเขตภายนอกด้วย

พอนตัส ซึ่งเป็นคนสวนเพียงคนเดียวมีหน้าที่ดูแลสวน ต้นไม้ ดอกไม้ และคอกม้า เขาพักอยู่คนเดียวในบ้านพักขนาดเล็กอยู่ติดกับโรงเก็บเครื่องมือที่ใช้ทำสวน ถัดไปเป็นโรงเพาะชำพันธุ์ไม้ดอกไม้ประดับและไม้ยืนต้น

ใกล้ๆ กันเป็นคอกม้าซึ่งมีม้าในความดูแลของพอนตัสอยู่สามตัว ตัวแรกเป็นแม่ม้าพันธุ์อาหรับขนาดใหญ่สีขาว ซึ่งเป็นม้าประจำตัวของอนาสเตเซีย ตัวที่สองเป็นม้าอังกฤษเพศผู้สีดำของนิโคลาโยสซึ่งเธอซื้อให้เป็นของขวัญแต่งงานเมื่อสี่ปีที่แล้วและนิโคลาโยสไม่ค่อยใส่ใจนำไปขี่บ่อยนัก ปล่อยให้เธอหรือพอนตัสมีหน้าที่นำมันออกไปออกกำลังกายแทนอยู่เสมอทุกเช้า อีกตัวเพิ่งมาใหม่เป็นลูกม้าเพศผู้สีน้ำตาลอ่อน ซึ่งคิโรสซื้อให้เป็นของขวัญอายุครบสี่ขวบของจูเลี่ยน

อิสวาน วิศวกรซึ่งอนาสเตเซียจ้างไว้เป็นนายช่างประจำบ้านสำหรับดูแลเครื่องบินสะเทิ้นน้ำสะเทิ้นบกลำเล็ก เฮลิคอปเตอร์ เรือ และระบบรักษาความปลอดภัย จะพักอยู่บนอพาร์ทเมนท์ส่วนตัวเหนือโรงจอดเครื่องบินซึ่งอยู่ห่างจากตัวบ้านใหญ่กว่าสองกิโลเมตร เพื่อป้องกันเสียงรบกวนยามเครื่องขึ้นลง ในขณะที่โรงจอดรถจะอยู่ใกล้ตัวบ้านมากกว่าโดยมีอีเนียสพ่อบ้านมีหน้าที่นำรถเข้าออก

วันๆ อิสวานจะขลุกอยู่กับโรงจอดเครื่องบิน ท่าเรือ หรือไม่ก็ห้องซ่อมบำรุงของเขา ไม่ค่อยมีใครคิดถึงพอนตัสและอิสวานเท่าไหร่ เนื่องจากพักอยู่ไกลออกไปมากและเนื้อหางานไม่เกี่ยวข้องกับทางบ้านใหญ่โดยตรง

ตัวอนาสเตเซียนั้นรู้ว่ามีพนักงานอีกสองคนในบ้านของเธอ เนื่องจากเธอเป็นคนว่าจ้างอิสวานและพอนตัสก็เป็นคนเก่าจากคิโรสให้มา นอกจากนี้เธอยังเป็นคนเซ็นเช็คจ่ายเงินเดือนให้ทุกคนในบ้าน แต่นิโคลาโยสนั้น หญิงสาวสงสัยว่าเขาจะรู้หรือเปล่าว่ามีสองคนนั้นอยู่ในโลกนี้ด้วย เนื่องจากเขาไม่เคยสนใจอะไรในบ้าน และแทบไม่เคยออกไปเดินเล่นในสวนหรือป่าที่เธอใช้เงินจำนวนมากบำรุงรักษาไว้รอบตัวบ้านเลย มีอะไรก็จะเรียกหาจากอีเนียสเท่านั้น

เรือนรับรองแขกจะอยู่ห่างออกไปจากตัวบ้านใหญ่เล็กน้อยทางฝั่งตะวันออก พอให้มีที่ทางความเป็นส่วนตัว แต่อนาสเตเซียไม่เคยมีคนมาพักที่เรือนนี้เลยนับแต่ซื้อบ้านและที่ดินผืนนี้มา

อนาสเตเซียลุกเดินออกไปยังห้องนั่งเล่นส่วนตัวของเธอและเปิดประตูออกไปที่โถงทางเดินเพื่อเดินเข้าห้องนอนของลูกชาย หญิงสาวยืนมองเด็กชายที่หน้าตาเหมือนกับเธอราวกับพิมพ์เดียวด้วยความรักอย่างสุดหัวใจ หนูน้อยจูเลียนในวัยสี่ขวบร่าเริงแจ่มใสน่ารักและฉลาดเฉลียว เธอตั้งชื่อให้เขาเหมือนกับชื่อที่บิดาเคยตั้งเตรียมไว้ให้น้องชายซึ่งไม่เคยมีโอกาสลืมตาดูโลกของเธอ

น้ำตารื้นขึ้นทุกครั้งที่คิดถึงเหตุการณ์โหดร้ายทารุณจิตใจเมื่อสิบสองปีก่อน เธอสะกดอารมณ์เศร้าและเกลียดชังตัวเองไว้ ซึ่งมักเกิดขึ้นในทุกยามที่คิดถึงอแนสซ่ามารดาและจูเลียนน้องชายผู้อาภัพ หญิงสาวยิ้มบางๆ เฝ้ามองบุตรชายผ่านม่านน้ำตาที่เอ่อล้นขึ้นมาอย่างห้ามไม่อยู่ ลูกเป็นความหวังและเหตุผลเดียวในการมีชีวิตอยู่ของเธอ หนูน้อยที่เต็มไปด้วยพลังชีวิตและความสดใสร่าเริง เขากำลังนอนหลับปุ๋ยอย่างแสนสบายจนเธอไม่ต้องการรบกวน

เธอเดินไปนั่งที่เก้าอี้แบบอาร์มแชร์พนักสูงใกล้ๆ เตียงของลูกชายซึ่งตั้งไว้สำหรับให้เธอเข้ามานั่งอ่านนิทานก่อนนอนให้ฟังทุกคืน หญิงสาวพิงศีรษะกับพนักเก้าอี้ดวงตาเหม่อมองเด็กน้อย ขณะที่ใจหวนคิดถึงอดีตเมื่อครั้งแรกที่ได้รู้จักกับนิโคลาโยสจนถึงครั้งที่ยอมตกลงแต่งงานกับเขา

หลายครั้งที่เธอเฝ้าถามตัวเองว่าเหตุใดจึงตกลงแต่งงานกับนิโคลาโยส วาลลาซหนุ่มเจ้าของบาร์และเกสท์เฮ้าส์เล็กๆ ในปิโซ่ ลิวาร์ดิ ซึ่งเคยเป็นหมู่บ้านชาวประมงและปัจจุบันได้กลายเป็นแหล่งท่องเที่ยวชายทะเลใหม่ที่ค่อนข้างได้รับความนิยมในกลุ่มนักท่องเที่ยวระดับกลางลงไปของเกาะปาโรส

หญิงสาวหลับตานึกย้อนไปเมื่อหกปีก่อนตอนที่เธอกลับมาที่กรีซอีกครั้ง เธอไม่อาจทนอยู่บ้านบิดาที่เกาะแอนติปาโรสซึ่งเต็มไปด้วยภาพแห่งความทรงจำเกี่ยวกับมารดาได้ โดยเฉพาะเมื่อเดี๋ยวนี้คฤหาสน์หลังนั้นได้มีคุณผู้หญิงคนใหม่แล้วคือลีย่าอดีตพี่เลี้ยงของเธอเอง

อนาสเตเซียตัดสินใจมาซื้อบ้านพักตากอากาศซึ่งตั้งอยู่ตอนบนสุดของเกาะปาโรสแทน บ้านหลังนี้เคยเป็นของดาราสาวฮอลลีวู๊ดชื่อดังและเป็นที่นิยมมากทางทีวีซีรี่ย์ ด้วยความเป็นบ้านของดาราจึงถูกสร้างขึ้นอย่างเน้นความสันโดษและเป็นส่วนตัว เพื่อป้องกันการรุกล้ำหรือวุ่นวายของสื่อมวลชนและปาปาราซซี่

หญิงสาวถูกใจในความเป็นส่วนตัวโดดเดี่ยวและเงียบสงบของบ้านหลังนี้ในทันที ตัวบ้านสีขาวตั้งอยู่บนพื้นที่ส่วนตัวกว่าแปดเอเคอร์ ขนาดบ้านไม่ใหญ่มากเกินไป มีสระว่ายน้ำ คอกม้า และโรงเก็บเครื่องบินเล็กและเฮลิคอปเตอร์

ซึ่งเฮลิคอปเตอร์และเครื่องบินส่วนตัวขนาดเล็กนั้นเป็นสิ่งจำเป็นและนิยมมากในหมู่มหาเศรษฐีที่อยู่ตามเกาะต่างๆ ในประเทศกรีซ ซึ่งส่วนมากเป็นคนต่างชาติ เพื่อความสะดวกในการเดินทางไปไหนมาไหนระหว่างเกาะ รวมทั้งใช้เดินทางไปแผ่นดินใหญ่อย่างเอเธนส์

นอกจากสิ่งอำนวยความสะดวกที่ครบครันแล้ว บ้านหลังนี้ยังมีพื้นที่ภายนอกบ้านที่กว้างใหญ่ มีทั้งส่วนที่มีต้นไม้ขึ้นร่มครึ้มรอบบริเวณมองจากภายนอกแล้วเหมือนเป็นป่า ซึ่งเจ้าของเดิมลงทุนเนรมิตขึ้นเองท่ามกลางผืนดินที่ส่วนใหญ่มีแต่ไม้ทรงพุ่มกับต้นมะกอกและต้นส้มเท่านั้น ส่วนบริเวณตรงกลางเป็นสนามกว้างใหญ่ มีสวนดอกไม้หลากสีสันปลูกอยู่บริเวณโดยรอบติดกับตัวบ้าน

บ้านและที่ดินนี้อยู่บนเนินเขาซึ่งมีทางรถวิ่งส่วนตัวแยกออกมาจากถนนสายหลักของเกาะที่จะวิ่งไปทางเนาซ่า ด้านหลังของบ้านเป็นสนามหญ้ากว้างมีต้นมะกอกขนาดใหญ่อายุร่วมร้อยปีขึ้นเป็นร่มเงาอยู่เป็นระยะ เลยออกไปเป็นหน้าผาติดทะเลค่อนข้างลึก

ริมหน้าผาทางฝั่งตะวันออกตรงส่วนที่เว้าเข้ามาด้านในตัวเกาะ มีบันไดที่ขุดจากหน้าผาเป็นบันไดหินแคบๆ เลาะลงไปสู่ทะเลเบื้องล่าง ซึ่งทำไว้เป็นท่าเรือส่วนตัวขนาดเล็กตรงบริเวณที่โค้งเว้าเข้ามาของหน้าผา ซึ่งช่วยกันคลื่นลมได้ดี เหมาะกับการทำเป็นที่จอดเรือขนาดเล็กตามธรรมชาติ อนาสเตเซียใช้จอดเครื่องบินน้ำสิ่งจำเป็นอันดับหนึ่งในการใช้เดินทางระหว่างเกาะที่ค่อนข้างไกล และใช้เดินทางไปยังแผ่นดินใหญ่อย่างเอเธนส์

นอกจากเครื่องบินน้ำเธอยังมีเรือเร็วแบบสปอร์ต เรือแคนู เจ็ทสกี และเรือใบ หากแต่เรือใบนั้นเธอจอดไว้ที่ท่าจอดเรือยอร์ชในปาริเกียซึ่งเธอเช่าที่จอดไว้ประจำ เนื่องจากท่าเรือนี้ไม่ใหญ่โตพอที่จะจอดเรือใบขนาดใหญ่ได้ ที่ดินโดยรอบตัดขาดจากผู้คน ตรงตามความต้องการที่จะอยู่อย่างสันโดษของอนาสเตเซียเป็นอย่างมาก

ชั่วเวลาไม่กี่เดือนหญิงสาวก็ได้ดัดแปลงบ้านพักตากอากาศหลังนั้นให้กลายเป็นบ้านของเธอแบบถาวร

เธอมีความสุขกับการเริ่มต้นชีวิตใหม่แบบเงียบๆ ไม่มีสังคม แม้เวลาจะผ่านมานานหกปีนับจากวันที่อแนสซ่าจากไป แต่ความรู้สึกเสียใจและหวาดกลัวจากการสูญเสียบุคคลที่รักที่สุดในชีวิตไปอย่างโหดร้ายนั้น ยังคงฝังรากลึกอยู่ในใจจนไม่กล้าที่จะใกล้ชิดหรือผูกพันทางจิตใจกับใครอีก

อนาสเตเซียใช้ชีวิตอย่างสันโดษ ไม่ข้องแวะหรือยุ่งเกี่ยวกับใครมากไปกว่าการพยักหน้าทักทายตามมรรยาท

ทุกๆ วันหญิงสาวจะขี่รถสกู๊ตเตอร์หรือไม่ก็ขับเรือเร็ว ซึ่งจอดอยู่ที่ท่าเรือเล็กๆ ส่วนตัวในอ่าวริมหน้าผาด้านล่างออกไปเที่ยวตามชายหาดต่างๆ เธอชอบที่จะไปดูพระอาทิตย์ขึ้นที่หาดแถวปิโซ่ ลิวาร์ดิ เป็นพิเศษ เนื่องจากเป็นชายหาดด้านตะวันออก สมัยนั้นที่นั่นยังคงสภาพความเป็นหมู่บ้านชาวประมงชัดเจนกว่าสมัยนี้มาก

เธอชอบที่จะไปเดินเล่นเงียบๆ ตามชายหาด ดูพระอาทิตย์ขึ้น จากนั้นก็แวะดื่มกาแฟ นั่งอ่านหนังสือ และบางครั้งก็รับประทานอาหารเช้าในร้านกาแฟริมทะเล

ที่นั่นเองที่เธอได้พบกับนิโคลาโยส

นิโคลาโยสเป็นหนุ่มหล่อคมจนเรียกได้ว่าหล่อบาดตามาดดีและมีเสน่ห์ที่หมั่นเพียรมาคุยกับเธอทุกวัน ทั้งคู่เจอกันครั้งแรกจากการที่สุนัขพันธุ์โกลเด้นรีทรีฟเวอร์สีน้ำตาลทองของเขาวิ่งมาเล่นกับเธอ

ขณะนั้นอนาสเตเซียกำลังนั่งดื่มกาแฟและอ่านหนังสืออยู่ที่ร้านริมทะเล จู่ๆ เจ้าหมาโกลเด้นที่เพิ่งขึ้นจากน้ำก็วิ่งตรงเข้ามาหาเธอ พลางสะบัดขนเปียกชุ่มใส่จนเปียกปอน

เสร็จแล้วมันก็ยังกล้าเข้ามาเลียมือเลียไม้อย่างประจบประแจงเธออีก

"ลีโอ ลีโอ ไม่เอาน่ะ" เสียงของนิโคลาโยสที่เรียกหาเจ้าหมาเกเรดังขึ้นมาจากด้านหลัง

"กลับมานี่" เขาวิ่งมาจนถึงตัวเธอกับเจ้าหมาที่คงจะชื่อลีโอ "ขอโทษนะครับ มันชอบแกล้งอย่างนี้เรื่อยเลย ผมจับมันไว้ไม่ทันจริงๆ "

นิโคลาโยสกล่าวพร้อมกับยิ้มอย่างสดใสในเชิงขอลุแก่โทษ

อนาสเตเซียเงยหน้าขึ้นจากที่ลูบหัวเจ้าลีโออยู่ แม้จะอดตะลึงในความรูปหล่อของชายหนุ่มตรงหน้าไม่ได้ แต่เธอก็เก็บสีหน้า และเอ่ยตอบไปเบา ๆ อย่างไม่ใส่ใจ

"ไม่เป็นไรค่ะ"

"แต่คุณเปียกทั้งตัวเลยนะครับ"

หญิงสาวก้มมองชุดเสื้อกระโปรงสีฟ้าอ่อนซึ่งเปียกปอนของตัวเองแล้วก็อึ้งไป

"ไม่เป็นไรค่ะ เดี๋ยวฉันกลับบ้านเลยก็ได้"

"ไปเช็ดตัวที่บ้านผมก่อนไหมครับ" นิโคลาโยสเสนอ "ผมมีโรงแรมเล็กๆ อยู่ตรงนี้เองครับ"

อนาสเตเซียส่ายหน้า เธอไม่นึกอยากตามคนแปลกหน้าไปที่โรงแรมของเขาสักนิด แม้ชายหนุ่มผู้นี้จะรูปหล่อปานเทพบุตรเพียงใดก็ตาม

"ไม่เป็นไรจริงๆ ค่ะ"

"คุณจะเป็นหวัดเอานะ" เขาแย้ง "เอางี้แล้วกัน คุณรออยู่นี่ เดี๋ยวผมวิ่งไปเอาผ้าขนหนูมาให้คุณเช็ดผมเช็ดตัวให้พอแห้งหน่อยก็ยังดีครับ"

หญิงสาวพยักหน้าเมื่อเห็นว่าเขายืนกราน และใจจริงก็ออกจะรำคาญผมและเสื้อผ้าที่เปียกนี่เหมือนกัน

นิโคลาโยสวิ่งกลับไปที่โรงแรมเล็ก ๆ ห่างจากร้านกาแฟที่เธอนั่งอยู่เพียงไม่กี่เมตร เจ้าลีโอวิ่งตามเขาไป สักพักก็วิ่งกลับมาตามนายของมันที่ถือผ้าขนหนูผืนหนึ่งส่งให้อนาสเตเซียเช็ดหัวเช็ดหน้า

"ขอบคุณค่ะ" หญิงสาวกล่าวหลังจากที่เช็ดหน้าตาเสร็จ "ฉันยังไม่คืนผ้านี่นะคะ ไว้ซักเสร็จแล้ว ค่อยเอากลับมาคืนในวันสองวันนี่ค่ะ"

"ตามสบายครับ ว่าแต่คุณไม่ดื่มกาแฟด้วยกันกับผมสักถ้วยหรือครับ" นิโคลาโยสตอบพลางเอ่ยชวน

"ไม่ดีกว่าค่ะ ว่าจะกลับบ้านแล้ว ขอบคุณนะคะ"

เธอกล่าวตัดบทด้วยน้ำเสียงเรียบๆ แม้จะรู้ว่าขัดกับมรรยาทสังคม เธอทิ้งเงินค่ากาแฟไว้บนโต๊ะพลางฉวยผ้าขนหนู หนังสือและกระเป๋าเดินออกจากร้านไปโดยที่ยังไม่ได้เอ่ยแนะนำตัวกันแต่อย่างใด

หลังจากวันนั้นเธอก็เอาผ้ามาคืนนิโคลาโยสที่โรงแรม แม้เธอจะพยายามไม่สานสัมพันธ์ใด ๆ กับเขาต่อ แต่เขาก็เพียรพยายามที่จะพูดคุยทักทายกับเธอ เขาเป็นคนคุยสนุก ช่างเอาใจ และมักมีเซอร์ไพรซ์แปลก ๆ มาทำให้เธอประหลาดใจเสมอ แม้ว่าเธอจะวางตัวสุภาพแต่ห่างเหินสักเพียงใด เขาก็ไม่ลดละหรือท้อถอยที่จะพยายามคุยและตีสนิทด้วย

จำได้ว่าแรก ๆ เธอเพียงแต่คุยกับเขาคำสองคำเป็นมรรยาท แต่เมื่อเจอกันทุกวันบ่อยเข้า โดยที่เขาไม่ลดละที่จะมาตีสนิทกับเธอทำให้เธออดขำไม่ได้

ท่าทางการตีสนิทของเขาดูไม่น่ารำคาญและไม่ใช่แนวรบกวนหรือข่มขู่ เขาจะทักทายพูดคุยกับเธอ และแสดงออกค่อนข้างชัดว่าอยากคุยกับเธอจริง ๆ เพียงชั่วไม่กี่นาที และขอตัวทันทีที่รู้สึกว่าเธอไม่ได้ต้องการเพื่อนคุย

หากแต่นิโคลาโยสนั้นมีความสม่ำเสมอในการเพียรมาทักทายเธอทุกวันเป็นเวลาร่วมเดือน จนในที่สุดเขากับเธอก็กลายเป็นเพื่อนกินอาหารเช้าด้วยกันเป็นประจำที่ริมทะเลแห่งนั้น

อนาสเตเซียไม่แน่ใจว่าเธอรักนิโคลาโยสหรือเปล่า ตอนที่เขาขอแต่งงาน จะเป็นไปได้ไหมที่เธอแอบรู้สึกเงียบเหงาอยู่ลึก ๆ ในใจ และต้องการใครสักคนที่ไม่รู้จักเธอหรืออดีตของเธอ ใครที่จะไม่ทำให้เธอหวนคิดถึงความหลังฝังใจของตัวเอง ใครที่จะทำให้ชีวิตเธอกลับมาชุ่มชื่นมีความสุขอีกครั้ง

ที่สำคัญ เธออาจต้องการใครสักคนที่จะมาลบเลือนรักครั้งแรกที่ไม่อาจเป็นจริงได้ของเธอออกไปจากความทรงจำที่คลุกเคล้าปนเปกันด้วยความรู้สึกถวิลหารุนแรง อารมณ์ปรารถนา ซึ่งมาพร้อมกับความรู้สึกผิดอันท่วมท้นหัวใจ

แท้ที่จริง เธออาจต้องการใครสักคนที่จะช่วยให้เธอลืมความรักต้องห้ามที่เธอมีให้กับกฤช ญาติผู้พี่ ที่ควรจะต้องรู้สึกต่อเธอเยี่ยงพี่ชายและน้องสาวคนนั้น

อนิจจา! แม้เวลาจะผ่านมานานถึงหกปี เธอก็ยังไม่อาจลืมเลือนช่วงเวลายามเย็นอันแสนเร่าร้อนด้วยอารมณ์เสน่หารุนแรงและแสนโรแมนติกนั้น วันที่เธอเกือบจะตกเป็นของเขาไม่ได้

กฤชคือชายหนุ่มที่เธอผูกพันรักใคร่นับแต่ที่จำความได้ เธอจำไม่ได้และไม่รู้ว่าหลงรักเขาตอนไหน หรือว่าความรักฉันพี่ชายน้องสาวที่มีให้กัน มันเริ่มเปลี่ยนแปลงไปเมื่อไหร่ และอย่างไร

แต่มันก็เกิดขึ้น และพัฒนาขึ้นเองในจิตใจของเด็กน้อยอนาสเตเซียโดยไม่รู้ตัว กระทั่งเข้าสู่วัยแรกสาว และความรู้สึกนั้นก็ปะทุออกเป็นอารมณ์ปรารถนารุนแรงยามถูกสัมผัสกระตุ้นจากเขา

เธอคงต้องการคนหล่อปานเทพบุตร ช่างเอาอกเอาใจอย่างนิโคลาออส มาช่วยลบเลือนภาพชายคนรักวัยเยาว์ของเธอออกไป เพื่อช่วยให้เธอตัดขาดกับกฤชอย่างแท้จริง และเริ่มต้นชีวิตของเธอเองอย่างไม่ต้องรู้สึกผิดบาป

และไม่ว่าจะด้วยเหตุผลใดก็ตาม อนาสเตเซีย คิริยาคอสก็ได้ตอบตกลงแต่งงานกับนิโคลาโยส วาลลาซ ผู้ซึ่งแก่กว่าเธอถึงสิบสองปีไป ยังความไม่พอใจให้กับคิโรส บิดาของเธอเป็นอันมาก

แน่นอนว่าทายาทของตระกูลใหญ่อย่างคิริยาคอส ย่อมไม่อาจแต่งงานกับชายหนุ่มที่มีเพียงกิจการเล็ก ๆ เป็นของตัวเองได้อย่างสะดวกดาย บิดาของเธอได้ให้ทนายทำหนังสือสัญญาก่อนแต่งงานให้นิโคลาโยสเซ็นยินยอม เขาจะไม่มีสิทธิ์ในทรัพย์สินใด ๆ ของอนาสเตเซียไม่ว่าเธอจะได้ทรัพย์สินนั้นมาก่อนหรือหลังการแต่งงานกับเขาก็ตาม

อนาสเตเซียไม่ได้คัดค้านความต้องการของบิดาเกี่ยวกับเรื่องสัญญาก่อนแต่งงาน บางทีลึก ๆ ในใจเธอเองก็ยังไม่กล้าเชื่อใจนิโคลาโยสอย่างเต็มที่ หากเขามาจีบเธอเพื่อหวังในทรัพย์สิน เขาก็ต้องผิดหวังแน่นอน น่าแปลกที่นิโคลาโยสยอมเซ็นชื่อโดยดุษณี ทำให้หญิงสาวรู้สึกตื้นตันขึ้นอย่างมาก

เธอหวังในตัวเขาพอควร ด้วยความที่เขาหมั่นมาเอาอกเอาใจเธออย่างสม่ำเสมอตลอดระยะเวลาที่มาติดพัน เขาผู้อายุมากกว่าเธอสิบสองปี น่าจะเป็นผู้ใหญ่พอที่จะทำให้เธอรู้สึกอบอุ่นปลอดภัย และไม่ต้องฝันร้ายถึงเรื่องราวเก่า ๆ อีกต่อไปได้

อนิจจา! อนาสเตเซียหวังมากเกินไป และเธอก็พบว่าเธอใช้ชีวิตอยู่ในความฝันได้เพียงไม่กี่เดือน ทันทีที่เธอตั้งท้องจูเลี่ยน นิโคลาโยสก็เปลี่ยนไป เขาไม่คอยเอาอกเอาใจ หาอะไรมาทำให้เธอประหลาดใจ หรือพยายามหาเรื่องสนุก ๆ มาชวนคุย มาเล่าให้ฟังเหมือนเคย

ตรงกันข้ามเขาเริ่มอยู่บ้านน้อยลง และไปอยู่ที่อื่นอย่างมิลานหรือมิโคนอสมากขึ้น ชายหนุ่มออกเที่ยวเตร่ ตะลุยราตรี จนแทบไม่เคยร่วมโต๊ะรับประทานอาหารกับเธอไม่ว่าจะมื้อใดก็ตาม ยิ่งนานวันสัมพันธภาพของทั้งคู่ก็ยิ่งแย่ลง ประหนึ่งความสัมพันธ์ที่แก่ชรา ไม่มีการทะเลาะเบาะแว้ง ไม่มีอารมณ์โกรธ หรืออารมณ์หึงหวงใด ๆ มีแต่ความสุภาพ ทว่าห่างเหินเสมือนคนแปลกหน้าที่ทักทายกันตามมรรยาทเท่านั้น

อนาสเตเซียเองก็แปลกใจตัวเองเช่นกันว่าเหตุใดเธอจึงยอมปล่อยให้เหตุการณ์เป็นไปเช่นนี้โดยไม่พยายามจะพูดคุยหรือซักถาม หรือพยายามแก้ไขด้วยการเปิดใจคุยกับสามี

ตรงกันข้ามเธอกลับปล่อยให้ทุกสิ่งดำเนินไปตามวาระของตัวมันเอง เหมือนจะปลงได้ว่า เมื่อสามีของเธอเปลี่ยนแปลงไปแบบนั้น เธอคงไม่อาจห้ามได้ มันขึ้นกับว่าความเบื่อหน่ายที่เกิดขึ้นจะเกิดขึ้นเร็วหรือช้าเท่านั้น

สิ่งที่ผิดคือเธอและเขาไม่ได้รักกันจริง และคิดให้ดีก่อนที่จะแต่งงาน เธอกับเขามีบุคลิกนิสัยต่างกันสุดขั้ว และไม่มีความชอบในเรื่องใด ๆ ที่ตรงกันเลย เว้นแต่เรื่องหมาซึ่งเธอก็ไม่เคยเห็นเขาเล่นกับสุนัขตัวไหนอีกเลยเช่นกันนอกจากเจ้าลีโอพันธุ์โกลเด้นรีทรีฟเวอร์ขี้ประจบตัวนั้น

นิโคลาโยสเป็นหนุ่มเจ้าเสน่ห์ เต้นรำเก่ง และชอบชีวิตยามราตรีในทุกรูปแบบ ชอบความตื่นเต้นท้าทายในเชิงอบายมุข ขณะที่เธอชอบที่จะเก็บตัวอยู่เงียบ ๆ และไม่ชอบเข้าสังคม เธอเต้นรำไม่เก่ง และไม่เคยคิดหัดเต้น เธอขี้อาย อมทุกข์ และขาดความภาคภูมิใจในตัวเองมากเกินกว่าจะกล้าแสดงออกซึ่งความสนุกสนานรื่นเริงในลักษณะนั้นได้ เมื่อแต่งงานกันได้ไม่นานนิโคลาโยสก็เบื่อหน่ายกับความจืดชืดไร้ชีวิตชีวาของเธอ อนาสเตเซียเองก็รู้ว่าเป็นการแต่งงานที่ผิดพลาด แต่เมื่อแต่งแล้วก็จำต้องอยู่ร่วมกันไป ตราบเท่าที่ทุกอย่างยังสงบและอยู่ในที่ทางของมันเพียงเท่านี้ก็ดีแล้ว

นิโคลาโยสได้รับเงินค่าใช้จ่ายส่วนตัวประจำเดือนที่ตัดจากบัญชีส่วนตัวของเธอ ซึ่งลูคัส ทนายความประจำตระกูลเป็นคนจัดการให้ ตัวเลขที่ถูกโอนเข้าบัญชีของเขาแต่ละเดือนนั้นสูงลิบจนทำให้เขาพอใจ พอที่จะไม่มารบกวนเธอด้วยเรื่องเงิน ๆ ทอง ๆ และเธอก็มีความสุขกับลูกน้อยของเธอเกินกว่าจะใส่ใจความไม่เอาใจใส่และเหินห่างของสามี

น่าแปลกที่เธอไม่เคยเจอกับเจ้าลีโอ สุนัขพันธุ์โกลเด้นรีทรีฟเวอร์ตัวนั้นอีกเลย นับจากที่ทั้งคู่ตกลงแต่งงานกัน นิโคลาโยสอธิบายว่าเจ้าลีโอเป็นสุนัขของเพื่อนเขาที่มาฝากเลี้ยงชั่วคราวในระหว่างที่ไปต่างประเทศ

แสงไฟหน้ารถที่สว่างจ้าลอดผ่านผ้าม่านหน้าต่างในห้องนอนของจูเลียนดึงให้เธอกลับคืนจากภวังค์อดีตเมื่อหกปีก่อน อนาสเตเซียลุกขึ้นไปมองและเห็นเป็นรถของนิโคลาโยสแล่นเข้ามาจอดในโรงรถ

เธอเดินกลับมานั่งพิงศีรษะเฉยอย่างเดิม ดวงตาจับแน่วนิ่งอยู่ที่ใบหน้าบริสุทธิ์น่ารักของจูเลียน น่าแปลกที่วันนี้นิโคลาโยสกลับบ้านแต่ยังไม่สว่าง

เสียงฝีเท้าที่เดินขึ้นมาอย่างไม่สม่ำเสมอทำให้รู้ว่าเขาดื่มเหล้ากลับมาค่อนข้างเมาพอควร อนาสเตเซียนั่งนิ่งฟังเรื่อย ๆ อย่างคุ้นหูและไม่สนใจจริงจัง หากแต่เสียงของผู้หญิงที่ดังขึ้นเบา ๆ จากโถงทางเดินนั้นทำให้เธอตัวชา

หญิงสาวนั่งนิ่งฟังการสนทนาที่ได้ยินเบา ๆ ภายนอกห้องนั้นอย่างแทบไม่กล้าหายใจ หากแต่เสียงพูดคุยนั้นเบามากจนเธอแทบไม่ได้ยินอะไร

สักพักเสียงทั้งหมดก็เงียบไป อนาสเตเซียไม่แน่ใจว่าตัวเองหูฝาดหรือเปล่า หรือว่านิโคลาโยสพาผู้หญิงอื่นเข้ามาในบ้าน เธอไม่อยากเชื่อว่าเขาจะกล้าท้าทายเธอถึงเพียงนั้น ในเมื่อบ้านหลังนี้และทรัพย์สินทุกอย่างรวมทั้งรถที่เขาขับต่างเป็นทรัพย์สินของเธอทั้งสิ้น

อนาสเตเซียรอจนแน่ใจว่าภายในโถงทางเดินปราศจากผู้คนแล้วจึงค่อยลุกขึ้นเปิดประตูเดินกลับห้องของตัวเองอย่างเงียบเชียบ

Like it ? Add to library!

ANNIEmalistacreators' thoughts