เสียง เสียงหัวใจผมเต้นโครมครามดังขนาดนี้เลยเหรอ
แต่ แต่ เป็นเพราะผมกำลังกลัวจะท้องเสียต่างหาก!
ไม่ได้ดีใจ ไม่ได้รู้สึกพิเศษขึ้นมาเลยจริงๆ ที่จะได้กินอาหารฝีมือนับหนึ่ง
ใช่ ไม่ได้ดีใจสักนิด!
"ไม่เป็นไร มึงทำกินส่วนตัวเองไปเถอะ" ผมสูดลมหายใจเข้าลึกแล้วบอกปัดๆ ไป
นับหนึ่งย่นคิ้ว "ไม่ กูจะทำมื้อเย็นเอง"
"จะกินได้เหรอ" กลอกตาไปมาแล้วดึงมือตัวเองออกจากมือนับหนึ่งเพื่อหันไปเลือกผัก "กูไม่อยากท้องเสียก่อนขึ้นเครื่องนะ"
"ไม่เสีย!" กัดฟันกรอดอย่างโกรธเคืองแล้วกระชากผักบุ้งในมือผมโยนใส่รถเข็นอย่างฉุนเฉียว "ถ้าท้องเสียเดี๋ยวกูออกค่าน้ำเกลือที่โรงพยาบาลให้"
"..." ผม
เอ่อ มันพูดแบบนี้แล้วใครจะไปกล้ากินเนี่ย
นับหนึ่งเห็นสีหน้าอึดอัดใจของผมแล้วยิ่งหน้าขรึมแววตาหม่นแสงแล้วถอนหายใจเฮือกใหญ่ปรับน้ำเสียงให้อ่อนลง "มึงไม่ต้องห่วงหรอก กูทำอาหารเป็น ท้องไม่เสียหรอก"
"เดี๋ยวกูทำเองดีกว่ามั้ง" กวาดตามองสภาพมันแล้วส่ายหัว "มึงเพิ่งนวดมา พักหน่อยก็ดี"
"เอ๊ะ กูบอกว่าจะทำเองไง" ใช้น้ำเสียงดีได้สองวิก็กลับมากระโชกโฮกฮากต่อแถมยัง "หยุด! ไม่ต้องพูดแล้ว ถ้าไม่กินฝีมือกู กู กูจะหักโบนัสมึงปีนี้!"
"วอท!" แบบนี้ก็ได้เหรอวะ
"ปฏิเสธมาสิ!" คนชอบใช้อำนาจแสยะยิ้มเป็นต่อแล้วโคลงหัวอย่างอารมณ์ดี "แน่จริงปะ ปฏิเสธมา"
"..." กัดฟันกรอด
เออ ผมไม่แน่จริง
นั่นเงินโบนัสเลยนะ
"ว่าไงๆ"
ผมขมวดคิ้วทันควันกับความเอาแต่ใจของนับหนึ่ง สีหน้าของผมเรียบนิ่งถอนหายใจเฮือกใจแล้วพยักหน้าอย่างจำนน "เออ มึงทำเลย อยากทำก็ทำไปเลย!"
"แล้วมึงอยากกินอะไร" อีกฝ่ายเหมือนไม่สนใจอารมณ์หงุดหงิดผมเลย
"อะไรก็ได้" ผมตอบอย่างไม่ใส่ใจ
"อะไรก็ได้มันไม่มี" นับหนึ่งว่าเสียงขรึมแล้วจับหัวผมโยกไปมาอย่างหยอกล้อ "มึงควรดีใจนะ กูไม่เคยทำอาหารให้ใครเลยนะเว้ย"
"แล้วนับสอง?" ไม่เคยทำให้ใคร งั้นนับสองเป็นแมวรึไง
"คนนี้ไม่นับสิ" นับหนึ่งกะพริบตาแล้วฉีกยิ้ม "เอ๋ หรือมึงหึงนับสอง"
"จะบ้าเหรอ!"
ผมหลุดอาการทันทีและรู้สึกเสียการควบคุมเล็กน้อย "นับสองเป็นน้องมึงแล้วอีกอย่างกูก็ช่วยมึงเลี้ยงนับสองมาตั้งแต่เด็ก"
"ควินซ์"
"กูเห็นนับสองเป็นน้องแท้ๆ กูจะไปหึงน้องทำไม!"
นี่มันไม่สมเหตุสมผลเลยนะ
"ควินซ์"
"กูไม่ได้หึงนับสองจริงๆ นะ!"
พูดออกไประรัวและเมื่อมองเห็นรอยยิ้มกรุ้มกริ่มเจ้าเล่ห์ของนับหนึ่งแล้วพลันรู้สึกเย็นยะเยือกไปทั้งหัวใจ ผมสูดหายใจเข้าปอดลึกๆ แล้วเบือนหน้าไปทางอื่น ฝ่ามือกำเข้าหากันแน่น...
นับหนึ่งคลี่ยิ้มบางแล้วยื่นหน้าเข้ามาใกล้ "มึงดูร้อนตัวนะ"
ใครร้อนตัว!
"กูไปดูเนื้อหมูตรงนู้นก่อน" ผมเดินหนีแต่มีหรือที่อีกฝ่ายจะยอมปล่อยผมไปง่ายๆ
"เดี๋ยว คุยให้รู้เรื่องก่อน"
เรียกรั้งไม่พอยังจะฉุดแขนลากกลับมาอีกแต่ผมขืนตัวไว้ "ไม่มีอะไรต้องคุย รีบซื้อของกูจะได้กลับไปจัดกระเป๋า"
"อย่าหนีสิ"
ผมถลึงตาใส่มัน "ใครหนี!"
นับหนึ่งพยักเพยิดหน้ามาทางผม "มึงไง"
"งั้นมีอะไรจะพูดก็พูดมาสิ"
"เอ๋ หรือไม่พูดดี?" เอ่ยกวนตีนแล้วหัวเราะหึๆ
ผมหน้าบึ้งแล้วสะบัดแขนออกจากการจับกุมจนหลุดได้ในที่สุด
"มึงเคยหึงกูกับนับสอง"
ผมสูดลมหายใจอย่างอดทนแล้วหมุนตัวเดินไปเลือกเนื้อหมูอีกด้านเพราะไม่อยากจะฟังอะไรมันแล้วแต่ไม่วายพูดลอยๆ ตามหลังมาอีก
"แปลว่ามึงชอบกูจริงๆ สินะ"
ก็แค่ 'เคย' ชอบ
อย่ามโน!
"มึงขี้หึงเหมือนกันนะเนี่ย แล้วผู้หญิงเมื่อกี้หึงปะ?"
ไม่ได้หึง!