บทที่ 13
จบการทดสอบ
เมื่อเช้าตอนผมตื่นมาตกใจแทบช็อคที่มีงูมานอนอยู่บนอก แต่พอมองดีๆก็เห็นว่าเป็นเสี่ยวเสี้ยวจึงทำแค่อุ้มไปวางไว้ที่ตะกร้าแล้วไปจัดการตัวเองทุกอย่างให้เรียบร้อย ได้ฟังจากพี่ๆทุกคนแล้วว่าตั้งแต่ที่ผมเข้าไปในป่า เสี่ยวเสี้ยวก็ไม่ค่อยร่าเริงและไม่ออกไปป้วนเปี้ยนข้างนอกเลย พี่ๆก็ผลัดกันเข้ามาให้อาหาร แต่เสี่ยวเสี้ยวก็ไม่ค่อยเจริญอาหารเท่าไหร่ต่อให้เอาของชอบมาให้กินก็ตามและพอเล่นด้วยเสี่ยวเสี้ยวก็ไม่เล่นตอบ พี่ๆก็จนปัญญาทำได้แค่เอาอาหารมาให้แล้วก็กลับ ผมที่ได้ฟังอย่างนี้ก็รู้สึกรักเสี่ยวเสี้ยวมากขึ้น ถึงพฤติกรรมน่ารักของเสี่ยวเสี้ยว เมื่ออาหารเช้าจากโรงครัวมาอยู่ที่โต๊ะผมก็ให้อาหารเสี่ยวเสี้ยวและกำลังจะกินอาหารตัวเอง แต่ก็เหมือนนึกอะไรขึ้นได้เพราะปกติจะมีพี่หลงนั่งทานด้วยนี่น่า พอคิดออกว่าลืมพี่หลงไว้ในแหวนมิติก็รีบเข้าไปหาพี่หลงทันที
"พี่หลง ขออภัยที่มาช้า พอดีมีกิจที่ข้าต้องจัดการ พอเสร็จก็ดึกดื่นแล้ว เลยไม่ได้เข้ามารับพี่หลง"ผมเข้ามาก็เห็นพี่หลงยืนรอที่หน้าทางเข้ามิติแล้ว ฉะนั้นผมพูดได้แค่คำว่า ขออภัยเท่านั้นละครับ
"พี่นึกว่าเจ้าลืมพี่ซะอีก"พี่หลงพูดด้วยน้ำเสียงเหมือนรู้ทันผมเลย
"หือ ข้าจะลืมพี่หลงได้ยังไง นี่พอข้าจัดการทุกอย่างเรียบร้อย ข้าก็เข้ามารับพี่หลงทันทีเลยนะขอรับ"
"เป็นเช่นนั้นรึ"
"เป็นเช่นนั้นขอรับ"
"พี่เชื่อเจ้า เหลียนเอ๋อร์"พี่หลงตอบรับอย่างขบขัน
"เช่นนั้นออกไปกันเถอะขอรับ"ผมเลยรีบรวบรัดตัดบทแล้วจับข้อมือใหญ่พาออกมานอกแหวนมิติ
"แล้วพี่หลงทานอะไรรึยังขอรับ ถ้ายังก็ทานมื้อเช้าด้วยกันนะขอรับ อาหารอร่อยทุกอย่างเลยพี่หลง ข้ารับรองได้"เมื่อเราสองคนออกมายืนตรงหน้าโต๊ะน้ำชาริมหน้าต่างที่มีอาหารเช้าวางอยู่ก็นึกขึ้นได้ว่าอาหารที่ผมมีในแหวนมิติน่าจะพอดีกับอาหารเย็นเมื่อคืน มื้อเช้าพี่หลงน่าจะยังไม่ได้ทานเลยเอ่ยชวนพร้อมรับประกันความอร่อยอาหารไปอีกต่อนึง
"เช่นนั้นต้องรบกวนเหลียนเอ๋อร์แล้ว"พี่หลงพูดขอบคุณก่อนจะหย่อนตัวนั่งลงฝั่งตรงข้ามผมที่มีอาหารวางอยู่กลางโต๊ะและนอกจากอาหารยังมีตะกร้าเสี่ยวเสี้ยววางอยู่ด้วย
"ในตะกร้านี่คือสิ่งใดรึเหลียนเอ๋อร์"ผมที่นั่งลงยังไม่ทันได้แนะนำเสี่ยวเสี้ยวให้พี่หลงรู้จัก พี่หลงก็ชิงถามก่อนพร้อมกับขมวดคิ้วเหมือนคิดอะไรอยู่
"นี่คือสัตว์เลี้ยงของข้าขอรับ ชื่อเสี่ยวเสี้ยว เราทำพันธะเลือดกันแล้วด้วยขอรับ"ผมเลยอุ้มเสี่ยวเสี้ยวขึ้นมาแนะนำให้พี่หลงรู้จัก ก่อนจะยื่นไปให้ร่างสูงดูที่เห็นเหมือนพี่หลงไม่ได้กลัวงู ผมเลยกล้ายื่นให้พี่หลงดู
"เช่นนั้นรึ งั้นพี่ขออุ้มดูหน่อยนะ"พี่หลงตอบรับคำผมก่อนจะของอุ้มเสี่ยวเสี้ยว
"ได้ขอรับ"ผมจึงยื่นเสี่ยวเสี้ยวไปให้พี่หลง ซึ่งผมก็ดีใจมากเลยนะที่จะมีคนเอ็นดูเสี่ยวเสี้ยวมากขึ้น
"หือ!!! เห้ย!!!"ผมที่กำลังยื่นเสี่ยวเสี้ยวส่งไปมือพี่หลงถึงกับร้องออกมาเสียงหลง ที่ตอนแรกผมคิดว่าเสี่ยวเสี้ยวที่ชูคอขึ้นมาจะเลื้อยไปที่ฝ่ามือพี่หลงซะอีก แต่ที่ไหนได้เสี่ยวเสี้ยวกับชูคอขึ้นมาเพื่อฉกไปที่ฝ่ามือใหญ่นั้นเต็มเขี้ยว แล้วเหมือนจะพ่นพิษใส่ไปในคมเขี้ยวที่กัดด้วย เพราะหลังจากเสี่ยวเสี้ยวถอนเขี้ยวออก รอยฉกที่ฝ่ามือใหญ่ก็มีรอยเขี้ยวสองรูแถมมีสีคล้ำอีกต่างหาก ผมที่เห็นแบบนั้นก็รีบวางเสี่ยวเสี้ยวลงในตะกร้าดังเดิม ก่อนจะรีบลุกไปฝั่งตรงข้าม ก่อนจะคว้านหายาแก้หมื่นอสรพิษ ที่สามารถแก้พิษงูได้ทุกชนิด ก่อนจะส่งให้พี่หลงกินแล้วรินน้ำชาส่งให้ทันทีที่เห็นพี่หลงกินยาเข้าไป
"พี่หลง ข้าขออภัยแทนเสี่ยวเสี้ยวด้วย ไม่รู้วันนี้เป็นอะไร ปกติเสี่ยวเสี้ยวเข้ากับคนง่ายมาก แล้วก็ไม่เคยฉกกัดผู้ใดเลย สงสัยเสี่ยวเสี้ยวจะตื่นตระหนกที่มีคนแปลกหน้าจะโดนตัว พี่หลงอย่าโกรธหรือเกลียดเสี่ยวเสี้ยวเลยนะขอรับ"ผมรีบขอโทษพี่หลงทันที กลัวพี่หลงจะโมโหแล้วทำร้ายเสี่ยวเสี้ยวเพราะคิดว่าอสรพิษไม่เป็นมิตรและเลี้ยงไม่เชื่อง รวมทั้งหาเหตุผมมาอ้างอิงการกระทำของเสี่ยวเสี้ยวด้วย ซึ่งผมก็ไม่รู้ว่าเสี่ยวเสี้ยวทำไมถึงทำแบบนี้กัน ปกติเสี่ยวเสี้ยวไม่เคยกัดใครเลยแถมยังว่านอนสอนง่าย ดื้อซนไปบ้างตามประสางูที่ยังเล็ก แต่ก็ไม่เคยเลยที่จะทำร้ายใครแบบนี้
"พี่เข้าใจ เสี่ยวเสี้ยวคงไม่ชอบหน้าพี่ละมั้ง"พี่หลงพูดออกมาอย่างผ่อนคลายไร้อารมณ์โกรธ นั้นจึงทำให้ผมสบายใจขึ้นมาบ้าง
"ไม่หรอกขอรับ เสี่ยวเสี้ยวเข้ากับคนง่ายมาก หากพี่หลงไม่กลัวเสี่ยวเสี้ยว ครั้งหน้าที่มาลองเล่นกับเสี่ยวเสี้ยวดูก็จะรู้ว่าเสี่ยวเสี้ยวเข้ากับคนง่ายขอรับ"ผมที่กำลังใส่ยาสมานแผลให้พี่หลงพร้อมพูดปลอบใจพี่หลงไปด้วย และยังชวนให้มาเล่นเพื่อทำความรู้จักเสี่ยวเสี้ยวใหม่อีกครั้ง ถ้าพี่หลงยังไม่เข็ดละนะ
"ได้สิ งั้นครั้งหน้าพี่จะหาของเล่นมาให้ด้วย เผื่อเสี่ยวเสี้ยวจะชอบพี่บ้าง"
"ดีขอรับ เสี่ยวเสี้ยวจะได้เล่นกับพี่หลงง่ายๆ หากมีของเล่นมาด้วย"ผมพูดอย่างดีใจที่อย่างน้อยพี่หลงก็พยายามจะทำความรู้จักกับเสี่ยวเสี้ยวอีก แผลที่กำลังสมานมีเลือดสีดำไหลออกมาก่อนที่แผลจะปิดสนิทดี เหลือเพียงเลือดพิษสีดำที่ฝ่ามือ ผมจึงเอาผ้ามาเช็ดเลือดนั้นออกไปแล้วกลับไปนั่งที่เดิมตัวเอง
"เช่นนั้นทานอาหารกันเถอะขอรับพี่หลง"
"อืม"พอเรื่องวุ่นวายเมื่อกี้จบ ผมเลยชวนพี่หลงทานอาหารกัน เราทั้งสองคนทำเหมือนเมื่อกี้ไม่มีเรื่องอะไรเกิดขึ้น ก่อนจะทานอาหารด้วยกันไปจนอิ่มแล้วทานผลไม้ล้างปากกันต่อ นัดแนะเวลากับสถานที่ที่ผมต้องไปพบพี่หลงเสร็จ พี่หลงก็หายวับไปราวกับที่ฝั่งตรงข้ามผมไม่เคยมีใครนั่งอยู่ตรงนั้น และก็ถึงเวลาพิพากษานักโทษคดีฉกคนแล้ว ผมมองเสี่ยวเสี้ยวที่ชูคอขึ้นมองที่นั่งฝั่งตรงข้ามผมที่ว่างไปแล้วตอนนี้ ก่อนจะเลื้อยวนไปมาราวกับดีใจ ซึ่งตลอดเวลาที่พี่หลงนั่งอยู่ตรงนั้นผมสังเกตเห็นว่าเสี่ยวเสี้ยวมองพี่หลงตลอด แถมยังทำตัวราวกับพร้อมพุ่งไปฉกพี่หลงตลอดเวลาเลย พอเห็นพี่หลงไปแล้วก็ยังเลื้อยดีใจจนไม่ทันมองเห็นสายตาของผมที่เขียวปั๊ดอยู่ในตอนนี้อีก ความรู้สึกในตอนนี้คือโกรธ โกรธมากที่เสี่ยวเสี้ยวทำเหมือนตั้งตัวเป็นศัตรูกับพี่หลง แถมยังทำร้ายคนต่อห้นาผม แล้วยังไม่สำนึก ไม่มีทีท่าของความเสียใจที่ฉกคนเลยสักนิด ยังทำท่าราวกับกำจัดศัตรูได้อีกต่างหาก นั้นจึงทำให้ผมยิ่งโกรธเสี่ยวเสี้ยวเข้าไปใหญ่
"เสี่ยวเสี้ยว ทำไมเจ้าทำร้ายพี่หลงแบบนั้น ข้าไม่ชอบเลยนะที่เจ้าทำแบบนี้ "ผมพูดออกมาเสียงเข้มให้เสี่ยวเสี้ยวรู้ตัวถึงพฤติกรรมที่ไม่น่ารักสำหรับผมในวันนี้ แล้วผมก็ไม่ชอบใจมากด้วย
"นายท่าน แต่มันสมควรโดนเช่นนี้แล้วนะขอรับ"เสียงทุ้มดังมาในจิตของผม เสี่ยวเสี้ยวตอบกลับมาอย่างไม่รู้สึกผิดสักนิด
"สมควรแล้วเหรอที่เจ้าทำร้ายคนต่อหน้าข้า สมควรแล้วเหรอที่เจ้าทำร้ายคนที่ต้องการเป็นมิตรกับเจ้า สมควรแล้วใช่มั้ยที่เจ้าหักหน้าข้า ปฏิเสธน้ำใจที่ข้าต้องการแนะนำตัวเจ้าให้กับสหายข้าได้รู้จัก"ผมพูดอย่างเสียงเข้มขึ้นมาทุกทีกับความโมโหที่เริ่มมีมากขึ้น เมื่อนึกถึงเรื่องที่เกิด
"ข้าไม่ได้ต้องการทำให้นายท่านผิดหวังในตัวข้า ข้าเพียงต้องการปกป้องนายท่านเท่านั้น"
"นั้นคือการปกป้องข้างั้นเหรอเสี่ยวเสี้ยว นั้นเป็นการหาเรื่องใส่ตัวเองมากกว่ากระมัง หากเมื่อกี้คนที่เจ้าทำร้ายตกใจที่โดนเจ้ากัดแล้วพลั้งมือทำร้ายหรือฆ่าเจ้าขึ้นมา เจ้าจะทำอย่างไร แล้วข้าละจะอยู่ยังไง"ผมพูดออกมาตามผลที่จะตามมา พร้อมยกตัวอย่างหากคนที่เสี่ยวเสี้ยวกัดไม่ใจเย็นและเข้าใจอย่างพี่หลง เสี่ยวเสี้ยวได้ไปดื่มน้ำแกงยายเมิ่งแล้ว (ดื่มน้ำแกงลืมความจำเก่า ก่อนไปเกิดใหม่) ถึงแม้จะฟังไม่เข้าใจว่าทำไมเสี่ยวเสี้ยวถึงต้องการปกป้องผมจากพี่หลงนัก สงสัยคงหวงเจ้าของละมั้ง ถึงแม้เสียงเสี่ยวเสี้ยวที่ดังในจิตจะเหมือนชายหนุ่มที่โตแล้ว แต่ร่างงูที่เห็นตรงหน้าเหมือนเพิ่งฟักแตกออกจากไข่ไม่กี่เดือนเอง น่าจะยังมีความเป็นเด็กมากพอตัวอยู่
"ข้าขออภัยนายท่าน ข้าลืมนึกถึงข้อนั้นไป ข้ายังอ่อนแอนักกลับทำเรื่องที่อันตรายเช่นนี้ แล้วยังไม่คำนึงถึงจิตใจนายท่านที่เป็นห่วงความปลอดภัยของข้าอีก ข้าขออภัยจริงๆขอรับนายท่าน"เมื่อผมได้ยินเสียงที่สำนึกของเสี่ยวเสี้ยวแล้วผมก็ใจอ่อนยวบทันที
"ไม่เป็นไร ข้าหวังเพียงครั้งหน้าเจ้าจงคิดให้จงหนัก จะทำสิ่งใดต้องคำนึงถึงสิ่งที่จะตามมาให้มาก เพราะอาจส่งผมต่อตัวเจ้าเองโดยตรง หรือไม่เจ้าจงคิดถึงข้าให้มาก หากเจ้าเป็นอะไรไป ข้าจะหางูที่ตระกะตระกรามอย่างเจ้าได้ที่ได้ ทั้งดื้อดึง ซนเป็นที่หนึ่งเช่นนี้"ผมพูดอย่างจริงจังก่อนจะตลกปิดท้าย คลายบรรยากาศตึงเครียดในห้องนี้
"ข้าเข้าใจแล้วขอรับนายท่าน"เสี่ยวเสี้ยวตอบรับคำผมอย่างหนักแน่น ทำให้ผมคลายความหนักใจลง
"แล้วทำไมเจ้าถึงจ้องจะทำร้ายเฉพาะพี่หลงล่ะ คนอื่นๆข้ายังเห็นเจ้าเล่นซนด้วยอยู่เลย"ผมถามอย่างคาใจ ว่าทำไมเสี่ยวเสี้ยวถึงมีปัญหาแค่กับพี่หลงเท่านั้น
"มันเป็นคนไม่ดีขอรับ นายท่านต้องระวังคนผู้นี้ให้มากนะขอรับ อย่าไว้ใจมันเด็ดขาด มันเป็นคนที่ชั่วช้ามาก มันเป็นคนเลือดเย็นที่พร้อมทำทุกอย่างเพื่อสิ่งที่มันต้องการ นายท่านอย่าไปพบมันอีกเลยนะขอรับ"ทันทีที่เสี่ยวเสี้ยวได้ยินคำถามผม ก็ตอบผมกลับมาอย่างรวดเร็วแถมยังระรัวอีกด้วยราวกับคำที่พูดออกมานั้น มาจากส่วนลึกในใจเลยด้วยซ้ำ ซึ่งผมก็ทำได้แค่อึ่งไปตามระเบียบ งงไปหมด
"เรื่องมันเป็นมายังไงกันแน่เสี่ยวเสี้ยว ข้างงไปหมดแล้ว ทำไมเจ้าแลดูจงเกลียดจงชังพี่หลงนัก เจ้าเคยรู้จักพี่หลงมาก่อนเหรอ หรือเจ้าเคยโดนพี่หลงทำร้ายมา ลองเล่าให้ข้าฟังหน่อยสิ"
"ตอนนี้ยังไม่ถึงเวลาที่ข้าจะพูดได้ นายท่านโปรดรออีกสักนิดเถิดขอรับ ด้วยพลังที่ข้ามีในตอนนี้ ไม่สามารถเล่าเรื่องในอดีตที่เลือนรางนั้นได้ แต่ความเกลียดชังเคียดแค้นนั้นยังสุ่มอยู่ในอกข้า แล้วข้ายังจดจำความรู้สึกที่ฝังลึกในใจข้าได้อยู่ ข้ารู้เพียงว่าต้องฆ่าคนผู้นั้นให้ได้เท่านั้นขอรับนายท่าน"ท่าทางเรื่องมันคงจะใหญ่กว่าที่ผมคิดละล่ะ หรือการที่ผมมาที่นี่จะมีอะไรแอบแฝงกว่าการทะลุมิติมาเฉยๆ โอ้ยยยย หัวจะปวดไปหมด ผมได้แต่ยกมือขึ้นทึ้งหัวตัวเองอย่างคิดไม่ตก ถ้ารวมคำพูดเสี่ยวเสี้ยวเข้ากับความทรงจำเลือนรางที่ไม่ชัดอะไรนั้นของผม มันทำให้ใจผมกระตุกไปเลยเหมือนกัน กลัวจะเป็นเรื่องเดียวกันนะสิ
ก๊อกๆๆๆ ขณะที่ผมกำลังทึ้งผมตัวเองอยู่นั้นก็มีเสียงเคาะหน้าประตูห้องผมดังขึ้น ผมเลยจัดทรงผมและเสื้อผ้าให้เรียบร้อย
"หลงเอ๋อร์ พี่สวี่เองนะ อาจารย์เซียงให้พี่มาตามนะ เห็นว่าใกล้เวลาแล้วยังไม่เห็นเจ้าที่ศาลาการเรียนเลย"เสียงพี่สวี่ดังขึ้นหน้าประตูที่เห็นว่าผ่านไปสักพักแล้ว ยังไม่มีคนไปเปิดเลยส่งเสียงเข้ามาแทน
"ข้าจะไปเดี่ยวนี้ขอรับพี่สวี่"ผมตอบรับพี่สวี่ก่อนจะหิ้วตะกร้าเสี่ยงเสี้ยวไปไว้ที่เดิมที่ควรอยู่ก่อนจะวิ่งไปเปิดประตูทันทีที่ตอบรับสิ้นประโยค
"หลงเอ๋อร์คงจะกังวลละสิ ไม่เป็นไรนะ อาจารย์เซียงใจดี ต่อให้เจ้าได้สมุนไพรมาไม่ครบหรือไม่ได้เลย แต่เหลียนเอ๋อร์ก็ยังได้ประสบการณ์กลับมา อาจารย์ต้องเข้าใจเจ้าเป็นแน่ พวกพี่ๆจะเป็นกำลังใจให้เหลียนเอ๋อร์อยู่ข้างๆนะ"พี่สวี่ที่ยืนหน้าประตูเห็นผมเปิดประตูมาด้วยสีหน้าเร่งรีบ ผมชี้ฟูหน่อยๆนั้นคงคิดว่าผมกังวลจนนอนไม่หลับละเพิ่งตื่นเมื่อกี้ละมั้งเนี่ย เลยปลอบใจผมแล้วยังให้กำลังใจมาอีกด้วย
"ขอบคุณพี่สวี่ขอรับ"ผมเลยได้แต่ขอบคุณกลับไป โดยไม่ได้แก้ความเข้าใจผิดนั้นไป
"งั้นไปกันเถอะ ทุกคนรอเจ้าอยู่"ผมกับพี่สวี่จึงหายวับมายืนอยู่กลางศาลา ท่ามกลางศิษย์พี่ที่นั่งรายรอบรออยู่ก่อนแล้ว พร้อมทั้งอาจารย์เซียงที่นั่งตั่งตรงหน้าผมอยู่ในตอนนี้
"มาแล้วรึหลงเอ๋อร์ พักผ่อนเพียงพอแล้วรึ พร้อมสำหรับการปรุงยารึยัง"อาจารย์เซียงถามขึ้นทันทีที่เห็นผมมาถึง พี่สวี่ก็แยกตัวไปที่นั่งตนเองเรียบร้อยแล้ว
"เรียบร้อย เตรียมพร้อมทุกอย่างแล้วขอรับ"ผมตอบรับอย่างหนักแน่นมั่นใจ
"ดี เช่นนั้นไปหาสมุนไพรครั้งนี้หลงเอ๋อร์ ได้อะไรกลับมาบ้างละ"
"ศิษย์ได้สมุนไพรมาไม่ครบ แต่ก็ได้มาถึงสามตัวขอรับ"
"หือ ได้มาถึงสามตัวเลยรึ"อาจารย์เซียงถามอย่างอึ่งๆ เหมือนตะลึงในสิ่งที่ได้ยิน ทำไมอะก็ให้ไปหาเองนะ ทำไมต้องทำเหมือนตกใจในสิ่งที่ได้ยินด้วยละ
"ขอรับ"ผมตอบกลับไป พร้อมหยิบผลึกหวนคืน ถุงใส่ดอกต้นพญาเสน และเด็ดดอกแก้วผสานจิตออกมาสองดอก ก่อนจะวาดในถาดที่หยิบออกมาด้วยแล้วยื่นไปเบื้องหน้าอาจารย์เซียงทันที
"นะ…นี่มันผลึกหวนคืน ดอกแก้วผสานจิต และกลิ่นนี่มันคือดอกต้นพญาเสนนี่ เจ้าหามันมาได้ในเวลาเพียงเจ็ดวันเองรึหลงเอ๋อร์ เจ้าช่างมีโชคนัก ดี ดียิ่ง"อาจารย์เซียงพูดอย่างดีใจที่เหมือนผมจะได้สมุนไพรกลับมามากกว่าที่คิดละมั้ง
"เก่งมากเลยหลงเอ๋อร์"พี่เซียงชมด้วยแววตาเปล่งประกาย
"ดียิ่ง"พี่หลิวพูดออกมาหน้านิ่ง แต่นัยน์ตาแสดงความยินดีออกมาไม่หยุด
"เก่งมากน้องหก"พี่หงและพี่ข่ายพูดออกมาพร้อมกันประโยคเดียวกันอีกต่างหาก แล้วศิษย์พี่ทุกคนที่ก็ตบมือให้ผม พี่สวี่ที่ดวงตามีน้ำตาคลออยู่ก็ตบมือเป็นระวิงพร้อมทั้งพยายามฮึบกลั้นน้ำตาอยู่ อะไรกันครับเนี่ย อะไรกัน
"เจ้าไม่ต้องงงหรอกหลงเอ๋อร์ พี่ๆเจ้าเค้าดีใจที่เจ้าหาสมุนไพรกลับมาได้ แถมยังได้ตัวที่หายากมาทั้งนั้นเลย พี่ๆเจ้านอกจากจะเป็นห่วงเจ้ามากแล้ว ยังลุ้นว่าเจ้าจะหาสมุนไพรกลับมาได้มั้ย แต่ก็กลัวว่าเจ้าจะเป็นอันตรายเวลาที่หาสมุนไพรพวกนี้กลับมาได้นะ เพราะพิษสงของสิ่งที่เฝ้ามันอยู่ ไม่ใช่ว่าใครจะสามารถเอาชนะมันจนได้สมุนไพรที่มันเฝ้าอยู่มาได้หรอกนะ เรียกได้ว่าพี่ๆเจ้าทั้งภาวนาและสวดมนต์ให้เจ้าได้สมุนไพรแล้วกลับมาอย่างปลอดภัย หรือต่อให้ไม่ได้สมุนไพรกลับมา แต่มีชีวิตกลับมาก็ยังดี และเจ้าก็หามาได้ถึงสามตัวเกินครึ่งของตำรับยาแก้พิษนะสิ พี่ๆเจ้าเลยดีใจเหมือนตัวเองสอบผ่านอย่างนั้นนะ"อาจารย์เซียงพูดอย่างขบขันพร้อมหัวเราะเสียงดังที่เห็นพฤติกรรมลูกศิษย์ทั้งห้าที่กำลังตบมือและอีกส่วนกำลังร้องไห้ดีใจใหญ่ คงมีแค่ศิษย์น้องเล็กสุดนี่ละที่ไม่รู้เรื่องรู้ราวอะไรเลย ถึงความปวดหัวตลอดเจ็ดวันที่ผ่านมาที่บรรดาศิษย์พี่ทั้งห้าต่างสลับสับเปลี่ยนมาถามไถ่ตลอดว่าสมุนไพรตัวไหนมีอะไรเฝ้าอยู่อันตรายมากน้อยแค่ไหนถามซ้ำๆทุกวันจนอาจารย์อย่างเขาปวดหัว
"เช่นนี้นี้เอง งั้นแสดงว่าที่ศิษย์หามาได้ไม่ครบ อาจารย์เซียงก็ไม่ว่าอะไรใช่มั้ยขอรับ"ผมถามอย่างอ้อมแอ้ม ถึงจะรู้ความหมายจากที่อาจารย์พูดแล้วเมื่อกี้ แต่เพื่อความมั่นใจต้องถามย้ำอีกหน่อย
"เจ้าผ่านการทดสอบมาเกินครึ่งแล้วละหลงเอ๋อร์ คงเหลือแค่ปรุงยา อาจารย์จะได้ดูวิธีการปรุงและจัดการสมุนไพรก่อนปรุงเป็นยาของเจ้า แค่นี้ก็จบการทดสอบแล้วละ"อาจารย์เซียงพูดออกมาอย่างยิ้มๆใจดีแล้วบอกสิ่งที่ผมอยากได้ยินให้ฟัง ผมจึงยิ้มกริ่มเลยครับ ก่อนที่อาจารย์เซียงจะร่ายเวทย์เสกโต๊ะที่มีดอกกุยหลางและน้ำทิพย์ส่วนประกอบที่เหลือของยาแก้พิษ พร้อมทั้งหม้อหลอมยาและเตาหินร้อนขึ้นมาตรงหน้าผม เพื่อให้ผมปรุงยาแก้พิษ จากนั้นผมจึงตั้งหม้อพร้อมใส่ผลึกหวนคืนลงไปครึ่งก้อนพร้อมน้ำทิพย์ลงไปเคี้ยวด้วยไฟอ่อนให้ผลึกหวนคืนละลายกลายเป็นเนื้อเดียวกันกับน้ำทิพย์ซะก่อน จากนั้นใส่ดอกกุยหลางทั้งดอกลงไปพร้อมกับกลีบดอกต้นพญาเสนสองกลีบเพื่อให้ฤทธิ์ดอกกุยหลางชะล้างกลิ่นเหม็นเน่าไม่น่ารับประทานนั้นซะก่อน จะได้เหลือแต่สรรพคุณที่ต้องการใช้ของดอกต้นพญาเสนเท่านั้น จากนั้นเคี้ยวด้วยไฟแรงจนยาทั้งสี่เริ่มเป็นเนื้อเดียวกันจึงใส่ดอกแก้วผสานจิตที่ต้องเด็ดเฉพาะกลีบดอกออกมาแปดกลีบ ต้องค่อยๆเด็ดออกจากก้านดอกอย่างเบามืออย่าให้กลีบซ้ำถึงจะได้สรรพคุณที่เป็นเลิศที่สุด ส่วนเกสรดอกแก้วผสานจิตเก็บเอาไว้ใช้เป็นยาหอมแก้วจิตวิปลาสได้ จากนั้นก็เคี้ยวต่อจนน้ำงวดลงไป ก็ยกออกจากเตาหินร้อน จากนั้นเทออกมาใส่ถาดพักไว้ให้เย็น เมื่อเย็นตัวแล้วจะได้ยาที่เหนียวจนสามารถปั้นเป็นก้อนได้แผ่อยู่บนถาด จากนั้นตัดให้เป็นเส้นขนาดเท่ากันแล้วนำไปรีดในรางปั้นยาให้ขึ้นลูกเท่าๆกัน เป็นอันเสร็จสิ้นยาลูกกลอนแก้พันพิษสลายรัก
"นี่ขอรับอาจารย์"ผมทำเสร็จก็นำยาลูกกลอนหลายสิบลูกใส่พานไปใ้อาจารย์ดู
"อืม ดี ใช้ได้ทีเดียว กลิ่นหอมของดอกแก้วผสานจิตยังคงอยู่ สรรคุณของสมุนไพรสามารถดึงออกมาได้อย่างเต็มที่ทุกตัว ความบริสุทธิ์ยาสูงถึงระดับเจ็ด แต่เหมือนจะมีปัญหานะ"อาจารย์เซียงที่ดูอยู่ดีๆก็พรึมพรำออกมาเบาๆท้ายประโยค ผมที่กำลังดีใจที่ได้ยินอาจารย์เซียงพูดแบบนั้นจนประโยคสุดท้ายก็ชะงักไป
"มีปัญหาอะไรรึขอรับอาจารย์"ผมถามอย่างสงสัย พร้อมทุกคนที่งงงวยในคำพูดของอาจารย์
"เหมือนดอกต้นพญาเสนจะไม่ออกฤทธิ์ในยานี่นะ เพราะอาจารย์สัมผัสไม่ได้ถึงสรรพคุณมันในยาลูกกลอนเหล่านี้เลย ทั้งที่ตอนที่หลงเอ๋อร์ปรุงยาก็ถูกขบวนการทุกอย่างแท้ๆไม่น่าจะมีอะไรผิดพลาดนี่น่า"อาจารย์เซียงบอกถึงความผิดปกติยาลูกกลอนพวกนี้ ซึ่งพอผมใช้เวทย์ตรวจสอบยาที่อาจารย์เซียงสอนก็พบเหมือนที่อาจารย์เซียงบอกเลย
"หรือว่าการปรุงยาจะไม่มีปัญหา แต่สมุนไพรมีปัญหาขอรับอาจารย์เซียง"ผมบอกสิ่งที่เป็นไปได้
"เป็นไปได้ งั้นหลงเอ๋อร์ก็เอาดอกต้นพญาเสนที่เหลือออกมาตวรจสอบดูเถอะว่ามีปัญหาอะไร"ผมจึงเอาดอกต้นพญาเสนออกมาสำรวจดู ก่อนที่จะเอาออกมาอาจารย์เซียงรายเวทย์หยุดกำจายคือไม่ให้ดอกต้นพญาเสนส่งกลิ่นออกมาแล้ว ก่อนที่ผมจะเอาออกมาให้อาจารย์เซียงตรวจสอบให้ อาจารย์เซียงใช้เวทย์ตรวจสอบสักพักก็ทำหน้านิ่วคิ้วขมวดทันที
"เป็นอย่างไรขอรับอาจารย์"
"อาจารย์ตรวจพบเพียงนิด เหมือนจะมีเวทย์บางอย่างดึงสรรพคุณมันออกไปก่อนหน้านี้แล้ว ตอนนี้มันเป็นเพียงดอกไม้ธรรมดาที่มีรูปลักษณะเป็นดอกต้นพญาเสนแต่ไม่มีสรรพคุณของดอกต้นพญาเสนเลยแม้แต่เพียงนิด อาจารย์ยังสงสัยเลยว่าใช้เวทย์บทใด เหตุใดจึงเปลี่ยนให้ดอกไม้อสูรดอกนี้ให้กลายเป็นดอกไม้กระดาษที่ไม่มีประโยชน์ได้เช่นนี้ คนที่ร่ายเวทย์บทนี้ต้องมีระดับสูงมากจนประเมินมิได้เป็นแน่ ราวกับเป็นดอกไม้ที่ต้องสาปอย่างไรอย่างนั้น"อาจารย์เซียงพูดออกมาเท่าที่รู้เพื่อให้ศิษย์ตนทุกคนฟังว่าในโลกนี้ยังมีสิ่งที่มากมายที่แม้แต่อาจารย์อย่างเขาก็สุดจะรู้ได้ ฉะนั้นจงขยันหมั่นเพียรเพิ่มความรู้ให้ตนมากขึ้น เพราะความรู้ที่มีในโลกนี้ก็เพิ่มขึ้นตลอดเช่นเดียวกัน ฉะนั้นเราต้องฉลาดให้ทันโลก
"เวทย์อย่างนี้ก็มีด้วยรึขอรับอาจารย์ น่ากลัวนัก เช่นนี้ก็ทำให้ยาที่ปรุงขึ้นมาไม่ต่างอะไรกับขนมสิขอรับ"พี่ข่ายพูดขึ้นมาอย่างเสียดาย
"ถึงจะไม่ใช่ยาแก้พันพิษสลายรัก แต่ยานี่ก็สามารถเป็นคืนวิญญาณได้นะ ถึงแม้ว่าดอกต้นพญาเสนจะถูกร่ายเวทย์ไม่ให้มีสรรพคุณอะไร แต่สรรพคุณยาตัวอื่นยังคงอยู่ ทำให้ยานี่เป็นยาคืนวิญญาณที่ทรงอานุภาพได้นะ"อาจารย์เซียงพูดเพื่อบอกถึงสสรพคุณยาลูกกลอนเหล่านี้ ต่อให้ไม่ได้ยานึง แต่ก็ยังได้อีกยานึงอยู่ดี ไม่เสียเที่ยวหรอก อะไรประมาณนี้ละตามที่ผมคิดนะ
"เช่นนั้นรึขอรับ"ผมพูดเสียงอ่อยๆ อุตส่าห์ตากตรำหามาได้ด้วยความยากลำบาก ดันใช้ไม่ได้ซะงั้น เฮ้ออ เซ็งเลย
"ไม่ต้องเสียใจไปนะน้องหก เจ้ายังทำเป็นยาคืนวิญญาณได้ แค่นี้ก็ดีมากแล้วละ ช่างหัวไอ้ดอกไม้เหม็นๆนี่เถอะ เดี่ยวพี่พาเจ้าไปล่าไก่ฟ้ามาย่างกินปลอบใจเป็นอย่างไร"พี่ข่ายปลอบใจตามสไตล์เลย เอะอะล่าไก่มาย่างมาปิ้ง ลูกเคนคนป่าป่ะเนี่ยพี่เอ๊ยย
"แค่นี้หลงเอ๋อร์ก็เก่งแล้วละ ไม่เป็นไรนะเดี่ยวพี่สั่งขนมอร่อยๆมาให้เยอะๆเลย"พี่สวี่ก็เอาขนมมาล่ออย่างกับผมเป็นเด็ก ซึ่งผมก็ชอบครับ ไม่ได้ว่าอะไร
"หลงเอ๋อร์อย่าเศร้าไป หากพี่รู้ว่าใครมันเป็นคนทำนะ พี่จะจัดการมันให้เจ้าเอง บุรุษอย่างเราอย่าเศร้าเสียใจกับเรื่องเพียงเท่านี้เลยนะ"พี่เซียวก็วางท่านักเลงโตไม่สมหน้าตาสวยหยาดฟ้ามาดินนั้นเลยสักนิด
"เราอย่าพูดเรื่องนี้กันอีกเลยนะขอรับทุกคน หลงเอ๋อร์จะได้ลืมเรื่องนี้ไปซะ"สมกับเป็นคนงามแห่งเขตบุหลันทั้งใจเย็นและรู้ใจทุกคนเป็นที่สุดถึงแม้จะชอบทำหน้านิ่ง แต่ดันใส่ใจพี่น้องทุกคนที่สุดพี่รองหลิวนั้นเอง ผมทำหน้าซึ้งๆใส่พี่หลิวที่เข้าใจว่าผมอยากลืมๆเรื่องนี้ไปซะและได้พูดแทนผมไปแล้ว
"เช่นนั้นอาจารย์เซียงให้ผ่านการทดสอบมั้ยขอรับ พวกศิษย์จะได้ไปเลี้ยงฉลองให้น้องหกใช่มั้ยทุกคน"
พี่หงถามอาจารย์เซียงให้ผม ก่อนจะหันมาหาแนวร่วมปาร์ตี้ เรียกว่าปาร์ตี้หรือเปล่าไม่รู้ มีแค่ขนม น้ำชา และน้ำผลไม้ ดีขึ้นมาหน่อยก็นม ไม่มีแอลกอฮอลล์เลยสักหยด ปาร์ตี้สไตล์เด็กน้อยอะครับ
"ผ่านการทดสอบอยู่แล้วละ แค่น้องพวกเจ้าหาสมุนไพรมาได้ก็เก่งมากแล้ว ศิษย์พี่ของเจ้ายังขอให้อาจารย์ให้เจ้าเป็นนักเรียนชั้นผู้ใช้โอสถหากเจ้าหาสมุนไพรกลับมาได้แม้เพียงชนิดเดียวด้วยนะ ฉะนั้นแล้วตอนนี้หลงเอ๋อร์เป็นศิษย์ขั้นผู้ใช้โอสถเต็มตัวแล้วนะ"อาจารย์เซียงพูดตอบพี่หง ก่อนจะหันมาพูดกับผมแล้วร่ายเวทย์เปลี่ยนลวดลายอาภรณ์ให้เป็นสีเขียวเข้ม ที่นี่แบ่งชั้นเรียนกันตามสีลวดลายอาภรณ์ สีขาวที่ผมใส่ประจำคือผู้ฝึกตนสายโอสถ ต่อมาสีเข้มอ่อนขั้นผู้ปรุงยา และผมข้ามมาที่สีเขียวเข้มขั้นผู้ใช้โอสถตอนต้น พี่สวี่สีฟ้าอ่อนขั้นจอมโอสถตอนต้น พี่ข่ายสีฟ้าอ่อนขั้นจอมโอสถตอนปลาย พี่หงสีฟ้าเข้มขั้นปรมาจารย์ตอนต้น พี่เซียวและพี่หลิวขั้นปรมาจารย์ตอนกลาง และอาจารย์เซียงมีสีทองเพราะบำลุเป็นเทพเซียนด้านโอสถไปแล้ว ถ้าระดับที่สูงกว่านี้คงต้องถามปู่ผมแล้วล่ะ แต่ไม่มีใครรู้ว่าปู่ผมอยู่ไหนก็ทำได้แค่ถามในใจละกันครับ
"ขอบคุณอาจารย์เซียงขอรับ"ผมก้มหัวขอบคุณอาจารย์ก่อนจะเก็บของตัวเองละก้าวมารวมกลุ่มกับศิษย์พี่
"ศิษย์คารวะอาจารย์เซียงขอรับ"พวกผมทุกคนพูดพร้อมกันและคารวะก่อนจะหายวับไปอย่างพร้อมเพรียง
"หึหึหึ ใครคนนั้นคงไม่ต้องการให้เจ้าปรุงยานั้นสำเร็จละมั้งหลงเอ๋อร์ ด้วยพลังเวทย์นั้นคงมีแค่คนผู้นั้นผู้เดียวที่ทำได้กระมัง"อาจารย์เซียงพรึมพรำกับตนเองเบาๆหลังจากที่ศิษย์ของตนหายวับไป
เหนื่อยสายตัวแทบขาดแฮะ ก็ก็ยังดีที่เลื่อนขึ้นได้ไวขนาดนี้ พอหายเหนื่อยอยู่บ้าง ผมคิดเพื่อให้ตัวเองสบายใจทั้งที่ในมือถือขวดลูกกลอนคืนวิญญาณไว้อยู่อย่างคิดไม่ตกว่าทำไมดอกต้นพญาเสนนั้นถึงใช้การไม่ได้ แต่คิดยังไงก็คิดไม่ออก คิดจนหัวจะแตกอยู่แล้ว ถามว่าผมสงสัยพี่หลง ตอบเลยว่าไม่ เห็นได้ชัดเวลาอยู่ด้วยกันนั้นพี่หลงเป็นผู้ฝึกยุทธ์ขั้นไหนไม่รู้ แต่น่าจะสูงกว่าผมอยู่เพราะผมมองออกแค่บางครั้งที่พี่หลงใช้พลัง แสดงว่าพลังยุทธ์พี่หลงต้องสูงกว่าที่แสดงออกมาไม่งั้นจะเปลี่ยนระดับพลังได้ยังไง อย่างน้อยก็ต้องสูงกว่าผมละ และผมสัมผัสพลังเวทย์ในร่างกายพี่หลงไม่ได้เลย จะเป็นพี่หลงได้ยังไง แสดงว่าต้องมีคนร่ายเวทย์ก่อนหน้าที่พวกผมจะไปถึง ผมที่มีพลังเวทย์ยังตรวจสอบไม่ได้ถึงความผิดปกตินั้นเลย พี่หลงที่ไม่มีพลังเวทย์น่าจะไม่รู้ด้วยซ้ำว่าดอกต้นพญาเสนนั้นโดนร่ายเวทย์ไว้ แต่ยิ่งคิดยิ่งปวดหัว ไม่คิดละดีกว่า ผมเลยว่างขวดยาไว้ที่โต๊ะข้างหัวเตียงแล้วเดินไปฉากกั้นเพื่ออาบน้ำสวมชุดเข้านอนเหมือนปกติทุกคืน โดยไม่สังเกตเลยว่าขวดยาได้หายไปแล้ว
นายท่าน โปรดจงรอข้า ข้าจะกลับมาเมื่อรวบรวมเสี้ยววิญญาณสมบูรณ์ ข้าจะกลับมาทวงแค้น ทวงทุกอย่างกลับมา โปรดจงรอข้า นายแห่งข้า เมื่อร่างของงูได้บอกถึงสิ่งที่ต้องทำหลังจากที่ห้องนี้มืดสนิทและนายของมันได้นอนหลับสนิท มันจึงออกมาจากใต้โต๊ะนั้นพร้อมขวดยาคืนวิญญาณที่ตัวมันรัดเอาไว้แน่นชนิดที่ขวดยาแทบแตกหากไม่แข็งแรงพอก่อนจะเลื้อยออกจากห้องไปหลังสวนสมุนไพรระดับราชันที่จะมีโพรงเล็กๆเป็นทางเชื่อมไปถึงนอกเขตบุหลันที่ใกล้กับถ้ำขนาดกลางถ้ำนึงที่เงียบสงบและมีพลังปราณหนาแน่นให้ดูดซับ มันค้นพบที่นี่โดยบังเอิญ ตอนออกมาเลื้อยเล่นหลังจากอี้เหลียนหลงนำมันไปเลี้ยงได้วันเดียว ทำให้เวลาว่างมันก็มาดูดซับพลังปราณที่นี่เพื่อเลื่อนระดับจนเลื่อนได้ไวขึ้นในระดับนึง ตอนนี้มันจะใช้ที่นี่เพื่อรวมจิตวิญญาณที่แตกดับไปนานแล้วกลับมา มันจะต้องทำให้ได้ มันจะต้องรวบรวมสำเร็จเท่านั้น นายของมันรอมันอยู่ หากรวบรวมไม่สำเร็จมันจะไม่ออกไปจากที่นี่เด็ดขาด เป็นตายร้ายดีมันต้องทำให้ได้
ของขวัญจากผู้อ่านคือกำลังใจในการสร้างสรรค์ผลงาน ช่วยส่งกำลังใจให้ไรต์หน่อยนะ!