บทที่ 1090 : ได้โปรดโบกมือให้ฉันอีกสักครั้ง!
ฝนยังคงกระหน่ำ!
ลมยังคงหวีดหวิว!
แต่ถึงอย่างนั้น บรรยากาศบนเวทีกลับพุ่งทะยานสุดขีด!
“กรี๊ดดด!”
“เพราะชะมัดเลย!”
“จางเย่สุดยอดจริงๆ!”
“ไปเอาเพลงพวกนี้มาจากไหนกัน!”
“นั่นสิ เขาแต่งมันได้ยังไงนะ!”
“แต่งไว้ล่วงหน้า? หรือว่าแต่งสดกันนะ?”
“เชี่ย แต่งสดคงไม่ไหวหรอกไหม”
“งั้นทำไมเนื้อเพลงแต่ละประโยคถึงประจวบเหมาะกับสถานการณ์ขนาดนี้ได้ล่ะ?”
“มีแต่ภูติผีที่รู้แล้ว!”
“นี่แหละพรสวรรค์!”
“รักเขาสุดๆ ไปเลย!”
“นักร้องแบบนี้ คนแบบนี้ ใครล่ะจะไม่ชอบ!”
“จางเย่! จางเย่! จางเย่!”
ข้างบนเวที
จางเย่เดินหอบแฮ่กลงเวทีไป ทว่าเขากลับไม่มีท่าทางเหนื่อยล้า ซ้ำยังยิ้มรื่นพลางปล่อยให้สายฝนสาดใส่ใบหน้า ราวกับลืมว่าฝนกำลังตกอยู่
หานฉีเป็นกังวล “อาจารย์จางคะ พักหน่อยเถอะค่ะ พักก่อน!”
จางเย่โบกมือปัด พลางกล่าวอย่างคอแห้ง “มีน้ำไหม”
“ค่ะ! มีค่ะ! ฉันจะไปเอามาให้นะคะ!” เสียวหลวี่วิ่งไปหยิบ
ฟ่านเหวินลี่กางร่มเดินเข้ามา “ผู้กำกับจาง คุณนี่ก็นะ” แล้วยกนิ้วหัวโป้งให้ “ไม่ว่าจะเป็นการร้อง หรือพื้นฐานนิสัยใจคอ ฉันล่ะยอมคุณเลย”
นักร้องและแขกรับเชิญคนอื่นก็หันมามองเขาเงียบๆ
พวกเขาล้วนทราบ ว่าไม่จำเป็นต้องอัดเทปหรือร้องเพลงต่อแล้วแท้ๆ กล้องก็หยุดไปหมดแล้ว ถึงนายร้องไปผู้ชมก็ไม่เห็น มีคนจำนวนแค่หมื่นเดียวที่อยู่ตรงนี้เท่านั้นที่จะได้ยิน จำเป็นด้วยหรือ จำเป็นต้องทุ่มขนาดนี้เลยหรือ
จางเย่กระหายน้ำสุดขีด ดื่มน้ำเข้าไปอึกๆ ถึงสามขวดติด
หานฉีกับเสียวหลวี่ขนาบข้างซ้ายขวากางร่มให้เขา พลางใช้ผ้าขนหนูซับน้ำฝนที่เปียกบนหน้าและศีรษะของจางเย่
เขายิ้ม “ผมไม่เหมือนพวกคุณ คุณสมบัติตั้งต้นของพวกคุณล้วนดีกว่า เริ่มก้าวแรกมาก็ไปได้ไกลกว่า ส่วนเรื่องของผมนั้น เหล่าเหยาน่าเข้าใจดีที่สุด”
เหยาเจี้ยนไฉเองก็อยู่ที่เวทีในวันนี้ด้วยเช่นกัน เมื่อเขาได้ยินก็ยิ้มขำ “เริ่มมาฉันกับจางน้อยก็โดนแบนแล้ว ไม่มีงานทำ ขนาดจะไปเล่นโฆษณายังไม่ได้เลย เรียกได้ว่าไร้ที่ยืนในสังคมเชียวล่ะ พวกคุณรู้ไหมเราสองคนทำยังไง พวกเราไปหาประกวดงานเซี่ยงเซิงกิ๊กก๊อก ตอนแรกเวทีนั้นน่ะ เล็กกว่านี้ตั้งหลายเท่า คนก็น้อยมาก แค่ร้อยสองร้อยคนเองมั้ง เผลอๆ จะไม่ถึงด้วยซ้ำ ทั้งๆ ที่รู้ดีว่าทางสถานีกลางไม่มีทางให้เราสองคนได้ออกอากาศหรอก แต่เราก็ยังซ้อมกันหามรุ่งหามค่ำ พูดกันอย่างเอาเป็นเอาตาย ทุกมุกตลกล้วนต้องกลั่นกรองไม่รู้กี่ครั้งต่อกี่ครั้ง ความรู้สึกเหล่านั้นพวกคุณไม่รู้หรอก ถึงแม้ที่ด้านล่างเวทีจะเหลือผู้ชมแค่คนเดียว พวกเราก็ต้องแสดง ต้องทำให้ดีที่สุด”
จางเสียอึ้งไป
เฉินกวงนิ่งงัน
เลี่ยวอี้ฉี จ้าวฉี่เฉวียน และคนอื่นก็เงียบกริบไปแล้ว
เหยาเจี้ยนไฉยิ้ม “เพราะงั้นหลังจากครั้งนั้น อะไรๆ สำหรับฉันกับจางน้อยก็นับเปลี่ยนไปเยอะมาก เลือกออกรายการ? วางท่าเป็นดาราดังงั้นเหรอ เราสองคนรู้ดีอยู่แก่ใจว่าพวกเราไม่มีสิทธิ์หรอก”
ทว่าตอนนี้พวกเขามีคุณสมบัติที่จะทำเช่นนั้นแล้ว
พวกเขามีสิทธิ์จะเลือกออกรายการ!
พวกเขามีคุณสมบัติที่จะทำตัวเป็นคนดัง!
แต่อย่างไรก็ตาม ความรู้สึกในตอนเริ่มแรกนั้นกลับไม่อาจลืมเลือนได้ชั่วชีวิต ช่วงเวลาที่พวกเขาทั้งคู่จนตรอกในตอนเริ่มต้น ช่วงเวลาที่ผู้คนล้วนมองข้ามพวกเขา ท่ามกลางสายตาเย็นชาและกังขานับไม่ถ้วนที่ด้านล่างเวที กลับมีคนที่ตะโกนร้องเรียกชื่อพวกเขาด้วยความตื่นเต้น หลั่งน้ำตาเพื่อพวกเขา ร้องเชียร์พวกเขา เป็นดังหนึ่งกองไฟท่ามกลางผืนน้ำแข็งหนาวเหน็บ มันช่างอบอุ่นนัก ทำให้รู้ว่ายังมีคนไม่ยอมแพ้ในตัวพวกเขา ยังมีคนที่รอคอยพวกเขาอยู่! ความรู้สึกเช่นนั้นไม่อาจสรรหาคำพูดมาบรรยายได้ ตลอดชั่วชีวิตนี้ไม่อาจลืมได้ลง!
ตอนที่พวกเราทุกข์ยาก เป็นพวกคุณที่คอยอยู่เคียงข้าง ให้กำลังใจเรา สนับสนุนพวกเรา
กระทั่งตอนนี้ พวกคุณก็ยังอยากฟังพวกเราร้องเพลง?
แล้วเราจะไม่ร้องให้พวกคุณฟังได้อย่างไร!
มีเหตุผลอะไรที่จะไม่ร้องให้พวกคุณฟังเล่า!?
จางเย่คว้าไมค์ หัวเราะกับตัวเอง แล้วก้าวขึ้นไปบนเวทีอีกครั้ง
มองดูแผ่นหลังของเขา ฟ่านเหวินลี่ เอมี่ และคนอื่นพลันเกิดความรู้สึกเลื่อมใสขึ้นเต็มเปี่ยม!
ผู้ชมกู่ร้องขึ้น!
“มาแล้ว!”
“จางเย่ขึ้นเวทีมาอีกรอบแล้ว!”
ทันใดนั้น เสียงปรบมือก็ระเบิดออก!
ระลอกแล้วระลอกเล่า บางคนถึงขนาดโยนร่มทิ้งเพื่อจะได้สามารถปรบมืออย่างสุดชีวิต!
ฟังเสียงปรบมือที่อยู่รอบกาย มองดูฝูงชนที่กำลังตื่นเต้น จางเย่พลันนึกถึงเรื่องราวมากมายที่ผ่านมา เขาหลับตาลง สูดหายใจลึก
ยกไมค์ขึ้น
แล้วจางเย่ก็เริ่มเปล่งเสียงทุ้มลึก
“อีกครั้งหนึ่ง ที่ท่วมไปในเสียงปรบมือ”
“เธอที่ตรงหน้าตอนนี้แสนกระตือรือร้น”
“กลางความมืดมิด”
“โลกราวกับหยุดหมุนลงไป”
“ไม่ต้องใช้ถึงสองมือเธอก็กุมใจฉันอยู่”
ผู้ชมตะลึง!
นี่คือ...เพลงที่เขียนให้พวกเราหรือ
นี่คือ...เพลงที่ร้องให้พวกเรางั้นหรือ
ทันใดนั้น จางเย่ก็เดินลงจากเวที ก้าวตรงไปยังที่นั่งผู้ชม จากนั้นเขาหยิบร่มพกและเสื้อกันฝนออกมา เป็นของที่เขาเจอตรงหลังเวทีเมื่อสักครู่ เขากางร่มออก แล้วยื่นส่งให้ผู้ชมหญิงคนหนึ่งที่นั่งอยู่กลางสายฝนโดยไร้ร่ม ทว่าเธอกลับร้องตะโกนชื่อของจางเย่มาโดยตลอด
หญิงสาวผู้นั้นมึนงงไปชั่วครู่ จากนั้นก็มีน้ำตาปริ่มขึ้น “อาจารย์จาง!”
จางเย่ยกร่มให้เธอ ขณะที่ร้อง
“หากมีสักวันฉันหลงทางกลางสายฝน”
“ฉันรู้ว่าเธอจะเยียวยาหยุดความปวดร้าว”
เขากางร่มอีกอันส่งให้คนมีอายุอีกผู้หนึ่ง
“บางทีโลกของเรานี้ ที่สุดคงบ้างแตกต่าง”
“แต่ฉันรู้ว่าเธอจะเคียงข้างแม้กลางสายฝน!”
หญิงมีอายุคนนั้นปิดปากร้องไห้!
เขาเดินไปอีกสองก้าว และส่งเสื้อกันฝนให้พ่อแม่คู่หนึ่งที่พาลูกมาด้วย
ตัวเขาเองกลับไม่กางร่ม!
ตัวเขาเองกลับไม่สวมเสื้อกันฝน!
จางเย่แผดเสียงร้อง
“ได้โปรดโบกมือให้ฉันอีกสักครั้ง!”
“ฉันจะรู้ ว่าเธออยู่ตรงมุมนั้น!”
“ดูชีวิตที่รีบเร่ง!”
“ขอเราได้แบ่งปันชัย!”
“ขอความฝันของเรา ไม่มีวันล้มเหลว!”
ฝูงชนสั่นสะท้าน!
บางคนร่ำไห้!
บางคนชูมือขึ้นมา แล้วโบกไปตามจังหวะเพลง!
และแล้วก็มีคนทำตาม!
สิบคน!
ร้อยคน!
พันคน!
“ได้โปรดโบกมือให้ฉันอีกสักครั้ง!”
“ฉันจะรู้ ว่าเธออยู่ตรงมุมนั้น!”
“อาจมีสักวันยามฉันแก่จนร้องเพลงไม่ได้ลุกเดินไม่ไหว!”
“แต่ฉันจะส่งยิ้มจริงใจให้เธอเสมอ!”
ฉับพลัน ในตอนนี้เอง จางเสียก็เดินนำออกมา!
ฟ่านเหวินลี่!
เลี่ยวอี้ฉี!
เฉินกวง!
เอมี่!
หลี่เสี่ยวเสียน!
ทุกคนต่างเดินขบวนกันออกมา
พวกเขาล้วนเดินกางร่มไปทางที่นั่งผู้ชม จากนั้นก็นำร่มในมือส่งให้กับผู้ชมที่ตากฝน ให้ตนเองกลับตากฝนแทน!
แฟนคลับหนุ่มผู้หนึ่งละล่ำละลัก “ไม่ได้นะครับ อย่างนี้ไม่ได้!”
ฟ่านเหวินลี่กลับไม่พูดอะไร เพียงยิ้มแล้วยัดร่มใส่มือเขา
จากนั้น
จ้าวฉี่เฉวียน!
ราชาประหลาด!
นักร้องทั้งหมดออกมากันหมดแล้ว!
จางเย่ร้องเพลงต่อไป
“ขอบคุณเธอที่คอยแบ่งเบาแบกความลำบาก”
“ขอบคุณฟ้า”
“ที่มีเธอคอยเข้าใจ”
“ขอบคุณที่แม้ท่ามกลางน้ำตารินไหล”
“เรายังยิ้มได้”
“ถึงแม้ในตอนนี้เราต้องหวงแหนช่วงเวลาที่มีร่วมกัน!
ทันใดนั้น สายฝนเหนือศีรษะดูเหมือนจะหายไป
เมื่อจางเย่เงยหน้ามอง ก็พบว่ามีร่มคันหนึ่งกางอยู่เหนือศีรษะของเขา
จากนั้นเมื่อเขาก้าวต่อไปข้างหน้า ก็มีร่มอีกคันกางบังฝนให้!
ทุกก้าวที่เดินไป จะมีร่มกางอยู่เหนือศีรษะเขา!
จางเย่ไม่ทราบเป็นเพราะอะไรจึงมือสั่น ขอบตาแดงเรื่อขึ้นมา
ฟ่านเหวินลี่ จางเสีย เฉินกวง เอมี่และคนอื่นๆ พากันเข้ามา ยืนเคียงข้างจางเย่!
จางเย่แผดเสียงร้องดังกังวาน
“ได้โปรดโบกมือให้เราอีกสักครั้ง!”
“ให้เราได้รู้ ว่าเธออยู่ตรงนั้น!”
“ดูชีวิตรีบเร่ง ขอเราได้แบ่งปันชัย ขอให้ความฝันเรา ไม่มีวันล้มเหลว!”
“ได้โปรดโบกมือให้เราอีกสักครั้ง!”
“เพื่อให้เรา ได้เก็บรักไว้ในใจ!”
“อาจมีวันใดที่เราแก่จนร้องเพลงไม่ได้ลุกเดินไม่ไหว!”
“เราก็ยังคงส่งยิ้มจริงใจให้เธอเสมอ!”
นี่คือบทเพลงสุดท้ายในวันนี้!
นี่คือบทเพลงสุดท้ายของ ‘เดอะแมสก์ซิงเกอร์!’
แต่นี่ไม่ใช่การสิ้นสุด!
เชื่อเถอะว่า ขอเพียงเมื่อใดพวกคุณต้องการ
ฉันจะอยู่ตรงนี้!
อยู่ที่นี่แน่นอน!
คนทั้งหมดพากันโบกมือ!
ทุกคนต่างโบกมือทั้งสองข้าง พร้อมตะโกนเรียกชื่อพวกเขาครั้งแล้วครั้งเล่า!
“จางเย่!”
“จางเย่!”
“ฟ่านเหวินลี่!”
“หลี่เสี่ยวเสียน!”
“จ้าวฉี่เฉวียน!”
“จางเสีย!”
“เฉินกวง!”
หนึ่งบทเพลง พาให้ทั้งเวทีคอนเสิร์ตทะยานขึ้นไปอีกขั้น!
คนหนึ่งคน ทำให้ผู้คนนับหมื่นชูมือโบกสะบัดไปทั้งสนาม!