webnovel

0853

บทที่ 853 เซี่ยงเซิง “ฉันจะขึ้นเวทีคืนส่งปี!”

ช่วงเช้า

มีข่าวหลุดของรายการคืนส่งปีออกมาอย่างไม่ขาดสาย

ในอินเทอร์เน็ต เพิ่งมีข่าวลือของกำหนดรายการคืนส่งปี CCTV ชิ้นล่าสุดหลุดออกมาสดๆ ร้อนๆ ซึ่ง ดูจากกำหนดรายการแล้ว มีความเป็นไปได้สูงว่าไม่น่าจะเป็นสิ่งที่ชาวเน็ตทำขึ้นมาเอง แต่คาดว่าน่าจะเป็นกำหนดรายการคืนส่งปีของจริงมากกว่า

รายการเพลง :

ซุนหัง——“มาตุภูมิ”

จางเสีย, หลี่ชีสี่——“รสชาติแห่งบ้านเกิด”

จางหย่วนฉี——“ใต้แสงตะวัน”

รายการภาษา :

ก่งชิง, ฉือซิ่วฟาง, เสียวไห่ ——ละครสั้น “ทำไมเป็นนายอีกแล้วล่ะ”

ถังต้าจาง, หลี่เอี้ยน กัวปินจื่อพร้อมคณะอีกหกสิบคน——เซี่ยงเซิง “รวมญาติ”

“ทำไมเป็นหน้าเดิมๆ หมดเลยล่ะ?”

“นั่นสิ แถมส่วนใหญ่ยังเป็นคนพวกนั้นด้วย”

“คราวนี้พี่สาวจางร้องเพลงใหม่ฉายเดี่ยวเหรอ? ไม่ร้องกับย่าจางแล้วเหรอ?”

“แสดงเซี่ยงเซิงทีเดียวหกสิบคนเนี่ยนะ? ฉันล่ะพูดไม่ออกเลย!”

“พรืด ถังต้าจางพาคณะเซี่ยงเซิงของเขามาหมดเลยเรอะ? นี่เขาคิดจะย้ายบ้านรึไง?”

“ต้องทำขนาดนี้เลยเหรอ? พูดพร้อมกันหกสิบคนเนี่ยนะ? มีเซี่ยงเซิงที่ใช้คนแสดงเยอะขนาดนี้อยู่ด้วยเหรอ? ไอ้หยา ตลกชะมัด! ปีที่แล้วถังต้าจางโดนจางเย่เล่นงานจนเดือดไปเลยใช่ไหมล่ะ ฉันไม่แปลกใจหรอกที่เขาจะขึ้นเวทีคืนส่งปี ก็เป็นแขกรับเชิญขาประจำอยู่แล้วนี่ แต่คนตั้งหกสิบคนจะพูดเซี่ยงเซิงกันยังไงฟะ? หรือพวกเขาพยายามจะสร้างปรากฏการณ์ใหม่? นี่เรียกว่าเป็นปรากฏการณ์ใหม่ได้ไหม? คนเยอะขนาดนี้ขึ้นเวทีไปจะไม่วุ่นวายเหรอ? อีกอย่าง ถึงคนเยอะก็ใช่จะมีความหมายป่ะ? นี่ไม่ใช่การแข่งจำนวนคนนะเฮ้ย!”

“ใครจะรู้ว่าพวกถังต้าจางคิดอะไรกันอยู่”

“ทีมรายการคืนส่งปีปล่อยให้ผ่านมาได้ไงเนี่ย?”

“รายการคืนส่งปีเดี๋ยวนี้ นับวันยิ่งแปลกขึ้นทุกปีเลยสิน่า!”

“แล้วจางเย่ล่ะ? ทำไมไม่เห็นมีท่านจางเย่ของฉันเลย!”

“เหอๆ ไม่มีแม้แต่การเอ่ยชื่ออาจารย์จางเย่ของพวกเราเลยสักนิด แต่รายการคืนส่งปี CCTV คงไม่คิดจะยุ่งกับเขาแต่แรกอยู่แล้วล่ะ เพราะจางเย่ล่วงเกินคนไว้มากเกินไป ไม่อย่างนั้นเขาคงได้ขึ้นเวทีคืนส่งปีของปีนี้ไปแล้ว”

“การแสดงเซี่ยงเซิงหกสิบคนอะไรนี่ ต้องทนดูไม่ไหวแน่! เซี่ยงเซิงของถังต้าจางน่าเบื่อจะตาย ประโยคแรกมาก็ ‘สหายทั้งหลาย เราได้มาพบกันอีกแล้วนะ’ ทุกที ฉันฟังจนเอียนแล้ว! เทียบกับจางเย่และเหยาเจี้ยนไฉไม่ได้เลย เซี่ยงเซิงของสองคนนี้แม่*โคตรฮา! การแสดงชุด ‘ผมขอปฏิเสธสามต่ำช้า’ นั่นฉันดูไปเป็นสิบรอบเลยนะ!”

“รายการคืนส่งปีที่ไม่มีจางเย่ งั้นก็น่าเบื่อแย่สิ!”

“จริงด้วย ไม่มีคนตีกันให้ดูแล้วอ่ะ”

“พรืด เมนต์บนพูดได้ถูกใจ”

……

สถานีโทรทัศน์นครหลวง

ณ เวทีซ้อมใหญ่ ภายในหอประชุมเต็มไปด้วยผู้คน มีทั้งคณะเชิดสิงโต คณะกายกรรมที่กำลังซ้อมตีลังกา และยังมีนักร้องบางส่วนที่วอร์มเสียงอยู่ข้างนอก เรียกได้ว่าวุ่นวายโกลาหล ข้างในนั้นมีแต่ผู้คนคุ้นหน้าคุ้นตา ดูเหมือนจะเป็นศิลปินที่ปรากฏตัวให้เห็นบนโทรทัศน์กันบ่อยๆ ทั้งนั้น เพียงแต่อาจจะไม่ได้มีชื่อเสียงมากนัก และที่ห้องแต่งตัว กับห้องรับรองหลายๆ ห้องเองก็มีคนแออัดอยู่เต็มไปหมด!

กว่าจางเย่กับต่งซานซานจะเดินทางมาถึงก็ปาเข้าไปสิบโมงแล้ว

หูเฟยกับเหยาเจี้ยนไฉรีบเร่งมารับพวกเขา “จางน้อย เสียวต่ง! ไอ้หยา พวกเธอมาจนได้ เร็วเข้าๆ ทางนี้!”

แล้วจึงตรงดิ่งไปยังห้องรับรองส่วนตัวห้องหนึ่ง

งานคืนส่งปีของสถานีโทรทัศน์นครหลวงครั้งนี้เชิญดาราใหญ่มาร่วมด้วยไม่น้อย แม้ว่าจางเย่จะไม่ใช่คนที่มีชื่อเสียงที่สุด แต่ก็นับว่ามีชื่ออยู่ในแถวหน้า ด้วยสถานะระดับเขา ทางสถานีย่อมไม่มีทางให้เขากับเหยาเจี้ยนไฉไปรวมอยู่กับคนอื่นๆ ในหอประชุมใหญ่แน่ จึงได้จัดเตรียมสถานที่ซ้อมให้พวกเขาแยกต่างหากเอาไว้แล้ว

ปีนี้หูเฟยเป็นรองผู้อำนวยการงานคืนส่งปีของสถานีโทรทัศน์นครหลวง ดังนั้นตอนนี้เขาจึงมีงานล้นมือ ต้องวิ่งวุ่นตั้งแต่เช้าจนหน้าผากมีเหงื่อไคลไหลย้อย “พวกเธอนี่จริงๆ เลย เวลาหน้าสิ่วหน้าขวานยังทำพลาดอีก ไม่ต้องพูดอะไรแล้ว การซ้อมใหญ่จะเริ่มแล้ว รีบไปเตรียมตัวเร็วเข้า!”

ต่งซานซานถอนหายใจอย่างโล่งอกแล้วจึงถาม “ยังไม่เริ่มเหรอคะ?”

หูเฟยกล่าว “กำลังทดสอบอุปกรณ์กันอยู่ ก็เลยเลื่อนมาชั่วโมงหนึ่ง ถ้าพวกเธอมาช้ากว่านี้อีกแค่สิบห้านาทีก็จะเริ่มแล้วจริงๆ จะพูดยังไงก็มาไม่ทันแล้ว”

จางเย่ยิ้ม “เห็นไหม การมาเช้าไม่เท่ากับการมาตรงจังหวะนะ”

หูเฟยแผ่รังสีอำมหิต “เธอก็เลิกยั่วโมโหฉันสักที! จริงสิ เมื่อกี้ฉันเพิ่งคุยกับอาจารย์เหยาไป พอคิดถึงเรื่องที่ว่าเราเชิญพวกเธอล่วงหน้าแค่สองวัน เวลากระชั้นชิดเกินไป ดังนั้นผู้บริหารก็เลยสั่งมาว่า การแสดงเซี่ยงเซิงในวันนี้ให้พวกเธอพูดกันแบบตามสบาย พูดอะไรก็ได้ ไม่มีปัญหาทั้งนั้น ขอแค่พอดีกับเวลาสิบเอ็ดนาทีที่ทางเวทีคืนส่งปีกำหนดไว้ให้ก็พอ อย่างมากไม่เกินสิบสองนาที ส่วนเรื่องยืดหยุ่นเวลาได้ไหมนี่ต้องรอดูเวลาที่ใช้รวมๆ หลังซ้อมใหญ่เสร็จอีกทีถึงจะกำหนดแน่นอนได้ ดังนั้นผลงานที่พวกเธอจะใช้แสดงในวันจริง กลับไปค่อยเกลาดีๆ อีกทีก็ยังทัน”

“ไว้ใจพวกเราขนาดนี้เลยเหรอครับ?” จางเย่กล่าวอย่างประหลาดใจ

หูเฟยพูดต่อ “เธอคือพนักงานเก่าของ BTV เรานะ เธอมีฝีมือขนาดไหนทางสถานีจะไม่รู้ได้ยังไง? ผู้บริหารสถานีน่ะเชื่อในความคิดสร้างสรรค์และประสบการณ์ความสามารถของเธอมากนะ รอผลงานเสร็จออกมาแล้ว ค่อยไปตรวจแบบส่วนตัวกันอีกครั้งก็ได้ ไม่จำเป็นต้องเป็นวันนี้หรอก อ้อ และอีกอย่าง วันนี้ในห้องส่งมีคนเยอะเกินไป ทั้งคนจากทางสถานี ทั้งคนที่เชิญมา การแสดงเซี่ยงเซิงของเธอกับอาจารย์เหยาเป็นรายการสำคัญของเวทีคืนส่งปี BTV ประจำปีนี้ ผู้บริหารสถานีก็เลยอยากจะอุบเอาไว้ จะเปิดเผยออกไปก่อนไม่ได้น่ะ”

“ครับ รับทราบ” จางเย่เข้าใจกระจ่างแล้ว

พูดอะไรก็ได้งั้นเหรอ?

งั้นวันนี้ก็สบายสิ

ตอนนี้เอง ประตูด้านหลังก็ถูกเปิดออก

“ผู้กำกับฉาง”

“ผู้กำกับฉาง!”

ชายวัยกลางคนผู้หนึ่งนำกลุ่มคนแล่นฉิวเข้ามา จางเย่รู้ว่า คนคนนี้คือผู้กำกับใหญ่แห่งรายการคืนส่งปีของ BTV ปีนี้——ฉางเสี่ยวเลี่ยง

ฉางเสี่ยวเลี่ยงพยักหน้าทักทายหูเฟยก่อน “เหล่าหู คุยกับอาจารย์จางและอาจารย์เหยาแล้วเหรอ?”

“คุยไปแล้ว” หูเฟยตอบ

ฉางเสี่ยวเลี่ยงหันมากล่าวกับจางเย่ “อาจารย์จาง สวัสดีครับ”

จางเย่ยิ้มพลางยื่นมือไปจับมือกับเขา “สวัสดีครับ ผู้กำกับฉาง ได้ยินชื่อเสียงมานานแล้ว”

“เช่นกันครับ” ฉางเสี่ยวเลี่ยงพูด “การเชิญคุณกับอาจารย์เหยามาครั้งนี้ ทางสถานีก็อนุมัติให้ผมอย่างกะทันหัน ดังนั้นก็เลยแจ้งให้ทางคุณทราบช้าไปหน่อย”

“ไม่เป็นไรครับ ผมกับเหล่าเหยาสบายมาก”

“พวกคุณนี่ช่วยส่งฟืนไฟกลางหิมะแท้ๆ ”

“ไม่ถึงขนาดนั้นหรอกครับ”

คนทั้งสองพูดคุยแลกเปลี่ยนกัน

ความจริงที่ฉางเสี่ยวเลี่ยงพูดก็ไม่ถือว่าเกินจริง เพราะด้วยตำแหน่งและชื่อเสียงของจางเย่ จะปรากฏตัวบนเวทีคืนส่งปีของ CCTV นั้นคงยากแน่ ต้องอาศัยทั้งเส้นสาย และถูกตรวจคัดอย่างเข้มงวด เหมือนกับงานส่งปีของปีที่แล้ว ที่ขนาดสตาร์ควีนอย่างจางหย่วนฉีและนักร้องศิลปินแห่งชาติอย่างจางเสียยังเกือบไม่มีโอกาสได้ขึ้นเวที แต่ถ้าหากจางเย่ยืนกรานอยากจะขึ้นเวทีคืนส่งปีให้ได้ล่ะก็ ย่อมไม่มีปัญหาแน่นอน ทั้งเขายังสามารถเลือกเข้าสังกัดสถานีได้ตามใจชอบ ดังนั้นการที่จางเย่เลือกมายังสถานี BTV ของพวกเขาในคราวนี้ จึงนับเป็นการส่งฟืนไฟกลางหิมะโดยแท้ ไม่เห็นหรือว่าสถานีดาวเทียมท้องถิ่นที่อื่นต้องใช้เงินอั่งเปาตั้งเท่าไรเพื่อดึงตัวดาราระดับ A ระดับ B มารายการคืนส่งปีของช่องตัวเอง? ผู้กำกับบางคนยังต้องถึงกับนั่งเครื่องบินถ่อไปถึงฮ่องกงเพื่อเชิญดาราฮ่องกงมาด้วยตนเองเลยด้วยซ้ำ แต่จางเย่ล่ะ? เงินสักหยวนเดียวเขาก็ไม่ถามถึง โทรศัพท์กริ๊งเดียวเขาก็มาแล้ว นี่คือการให้เกียรติ BTV ของพวกเขา ดังนั้นฉางเสี่ยวเลี่ยงจึงเกรงใจจางเย่และเหยาเจี้ยนไฉเป็นอย่างยิ่ง

ขณะเดียวกัน ความจริงตัวจางเย่เองก็อยากได้โอกาสนี้อยู่เช่นกัน เขามีคุณสมบัติพอที่จะขึ้นเวทีคืนส่งปี แต่ประเด็นคือไม่มีใครกล้าเชิญเขา แต่ละคนล้วนกลัวว่าเขาจะก่อเรื่อง หรือไม่ก็กลัวว่าจะไปขัดแย้งกับคนที่เกี่ยวข้องไม่ทางใดก็ทางหนึ่งจนไม่กล้าเชิญ ดังนั้นต่อให้จางเย่มีชื่อเสียงสูงส่งขนาดไหนก็คงไม่มีประโยชน์ และคงไม่ได้ขึ้นเวทีคืนส่งปีสักที่อยู่ดี ทว่า BTV เป็นที่ทำงานเก่าของจางเย่ มีความผูกพันกันมานาน เคยทั้งทะเลาะเบาะแว้งและช่วยเหลือเกื้อกูล จางเย่ย่อมมีความเชื่อมั่นมากกว่าสถานีอื่นๆ ก็นับว่ารู้จักกันดีจนรู้ไส้รู้พุงนั่นแหละ ถึงกล้าเชิญเขาได้

ดังนั้นจะว่าไป นี่ก็ถือว่าได้ประโยชน์กันทั้งสองฝ่าย

ด้านหลัง มีรองผู้กำกับสองคนเพ่งเล็งไปที่ต่งซานซาน แล้วเอ่ยปากตำหนิ!

หนึ่งในสองคนนั้นกล่าว “เสียวต่ง ทำอะไรของเธอหืม? วันสำคัญขนาดนี้เธอพลาดได้ยังไง? บอกไปแล้วนี่ว่าจะเริ่มกันตอนเก้าโมง เธอดูสิว่าตอนนี้มันกี่โมงแล้ว? มีวินัยบ้างรึเปล่า?”

ต่งซานซานขยับจะพูด

ทว่าจางเย่ซึ่งอยู่ไม่ไกลกลับแทรกขึ้นมาก่อน “เรื่องนี้ผมผิดเอง”

รองผู้กำกับทั้งสองชะงัก แล้วพากันหันไปมองเขา

จางเย่กล่าวด้วยน้ำเสียงขออภัย “เมื่อเช้าผมไปหาซานซานแต่เช้า ไปถามเธอเกี่ยวกับเรื่องงานทางนี้ แล้วก็คุยกันเรื่องรายการ พอคุยไปสักพักก็ติดลมจนลืมดูเวลา ความจริงเดิมทีก็รีบมากันแล้วล่ะครับ แต่ตอนหลังดันมีอุบัติเหตุอยู่ข้างหน้า แถมเจอรถติดอีก พวกเราสองคนก็เลยมาสายเลย”

“คุยเรื่องรายการ?” คนหนึ่งกล่าว

จางเย่ปั้นเรื่องหน้าตาเฉย “อ๋อ ไม่ใช่แค่เรื่องเซี่ยงเซิงนะครับ พอดียิ่งคุยยิ่งเกิดไอเดียขึ้นมา พวกเราก็เลยแลกเปลี่ยนไอเดียกันเรื่องรายการละครสั้น ผมว่าซานซานน่าจะแสดงละครสั้นได้นะ ก็มีพิธีกรบางคนที่รับบทเป็นตัวละครในละครสั้นอยู่ไม่ใช่เหรอ? อ้อจริงสิ ผมกับซานซานเป็นเพื่อนร่วมรุ่นมหา’ลัยเดียวกัน สมัยมหา’ลัยพวกผมก็คุยเรื่องพวกนี้กันอยู่บ่อยๆ พอเริ่มคุยแล้วมันหยุดไม่อยู่ทุกทีเลยน่ะครับ”

ฉางเสี่ยวเลี่ยงเอ่ยถาม “อาจารย์จางเขียนบทละครสั้นได้ด้วยเหรอ?”

จางเย่หัวเราะเบาๆ “ก็นิดหน่อยล่ะครับ แค่คุยไปเรื่อยเปื่อย”

ฉางเสี่ยวเลี่ยงพูดอย่างตื่นเต้น “ผมอยากดูผลงานละครสั้นของคุณจริงๆ”

“ฮ่ะฮ่า กำหนดรายการไปแล้ว คงต้องรอปีหน้าแล้วล่ะ” จางเย่ว่า

ฉางเสี่ยวเลี่ยงพยักหน้า “ตกลง พวกเรายังมีโอกาสรวมมือกันอีกเยอะ”

รองผู้กำกับทั้งสองลอบมองต่งซานซาน และไม่พูดอะไรอีก จางเย่รับผิดเข้าตัวเองหมดแล้วพวกเขายังจะพูดอะไรได้อีกล่ะ?พวกเขาจะต่อว่าจางเย่มันก็ไม่ได้จริงไหม? คนเขามีสถานะเป็นถึงอะไรบ้างเล่า? รองศาสตราจารย์ม.เป่ยต้า รองศาสตราจารย์ม.สื่อฯ ได้รับรางวัลสุดยอดพิธีกร เป็นดาราใหญ่ในทำเนียบดาราระดับ B และยังพูดได้อย่างเต็มปากเต็มคำว่าจางเย่มีสถานะเป็นถึงผู้กำกับรายการทีวีอีกด้วย ชื่อเสียงของเขาไม่มีทางด้อยไปกว่าฉางเสี่ยวเลี่ยงผู้ซึ่งเป็นผู้กำกับงานเฉลิมฉลองอันเลื่องชื่อในวงการเลย มิหนำซ้ำจางเย่ยังเป็นผู้กำกับรายการทีวีที่ได้เรตติ้งอันดับหนึ่งในปัจจุบันอีก เป็นคนที่พูดคุยกับหัวหน้าสถานีโทรทัศน์นครหลวงของพวกเขาได้โดยตรง กับคนระดับนี้อย่างพวกเขายังจะมีสิทธิ์อะไรไปตำหนิอีกฝ่ายได้ ฉะนั้นประเด็นความผิดสาหัสของต่งซานซาน จึงเป็นอันถูกปัดตกไปตามระเบียบ

จางเย่กับต่งซานซานสบตากันอย่างเข้าใจความหมาย

มีอีกคนหนึ่งมุ่งตรงมาจากด้านนอก

“ผู้กำกับฉางครับ ได้เวลานับถอยหลังแล้วครับ!”

“เตรียมพร้อมหมดหรือยัง?”

“พร้อมหมดแล้วครับ”

“ดี จะเริ่มดำเนินการอย่างเป็นทางการในอีกสิบนาที!”

จากนั้น ฉางเสี่ยวเลี่ยงก็รีบพาทีมงานไปยังเวที

หูเฟยหันกลับมากล่าว “อาจารย์เหยา จางน้อย รายการพวกเธออยู่ตรงช่วงต้น ประมาณรายการที่เจ็ดที่แปด อีกเดี๋ยวจะมีคนพาพวกเธอเข้าฉากนะ”

ทุกคนเดินออกไปแล้ว

เหลือแต่จางเย่กับเหยาเจี้ยนไฉ

จางเย่ถาม “มาลองซ้อมบทกันไหม?”

เหยาเจี้ยนไฉตอบหน้าตาเฉย “ให้พูดอะไรก็ได้ไม่ใช่รึไง?”

“แม่* แล้วเราจะพล่ามไปแบบไร้จุดหมายกันเหรอ?” จางเย่หัวเราะ “แต่คงต้องบอกว่าไม่ต่างเท่าไรหรอกนะ”

มองดูนาฬิกาข้อมือ แล้วเหยาเจี้ยนไฉก็เอ่ย “อีกเดี๋ยวก็จะถึงคิวเราสองคนขึ้นเวทีแล้ว จะทันเหรอ?”

จางเย่ตอบ “งั้นก็แค่ซ้อมง่ายๆ แล้วกัน”

ทันใดนั้นเหยาเจี้ยนไฉก็นึกอะไรออก จึงร่าเริงขึ้นมา “จริงสิ นายเห็นกำหนดรายการคืนส่งปีของ CCTV ปีนี้รึยัง? ถังต้าจางพาพวกคณะเซี่ยงเซิงของเขาขึ้นเวทีคืนส่งปีด้วยนะ”

“แล้วมันยังไงล่ะ?”

“แล้วมันยังไงน่ะเหรอ? แสดงเซี่ยงเซิงกันทีเดียวหกสิบกว่าคน นายเคยได้ยินที่ไหนมีมั่ง?”

“โห! จริงเรอะ?”

“นายดูเองสิ! ใครๆ ก็ว่าพวกนั้นจะสร้างปรากฏการณ์ใหม่ล่ะ!”

พอเลื่อนอ่านข่าวไปสักพัก จางเย่ก็ขำบ้าง ทันใดนั้นเขาก็นึกถึงมุกเซี่ยงเซิงสุดคลาสสิกอันเลื่องชื่อตอนหนึ่งของกัวเต๋อกังในโลกเดิมของเขาขึ้นมาได้

จางเย่มองเหยาเจี้ยนไฉ “พวกเขาบอกว่า การซ้อมวันนี้ให้พวกเราสองคนพูดกันได้ตามสบายเลยใช่ไหม?”

เหยาเจี้ยนไฉกระพริบตาปริบๆ “บอกว่าให้พูดอะไรก็ได้”

จางเย่ยิ้มกริ่มพลางกล่าว “งั้นฉันรู้ละ”

“นายมีไอเดียแล้วเหรอ?”

“มีแล้ว”

“โอ้ คืออะไรอ่ะ?”

“... ‘ฉันจะขึ้นเวทีคืนส่งปี’ !”