webnovel

0295

บทที่ 295 : ความตื่นเต้นของนักศีกษาเป่ยต้า

________________________________________________________________

ชั้นล่าง

ห้องเรียนภาควิชาภาษาจีน

ระหว่างทางที่อู๋เจ๋อชิงกับจางเย่ลงมาชั้นล่าง ได้ตกลงกันเรื่องค่าตอบแทนและการจัดตารางคาบเรียนแล้ว ไม่มีข้อขัดแย้งอะไร ทุกสิ่งต่างเรียบร้อยด้วยดี

"จางน้อย คิดหรือยังว่าจะสอนอะไรคะ?"

"ยังเลยครับ แต่ก็พอมีแนวคิดคร่าวๆ แล้ว"

"ค่ะ ยังไงวิชานี้ก็ยกให้คุณแล้ว หวังว่าคุณจะจัดการได้เรียบร้อย"

“แน่นอนครับ ความจริงผมอยากเจอกับพวกนักศึกษาสักหน่อย ลองดูว่าพวกเขาอยากเรียนเรื่องอะไร ถ้าให้ผมเลคเชอร์ แน่นอนว่าต้องหาเรื่องที่ทุกคนสนใจ ไม่อย่างนั้นผมสอนไปก็ได้แต่สนุกกับตัวเอง จะไม่เกิดประโยชน์อะไรเลย สู้สอนที่พวกนักศึกษาฟังแล้วต้องสนใจจะได้ผลกว่าครับ”

"ความคิดนี้ของคุณนับว่าไม่เลวค่ะ ไปกัน ฉันจะพาคุณไปห้องเลคเชอร์ค่ะ"

เลียบสวนดอกไม้ พวกเขาเดินผ่านหน้าบริเวณห้องเรียนต่างๆ ไปหลายห้อง ระหว่างนั้นอู๋เจ๋อชิงก็โทรศัพท์สั่งการเรื่องบางอย่างไปด้วย

……

สองโมงกว่า

เสียงประกาศตามสายในภาควิชาภาษาจีนดังขึ้น

ทั้งบริเวณสวน สนามกีฬา และตามระเบียงทางเดิน ล้วนแต่ได้ยินเสียงประกาศซ้ำๆ นี้

"ประกาศ นักศึกษารายวิชาเลือก ‘วรรณคดีโบราณวิจักษณ์’ ทุกท่านโปรดทราบ ขอเชิญพร้อมกันที่ห้องเลคเชอร์เล็ก อาคารสอง เวลาเก้าโมงตรง กรุณาแจ้งให้ทราบโดยทั่วกันค่ะ"

เพราะเป็นวันที่สองมกราคม ช่วงเช้านักศึกษาปีสองและปีสามไม่มีเรียน มีแค่ปีหนึ่งเพียงบางส่วนเท่านั้นที่มีเรียน ในบริเวณห้องเลคเชอร์ มีคนกำลังเตรียมเข้าเรียน บางคนก็ยังนอนอยู่ที่หอ บ้างถือโอกาสฉลองวันหยุดที่บ้านยังไม่กลับมหาวิทยาลัย เมื่อได้ยินเสียงประกาศ คนส่วนใหญ่ล้วนแต่ไม่สนใจ เรื่องไม่เกี่ยวกับตัว พวกเขาไม่เกี่ยวข้องอะไรด้วย มีแต่นักศึกษาวิชาเลือก ‘วรรณคดีโบราณวิจักษณ์’ ส่วนน้อยเท่านั้นที่เงี่ยหูฟัง

เหยามี่หลังกินข้าวเช้าเรียบร้อยแล้ว กำลังเล่นแบดมินตันอยู่กับเพื่อนที่มุมหนึ่งของสนามกีฬา

"หือ? ประกาศเรียกพวกเราแน่ะ!" หลี่อิงกล่าวอย่างแปลกใจ

หลี่ลี่สงสัย "เรื่องอะไรน่ะ? ไปห้องเลคเชอร์เล็ก?"

เหยามี่ยิ้มโบกไม้แบดมินตันเป็นสัญญาณ "ยังต้องถามอีก ต้องเชิญอาจารย์ใหม่มาได้แล้วน่ะสิ ในที่สุดพวกเราก็ไม่โดนเทแล้ว!"

หลายคนที่เลิกเล่น ต่างพากันนั่งพัก

หลี่ลี่ถาม "พวกนายว่าเป็นอาจารย์ท่านไหน?"

เหยามี่เดา "คงต้องเป็นศาสตราจารย์แก่ๆ หัวล้านแหงๆ หรือไม่ก็ต้องเป็นยายเฒ่าหัวขาวแล้วล่ะ คิกๆ อาจารย์ในภาควิชาภาษาจีนเป็นงี้กันหมดแหละ"

หลี่อิงกล่าวติดตลก "ในที่สุดก็ต้องพึ่งพาผู้เฒ่าเหล่านั้นแล้ว"

เด็กสาวที่อยู่หอเดียวกับเหยามี่ข้างๆ กล่าว "นั่นสิ คราวนี้โอกาสสอบตกเราจะได้ลดลงเสียที อย่างน้อยก็ให้อาจารย์เน้นเนื้อหาทีี่จะออกข้อสอบหน่อยก็พอ"

ทุกพื้นที่ในมหาวิทยาลัย หลายคนต่างได้ยินเช่นกัน

"เรียกเราแน่ะ"

"อาจารย์ใหม่มาแล้วเหรอ?"

"มาถึงก็จะสอนเลย?"

"ไม่หรอกมั้ง วันนี้คงเป็นการแนะนำตัว ให้ทุกคนได้คุ้นเคยกันสักนิด พรุ่งนี้น่าจะเริ่มสอนแหละ ไปกัน ไปดูกันหน่อย"

"คงเป็นศาสตราจารย์แก่ๆ อีกแหงแซะ น่าเบื่อ!"

"ก็ต้องไปไหม คนเขาถือเกรดเราอยู่นะเว้ย!"

……

ฟากตะวันตกของตึกเรียนหมายเลขสอง

ในห้องเลคเชอร์ขณะนั้น นักศึกษาต่างทยอยมากันไม่น้อยแล้ว

ห้องเลคเชอร์ไม่ใหญ่นัก ความจุเพียงแค่ราวๆ หนึ่งร้อยห้าสิบคนเท่านั้น อีกทั้งจำนวนนักศึกษาที่ลงเรียนรายวิชา ‘วรรณคดีโบราณวิจักษณ์’ นี้เองก็ไม่มากนัก นักศึกษาภาควิชาภาษาจีนในเป่ยต้ารวมๆ กันทุกชั้นปีแล้ว มีเพียงประมาณหนึ่งร้อยยี่สิบคนเท่านั้น นี่ยังรวมไปถึงนักศึกษาในภาควิชาอื่นๆ ด้วย แน่นอนว่าถ้าไปเทียบกับมหาวิทยาลัยอื่น คนร้อยกว่าเท่านี้นับว่ามาก แต่ที่เป่ยต้า คนจำนวนนี้นับว่าไม่มากเลย และไม่ใช่วิชาเลือกที่นิยมกัน ซึ่งคนที่มาลงเรียนส่วนใหญ่เป็นนักศึกษาที่ต้องการวิชาง่ายๆ ผ่านสบายๆ ให้คะแนนออกมาดีๆ เท่านั้น

นอกจากคนที่ไม่มามหาวิทยาลัย นักศึกษาของรายวิชานี้มากันเกือบครบ แถวหน้าของห้องเลคเชอร์เป็นพื้นที่หวงห้าม[1] ที่ปกติไม่มีคนนั่ง ทุกคนล้วนแต่กระจุกกันเยื้องไปทางด้านหลังห้องเสียมากกว่า พูดคุยเฮฮากันระหว่างรอให้อาจารย์คนใหม่ผู้ลึกลับปรากฏตัว

"ยังไม่มาอีก?"

"ยังไม่เก้าโมงเลย"

"เล่นไพ่ไหม?"

"อย่าเลยน่า เดี๋ยวอาจารย์จับได้อีก"

อีกด้าน เหยามี่เอาโทรศัพท์มือถือออกมาเล่นเน็ต ไถไปไถมา จากนั้นได้แต่กล่าวอย่างเสียดาย "ทำไมยังไม่กลับมาฉายอีกล่ะ? จะลงแดงตายแล้วนะ!"

หญิงสาวถาม "ฉายอะไรน่ะ?"

เหยามี่ตอบอย่างขุ่นเคือง " ‘จางเย่ทอล์คโชว์’ ไง"

หลี่อิงถามอย่างสนใจ "สหายเสี่ยวมี่ เธอก็ดู ‘จางเย่ทอล์คโชว์’ เหรอ?"

"เสี่ยวมี่[2]บ้านนายสิ! ตระกูลนายนั่นแหละเสี่ยวมี่!" เหยามี่ด่ายิ้มๆ ก่อนตอบ "ดูอยู่แล้ว ตอนแรกๆ ฉันดูย้อนไปย้อนมาตั้งสามสี่รอบแน่ะ จางเย่ตลกโคตร!"

เพื่อนร่วมชั้นที่พวกเขาไม่รู้จัก นั่งอยู่ข้างพอที่ได้ยินก็หลุดหัวเราะออกมา "นั่นสิๆ ปากของจางเย่น่ะ แม่*โคตรเจ๋ง!"

เหยามี่หันไปหา "ใช่ป่ะ? ฉันล่ะรอตอนใหม่อยู่เนี่ย!"

เพื่อนนักเรียนคนนั้นกล่าว "ฉันก็ด้วย แต่ว่าคงหลังปีใหม่แหละ เธอไมไ่ด้ดูข่าวเหรอ? SARFT ยังไม่คืนใบอนุญาตให้จางเย่ เขาก็เลยทำรายการไม่ได้"

หลี่ลี่กล่าว "เหยามี่ ตอนกินข้าวเช้ากัน เธอบอกว่าพ่อเธอรู้จักจางเย่ไม่ใช่เหรอ? ฉันก็ดูทอล์คโชว์นะ สรุปว่ายังไงกัน?"

เพื่อนนักเรียนคนนั้นตาเป็นประกาย "พ่อเธอรู้จักจางเย่เหรอ!?"

เหยามี่กล่าว "แน่สิ สองคนนั้นเป็นเพื่อนกันดว้ยนะ"

"พ่อเธอเป็นใครกันแน่?" หลี่อิงถาม "ไหงฉันไม่เคยรู้"

เหยามี่หัวเราะคิกคัก "พูดไปพวกนายก็ไม่รู้จักไง"

หลี่อิงกรอกตาใส่ "งั้นก็ช่างเถอะ แต่ว่าเทียบกับทอล์คโชว์แล้ว ฉันชอบ ‘จางเย่พิเคราะห์สามก๊ก’ มากกว่านะ พวกเธอได้ดูกันไหม?"

หลี่ลี่กล่าว "ก็การบ้านของรองศาสตราจารย์หวังก่อนหน้านี้ไง ดูกันหมดแล้ว"

รายวิชาอื่นอาจจะพูดได้ยาก แต่สำหรับรายวิชา ‘วรรณคดีโบราณวิจักษณ์’ แล้ว ไม่มีใครไม่รู้จักจางเย่ ความจริง ไม่มีใครไม่รู้จักผลงานของเขา ยิ่งกับรองศาสตราจารย์หวังที่เทอมนี้สอนเพียงสองคาบ เมื่อตอนคาบที่สอง รองศาสตราจารย์หวังยังให้การบ้านพวกเขาท้ายคาบ ให้ไปหาหนังสือเจ็ดเล่ม รายการทีวีสองรายการ หนึ่งในนั้นคือ ‘จางเย่พิเคราะห์สามก๊ก’

วรรณคดีโบราณ

ความจริงแล้วมีแค่ไม่กี่เรื่อง โดยเฉพาะสามก๊กที่ถือว่าเป็นยอดของยอด!

เหยามี่ได้ยินหัวข้อนี้ถึงกับส่ายหน้า "พวกนายดู ‘ห้องเลคเชอร์’ ตอนนี้สิ กลายเป็นอะไรไปแล้วก็ไม่รู้! ตอนแรกที่จางเย่มาวางแผนรายการทั้งเป็นพิธีกรด้วย เขาล้วนบรรยายได้เยี่ยม เรตติ้งก็ระเบิดระเบ้อ แต่ห้องเลคเชอร์ตอนนี้น่ะเหรอ? เชิญแต่พวกที่บอกว่าเป็นผู้เชี่ยวชาญเอย ศาสตราจารย์เอย สุดท้ายบรรยายบ้าบออะไรก็ไม่รู้ สักส่วนของจางเย่ยังไม่ได้เลย!"

หลี่อิงเห็นด้วย "เรื่องนี้พูดถูก ศาสตราจารย์พวกนั้นฉันล่ะไร้คำพูดจะเอ่ย เอาแต่อ่านไปตามสคริปต์ ตั้งแต่ต้นจนจบ ผู้ชมข้างล่างยังปรบมืออีก? นี่มันหน้าม้าชัดๆ! พวกนายดูตอนจางเย่บรรยายสิ เคยใช้สคริปต์ตอนไหนบ้าง? มีตอนไหนที่ต้องก้มหน้าอ่านบทบ้าง? ช่องว่างนี้ต่างกันเกินไปแล้ว! ประเด็นหลักคือพวกเขาพูดได้ไม่ดีเท่าจางเย่ พูดไปแค่ไหนก็ยังไร้ความหมาย รายการดีๆ แบบนี้ ดันมาให้ไอ้พวกผู้เชี่ยวชาญศาสตราจารย์ทำจนเละ เหอะ เรตติ้งตอนนี้ไม่ถึงหนึ่งในสี่ส่วนของตอนทำรายการ ‘จางเย่พิเคราะห์สามก๊ก’ เสียด้วยซ้ำ!"

รุ่นน้องคนหนึ่งที่นั่งข้างหลังร่วมวงด้วย "ใช่ๆ ไม่มีจางเย่ BTV-วรรณศิลป์ถึงคราวตกต่ำโคตรๆ"

รุ่นพี่สาวอีกคนซึ่งอยู่ปีสาม ก็หัวเราะกล่าวว่า "รายการของจางเย่น่ะ ให้ใครดูก็ต้องรู้สึกว่าวางผังรายการได้เทพสุดๆ รายการมีเอกลักษณ์เป็นพิเศษมาก ฉันคิดว่าสิ่งที่สำคัญที่สุดน่ะไม่ใช่เรื่องความคิดสร้างสรรค์หรือการวางแผนหรอก แต่เป็นตัวจางเย่เองนั่นแหละ! ช่องสถานีโทรทัศน์นครหลวงน่ะฆ่าลาหลังโม่แป้งชัดๆ ปล่อยให้อาจารย์จางเย่ต้องจากไป สุดท้ายดูตอนนี้สิ? ‘ห้องเลคเชอร์’ ที่ไร้จางเย่น่ะกลายเป็นอ้วกหม* พวกเขาต้องคิดว่าจางเย่ปูทางไว้ให้พวกเขาเรียบร้อยแล้ว คิดว่าเรตติ้งแบบนี้ใครๆ ก็ทำได้? ตอนนี้พวกนั้นต้องรู้ซึ้งแล้วละว่าตัวเองน่ะน่าขำขนาดไหน! ไม่มีจางเย่ พวกเขาทำอะไรไม่ได้ทั้งนั้น! ทอล์คโชว์ก็เหมือนกัน คนพยายามก๊อปปี้ตั้งมากมาย แต่สไตล์ของจางเย่น่ะใช่ว่าใครก็ลอกเลียนได้ เพราะฉะนั้นน่ะ ที่ห้องเลคเชอร์ล่มล้วนเป็นเพราะสถานีโทรทัศน์นครหลวงตัดสินใจผิดพลาดเอง พวกเขาที่จริงแล้วไม่เข้าใจเลยว่า สิ่งที่ทดแทนกันไม่ได้ไม่ใช่ความคิดสร้างสรรค์หรือรายการนี้ ที่ชดเชยกันไม่ได้คือจางเย่คนนี้ต่างหาก สุดท้ายแล้ว พวกเขากลับโยนชิ้นส่วนสำคัญในการแข่งขันนี้ทิ้งไปซะได้!"

เหยามี่ตาเป็นประการ "คำพูดของรุ่นพี่ฉันเห็นด้วยสุดๆ!"

นักศึกษาหญิงรุ่นพี่กล่าว "ใช่ไหมล่ะ ถ้าจางเย่ยังอยู่ที่ช่อง BTV-วรรณศิลป์ล่ะก็ ห้องเลคเชอร์ น่าจะฆ่ารายการอื่นตายเรียบ!"

นักศึกษาอีกคนกล่าว "ฉันกลับคิดว่ารายการจางเย่ธรรมดาๆ ไม่ได้น่าสนใจอะไรนัก แต่ว่านิสัยเขานี่ฉันชอบมาก กล้าด่าคนจริงๆ!"

หลี่อิงเองก็กล่าวอย่างขยาดๆ "นั่นสิ ถ่ายทอดสดครั้งก่อนก็ด่า SARFT กลายเป็นเรียบร้อยไปเลย ฉันนี่เหงื่อตกแทนเขาฉิบหา*"

หลี่ลี่ยิ้มขื่น "จางเย่ปากกล้าจริงๆ"

เหยามี่หัวเราะฮ่าๆ "จางเย่นิสัยแบบนี้แหละ ถึึงได้ทำให้ทุกคนชอบ"

เวลาว่างยังคงว่าง ทุกคนคุยกันเรื่องในวงการบันเทิง เธอคำฉันคำ

ช้าๆ มีคนดูนาฬิกา

"กี่โมงแล้วน่ะ?"

"ไหงยังไม่มาอีก?"

"อาจารย์ใหม่ล่ะ? ฉันยังมีเรียนต่ออีกนะ"

"เอ๋ มาแล้วๆ เฮ้ย พวกนายดูข้างนอกสิ คนนั้นดูเหมือนจะเป็นรองอธิการบดีอู๋เจ๋อชิงใช่ไหม? รองอธิการฯ อู๋มาทำไม? เชี่* ไม่ใช่เธอสอนเองหรอกนะ!?"

สิ้นเสียง ทุกคนพลันหันไปดู

อู๋เจ๋อชิงกับชายหนุ่มคนหนึ่งเดินตามกันมา

"จริงหรือแกล้งน่ะ?"

"รองอธิการฯ อู๋สอนแทนไม่ได้หรอก เขาระดับไหนแล้ว"

"ใช่ รองอธิการฯ อู๋ไม่ใช่คนในวงการศึกษาด้วย แกมาเป่ยต้าเพื่อชุบตัว[3]เท่านั้นแหละ ถ้าเกิดว่าผ่านมาตรฐานได้ ไม่นานก็ต้องกลับไปกระทรวงศึกษาหรือว่ากระทรวงอื่นนี่แหละ เอ๊ะ ด้านหลังอธิการอู๋มีอีกคนหนึ่งด้วย ใส่แว่นดำ? ทำไมถึงได้คุ้นๆ นักล่ะ?"

"หมอนั่นใครอะ?"

"เฮ้ย ทำไมถึงได้คุ้นงั้นล่ะ!"

"อาจารย์ใหม่? ไหงเด็กงี้ล่ะ?"

"เด็กเกินไปแล้ว! เรื่องอะไรกันเนี่ย?"

เหยามี่ หลี่อิง หลี่ลี่และพวกต่างนึกสงสัย

วินาทีต่อมา อู๋เจ๋อชิงก็เข้ามาในห้องเลคเชอร์ มองเหล่านักศึกษา และกล่าว "ให้เหล่านักศึกษาต้องรอกันนานแล้ว เนื่องจากรองศาสตราจารย์หวังมีปัญหาด้านสุขภาพ วิชา ‘วรรณคดีโบราณวิจักษณ์’ นี้ ทางมหาวิทยาลัยจึงได้เชิญอาจารย์ท่านใหม่มา เป็นอาจารย์ใหม่ที่มีชื่อเสียงโด่งดังทีเดียวค่ะ"

รองศาสตราจารย์หวังไม่มาสอน เรื่องนี้ไม่มีใครแปลกใจ

แต่ว่า อาจารย์ใหม่? แถมยังเป็นอาจารย์ใหม่ที่มีชื่อเสียงโด่งดัง?

คำพูดของอู๋เจ๋อชิงทำให้นักศึกษาในห้องต่างคาดหวัง สรุปว่าชื่อดังขนาดไหน? เบื้องบนในวงการ? ศาสตราจารย์ระดับสูงในวงการ?

ความลับเปิดเผยแล้ว!

อู๋เจ๋อชิงหันไปมองชายหนุ่มที่ก้าวตามหลังเธอเข้ามาในห้อง แนะนำให้กับทุกคนว่า "ขอเสียงปรบมือต้อนรับ อาจารย์ใหม่ของพวกคุณ -- อาจารย์จางเย่!"

จางเย่ก้าวเข้ามายืนที่หน้าห้อง ถอดแว่นกันแดดอย่างเชื่องช้า "สวัสดีครับทุกคน"

ชั่วขณะนั้น ในห้องเรียนพลันเงียบกริบ ก่อนจะมีเสียงตะโกนโห่ร้องด้วยความไม่เชื่อสายตาดังขึ้นอย่างต่อเนื่องจากปากของเหล่านักศึกษาในห้อง!

"หา!"

"เชี่*!"

"เป็นจางเย่!"

"แม่* จางเย่จริงด้วย!"

"เป็นไปได้ไง! ฉันตาฝาดรึเปล่า?"

"จางเย่เป็นอาจารย์ใหม่ของพวกเรา?"

กรีดร้อง!

ตกตะลึง!

ไม่อยากเชื่อ!

เหล่านักศึกษาของเป่ยต้าล้วนตื่นเต้นกันหมด!

======================

[1] แถวหน้าของห้องเลคเชอร์นั้นเป็นพื้นที่หวงห้าม หมายถึง รัศมีนั่นเท่านั้นที่งดการใช้เสียง

[2] คำว่า ‘เสี่ยวมี่’ แปลว่า กิ๊ก เป็นแสลง

[3] ชุบตัว คือ การมาสวมตำแหน่งอะไรก็ได้ไว้ก่อน เพื่อเลื่อนตำแหน่งให้สูงขึ้น

*-*-*-*-*-*-*-*-*-*-*-*-*-*-*-*-*-*-*-*-*-*-*-*