วันต่อมา... พิรุณนั่งจิบกาแฟอยู่ในห้องของตัวเอง ทบทวนเรื่องราวและหลักฐานทั้งหมดที่ได้หามาอย่างถี่ถ้วนอีกครั้ง
ผู้ตายนายอดิศักดิ์ อายุ 25 ปี มีบาดแผลถูกมีดแทงที่ชายโครง ข้างซ้าย 12 แผล อีกทั้งยังมีการสลักรูปสามเหลี่ยมที่หน้าผาก ก่อนที่จะถูกทิ้งลงในแม่น้ำ ภายหลังพบศพเกยตื้นในเช้าวันต่อมา
ก่อนเกิดเหตุผู้ตายได้ไปนั่งดื่มกับเพื่อนร่วมงาน ผู้ตายไม่เคยมีเรื่องราวบาดหมางกับใคร และไม่เคยมีเรื่องราวทะเลาะวิวาทกับคนอื่นมาก่อน
จากคำให้การของลุงจัย ที่กำลังกลับจากการทำงานบอกมาว่าพบคนร้าย ผู้หญิงตัวสูงผมราวผอมเรียวบาง แต่งกายมิดชิด แม้กระทั่งใบหน้าก็ถูกปกปิดจนมิดชิด มองไม่ออกว่าหน้าท่าตาเป็นอย่างไง
ในที่เกิดเหตุพบว่ามีกระเป๋าเดินทางขนาดใหญ่อยู่ใกล้เคียงแถวนั้นด้วย คนร้ายน่าจะเอาศพใส่กระเป๋าและนำมาทิ้งที่บนสะพานราว 01.00 น
หลักฐานจากกล้องวงจรปิดก็ไม่ได้ช่วยอะไร เพราะเนื่องจากเมื่อคืนที่เกิดเหตุนั้นฝนตกหนักจนมองลักษณะคนร้ายไม่ออก
พอลองไปตรวจสอบที่มาของกระเป๋า ก็พบก็เจ้าของกระเป๋าที่เจอในที่เกิดเหตุ แต่ผลสรุปสุดท้ายคือ เธอได้ขายมันไปแล้วเมื่อราว 6เดือนก่อน...
จากคำให้การของ คุณมนัสสนัน เจ้าของคนก่อน บอกว่า... ผู้ที่ซื้อมาเป็นผู้หญิงตัวสูง ผมยาว ผอมเรียวบาง พูดจาเสียงดูแหบแห้ง สวมแว่นดำปกปิดใบหน้า
คนร้ายมันมีจุดประสงค์อะไร การกระทำทุกอย่างของมันล้วนรอบคอบและแยบยลเสียจนไม่น่าจะเป็นการลงมือโดยฉับพลัน ราวกับว่ามันได้วางแผนมาแล้วเป็นอย่างดี ตอนนี้คงได้แต่คาดหวังว่าธนบัตรที่ลุงจัยให้มาจะมีลายนิ้วมือของฆาตกรคนนั้นแฝงอยู่บ้างสักน้อยก็ยังดี
ลองย้อนตรวจสอบดูคดีเก่าๆ ในอดีตที่เกิดขั้นเมื่อไม่กี่ปีที่ผ่านมา แต่มันก็ดูเหมือนว่าจะไม่ได้มีอะไรเกี่ยวข้องกันเลยแม้แต่น้อย กลับกันครั้งนี้มันเหมือนจะพึ่งลงมือครั้งแรก
ในช่วงที่วินาทีที่พิรุณกำลังเอนตัวลงไปด้านหลัง ช่วงเวลาที่กำลังจะพักผ่อนยังไม่ทันได้ถึงเสี้ยววินาทีด้วยซ้ำ จู่ๆ ก็มีตำรวจหญิงคนหนึ่งเดินเข้ามาด้วยสีหน้าและท่าทางที่รีบร้อน
"สารวัตรคะ! ตอนนี้เกิดเรื่องแล้วค่ะ มีรายงานการพบศพเพิ่มขึ้นอีกรายแล้วค่ะ"
ที่เกิดเหตุโรงแรมม่านรูด ต่างจากรอบที่แล้วที่ศพนั้นถูกกำจัดทิ้งลงแม่น้ำ ผู้ตายนายอนุชา ปราชัย รูปร่างชายอ้วนท่วมลงพุง อายุราวๆ 40 ปี นอนจมกลองเลือดอยู่บนเตียงในสภาพนุ่งผ้าขนหนูตัวเดียว
พบบาดแผลถูกของมีคมแทงเข้าที่ท้อง 2 จุด ที่ซี่โครง 1 จุด และที่คออีก 1 จุด แต่ที่จะขาดไม่ได้ก็คือ รูปสามเหลี่ยมที่ถูกสลักบนหน้าผากของเหยื่อแบบเดียวกับศพแรกที่พบเจอ นอกจากนั้นก็ยังพบด้วยว่าภายในห้องนั้นข้าวของกระจัดกระจาย สันนิษฐานได้ว่าอาจจะมีการต่อสู้ขัดขืนเกิดขึ้น
ทางเจ้าของโรงแรมได้ให้การว่า พบผู้ตายและหญิงสาวปริศนาขับรถเข้ามาที่โรงแรมเมื่อวานเวลาประมาณ 14.32 น. ก่อนที่จะขับรถกลับออกไปในเวลา 15.08 ใช้เวลาประมาณ 30 กว่านาที
ตอนแรกทางเจ้าของก็ไม่ได้คิดอะไรมาก เลยไม่ได้เดินไปตรวจสอบดูเพราะทางนั้นก็ดูเหมือนจะเร่งรีบอีกทั้งยังให้ค่าทิปเพิ่มมาอีกด้วย จนกระทั่งเมื่อเช้าแม่บ้านได้เข้าไปทำความสะอาดด้านในห้องนั้น ก็ได้พบศพของผู้ตายอยู่
"พอจะจำลักษณะของคนร้ายไหมครับ?" พิรุณถามกับทางเจ้าของโรงแรม
"เป็นผู้หญิง ผอมเรียว ตัวสูง ผมสีบรอนซ์ทองยาว แต่งกายมิดชิด ส่วนเรื่องใบหน้านั้นดูเหมือนว่าเธอจะสวมแว่นดำและหน้ากากอนามัยปกปิดเอาไว้ เลยเห็นไม่ค่อยชัด" เจ้าของโรงแรมม่านรูดตอบกลับมา
"ถ้าอย่างนั้นก็ช่วยบอกลักษณะ ยี่ห้อรถ หรือเลขป้ายทะเบียน ได้หน่อยจะได้ไหมครับ"
"อะ... ครับ! รถยี่ห้อ นัชสิน เป็นรถเบนซ์สีขาว ส่วนเลขป้ายทะเบียนก็... นฮ0943 กรุงเทพมหานคร"
"ขอบคุณสำหรับข้อมูลครับ" จากนั้นพิรุณก็หันไปสั่งการกับตำรวจที่อยู่ใกล้ๆ เขาอย่างทันที "รบกวนฝากตรวจสอบทีว่ารถคันนั้นมันวิ่งไปไหน"
"ครับ!"
พอหลังจากสั่งการแล้ว เขาก็รีบพุ่งตรงไปยังสถานที่เกิดเหตุอย่างทันที เขาเริ่มตรวจสอบพื้นที่ ห้องน้ำ ภายในลิ้นชัก บนฝ้า บนเตียง และใต้เตียง อย่างละเอียดและถี่ถ้วน แต่ถึงอย่างนั้นก็ไม่พบอะไรที่จะพอเป็นหลักฐานได้ มันถูกเก็บกวาดออกไปจนหมด แม้กระทั่งลายนิ้วมือเองและผมในท่อระบายน้ำเองก็แทบไม่มีหลงเหลือเลย
คาดว่าฆาตกรนั้นน่าจะเข้ามาข้างในห้องนี้พร้อมกับเหยื่อ ก่อนจะโน้มน้าวให้เหยื่อนั้นเข้าไปในห้องอาบน้ำ ก่อนจะลงมือฆ่าเหยื่อในตอนที่กำลังออกมาจากห้องอาบน้ำ
บาดแผลครั้งแรกน่าจะแทงเข้าที่ท้องและชายโครง แต่ทว่าเหยื่อนั้นเกิดขัดขืน เกิดการต่อสู้ขึ้น คาดว่าน่าจะขัดขืนกันอยู่สักพัก ก่อนที่เหยื่อจะเริ่มหมดแรง เนื่องจากบาดแผลที่ชายโครงและท้อง พอมันเห็นว่าเหยื่อนั้นเริ่มอ่อนแรง มันจึงแทงเข้าที่คอเพื่อเป็นการปิดฉาก พอหลังจัดการเหยื่อแล้ว มันก็เริ่มทำความเก็บกวาดหลักฐานทั้งหมดที่น่าจะนำไปสู่การจับตัวของมัน
แล้วอีกอย่างที่สงสัยก็คือ...สามเหลี่ยมที่มันถูกสลักอยู่บนหน้าฝากของเหยื่อคืออะไร ทำไมต้องสลักเอาไว้ด้วย มันต้องการจะสื่ออะไร? จะว่าพวกลัทธิที่เราไม่รู้จักหรือเปล่านะ ลองตรวจสอบดูบางทีก็ไม่น่าจะเสียหายอะไร
พอหลังจากกลับมาที่โรงพัก ข่าวก็ได้ประกาศออกทางทุกช่องทีวี เกี่ยวกับการฆาตกรรมปริศนาที่เกิดขึ้นในโรงแรมม่านรูด ซึ่งมันได้สอดคล้องกับทางคดีก่อนหน้านี้อย่างกับแกะ อีกทั้งตอนนี้ทางตำรวจก็ยังไม่สามารถระบุได้ว่าคนร้ายเป็นใคร?
ถึงแม้ว่าข่าวทางรายกรทีวีจะประกาศออกมาอย่างไรก็ตาม พิรุณก็ไม่ได้แสดงท่าทีที่สนใจต่อคำวิจารณ์ของนักข่าวที่ทำรายการอยู่เลยแม้แต่นิดเดียว เขามัวแต่กำลังจดจ่อดูข้อมูล รูปภาพคนร้ายที่ได้จากกล้องวงจรปิด และภาพศพของเหยื่อ
ทุกคำให้การบอกมาเป็นเสียงเดียวกันคือ คนร้ายเป็นผู้หญิง ผมยาวสีบรอนซ์ทอง ตัวสูงราวๆ 170 เซนติเมตร แต่งกายมิดชิดปกปิดทั่วทั้งร่าง มันระมัดระวังในการลงมือเป็นอย่างมาก ธนบัตรที่ได้มาตอนนั้นเองก็เช่นกัน ไม่มีแม้แต่ร่องรอยนิ้วมือเลยแม้แต่นิดเดียว
"ปริศนาตอนนี้ก็คงเหลือแค่เพียง สามเหลี่ยมที่ถูกสลักลงบนหน้าฝากของเหยื่ออย่างนั้นสินะ?" พิรุณเอนหลังลงบนเก้าอี้ มือกุมขมับแสดงสีหน้าเครียด คิ้วขมวด เห็นได้อย่างชัดเจน
ทันใดนั้นเองก็มีตำรวจคนหนึ่งเดินเข้ามาหาพิรุณ พอเขาเห็นว่ามีคนเข้ามาก็กลับไปนั่งหลังตรงแบบเดิมอย่างทันที
"มีอะไร?"
"สารวัตร ทางเราทราบแล้วครับว่ารถที่หายไปอยู่ที่ไหน มันถูกจอดทิ้งไว้ที่จังหวัดใกล้ๆ นี้เอง รถชนเข้ากับต้นไม่้ข้างถนน สภาพรถบุบยับยู่ยี่ ทางขาวบ้านที่อาศัยอยู่ใกล้ๆ แถวนั้นได้ยินเสียงยามกลางคืนเลยเข้ามาดูที่เกิดเหตุ ก็ไม่พบเห็นใครอยู่แถวนั้นแต่อย่างใด"
"แล้วได้ลองตรวจสอบดูด้านในแล้วหรือยัง?"
"จะว่าไปเราได้หลักฐานมาหนึ่งอย่างครับ เส้นผมกระจุกหนึ่งที่คาดว่าน่าจะเป็นของคนร้ายในคดีนี้" พอตำรวจคนนั้นพูดจบก็ยื่นภาพที่ทางพวกเขาถ่ายมา ซึ่งในนั้นเป็นกระจุกเส้นผมสีบรอนซ์ทองตามที่พยานหลายคนบอก
"เราได้ลองส่งไปตรวจสอบ ดีเอ็นเอ แล้วครับ คาดว่าอีกไม่นานก็จะรู้ผลแล้ว"
"ถ้าเสร็จแล้วให้รีบรายงานมาโดยด่วนเลยนะ" พิรุณพูดอย่างดีใจ
"ครับ!"
ตำรวจคนนั้นตอบรับอย่างแข็งขัน ก่อนที่จะเริ่มสังเกตเห็นภาพที่กองอยู่บนโต๊ะทำงานของพิรุณ เขาหยิบภาพใบหนึ่งซึ่งเป็นภาพสภาพของศพที่นอนตายอยู่บนเตียง
"ภาพนี้มันดูคุ้นๆ อย่างไงไม่รู้"
"ก็นะ...ฆาตกรคนเดียวกันนี่น่า"
"ไม่ใช่ครับ ที่ผมหมายถึงคือไอ้สัญลักษณ์ที่อยู่บนหัวนี้ต่างหากครับ" แล้วเขาก็ชี้ไปที่รูปสลักสามเหลี่ยมที่อยู่บนหน้าผากของเหยื่อ
"นายเคยเห็นจากไหนอย่างนั้นหรอ?" พิรุณแสดงสีหน้าที่ประหลาดใจออกมา
"จะว่ายังไงดีล่ะ...มันแค่คล้ายเฉยๆ นะครับ กับสัญลักษณ์ของเจ้าพ่อไตรที่หายตัวไปน่ะครับ"
"เจ้าพ่อไตร?"
"ร่างทรงที่บ้านเกิดของผมเองตั้งแต่เด็กแล้ว แต่ว่าจู่ๆ เขาก็มาหายตัวไป ปัจจุบันนี้ยังไม่ทราบเลยว่าเป็นตายร้ายดียังไง"
"พวกที่ชอบหลอกลวงชาวบ้านแล้วหนีไปสินะ?" ทันทีที่พิรุณพูดออกมาตำรวจคนนั้นก็แย้งขึ้นขัดอย่างทันควัน
"ไม่ใช่นะครับสารวัตร ถึงแม้ว่าเขาจะเป็นร่างทรง แต่ชาวบ้านแถบนั้นนับถือเขามากนะ เขาทั้งช่วยเหลือคนที่ทุกข์ยาก ถ้าชาวบ้านเดือดร้อนอะไรหรือไม่สบายใจอะไร เขาก็พร้อมที่จะช่วยโดยที่ไม่คิดเงินแม้แต่บาทเดียว"
"แล้วตอนนี้เขาหายไปไหนกันล่ะ?"
"นั่นสิครับ ผมเองก็ไม่รู้เหมือนกัน แต่ผมจำได้ดีเลยว่าสัญลักษณ์แบบนี้มีแค่ที่นั่นเพียงแค่ที่เดียว" ตำรวจคนนั้นยังคงยืนยันแบบเดิม
"หมายความว่า ถ้าอยากจะรู้ก็ต้องไปที่นั่นอย่างเดียวสินะ? ว่าแต่..นายพอจะจำทางไปได้ไหม?"