ตอนที่ 13 การสนทนาระหว่างพ่อลูก
ในระหว่างแช่อ่างสมุนไพรครั้งนี้เย่หยวนเขินอายเป็นอย่างมากและพยายามให้ความสนใจกับการดูดซับฤทธิ์สมุนไพรแทนเพื่อขจัดสารพิษที่ตกค้างอยู่ในร่างกาย
สมุนไพรที่ใช้สำหรับแช่นี้คือ สมุนไพรระดับหนึ่งและสองเท่านั้นไม่ได้มีฤทธิ์อะไรโดดเด่นเป็นพิเศษ แต่เย่หยวนก็ยังสามารถสกัดฤทธิ์สมุนไพรเหล่านี้ให้คุ้มประโยชน์สูงสุดของมันได้
คนส่วนใหญ่มักคิดว่า ยิ่งสมุนไพรระดับสูงเท่าไหร่ก็จะยิ่งมีฤทธิ์ที่ดีต่อร่างกายมากขึ้นเท่านั้น แต่ในความเป็นจริงเรื่องระดับชั้นกลับไม่ค่อยสำคัญสำหรับเย่หยวนเท่าไหร่นัก ไม่ว่าจะเป็นนักสู้หรือนักหลอมโอสถ แต่ทักษะขั้นพื้นฐานย่อมเป็นสิ่งที่สำคัญที่สุด หากรากฐานยิ่งแน่นเท่าไหร่อนาคตก็จะยิ่งแกร่งขึ้นเท่านั้น
ในชีวิตก่อนหน้าฉิงหยุนซีเคยใช้เวลามากกว่าสิบปีในการตั้งหน้าตั้งตาศึกษาสมุนไพรและโอสถที่มีระดับต่ำกว่าสามทั้งสิ้น เวลาที่ผ่านไปนั้นไม่ได้ไร้ค่าอะไรเลย ทักษะพื้นฐานของเขามั่นคงเสถียรเป็นอย่างมากและมากซะจนเป็นที่กล่าวขวัญกันในวงกว้างเลยก็ว่าได้ สำหรับเขาที่ได้กลายเป็นจักรพรรดิโอสถภายในระยะเวลาไม่กี่สิบปีได้ นับเป็นเรื่องน่าเหลือเชื่อแล้ว แถมยังเป็นจักรพรรดิโอสถที่อายุน้อยที่สุดอีกด้วย
เสาะหาทั่วดินแดนศักดิ์สิทธิ์ หากเป็นเรื่องโอสถละก็...แทบไม่มีใครสามารถชนะเขาได้เลย นั้นจึงเป็นสาเหตุว่า ทำไมเขาถึงถูกยกย่องว่าเป็นผู้ที่มีโอกาสในการก้าวมารับตำแหน่งจอมเทพโอสถมากที่สุดในรอบแสนปี
แท้จริงแล้วเย่หยวนนั้นต้องการที่จะใช้วัตถุดิบชั้นสูงในการหลอมกลั่นโอสถ แต่ในตอนนี้เขายังไม่มีความแข็งแกร่งพอที่จะทำอะไรแบบนั้น เพราะเขายังอ่อนแอเกินไป!
มิเช่นนั้นเย่หยวนคงไม่ใช้เพียงยาพิษระดับชั้นแค่นั้นในการแก้แค้นคฤหาสน์ดวงดาวแน่นอน นั้นคือขีดจำกัดที่เขาสามารถหลอมได้แล้วในตอนนี้ ซึ่งเพียงเท่านี้แม้แต่หวังตงไห่ก็ไม่สามารถถอนพิษทะลวงเครื่องในได้แล้ว
แต่ในตอนนั้นก็มีความเสี่ยงค่อนข้างมากที่หวังตงไห่อาจพลิกสถานการณ์มาได้เปรียบ หากเป็นเช่นนั้นก็เท่ากับว่าเย่หยวนยกก้อนหินมาทับขาตนเอง
และที่จริงแล้วหวังตงไห่ก็เคยได้ยินชื่อพิษทะลวงเครื่องในมาก่อนกัน เว้นแต่เขารู้จักพิษชนิดนี้น้อยเกินไป แต่หากเขารู้มากกว่านี้ละก็...ผลของเหตุการณ์คงไม่เป็นแบบนี้แน่
ความแข็งแกร่ง!
เย่หยวนถอนหายใจลึกๆขณะที่กำลังดูดซับฤทธิ์สมุนไพรเหล่านี้ในอ่างไม้ขนาดยักษ์ ตอนนี้เขาจำเป็นที่จะต้องเร่งพัฒนาความแข็งแกร่งของตน หากไร้ซึ่งพลังก็ไม่สามารถปกป้องคนที่รักได้
ด้วยสภาพในปัจจุบันของเย่หยวนไม่ต้องให้กล่าวถึงเลย อย่าว่าแต่หวังตงไห่...แค่หวังตงหยางเขาก็รับมือไม่ไหวแล้ว
เย่หยวนเชื่อว่าหลังเหตุการณ์ในครั้งนี้ หวังตงไห่คงมองเย่หยวนเป็นลวดหนามในสายตาของเขาแน่นอน และเขาต้องการที่จะกำจัดเย่หยวนโดยเร็วที่สุด นอกจากนี้ด้วยนิสัยของหวังตงไห่ ไม่มีทางถอดใจในแผนการบดขยี้หอโอสถเป็นแน่ ในตอนนี้เขาอาจจะกำลังว่าแผนแก้แค้นอยู่ก็เป็นได้
หากถึงตอนนั้น…เขาไม่มีพลังมากพอที่จะต่อกรกับอีกฝ่ายอย่างในวันนี้ มันคงจะสร้างแรงกดดันให้ท่านพ่อเป็นอย่างมากเป็นแน่
“นายน้อย นายท่านรออยู่ข้างนอกมาสักพักหนึ่งแล้ว”
ในขณะที่เย่หยวนกำลังครุ่นคิดต่างๆนานา ลู่เอ๋อที่แช่สมุนไพรเสร็จก่อนได้เข้ามารายงาน
“ไฉนเจ้าไม่มาบอกข้าให้เร็วกว่านี้ล่ะ ข้าแค่แช่สมุนไพรเอง หาต้องเกรงใจไม่ มันอาจเป็นเรื่องคอขาดบาดตายก็เป็นได้”
ถ้าให้เย่หยวนเดา ท่านพ่อคงมาเตือนเรื่องของหวังตงไห่และคงคุยถึงแผนรับมือ
“ในทีแรกลู่เอ๋อก็จะรีบเข้ามารายงานทันที แต่นายท่านห้ามข้าเอาไว้… เพราะกลัวไปรบกวนนายน้อย ลู่เอ๋อขออภัย...”
เมื่อเย่หยวนได้ยินดังนั้น เขาจึงรีบตอบกลับทันทีว่า
“เจ้าทำดีแล้ว…ลู่เอ๋อของข้า นายน้อยของเจ้าผิดเองที่พูดแบบนั้น ข้าขอโทษ...เจ้าไม่โกรธข้าใช่ไหม?”
เมื่อนางได้ยิน นางได้ยิ้มในใจพร้อมตอบกลับว่า
“ลู่เอ๋อไม่โกรธเลยสักนิด ลู่เอ๋อทราบดีว่า…นายน้อยรักและเคารพนายท่าน นายท่านก็ดูแลข้าดั่งลูกสาวคนหนึ่ง ดังนั้นลู่เอ๋อก็รักและเคารพนายท่านเช่นกัน ดังนั้นทำไมลู่เอ๋อจะต้องโกรธ?”
เย่หยวนรู้สึกโล่งใจเมื่อได้ยินคำตอบของนาง
“ฮ่าๆ เจ้าออกไปรอข้างนอกแล้วไปบอกพ่อข้าให้รอสักหน่อย ข้าขอแต่งตัวก่อนสักครู่”
ลู่เอ๋อพยักหน้าและเดินออกไป
ณ ห้องหนังสือของเย่ฮาน ภายในห้องมีเพียงคู่พ่อลูกตระกูลเย่เท่านั้น และพวกเขากำลังพูดคุยกันอยู่
“หยวนเอ๋อ สิ่งที่เจ้าทำลงไปในวันนี้มันทำให้ข้าสะใจดีจริงๆ ข้าคิดว่าในตอนนี้ชื่อเสียงหวังตงไห่คงพังพินาศลงไม่น้อย ฮ่าๆๆ...มันเป็นความแค้นที่สั่งสมมาหลายปีแล้วและเป็นครั้งแรกด้วยที่ ข้าเห็นเจ้านั้นมีสีหน้าแบบนี้”
หลังจากที่เย่ฮานกล่าวเสร็จ เขาพลันระเบิดเสียงหัวเราะลั่นออกมา
เห็นได้ชัดว่าช่วงสองสามปีที่ผ่านมา หวังตงไห่ข่มขู่ขมเหงเย่ฮานอยู่ฝ่ายเดียว แต่ในตอนนี้เย่ฮานสามารถหัวเราะได้อย่างสบายใจขึ้นมาก แม้เย่ฮานจะทนมาตลอด แต่วันนี้ความคับแค้นทั้งหมดภายในใจเสมือนถูกระบายออกมา ถึงแม้ว่าคนที่อยู่ตรงหน้าตงไห่ในตอนนั้นจะไม่ใช่เขา แต่จริงๆแล้วมันควรจะเป็นการต่อสู้ระหว่างลูกของพวกเขามากกว่า?
เมื่อเขาเห็นพ่อของเขาระเบิดเสียงหัวเราะออกมาขนาดนี้ มันก็ทำให้เขารู้สึกยินดีเป็นอย่างมาก
“ท่านพ่อควรขอบคุณท่านเซียนที่เข้าฝันข้า เขาได้มาเข้าฝันพร้อมกับกล่าวว่า...ข้าจะทำให้หวังตงไห่ได้รับผลกรรมที่ทำไว้เอง ดังนั้นทุกอย่างที่สำเร็จได้ไม่ใช่เพราะลูกชายคนนี้ แต่เป็นท่านเซียนต่างหาก”
เย่ฮานโบกมือไปมาพร้อมหัวเราะ
“เจ้าไม่ต้องถ่อมตนขนาดนี้ก็ได้ ข้าภูมิใจจริงๆที่เจ้าได้แสดงความสามารถในวันนี้ แต่ข้าก็ต้องขอเตือนเจ้าเสียหน่อย หวังตงไห่เป็นคนที่ร้ายกาจมาก เจ้านั้นคงยิ่งร้ายกาจขึ้นหลังเจอกับเหตุการณ์ในวันนี้ แต่ข้าก็ยังคงรับประกันความปลอดภัยของเจ้าได้ หากเจ้าอยู่ที่ตำหนักตระกูลเย่ของเรา แต่เมื่อเจ้ากลับไปยังสำนักตันอู่ อำนาจพ่อเจ้าเองก็ไม่สามารถคุ้มครองเจ้าได้เช่นกัน ดังนั้นในตอนนี้เจ้าไม่ควรกลับไปยังสำนักตันอู่เด็ดขาด...เจ้าจะต้องอยู่แต่ในตำหนักของเราเข้าใจหรือไม่?”
เย่หยวนถอนหายใจเสียงยาว ไม่น่าแปลกเลยว่าทำไมเย่หยวนคนเก่าถึงได้เอาแต่ใจและเกเรแบบนี้ นั้นเป็นเพราะความเอาใจลูกที่มากเกินไปของเย่ฮาน เย่หยวนไม่อยากเป็นดั่งนกน้อยในกรงทองแบบนั้น และสำนักตันอู่ก็เป็นจุดหมายต่อไปที่เขาต้องไป
“ท่านพ่อ…ข้าจะต้องกลับไปยังสำนักตันอู่ แม้ว่าข้าจะไม่ซ้อนตัวอยู่ในตำหนักตลอดไป แต่ข้าคงต้องซ่อนตัวสักระยะหนึ่งเสียก่อน แต่การที่ท่านจะให้ข้าซ่อนตัวตลอดไป ข้าคงไม่สามารถทำเช่นนั้นได้ แม้ท่านจะนำอาจารย์มาสอนข้าในตำหนักโดยไม่ให้ออกไปไหน...แต่การที่ไม่ให้ข้าออกไปไหนแบบนั้น ข้าก็ไม่มีวันเก่งกาจได้เลย ท่านไม่คิดเช่นนั้นรึ?”
สำหรับเย่หยวน หวังตงไห่ไม่ได้อยู่ในสายตาเขาเลยแม้แต่น้อย ถ้าแค่หวังตงไห่ยังกำราบไม่ได้ เรื่องที่เขาจะไปแก้แค้นบนดินแดนศักดิ์สิทธิ์ยิ่งไม่ต้องพูดถึงเลย การที่กลับไปยังสำนักตันอู่...มันคือโอกาสทองของเขาที่จะเจอผู้มีพรสวรรค์มากมายในนั้น คนพวกนั้นจะทำให้เขาแข็งแกร่งขึ้น หากไม่เคยเผชิญหน้ากับปัญหาเลย…ก็ไม่มีวันแกร่งขึ้น ดั่งบุปผาเลี้ยงในตำหนักเรือนจะไม่มีวันแกร่งกล้ากว่าบุปผาที่พยายามเติบโตตามข้างทางเสมอ
ในชีวิตก่อนหน้าฉิงหยุนซีเป็นดั่งบุปผาเลี้ยง แม้ดินแดนที่เขากำเนิดมาจะมียอมฝีมือมากมาย...แต่ประสบการณ์การต่อสู้จริงนั้นกลับมีน้อยมาก ดังนั้นในชีวิตนี้เขาจะต้องจริงจังกับการฝึกมากกว่าชีวิตก่อนหลายสิบเท่าทวี
“นี่เจ้า...หยวนเอ๋อ ข้าก็ผิดเองที่หวงเจ้าเกินไป ข้าในฐานะผู้เป็นพ่อของเจ้า...ข้าก็อยากปกป้องเจ้าเท่าที่กำลังข้าไหว เจ้าจะต้องระวังโลกภายนอกให้มาก…เจ้าก็อย่าดื้ออย่าซน หากเกิดปัญหาขึ้นให้รีบกลับมาหาข้าทันที และเมื่อถึงตอนนั้นขอให้ข้าผู้เป็นพ่อได้ช่วยเจ้าเถิด อย่าพยายามฝืนอย่างตอนที่เจ้ากินยาพิษอีกล่ะ...ข้าไม่อยากรับข่าวร้ายอะไรแบบนั้นอีกแล้ว”
“สบายใจได้ท่านพ่อ เพราะข้าก็ยังปลอดภัยดีและในอนาคตก็ไม่มีใครสามารถทำอะไรข้าได้อีกต่อไป”
เย่หยวนได้พูดขึ้นด้วยแววตาที่เชื่อมั่นในตนเองอย่างแรงกล้า เมื่อเย่ฮานเห็นดังนั้นเขาก็รู้สึกได้ทันทีว่า ณ ตอนนี้ลูกเขาได้โตขึ้นอีกขั้นหนึ่งแล้ว
“ต้องอย่างงี้สิ! ลูกข้า! ตั้งแต่บัดนี้พวกเราทั้งสองยังต้องกลัวใครอีก? ก็ไอ้แค่หวังตงไห่อย่างนั้นหรือ? ในภายภาคหน้าข้าจะให้หวังตงไห่อยู่ภายใต้ฝ่าเท้าของพวกเรา!”
ด้วยความสามารถและความคิดของลูกชายตนในตอนนี้ ทำให้เย่ฮานรู้สึกมั่นใจขึ้นอย่างมาก
เย่หยวนเค้นหัวเราะเงียบภายในใจ เขาตระหนักดีถึงขีดกำจัดของพ่อของตน และพ่อคนนี้อาจเหนือกว่าหวังตงไห่ได้ก็จริง แต่เขาไม่มีทางเหยียบหวังตงไห่ได้มิดแน่นอน หากอยู่ในสถานการณ์ตอนที่ไม่มีเย่หยวน
แต่กลับกัน...ในตอนที่เย่หยวนยังอยู่ เย่ฮานสามารถทำให้หวังตงไห่อยู่ใต้เท้าของเขาได้อย่างแน่นอน
ขณะที่เย่หยวนกำลังจะเดินจากไป เย่ฮานก็ได้ทักถามอะไรบางอย่างออกมา
“นี่เจ้า...วันนี้เจ้ากินอะไรเข้าไปรึ? ข้ารู้สึกได้ว่า…ตอนนี้เจ้ามีพลังปราณสูงกว่าปกติ น่าจะสูงกว่าอาณาจักรแก่นแท้แห่งปราณระดับหนึ่งเลยด้วยซ้ำ แถมเจ้าหลอมโอสถระดับสูงได้อย่างไร?”
เย่หยวนรู้นิสัยท่านพ่อดีว่า พ่อของเขานั้นเป็นพวกคลั่งไคล้ในเรื่องโอสถ เมื่อเขาเผชิญกับปัญหา เขามักจะสนใจแต่ปัญหาตรงหน้าเท่านั้นโดยไม่สนใจสิ่งรอบข้างใดๆเลย เห็นได้ชัดเลยว่า… ปัญหานี้มันได้คาใจอยู่ตลอดทั้งวัน
ในความคิดของเขา เขาคิดว่ายาพิษที่เย่หยวนใช้ท้าทายหวังตงไห่จนหมดหนทางรักษา มันคือยาพิษระดับสาม แต่ว่าลูกชายเขาอยู่เพียงอาณาจักรแก่นแท้แห่งปราณระดับหนึ่งเท่านั้น ดังนั้นมันเป็นไปไม่ได้เลยที่ลูกชายเขาจะหลอมโอสถระดับนี้ขึ้นมาได้
หากอยู่ในอาณาจักรแก่นแท้แห่งปราณระดับหนึ่ง แค่หลอมโอสถระดับสองยังแทบเป็นไปไม่ได้เลย...โอสถระดับสามยิ่งไม่ต้องพูดถึง
ทางด้านเย่หยวนก็ไม่คิดจะปิดบังอะไรกับพ่อของเขา เขาจึงตอบกลับว่า
“ท่านพ่อ… ยาพิษนั้นมีชื่อว่า ยาพิษทะลวงเครื่องใน และมันก็มิใช่ยาพิษชั้นสูงแต่อย่างใด มันเป็นเพียงยาพิษระดับหนึ่งเท่านั้น ท่านก็รู้อยู่แล้วว่า...ข้ามีขีดจำกัดถึงแค่ไหน”
เย่ฮานยิ้มทื่อแข็งพลางแข็งค้างไปครู่หนึ่ง ก่อนเอ่ยอุทานขึ้นด้วยความตกใจ
“ยาพิษระดับหนึ่ง?...เป็นไปได้อย่างไร?!”
หากลูกชายของเขาไม่พูดออกมาเอง เขาก็ไม่มีทางเชื่อว่า…นั่นจะเป็นเพียงยาพิษระดับหนึ่ง
“ระ-ระดับหนึ่งจริงรึ?”
เย่ฮานกลืนน้ำลายอึดใหญ่ด้วยความหวั่นเกรง เขาไม่อยากเชื่อเลยว่านี่จะเป็นความจริง
“ยาพิษระดับหนึ่งสามารถทำได้ขนาดนี้เชียวรึ?!”
เย่หยวนได้หยิบพู่กันและกระดาษมา จากนั้นก็เขียนสูตรยาพิษทะลวงเครื่องในลงไป
รวมถึงวิธีสกัดพิษอีกด้วย เมื่อเขาเขียนเสร็จเขาก็นำไปให้พ่อของเขาดู
เย่ฮานได้รับสูตรยาพิษชนิดนี้ และพยายามทำความเข้าใจอย่างละเอียด
ทันทีที่เห็นสีหน้าที่ตึงเครียดของพ่อ เขาก็รู้ทันทีว่า...ในสองสามวันนี้เขาคงไม่ได้เห็นหน้าพ่อแน่นอน
…………………………….