webnovel

จอมภูตสะท้านบัลลังก์

เจี้ยนเหวินศกปีที่ 4 (ค.ศ. 1402) เยียนอ๋อง จูตี้ เคลื่อนพลจากเป่ยจิงเข้าสู่ราชธานีนครหนานจิง ยึดบัลลังก์จากจักรพรรดิเจี้ยนเหวิน (จูอวิ๋นเหวิน) ผู้มีศักดิ์เป็นหลาน แต่เมื่อเข้าเมืองได้ปรากฏว่าจักรพรรดิหนุ่มทั้งไม่ออกมายอมแพ้ถวายบัลลังก์ให้ ทั้งไม่ยอมฆ่าตัวตายให้พ้นความอับอาย กลับเผาวังแล้วหายตัวไป กลายเป็นเรื่องลึกลับดำมืดในประวัติศาสตร์ว่าเขาหายไปไหน นิยายเรื่องนี้แต่งเติมจากจินตนาการนำจักรพรรดิหนุ่มเดินทางหลบหนีไปได้ด้วยความช่วยเหลือของสุดยอดฝีมือฉายา จอมภูต ที่มีฉากหน้าเป็นสัปเหร่อ ทั้งมีความสามารถปลุกซากศพขึ้นมาใช้งาน จักรพรรดิหนุ่มกลายเป็นสัปเหร่อน้อยเคลื่อนไหวเพื่อเอาชีวิตรอดหาโอกาสพลิกฟื้นชิงบัลลังก์

DaoistpRuDrI · History
Not enough ratings
13 Chs

บทที่ 13 ทะลายระฆังทอง

 

 บนเส้นทางเปลี่ยว อันเป็นหนทางลัดที่ชาวบ้านใช้เดินทางไปยังท่าเรือริมน้ำ ปรากฎมีหลวงจีนรูปหนึ่งยืนนิ่งสงบอยู่กลางทาง จากการแต่งกายทำให้รู้ว่าหลวงจีนรูปนี้ไม่ใช่พระธรรมดา หากแต่มีสมณะศักดิ์ที่สูงยิ่ง อีกทั้งรอยธูปศีลที่เจิมบนศีรษะ กับผ้ากาสาวพัสตร์ที่ครอง ผู้ที่เจนในทางโลกและทางธรรมย่อมมองออกได้ทันทีว่านี่เป็นชุดของพระชั้นผู้ใหญ่จากวัดเส้าหลิน วัดอันดับหนึ่งของแผ่นดินและเป็นหนึ่งในค่ายพรรคที่เที่ยงแท้มาตรฐานเป็นที่นับถือของยอดฝีมือทั่วหล้า จนกระทั่งมีคำกล่าวว่า 

 "วิชาทั่วหล้าล้วนกำเนิดจากเส้าหลิน" 

 แต่หลวงจีนชั้นผู้ใหญ่ที่แต่งกายเต็มยศเช่นนี้ไฉนมายืนเดียวดายอยู่ในเส้นทางเปลี่ยว

 ครู่หนึ่งมีขบวนขนโลงศพเคลื่อนใกล้เข้ามา ปรากฏกลุ่มคน 7-8 คน แต่งกายแบบชาวบ้าน บ้างดันบ้างลากเกวียนไม้ขนโลงศพจำนวน 3 โลง ให้เคลื่อนที่ไปตามถนนโดยไม่มีม้าหรือวัวเทียมเพื่อผ่อนแรง 

 ชาวบ้านกลุ่มนี้ทีท่าทีอิดโรยอยู่บ้าง แต่เมื่อเห็นสมณะอยู่ขวางอยู่กลางทาง ทั้งหมดก็หยุดขบวนลง บ้างประนมมือไหว้สักการะ บ้างคำนับอย่างนอบน้อม มีบ้างถึงกับคุกเข่าลงแล้วสวดเรียกนามกระอมิตาภะพระพุทธเจ้า

 สมณะใหญ่หรี่จับจ้องมองขบวนอย่างแน่วนิ่งอยู่ครู่หนึ่งก่อนจะพนมมือขึ้นร้องสรรเสริญพระพุทธองค์

 "อมิตาพุทธ" 

 "ประสกทั้งหลาย เร่งร้อนเดินทางมาเหน็ดเหนื่อย สมควรหยุดยั้งพักผ่อน โปรดหยุดสักครู่อาตมามีเรื่องคิดขอคำชี้แนะ" หลวงจีนกล่าวอย่างอ่อนโยน แต่ฉับพลันมีเสียงดังเกลียวกราวดังลั่นเกิดขึ้นจากร่างของหลวงจีน ชุดเสื้อผ้าเบ่งพองกระพือออกคล้ายมีแรงลมมหาศาลพัดพาอยู่ภายในชุดใต้เสื้อผ้า

 "พลังระฆังทองช่างร้ายกาจ...!"

 ชาวบ้านที่คุกเข่าพนมมือสวดมนต์พลันเอ่ยขึ้น เขาเงยหน้าจับจ้องไปยังหลวงจีน ประกายตาสาดแสงเปล่งปลั่ง แสดงว่าเป็นผู้ฝึกวิชากำลังภายในมาอย่างล้ำลึก 

 "ข้าหลี่หงอู่ ศิษย์ชั้นที่สามพรรสัปเหร่อขอรับทราบความร้ายกาจ ขออภัยที่ล่วงเกิน!" 

 ชายผู้นั้นกล่าว พลันร่างถลันเข้าหาหลวงจีนอย่างรวดเร็วทั้งๆ ที่ยังนั่งคุกเข่าอยู่กับพื้น มือที่พนมประกบกันยื่นพุ่งปราดไปด้านหน้า กลายเป็นฝ่ามือทวนอันทรงพลัง ทั้งรุนแรง ทั้งแหลมคม 

 ทันใดนั้นบังเกิดเสียงปงใหญ่ เมื่อหลี่อู่หงพุ่งฝ่ามือประกบคู่กระแทกเข้าใส่เสื้อที่เบ่งพองของหลวงจีนบริเวณหน้าท้อง ทั้งๆ ที่มือเพียงสัมผัสเสื้อที่เบ่งพอง แต่กลับบังเกิดเสียงราวโลหะหนักกระกัน พลังใอมือและความแข็งแกร่งของทั้งคู่นับว่าอยู่ในระดับน่าตระหนก 

 ผู้ประกาศนามเป็นหลี่อู่หง ถูกกระแทกถอยหลังไปสี่ก้าว จึงสามารถหยุดยั้ง ส่วนหลวงจีนกลับนิ่งสงบอยู่ในท่าเดิม ไม่เคลื่อนถอยแม้ครึ่งก้าว 

 การปะทะกันรอบแรก ปรากฏความเลื่อมล้ำของพลังการฝึกปรืออย่างเห็นได้ชัด

 "ประสกใยต้องเหนื่อยแรง" หลวงจีนเอ่ยปากอย่างปราณี 

 "เดินทางมาอย่างเร่งรีบย่อมเหน็ดเหนื่อยจงหยุดยั้งพักผ่อนเสียก่อนเถิด อาตมาเพียงทำหน้าที่เชิญผู้สมควรถูกเชิญให้คืนกลับยังนครหลวง หามีเจตนาร้ายไม่ ประสกทั้งหลายโปรดให้ความสะดวก"

 

 "เจ้าลาหัวล้าน !" ชายหนุ่มร่างกำยำที่อยู่ด้านหลังรถขนโลงเดินก้าวออกมาชี้หน้าด่าทอ

 "ไสหัวไปให้พ้น ไม่เช่นนั้นข้าจะจับเจ้าฝังดินไม่ให้ได้พบพระพุทธองค์!" 

 

 "พระพุทธองค์อยู่ในทุกสรรพสิ่ง พระธรรมนั้นไพศาล ประสกไม่อาจขืนต้านพลังแห่งธรรมได้หรอก" สมณะเอ่ยปากนุ่มนวล แต่ดวงตาเขม่นมอง

 

 "ล่วงเกินแล้ว !" ชายหนุ่มร่างกำยำตะโกน กางฝ่ามือทั้งสองข้างออก พุ่งทะยานเข้าใส่หลวงจีนอย่างรวดเร็วแล้วกระแทกฝ่ามือทั้งสองข้างออกประทับเข้าอย่างจังบริเวณทรวงอกของหลวงจีนอย่างถนัดถนี่ 

 เสียงปงใหญ่ดังขึ้นอีกครา ชายหนุ่มถึงกับกระเด็นกลับออกมา ปากกระอักโลหิตออกมาอึกใหญ่ นอนหงายหลังเอาศอกยันพื้นไม่อาจลุกขึ้นมาได้ 

 

 "อามิตาพุทธ" 

 หลวงจีนร้องขึ้นอีกครั้ง ร่างของเขายังอยู่ที่เดิม แต่หากมีใครมองดูรอยที่พื้น จะเห็นว่ามีรอยครูดออกไปจากจุดเดิมราวสองนิ้ว

 

 "พลังระฆังทองเส้าหลิน ยอดเยี่ยมสมคำเล่าลือ แต่ประมุขเราไม่ได้อยู่ที่นี่แล้ว พวกเราเป็นแค่ตัวล่อ ต้องขออภัยที่หลวงจีนท่านมาเสียเที่ยวแล้ว 

 หลวงจีนเลิกคิ้วขึ้นเล็กน้อย พลางหลับตาลงไม่เอ่ยปาก

 "พระกับผีเป็นคู่ตรงข้าม พวกเราคนหากินกับคนตายย่อมควรให้เกียรติสมณะใหญ่ท่านนี้ให้มากเข้าไว้..." 

 เสียงหนึ่งพลันดังขึ้น เป็นเสียงของสัปเหร่อเสียน หรือ จอมภูต ประมุขแห่งพรรคสัปเหร่อ เสียงนี้ไม่ดังกังวาน แต่ถึงกับทำให้มหาสมณะแห่งเส้าหลินถึงกับสะท้านขึ้น 

 เนื่องจากเสียงนั้นไม่ได้ดังมาจากทางขบวนรถขนโลงศพ หากแต่ดังมาจากทางด้านหลังของหลวงจีน 

 สมณะท่านนี้นามว่า อี้เติง มีศักดิ์เป็นรองเพียงเจ้าอาวาสวัดเส้าหลิน ตัวท่านฝึกพลังระฆังทองจนบรรลุถึงขั้นที่ 8 นับว่าฝีมือแทบจะไร้เทียมทาน อาวุธใดๆ ไม่กล้ำกรายผิวหนัง พลังสมาธิสูงส่ง จิตญาณเข้าถึงขั้นไร้ขอบเขต แต่กลับไม่รู้ตัวว่ามีคนเข้ามาถึงที่เบื้องหลัง นับเป็นเรื่องที่สร้างความตระหนกให้ได้ไม่น้อย 

 อย่างไรก็ตาม มหาสมณะยังคงนิ่งสงบ ไม่เคลื่อนไหว อี้เติง เชื่อมั่นในพลังระฆังทองคุ้มครองกาย จึงไม่แม้แต่จะหันหน้ากลับไปมองเจ้าของเสียงทางด้านหลัง 

 

"ผู้ดูแลตึกตั๊กม้อมาเอง นับว่าให้เกียรติเราอย่างยิ่ง ออกมาน้อมพบช้า เป็นเราเสียคาราวะแล้ว" 

สัปเหร่อเสียนเอ่ยยิ้มๆ แต่พลันขยับกาย 

พริบตาประชิดถึงด้านหลังของมหาสมณะ แล้ววกมาประจัหน้า สองนิ้วก้อยพลันยื่นออก ทิ่มเข้าใส่บริเวณหัวไหล่ เสียงดังเคร้งๆ ราวปลายกระบี่กระทบโลหะหนา หลวงจีนร้องครางออกมาเบาๆ ถอยร่นไปสองสามก้าวใหญ่ สะบัดแขนถ่ายพลังลงพื้น จากนั้นกวาดแขนเสื้อปาดเข้าใส่จอมภูตอย่างหักหาญ 

"พลังระฆังทองที่ยอดเยี่ยม !" สัปเหร่อเสียนพูดพลางหัวเราะ เคลื่อนร่างฉวัดเฉวียนไปมาหลบเลี่ยงการตลบเข้าใส่ของแขนเสื้อกว้างใหญ่ ฝ่ามือ หมัด และเพลงเตะของมหาสมณะดุจเปลวควัน 

 

"อยู่ !" หลวงจีนอี้เติง คำราม คว้าจับออกด้วยวิชากรงเล็บมังกรอันเลื่องชื่อของเส้าหลิน มั่นใจเต็มเปี่ยมว่าสามารถคว้าจับกำลำคอของจอมภูตเอาไว้ได้แน่ !

แต่... สัปเหร่อเฒ่าพลันเอนร่างไปด้านหลัง ยืนบนส้นเท้าแล้วแฉลบร่างหมุนคว้างไปทางด้านหลังของสมณะใหญ่ แล้วทิ่มหัวแม่มือทั้งสองข้างเข้าใส่บริเวณกระดูกสันหลังเหนือบั้นเอวของหลวงจีนเข้าอย่างจัง แล้วปลายนิ้วหัวแม่มือทั้งสองข้างกระแทกสลับกันขึ้นไปตามข้อต่อของกระดูกสันหลังอย่างรวดเร็วถี่ยิบจนถึงบริเวณท้ายทอย

บังเกิดเสียงดังเกรียวกราวราวกับประทัดแตกระเบิดอย่างต่อเนื่องออกมาจากร่างของหลวงจีนสูงศักดิ์ ทันใดนั้นร่างของมหาสมณะผู้ฝึกพลังระฆังทองก็รูดทรุดกองลงกับพื้นราวกับดินเหลวกองหนึ่ง !

"ศิษย์เส้าหลินฝึกฝนพลังมานับแต่เป็นเด็ก นับว่ากร้าวแกร่งจนน่าศรัทธา..." สัปเหร่อเสียนถอยมายืนมองแล้วเอ่ยปาก

"ยามเริ่มต้นต้องหาบน้ำผ่าฟืน นับเป็นการปรับพื้นฐานที่ยอดเยี่ยม หาบน้ำใช้พลังที่ขา ผ่าฟืนใช้พลังที่หลัง เชื่อมต่อสองส่วนนี้ได้ก็บรรลุวรยุทธขั้นสุดยอด"

"หากแต่... การเชื่อมพลังสองจุดนี้ต้องเดินลมปราณผ่านกระดูกสันหลัง หากจัดการแยกย้ายจุดเชื่อมต่อเหล่านี้ให้เคลื่อนจากกัน พลังก็ปะทุเหมือนน้ำทะลักจากท่อ... ขออภัยที่ล่วงเกิน เรามีภารกิจสำคัญไม่อาจนุ่มนวลมากกว่านี้ หวังว่าท่านผู้ทรงศีลคงเข้าใจ ขออำลา"

จอมภูตเอ่ยอย่างหมดจด แล้วหันกาย บอกไปเป็นไป ผู้ร่วมคณะจับร่างของคนบาดเจ็บฝ่ายตนวางบนเกวียน จากนั้นเร่งเข็นออกไปตามทางน้อยอย่างรวดเร็ว

 

..................….

 

ชั่วครู่หนึ่ง ปรากฎเงาร่างสองสายโลดแล่นเข้ามายังข้างร่างของมหาสมณะอี้เติง 

ผู้มาเป็นชายฉกรรจ์สองคน แต่งกายในชุดองค์รักษ์ ทั้งคู่จับจ้องมองหลวงจีนแน่วนิ่ง แต่ไม่ได้ให้การช่วยเหลือใดๆ

"แม้แต่มหาสมณะของเส้าหลินยังไม่อาจสะกดข่มจอมภูตเอาไว้ นับว่าร้ายกาจเกินไปแล้วจริงๆ" ชายคนหนึ่งพูด

"หลวงจีนยังไม่ตาย แต่ดูท่าไม่อาจขยับเขยื้อนได้อีกต่อไปแล้ว เราควรทำอย่างไรดีท่านนายกอง" ชายอีกคนเอ่ยอย่างนอบน้อมแสดงว่าเป็นบริวารที่มียศต่ำกว่า

"ทำตามแผนที่ได้รับคำสั่งมา... ลงมือจัดการหลวงจีนให้ตกตายอยู่ตรงนี้แล้วกระพือว่าเป็นฝีมือของจอมภูตและพรรคสัปเหร่อ" ผู้เป็นหัวหน้าเอ่ยเสียงเย็นชาก่อนแค่นหัวเราะดังเฮอะ

"เพียงเท่านี้ เส้าหลินก็กลายเป็นศัตรูกับพรรคผีสางนั่นของจอมภูต แม้พรรคของมันมีสมาชิกนับพัน แต่เส้าหลินมีศิษย์ทั้งบรรพชิตและฆราวาสนับหมื่น พวกมันมีเส้าหลินเป็นศัตรูนับว่าปวดเศียรเวียนเกล้าเป็นแน่แท้ ใต้เท้ากล่าวไว้ประเสริฐยิ่ง ยืมมือฆ่าคน เราเหนื่อยแรงเพียงรอเก็บเกี่ยว" 

"เช่นนั้นใช้อาวุธอะไรดีเพื่อสร้างร่องรอย" ผู้เป็นบริวารเอ่ยถามอีก พลางจ้องมองหน้าหลวงจีน ที่จับจ้องมาที่พวกมันเขม่ง

"หลวงจีนนี่สิ้นฤทธิ์แต่ไม่สิ้นสติ ดูเหมือนมันฟังเรากล่าวว่าจาเข้าใจ !" ชายผู้เป็นบริวารทำท่าตกใจอยู่บ้าง

"รู้แล้วเป็นไรไปเล่า มันขยับไม่ได้ เราช่วยสงเคราะห์ให้ตกตายย่อมเป็นการทำให้พ้นทุกข์ มิหนำซ้ำ ก่อนตายมันได้รู้เรื่องราว นับว่าไม่กลายเป็นผีโง่งมแล้ว"

พูดจบ ดึงเอาโลหะหนักทำเป็นรูปฝ่ามือออกมาจากข้างกาย

"ฝ่ามือโลหะนี้ จัดสร้างมาเป็นพิเศษ อาจจะสร้างร่องรอยคล้ายหัตถ์ยมภพของจอมภูตได้บ้าง" ตัวนายพูด 

"หากเป็นเมื่อสักครู่ ยามหลวงจีนยังมีพลังระฆังทองคุ้มกาย เราย่อมไม่อาจทำอย่างไรกับมันได้ แต่เมื่อมันนอนแน่นิ่งอยู่เช่นนี้ เชื่อว่าเราสร้างหลักฐานใส่ความได้ไม่ยาก..."

"อโหสิกรรมให้ข้าเถิดหลวงจีนเฒ่า เราทำตามคำสั่งของเจ้านาย ไม่อาจเป็นตัวของตัวเอง" องครักษ์ผู้เป็นหัวหน้าพูดอย่างยิ้มเยาะ แล้วควงฝ่ามือโลหะท่อนนั้นก่อนจะกระแทกพลังฟาดลงใส่ใบหน้าของหลวงจีนเต็มแรง !

เสียงเคร้ง ! ดังกังวาน ผสานเสียงร้องอย่างเจ็บปวดดังขึ้นสุดเสียง !!

ฝ่ามือโลหะหักสะบั้นดีดกระดอนสะท้อนขึ้นมาอย่างรุนแรง ! พร้อมกับร่างของหลวงจีนอี้เติง ดีดตัวลุกขึ้นยืนตระหง่าน

"อามิตาพุทธ ประสกทั้งสองอำมหิตเกินไปแล้ว" มหาสมณะเอ่ยเสียงเย็นชา

"เป็นไปได้ยังไง..." องครักษ์ผู้เป็นหัวหน้าครางอย่างเจ็บปวด ง่ามมือฉีกขาด มือห้อยร่องแร่งกระดูกมือแหลกสลายจากการถูกพลังกระแทกกลับ 

"อามิตาพุทธ จอมภูตผู้นั้นมิได้ทำร้ายอาตมา เขาเพียงค้นพบว่าในร่างอาตมามีจุดชีพจรติดขัด พลังลมปราณโคจรภายในกระดูกสันหลังไม่สะดวก ทำให้ไม่อาจบรรลุพลังระฆังทองขั้นที่เก้าได้ จึงช่วยกดเคลื่อนจุดที่ตีบตัน ในยามชั่วครู่รางกายไม่อาจขยับได้ แต่นับเป็นเรื่องดีที่ได้ยินข้อความอันเป็นสัจ ทำให้ตาสว่าง" 

มหาสมณะพนมมือหลับตา

"ฆ่า !" องครักษ์ร้องสั่งบริวาร 

ผู้ถูกสั่งแม้มีตำแหน่งต่ำกว่า แต่ฝีมือไม่ต่ำทราม มันกุมดาบรอจังหวะมาครู่หนึ่งแล้ว เมื่อได้ยินเสียงร้องเบี่ยงเบนความสนใจก็ตวัดดาบกรีดเฉียงแผ่พลังสิบส่วนใส่ดาบ หมายตัดร่างของหลวงจีนให้ขาดเป็นสองท่อน

เสียงดังกึก ! ตัวดาบถูกหลวงจีนตะปบคว้าเอาไว้ พลันบิดดาบสันหนาจนม้วนเป็นวงแล้วดีดออกไปทางด้านข้าง ทั้งคนและดาบกระเด็นไปคนละทิศทาง

"บัดนี้อาตมาบรรลุพลังระฆังทองขั้นที่เก้า อาวุธทั่วไปไม่อาจระคายผิว ทางที่ดีพวกประสกจงรีบพากันกลับไป หาไม่อาตมาคงต้องลงมือสนองคืนกรรมให้พวกท่านแล้ว" หลวงจีนกล่าวพลางจ้องมองใบหน้าสององครักษ์อย่างดุดัน

องครักษ์รีบพากันลนลานถอยออกไปทีละก้าว ก่อนจะหันกายกลับแล้วเริ่มออกวิ่ง ได้ยินเสียงมหาสมณะอี้เติงเอ่ยตามหลังมาว่า

"โปรดบอกนายของพวกท่าน เส้าหลินเราจะไม่ขอยุ่งกับปลักน้ำนี้อีกแล้ว" 

 

 

 .......................................

 ขบวนเกวียนขนโลงศพ...

 "ระวังตัวให้มาก พวกมันวางแผนรัดกุมยิ่งนัก กำหนดยุทธศาสตร์มาเพื่อลิดรอนทำลายพลังอาถรรพ์ของข้าอย่างต่อเนื่อง"

 สัปเหร่อเสียนมีสีหน้าอึดอัดอย่างเห็นได้ชัด

 "ตั้งแต่เริ่มต้น มันส่งสองนักพรต พร้อมบาตรปรมัตถ์ ตามต่อด้วยหลวงจีนผู้ทรงศีลอันบริสุทธิ์ดาหน้าเข้ามา ทั้งสามเหตุนับเป็นการวางแผนที่แยบคายของยอดคนไม่ผิดแน่ ด้วยการสัมผัสพลังทางธรรมทั้งสามรอบ นับว่าทำลายกลิ่นไออาถรรพที่เป็นพลังของข้าไปได้ไม่น้อย เชื่อว่าที่เบื้องหน้าต้องมีกับดักที่ไม่ธรรมดารออยู่ !