webnovel

จอมทัพตื๊อรัก(2 เล่มจบ)

“ข้าจะขอยกเลิกการเป็นคู่หมายของท่าน ท่านว่าดีหรือไม่” ถ้อยคำที่เปล่งออกมาจากริมฝีปากอวบอิ่มทำให้แม่ทัพหนุ่มชะงัก รอยยิ้มหายไปทันที ใบหน้าหล่อเหลาเครียดขึงและเย็นชาขึ้นจนดูน่ากลัว ดวงตาคมทรงเสน่ห์จ้องมองใบหน้าจิ้มลิ้มเขม็งและดุดันยิ่ง น้ำเสียงหนักแน่นและสีหน้าจริงจังจากเจ้าของใบหน้าจิ้มลิ้มอย่างที่ไม่เคยเห็นมาก่อน อีกทั้งแววตารักใคร่เทิดทูนที่มีให้ บัดนี้กลับไม่มีให้เห็นแม้สักเสี้ยว ส่วนสิ่งที่สัมผัสได้จากดวงตากลมโตกลับมีเพียงความมุ่งมั่น เด็ดเดี่ยว และว่างเปล่าไร้ระลอกคลื่นแห่งเสน่หา เห็นแล้วชวนให้หงุดหงิดอารมณ์เสียยิ่งนัก ‘มารดาเจ้าเถิด!’ แม่ทัพหนุ่มสบถในใจ แรงโทสะทำให้เขาเผลอปล่อยจิตสังหารออกมา ทำเอาหญิงสาวรู้สึกหนาวเยือกไปถึงกระดูก ความกล้าที่พกมาเต็มเปี่ยมลดฮวบจนแทบไม่เหลือ

SARABIYA_1501 · Fantasy
Not enough ratings
107 Chs

ภาคต่อตอนที่ 41 งานวันเกิดที่เกินความคาดหมาย

จวนแม่ทัพไร้พ่ายอยู่ติดกับจวนเสนาบดีมู่หลิ่งฟู่ผู้เป็นบิดา ใช้เวลาเพียงไม่นานเกี้ยวขนาดสี่คนหามของชิงหลินและสามีที่ขี่เจ้าทาเสว่ อาชาศึกคู่ใจนำหน้าย่างเหยาะช้าๆอย่างสง่างามก็มาถึงยังสถานที่จัดงาน

ความจริงสามารถเดินเท้ามาได้แต่สามีไม่ยอม ใช้เรื่องการตั้งครรภ์มาเป็นข้ออ้าง ทำให้นางปฏิเสธไม่ได้ อีกทั้งยังได้หมายเลขเจ็ด แปด เก้า สิบ อาสาหามเกี้ยวให้อีก ไม่รู้ทำไมยามที่นั่งอยู่ในเกี้ยวกลับสบาย ไม่มีโคลงเคลงให้เวียนหัวอย่างที่คิดไว้

เมื่อเกี้ยวถูกวางลงอย่างเบามือ ชิงหลินขยับตัวออกมาจากเกี้ยวก็เป็นเวลาเดียวม่านหน้าต่างเลิกขึ้นพร้อมกับมือหนาของสามีที่ยื่นออกมาตรงหน้า ตากลมโตมองมือหนาแล้วเงยขึ้นมองใบหน้าหล่อเหลาที่โน้มตัวลงมาส่งยิ้มให้ นางยิ้มตอบเขายื่นมือออกไปวางบนมือหนา ก้าวออกมาจากเกียวอย่างมั่นคง ส่วนสี่สหายน้อยก็กระโดดตามออกมาติดๆ

"ขอให้ธิดาสวรรค์มีความสุข!"

"ขอให้ธิดาสวรรค์อายุมั่นขวัญยืน!!"

"ขอให้ธิดาสวรรค์มีความสุข!"

"ขอให้ธิดาสวรรค์อายุมั่นขวัญยืน!!"

เสียงอวยพรของเหล่าชาวบ้านนับร้อยที่ยืนอยู่ด้านหน้าประตูทางเข้าจวนทำร่างเล็กสะดุ้งตกใจ

"พวกเขาล้วนมาอวยพรวันเกิดให้เจ้า ด้วยความสมัครใจ หามีผู้ใดจ้างวานมาไม่"แม่ทัพหนุ่มกล่าวเสียงนุ่มเต็มไปด้วยความภาคภูมิใจ

"พี่ธิดาสวรรค์!!"เด็กน้อยหญิงชายวิ่งกรูเข้ามาหามอบดอกไม้ให้นางส่งเสียงเจื้อยแจ้วอยู่รอบตัว ใบหน้าเด็กน้อยเหล่านั้นเต็มไปด้วยรอยยิ้มและเปล่งประกายราวดวงดาราบนท้องฟ้า

"ธิดาสวรรค์ ข้าขอเป็นตัวแทนชาวบ้านเหล่านี้ อวยพรให้ท่านอายุมั่นขวัญยืนเป็นที่รักของพวกเราตลอดไป"ชายร่างสูงค่อนไปทางผอมวัยกลางคน แต่งกายด้วยผ้าเนื้อหยาบเป็นตัวแทนกล่าวอวยพรให้ฮูหยินน้อย

"ขอบคุณทุกท่านมาก ข้าคิดว่านี่เป็นหนึ่งในของขวัญวันเกิดที่ดีที่สุดชิ้นหนึ่งเลยทีเดียวเจ้าค่ะ"ชิงหลินกล่าวออกมาจากใจ รู้สึกตื้นตันใจจนน้ำตาคลอไล่สายตามองค้อมศีรษะให้พวกเขาเป็นระยะๆอย่างขอบคุณ ก่อนที่สายตาจะไปสะดุดเข้ากับเด็กกลุ่มหนึ่ง ยืนห่างออกไปราวยี่สิบก้าว เด็กกลุ่มนั้นหน้าตามอมแมมผมเผ้ายุ่งเหยิงเสื้อผ้าขาดวิ่นและสกปรก ยืนมองนางอยู่ในมือเด็กหญิงคนหนึ่งถือมงกุฎดอกไม้สีขาวซึ่งน่าจะเป็นดอกไม้ป่า

"ไปเถิด ทุกคนรออยู่"แม่ทัพหนุ่มบีบมือเล็กเอ่ยเตือนภรรยา

"รอเดี๋ยวเจ้าค่ะ"ชิงหลินแกะมือของสามีออก เท้าเล็กก้าวตรงไปยังเด็กกลุ่มนั้น ที่ใครมองก็รู้ได้ทันทีว่าเป็นขอทาน

เหล่าขอทานน้อยเหล่านี้เป็นเด็กกำพร้าบิดามารดาเสียชีวิต เดินทางรอนแรมขอทานไปเรื่อยได้รับความลำบากมาไม่น้อย วันหนึ่งได้ยินพ่อค้าแม่ค้าในตลาดกล่าวถึง ธิดาสวรรค์ ผู้เต็มเปี่ยมเมตตาชอบช่วยเหลือผู้คนจะจัดงานครบรอบวันเกิด จึงตั้งใจช่วยกันทำมงกุฎดอกหญ้าขึ้น เพื่อนำมามอบให้พี่ธิดาสวรรค์หวังเพียงอาหารเป็นสิ่งตอบแทน

แต่เอาเข้าจริงกลับได้แต่ยืนมองอยู่ไกลๆ ไม่กล้าแม้แต่จะเอ่ยปากอวยพร ในขณะที่กำลังสิ้นหวังคอตกเตรียมตัวกลับพร้อมกับความหิวโหยเสียงกังวานใสก็ดังขึ้น ทำให้เหล่าขอ ทานน้อยเงยหน้ามองตามเสียงนั้น

"มงกุฎดอกไม้นั่นตั้งใจมามอบให้พี่สาวใช่หรือไม่?"ชิงหลินนั่งยองตรงหน้าเด็กหญิงหน้าตามอมแมมทำผมทรงซาลาเปาสองลูกสองมือประคองมงกุฎดอกไม้ราวกับประคองของล้ำค่า

"อื้อๆ"เด็กหญิงพยักหน้ารัวใบหน้ามอมแมมแดงเรื่อบิดตัวไปมาด้วยความขัดเขิน

"พะพวกเรา ตั้งใจนำมามอบให้ท่านขอรับ"ขอทานน้อยที่โตที่สุดในกลุ่มตอบตะกุกตะกัก ตื่นเต้นจนมือไม้เย็นเฉียบไม่คิดว่าจะมีวาสนาได้พูดคุยกับพี่ธิดาสวรรค์อย่างใกล้ชิดเช่นนี้

"เช่นนั้น จะสวมให้พี่สาวได้หรือไม่?"ชิงหลินยิ้มถามเสียงอ่อนโยน

"อื้อๆ"เด็กหญิงตัวน้อยพยักหน้ารัวถี่กว่าเดิมยิ้มกว้างอวดฟันหลอ ดวงตาเป็นประกายสุกใสบริสุทธิ์ไร้เดียงสา ความดีใจทำให้ลืมเลือนความหิวโหยไปชั่วขณะประคองมงกุฎดอกหญ้าสวมที่ศีรษะของพี่ธิดาสวรรค์ช้าๆ

"ขอบใจมาก นี่เป็นของขวัญที่พี่สาวชอบมากที่สุดในปีนี้"ดึงเด็กน้อยเข้ามากอดแล้วกระซิบขอบคุณ "ขอบคุณที่อดทนผ่านคืนวันอันแสนเหน็บหนาว และหิวโหยมาได้ ขอบคุณที่นึกถึงพี่สาวคนนี้ พี่สาวรับปากจะดูแลเจ้าและพี่น้องอย่างดี ไม่ต้องกลัวนะ พี่สาวจะไม่ทอดทิ้งเจ้า พี่สาวสัญญา"

"แงๆๆ"เด็กน้อยชะงักนิ่งไปครู่หนึ่งด้วยความตกใจ ก่อนจะปล่อยโฮออกมาดังลั่นด้วยความอัดอั้นตันใจ สองมือน้อยโอบกอดลำคอระหงซุกซบใบหน้ามอมแมมกับไหล่แสนอบอุ่นและหอมกรุ่นสะอื้นไห้จนตัวโยน พลอยให้ขอทานน้อยที่เหลือร้องไห้ตามไปด้วย

"สมแล้วที่เป็นธิดาสวรรค์ของพวกเรา ช่างอ่อนโยนจิตใจดีมีเมตตาไม่เลือกชนชั้นจริงๆ"หนึ่งในชาวบ้านกล่าวชื่นชมด้วยความซาบซึ้งใจ พร้อมกับควักผ้าเช็ดหน้าขึ้นซับน้ำตา

"ใช่ๆ นับเป็นบุญวาสนาของขอทานน้อยเหล่านั้น"ชาวบ้านที่ยืนดูเหตุการณ์ใกล้ๆต่างพยักหน้าเห็นด้วยกับคำกล่าวของชายผู้นั้น

"หลินเอ๋อร์ไปเถิด"แม่ทัพหนุ่มเดินเข้ามาประคองร่างเล็กขึ้นมาอย่างทะนุถนอมดวงตาคมทรงเสน่ห์เป็นประกายรักใคร่เปิดเผย

"ได้เจ้าค่ะ หมายเลขหนึ่งฝากเด็กๆเหล่านี้ด้วยนะ"หันไปส่งยิ้มให้สามีแล้วหันไปสั่งการหัวหน้ากองกำลังหลิ่งหลิน

"ทราบแล้วขอรับ ฮูหยินน้อย"

"ไม่ต้องห่วงนะ เสร็จงานแล้วพี่สาวจะแวะไปหาพวกเจ้า"

"อื้อๆ"เด็กน้อยพยักหน้ายิ้มกว้างทั้งที่น้ำตายังไหลอาบแก้ม ชิงหลินเห็นแล้วอดสะท้อนใจไม่ได้ ยื่นมือเรียวขาวลูบศีรษะเหล่าขอทานน้อยอย่างอ่อนโยนทีละคนจนครบ จากนั้นปล่อยให้สามีประคองเข้าไปในจวนโดยมีสี่สหายน้อยเดินนำหน้าด้วยท่าทางองอาจและสงบเสงี่ยมยิ่ง

"พี่สะใภ้!!"เสียงคุ้นหูพร้อมกับร่างเล็กของมู่หลิ่งเฟิง สวมใส่อาภรณ์สีท้องฟ้าลายเมฆาเคลื่อนคล้อยวิ่งออกมาจากข้างในจวน ทำท่าจะเข้ามาสวมกอดพี่สะใภ้แต่ถูกแม่ทัพหนุ่มพี่ชายส่งสายตาห้ามไว้เสียก่อน คุณชายน้อยจึงได้แต่ส่งยิ้มหวานไปให้

"เฟิงเอ๋อร์ พี่สะใภ้คิดถึงยิ่งนัก เป็นอย่างไรบ้าง?"ชิงหลินทักทายยื่นมือออกไปให้เด็กน้อยจับ ซึ่งเด็กน้อยก็จับไว้ทันทีไม่มีท่าทีอิดออดเห็นแล้วให้นึกเอ็นดูไม่น้อย

"สบายดีขอรับ อาจารย์ยังเอ่ยชมว่า ฝีมือเพลงดาบของข้ารุดหน้าไปมาก"คุณชายน้อยมู่หลิ่งเฟิงยิ้มกว้างใบหน้าหล่อเหลาคล้ายผู้เป็นพี่ชายขึ้นสีเล็กน้อย ทำให้อดที่จะโอ้อวดมิได้ เพียงเพราะหวังได้รับคำชมจากพี่สะใภ้ที่ตนแสนภาคภูมิใจเพิ่มขึ้นอีกข้อ

คุณชายน้อยมู่หลิ่งเฟิง ได้เข้าศึกษายังสำนักหย่งชุน ซึ่งเป็นสำนักที่มีชื่อเสียงโด่งดังอันดับหนึ่งในยุทธภพ รวบรวมวิชาทั้งบุ๋นบู๊ ศิษย์ที่จบจากที่นี่ได้ดิบได้ดีเป็นจอหงวนมาหลายรุ่นแล้ว ทุกคนต้องผ่านการทดสอบจึงจะเข้าไปศึกษาได้ ในแต่ละปีจะรับศิษย์ใหม่เพียงยี่สิบคนเท่านั้น นับว่ายากและท้าทายความสามารถยิ่งนัก

เมื่อสามเดือนก่อนคุณชายน้อยมู่หลื่งเฟิง สอบเข้าได้เป็นลำดับที่หนึ่งทำให้ทุกคนในสกุลมู่ภูมิใจในระหว่างที่กำลังศึกษาอยู่ มู่ฮูหยินได้เขียนสารถึงบุตรชายใจความว่า จะจัดงานครบรอบสิบเจ็บหนาวให้พี่สะใภ้ คุณชายน้อยจึงขออนุญาตอาจารย์กลับมาร่วมงาน

"เฟิงเอ๋อร์ของเรายอดเยี่ยมที่สุดเจ้าค่ะ"ชิงหลินเอ่ยชมจริงใจเพราะเคยเห็นความ สามารถของเด็กน้อยผู้นี้มาบ้างแล้ว หากเกิดในยุคของนางเด็กคนนี้ต้องได้ขึ้นชื่อว่า เด็กอัจฉริยะ อย่างแน่นอน

สองสาวใช้ และกองกำลังหลิ่งหลินที่เดินตามหลัง ยกยิ้มมุมปากกับบทสนทนาอันอบอุ่นและสนิทสนมของนายทั้งสอง อา...ช่างน่ายินดีนักที่ฮูหยินน้อยเป็นที่รักของทุกคนเช่นนี้

"จริงสิ เหตุใดไม่เห็นองครักษ์ทั้งสี่เลยเล่าเจ้าคะ?"ชิงหลินถามสามี

"มีภารกิจเล็กน้อย อีกเดี๋ยวคงกลับมา"แม่ทัพหนุ่มตอบเสียงนุ่มก้าวเท้าไปข้างหน้าอย่างมั่นคง

"อาเหวินเหตุใดจึงชักช้านักเล่า?"มู่ฮูหยินตำหนิบุตรชายคนโตทันทีที่ทั้งสามปรากฏตัว

"เกิดเหตุขัดข้องหน้าจวนเล็กน้อยขอรับ"แม่ทัพหนุ่มตอบ

"งั้นรึ?ไว้ค่อยคุยกันทีหลัง แขกเหรื่อมากันพร้อมแล้ว พาน้องไปนั่งประจำที่เถิด"ชิงฮูหยินเป็นฝ่ายกล่าวตัดบท

"เฟิงเอ๋อร์มากับแม่"มู่ฮูหยินก้มหน้ากล่าวกับบุตรชายคนเล็กที่ยังคงจับมือพี่สะใภ้ไม่ยอมปล่อย

"...ขอรับท่านแม่.พี่สะใภ้ ข้าขอดูแลสี่สหายน้อยได้หรือไม่ขอรับ?"ประโยคหลังเงยหน้าถามพี่สะใภ้

"ได้เจ้าค่ะ"ชิงหลินพยักหน้าก่อนจะเอ่ยเรียกสี่สหายน้อยที่เดินนำอยู่ข้างหน้าให้ไปกับเด็กน้อย ซึ่งพวกมันก็ยินยอมไปแต่โดยดี เพราะวันนี้เป็นวันสำคัญของหลินหลิน นางคงไม่มีเวลามาดูแลพวกมันเป็นแน่ อีกอย่างอยู่กับเจ้าเด็กน้อยนี่ก็คงแก้ความเบื่อหน่ายได้บ้าง ฟานฟานน้อยคิดอย่างนั้น

"ตามมารยาทแล้ว เจ้าต้องมาคอยต้อนรับแขกเหรื่อที่มาร่วมงานด้วยตนเอง แต่พี่และทุกคนเห็นว่าเจ้ากำลังตั้งครรภ์ หากต้องให้มายืนนานๆอาจส่งผลเสียต่อเจ้าและทายาทได้ ท่านพ่อทั้งสองและท่านแม่ทั้งสองจึงทำหน้าที่แทนเจ้า ให้พี่พาเจ้ามางานเมื่อแขกเหรื่อมากันพร้อมแล้ว"แม่ทัพหนุ่มอธิบายก้าวเท้าช้าๆไปยังลานกว้างหน้าจวนอันเป็นสถานที่ใช้จัดงาน

"ขอบคุณมากเจ้าค่ะ งดงามมากจริงๆ"ขอบคุณพร้อมกับเอ่ยชมเมื่อสังเกตเห็นการประดับตกแต่งด้วยโคมไฟเล็กใหญ่ รูปทรงต่างๆ หลากสีสัน ตามสุมทุมพุ่มไม้ที่ตัดแต่งไว้อย่างสวยงาม ตามต้นไม้ใหญ่ก็มี ทำให้นึกถึงต้นคริสต์มาสที่เคยเห็นในภพก่อนมันดูคล้ายอย่างนั้น

เมื่อมาถึงนางเห็นแขกเหรื่อชายหญิงราวสองร้อยแต่งกายหรูหรา นั่งบนพรมที่เจ้าภาพจัดเตรียมไว้ให้ ด้านหน้ามีโต๊ะเตี้ยๆสูงราวฟุตกว่าๆ ความยาวของโต๊ะสำหรับสองคนนั่ง ตั้งไว้ฝั่งละสองแถวๆละยี่สิบห้าตัว หันหน้าเข้าหากัน โดยเว้นว่างตรงกลางไว้

ด้านหน้าสุดเป็นที่นั่งสำหรับเจ้าภาพและเจ้าของวันเกิด มีโต๊ะแบบเดียวกันห้าตัวสำหรับสิบที่ แม้จะติดใจสงสัยแต่ก็ไม่ได้เอ่ยถามเดินเคียงคู่สามีตามทางเดินที่เว้นว่างไว้ ตรงไปยังท่านพ่อทั้งสองที่ยืนยิ้มรออยู่

"คารวะท่านพ่อทั้งสอง คารวะท่านแม่ทั้งสองขอรับ"แม่ทัพหนุ่มเอ่ยนำก่อนประสานมือค้อมศีรษะให้บิดามารดาของตนและของภรรยา

"หลินเอ๋อร์คารวะท่านพ่อทั้งสอง ท่านแม่ทั้งสองเจ้าค่ะ"นางยอบกายเคารพอย่างงดงาม ใบหน้ายิ้มละไม

"ไม่ต้องมากมารยาทไป นั่งลงก่อนเถิดลูกสะใภ้"มู่หลิ่งฟู่ผายมืออนุญาต กล่าวเสียงอบอุ่นชวนฟัง

"เจ้าค่ะ"ยอบกายอีกครั้งแล้วเดินไปนั่งหลังโต๊ะเตี้ยๆตัวที่สี่เคียงคู่สามี โต๊ะตัวที่ห้าเป็นของคุณชายน้อยมู่หลิ่งเฟิงกับสี่สหายน้อย

ส่วนบิดามารดาของนางนั่งอยู่หลังโต๊ะตัวที่หนึ่ง บิดามารดาของสามีนั่งอยู่หลังโต๊ะตัวถัดมา มีเพียงโต๊ะตัวที่สาม ซึ่งอยู่ตรงกลางยังคงว่างอยู่ มันทำให้คิ้วเรียวขมวดมุ่นเป็นปมใครจะมากัน?

"ขอบคุณทุกท่านที่ให้เกียรติมาร่วมงานวันครบรอบอายุสิบเจ็ดหนาวของลูกสะใภ้ข้า ต้องขออภัยที่มิได้ให้นางออกมาต้อนรับแขกเหรื่อด้วยตนเอง นอกจากงานวันเกิดแล้ว วันนี้ข้ายินดีจะประกาศข่าวดีให้ทราบโดยทั่วกันว่า จวนแม่ทัพไร้พ่ายนับจากนี้อีกหกเดือนข้างหน้า จะให้กำเนิดทายาทแฝด"มู่หลิ่งฟู่ลุกขึ้นประกาศด้วยใบหน้าแย้มยิ้ม

"โอ้...ฝาแฝดรึ?"

"ช่างน่ายินดีเสียจริง"

"ธิดาสวรรค์ตั้งครรภ์แฝด"

"โอ้...ยินดีด้วยท่านเสนาบดี ยินดีด้วยท่านแม่ทัพ"ขุนนางคนหนึ่งลุกขึ้นยืนกล่าวคำอวยพรก่อน แล้วจากนั้นก็มีคำอวยพรอีกมากมาย

"ลูกสะใภ้มานี่มา"มู่หลิ่งฟู่กวักมือเรียกลูกสะใภ้ ชิงหลินหันมองสามีที่ตบหลังมือให้กำลังใจ ซึ่งช่วยให้คลายความตื่นเต้นไปได้มากทีเดียว นางไม่ค่อยคุ้นชินเวลาออกไปพูดต่อหน้าคนเยอะๆมาแต่ไหนแต่ไรแล้ว "ท่านพ่อ"เรียกบิดาของสามี

"ในเมื่อเป็นงานของเจ้า และแขกเหรื่อเหล่านี้ล้วนมาเพื่ออวยพรให้เจ้า สมควรที่เจ้าจะกล่าวขอบคุณพวกเขาเสียหน่อยนะ"มู่หลิ่งฟู่กล่าวกับลูกสะใภ้ที่บัดนี้มายืนอยู่ข้างๆตน

"เอ่อ...."

"โอ้....เราพลาดอะไรไปรึไม่?"เสียงที่ดังขัดขึ้นพร้อมกับการปรากฏกายของผู้ที่อยู่เหนือผู้ใดในแคว้นฉี ฉีเฉินหลงฮ่องเต้ ทำเอาแขกเหรื่อแตกตื่นรีบคุกเข่าถวายความเคารพ

"ถวายพระพรฝ่าบาท ขอจงทรงพระเจริญหมื่นปี หมื่นๆปี!!"

"ลุกขึ้น เชิญทุกท่านตามสบาย เราเพียงแค่แวะมาแสดงความยินดีกับท่านแม่ทัพและฮูหยินเท่านั้น"ฉีเฉินหลงกล่าวเสียงแฝงความรื่นรมย์

"ขอบพระทัย!!"

"หลินเอ๋อร์"ฉีเฉินหลงเรียกหญิงสาวอย่างสนิทสนมเมื่อทุกคนกลับไปนั่งที่เดิมของตนแล้ว

"เพคะฝ่าบาท"ชิงหลินก้าวออกมาข้างหน้าเบื้องพระพักตร์

"มู่หลินรับราชโองการ"อู่กงกงก้าวออกมาประกาศด้วยเสียงค่อนข้างดัง

"ราชโองการ มู่หลิน ฮูหยินแห่งจวนแม่ทัพไร้พ่าย จิตใจดีมีเมตตาคุณธรรมสูงส่ง ช่วยเหลือราษฎรจากความทุกข์เข็ญจนได้รับการสรรเสริญมากมาย เราขอแต่งตั้งบรรดาศักดิ์ให้เป็น องค์หญิงศักดิ์สิทธิ์ มีสิทธ์อำนาจเป็นรองเพียงเราเท่านั้น จบราชโองการ"

"องค์หญิงศักดิ์สิทธิ์ เชิญรับราชโองการด้วยพะย่ะค่ะ"อู่กงกงกล่าวพร้อมกับยื่นม้วนกระดาษสีเหลืองทองให้นาง

"ขอบพระทัยเพคะ"ชิงหลินรับม้วนกระดาษมาด้วยมือที่สั่นเทาไม่ได้รู้สึกดีใจสักนิด ก่อนจะค่อยๆพยุงตัวลุกขึ้นกลับไปนั่งที่เดิมของตนด้วยจิตใจที่เลื่อนลอย

ตอนใหม่มาแล้วจ้า ขอบคุณทุกกำลังใจและทุกเม้นท์ อ่านแล้วใจฟู มีแรงฮึดให้อัพต่อ...ขอบคุณค่า^_^

SARABIYA_1501creators' thoughts