webnovel

จอมทัพตื๊อรัก(2 เล่มจบ)

“ข้าจะขอยกเลิกการเป็นคู่หมายของท่าน ท่านว่าดีหรือไม่” ถ้อยคำที่เปล่งออกมาจากริมฝีปากอวบอิ่มทำให้แม่ทัพหนุ่มชะงัก รอยยิ้มหายไปทันที ใบหน้าหล่อเหลาเครียดขึงและเย็นชาขึ้นจนดูน่ากลัว ดวงตาคมทรงเสน่ห์จ้องมองใบหน้าจิ้มลิ้มเขม็งและดุดันยิ่ง น้ำเสียงหนักแน่นและสีหน้าจริงจังจากเจ้าของใบหน้าจิ้มลิ้มอย่างที่ไม่เคยเห็นมาก่อน อีกทั้งแววตารักใคร่เทิดทูนที่มีให้ บัดนี้กลับไม่มีให้เห็นแม้สักเสี้ยว ส่วนสิ่งที่สัมผัสได้จากดวงตากลมโตกลับมีเพียงความมุ่งมั่น เด็ดเดี่ยว และว่างเปล่าไร้ระลอกคลื่นแห่งเสน่หา เห็นแล้วชวนให้หงุดหงิดอารมณ์เสียยิ่งนัก ‘มารดาเจ้าเถิด!’ แม่ทัพหนุ่มสบถในใจ แรงโทสะทำให้เขาเผลอปล่อยจิตสังหารออกมา ทำเอาหญิงสาวรู้สึกหนาวเยือกไปถึงกระดูก ความกล้าที่พกมาเต็มเปี่ยมลดฮวบจนแทบไม่เหลือ

SARABIYA_1501 · Fantasy
Not enough ratings
107 Chs

ภาคต่อตอนที่ 33 เค้าลางด้ายแดง

จวนแม่ทัพไร้พ่าย

สองบุรุษผู้น่าเกรงขามกำลังจ้องกันอย่างเอาเป็นเอาตาย บุรุษผู้มาเยือน รูปร่างสูงใหญ่กำยำ ใบหน้าหล่อเหลาคมเข้มติดจะเย็นชาเงียบขรึมและดุดัน แต่กระนั้นก็ยังเป็นที่หมายปองแก่สตรีน้อยใหญ่ ซ้ำยังเป็นว่าที่ทายาทคหบดีผู้มั่งคั่งที่จะขึ้นเป็นผู้นำของตระกูลในวันข้างหน้า

อีกหนึ่งหล่อเหลางดงามราวกับเทพเซียนจากสวรรค์ชั้นฟ้า บุรุษผู้ทำให้สตรีน้อยใหญ่ร่ำไห้ใจสลาย บางรายถึงกับเป็นลมล้มพับไป ยามเมื่อทราบข่าวงานวิวาห์ของเขากับสตรีที่งดงามทั้งภายในและภายนอก แม้จะเจ็บปวดใจแต่ไม่มีผู้ใดคิดตำหนิหรือคัดค้าน ด้วยสตรีนางนั้นนอกจากจะงดงามดังที่กล่าวแล้วยังโดดเด่นมากความสามารถจนผู้คนเรียกนางว่า ธิดาสวรรค์

"ข้าจะถามท่านอีกครั้ง...น้องเล็กอยู่ที่ใด?"

"แม้เจ้าจะถามอีกพันครั้งหมื่นครั้ง ข้าก็บอกได้เพียงว่านางปลอดภัยดี"

"หากเป็นเช่นนั้นจริง เหตุใดจึงบอกมิได้ว่านางอยู่ที่แห่งใด?"

"เพราะข้ามิเห็นความจำเป็นใดต้องแจงให้เจ้าทราบ"

"อย่างไรข้าก็เป็นพี่ชาย"

"แต่นางแต่งให้ข้าแล้ว นางคือคนของข้า!"

การโต้เถียงของบุรุษทั้งสองทำเอาองครักษ์ทั้งสี่ของแม่ทัพหนุ่มและสองผู้ติดตามของเฟิ่งอิงถึงกับกุมขมับส่ายหน้ากับความไม่ยอมกันของเจ้านายของตน แต่ไม่มีผู้ใดกล้าเข้ามาห้ามทัพ ทำได้เพียงยืนฟังบุรุษทั้งสองโต้ถียงกันไปมา แล้วสุดท้ายก็วนมาที่ประโยคเริ่มต้นที่ว่า ข้าจะถามท่านอีกครั้ง น้องเล็กอยู่ที่ใด?

อา...พวกท่านรู้ตัวรึไม่ว่ากำลังทำตัวเหมือนเด็กน้อยโต้เถียงกันอยู่? นั่นคือประโยคที่พวกเขาอยากจะกล่าวออกมาเหลือเกิน

"ฮึ่ม!หากน้องเล็กเป็น....."

"เหตุการณ์เช่นนั้นจะมิมีวันเกิดขึ้น!!"

"...ดี!! ข้าจะรอฟังข่าวที่จวนสกุลชิง ข้าขอลา"

มู่หลิ่งเหวินยืนมองส่งร่างสูงใหญ่ของพี่ชายบุญธรรมของภรรยาจนลับสายตา ก่อนจะทรุดลงนั่งอย่างหมดแรง ซบใบหน้าหล่อเหลาหมองคล้ำลงกับฝ่ามือหยาบหนาของตน ดวงตาคมทรงเสน่ห์สั่นไหวยามนึกถึงถ้อยคำที่เผลอกล่าวออกไป ทั้งๆไม่มีความมั่นใจเลยสักนิดว่านางจะกลับมาหาตนได้อย่างปลอดภัยหรือไม่?

"ท่านแม่ทัพ"จิ๋นซื่อเอ่ยเรียก

"..."แม่ทัพหนุ่มเพียงปรายตามององครักษ์ที่ยืนอยู่ทางซ้ายมือ

"ไม่มีหนทางอื่นติดต่อฮูหยินน้อยเลยหรือขอรับ?"เพราะหากมีหนทางต่อให้ต้องบุกน้ำลุยไฟองครักษ์หนุ่มก็พร้อมเสมอ

"หากมีหนทาง เจ้าคิดว่าท่านแม่ทัพจะนิ่งดูดายเช่นนี้รึ!"จิ๋นอี้เป็นผู้ตอบแทนเจ้านายหนุ่ม

"ข้าจะพักผ่อน ห้ามใครรบกวน"กล่าวจบก็เดินจากไปทันที

"ฮูหยินน้อย พวกเราหวังว่าท่านจะกลับมาอย่างปลอดภัย"จิ๋นเอ้อเอ่ยขึ้นลอยๆแล้วจึงก้าวเดินออกจากโถงตามเจ้านายหนุ่มไป

"..."สามองครักษ์แลกเปลี่ยนสายตากัน ก่อนจะก้าวตามหลังจิ๋นเอ้อไปติดๆ

------------

ภายในโถงจวนเสนาบดีมู่ ซึ่งติดกับจวนแม่ทัพไร้พ่าย

ตู้เหมยฮวา บุตรีคนโปรดของตู้ฮุ่ยเปียว อัครเสนาบดีผู้เปี่ยมอำนาจบารมีเหนือขุนนางทั้งหลาย กำลังสนทนาอยู่กับมู่ฮูหยินนายหญิงใหญ่แห่งจวนเสนาบดีฝ่ายบู๊ อยู่ที่ศาลากลางสวน

"ต้องขออภัยท่านป้ามู่ ที่ฮวาเอ๋อร์มาโดยมิได้แจ้งให้ทราบล่วงหน้าเจ้าค่ะ"

"เรื่องเล็กน้อย ป้าหาใส่ใจไม่"มู่ฮูหยินกล่าวยิ้มๆ มองเด็กสาวที่พึ่งพ้นวัยปักปิ่นด้วยความเอ็นดูและชื่นชม แม้จะไม่ใคร่สนิทชิดเชื้อเท่าใด แต่ทุกครั้งที่ได้พบ นางก็นึกชื่นชมในความอ่อนหวาน อ่อนน้อมถ่อมตนไม่เคยใช้อำนาจของบิดาข่มเหงรังแกผู้อื่น รูปโฉมโนมพรรณรึก็งดงามเป็นที่หมายปองของบุรุษ เห็นเด็กสาวเบื้องหน้าแล้วก็ไพล่นึกถึงลูกสะใภ้ของตนเองขึ้นมา

"แล้วมีเรื่องเร่งด่วนอะไรทำให้เจ้ามาหาป้าถึงที่นี่?"ยกถ้วยชาขึ้นจิบเอ่ยถามอย่างใจเย็น ใบหน้างามยังคงยิ้มละไม

"เอ่อ ขอเรียนท่านป้ามู่ตามตรง ฮวาเอ๋อร์อยากจะขอพบหลินเอ๋อร์เจี่ยเจี่ยเจ้าค่ะ"ตู้เหมย ฮวากล่าวเสียงเบา ใบหน้างดงามแดงเรื่อก้มต่ำเอียงอาย

"หือ?"คิ้วเรียวเล็กเลิกขึ้นประหลาดใจเท่าที่ทราบลูกสะใภ้ของนางหาได้สนิทสนมกับเด็กสาวผู้นี้ไม่

"ฮวาเอ๋อร์ชื่นชมหลินเอ๋อร์เจี่ยเจี่ย นับแต่ได้มีโอกาสสนทนากันแม้เพียงเล็กน้อยที่งานชมบุปผาจวนเสนาบดีหานเจ้าค่ะ"

มู่ฮูหยินพยักหน้ารับรู้ หรี่ตามองเด็กสาวเบื้องหน้าด้วยความรู้สึกหลากหลาย ได้พบเพียงครั้งเดียวก็สนใจถึงขั้นมาหาถึงจวนเลยรึ? จะว่าไปเมื่อครั้งที่บุตรชายตนแต่งสะใภ้เข้าบ้านเด็กสาวผู้นี้ก็ติดตามผู้เป็นบิดามาด้วย

"หลังจากนั้น ฮวาเอ๋อร์มักจะได้ยินท่านพ่อกล่าวชมหลินเอ๋อร์เจี่ยเจี่ยให้ฟังอยู่บ่อยครั้ง ทำให้ฮวาเอ๋อร์ชื่นชมและนับถือยิ่งนัก แต่ก็แอบอิจฉาเล็กน้อยเจ้าค่ะ"ถ้อยคำตรงไปตรงมาไร้การเสแสร้งของเด็กสาวเรียกเสียงหัวเราะจากมู่ฮูหยินได้เป็นอย่างดี

"อิจฉา? อิจฉาเรื่องใดกัน?"เอ่ยถามอย่างอารมณ์ดี รู้สึกภูมิใจในตัวลูกสะใภ้ยิ่งนัก ที่ทำให้อัครเสนาบดีผู้เปี่ยมอำนาจและปากหนักกล่าวชมได้เช่นนี้

"หลายเรื่องเจ้าค่ะ โดยเฉพาะเรื่องที่ได้ออกเดินทางท่องเที่ยวไปยังที่ต่างๆ ช่วยตระกูลให้พ้นภัย ได้ถวายงานรับใช้องค์ฮ่องเต้และองค์รัชทายาท ที่แม้แต่บุรุษขุนนางบางคนยังไม่สามารถทำได้...."

"ทุกครั้งที่ท่านพ่อกลับจวนด้วยใบหน้าเคร่งเครียด พอฮวาเอ๋อร์เอ่ยถามเรื่องของหลินเอ๋อร์เจี่ยเจี่ย ท่านพ่อก็จะอารมณ์ดีขึ้นมาทันทีเจ้าค่ะ เช่นนี้แล้วจะไม่ให้ฮวาเอ๋อร์อิจฉาได้อย่างไร?"

เสียงกังวานใสไพเราะเสนาะหู และเต็มไปด้วยความชื่นชมอย่างที่สุด ทำเอาร่างสูงใหญ่องอาจของเฟิ่งอิงชะงักวูบ คิ้วเข้มเลิกขึ้นมองไปยังศาลาริมสระซึ่งเป็นที่มาทางของเสียง ดวงตาคมเรียวดุเต็มไปด้วยความประหลาดใจ หือ?...หลินเอ๋อร์เจี่ยเจี่ย?

หนึ่งเค่อก่อน เฟิ่งอิงออกจากจวนแม่ทัพไร้พ่ายด้วยความรู้สึกหนักอึ้งและกรุ่นโกรธ ที่ไม่สามารถคาดคั้นความจริงจากแม่ทัพหนุ่มผู้เป็นน้องเขยเรื่องของน้องสาวบุญธรรมของตนได้ จึงเปลี่ยนแผนมาที่จวนเสนาบดีมู่แทน

ครั้นมาถึงก็พบเข้ากับพ่อบ้านจวนเสนาบดีเข้าพอดี จึงให้นำทางมายังศาลาริมสระ ระหว่างที่หยุดรอให้พ่อบ้านไปแจ้งความแก่นายหญิงของจวน ซึ่งอยู่ห่างออกไปราวห้าสิบก้าวหูก็พลันได้ยินการสนทนาดังมาจากศาลาริมสระอย่างไม่ได้ตั้งใจ

เฟิ่งอิงไม่อยากจะเสียมารยาท แต่เพราะเป็นเรื่องที่ทำให้ตนหงุดหงิดอยู่ยามนี้ ชายหนุ่มจึงยอมเสียมารยาทแอบฟังบทสนทนาของสตรีทั้งสอง

การนิ่งเงียบของคุณชายคล้ายกำลังตั้งใจฟังการสนทนาของผู้อื่น ทำให้ผู้ติดตามทั้งสองได้แต่ยืนแลกเปลี่ยนสายตากันไปมาแล้วยกยิ้มมุมปากเมื่อจับใจความได้

"..อา..หากป้าเป็นเจ้าก็คงอิจฉาดุจเดียวกัน"พอนางกล่าวจบก็เกิดเสียงหัวเราะขึ้น แม้จะไม่ดังเท่าใดแต่เฟิ่งอิงและสองผู้ติดตามก็ได้ยินชัดเจน

"เรียนฮูหยิน คุณชายเฟิ่งมาขอพบขอรับ"สตรีต่างวัยหันมาทางเสียงเรียกของพ่อบ้านซือ

"หือ?...อาเฟิ่งมาหาเช่นนี้ย่อมเป็นเรื่องสำคัญ นำทางคุณชายไปที่โถงรับแขกประเดี๋ยวข้าจะตามไป"สั่งเสร็จสรรพก็หันมาส่งยิ้มให้เด็กสาว

"ฮวาเอ๋อร์..เจ้ามีธุระเร่งด่วนรึไม่?หากไม่มีช่วยรอป้าสักครู่เถิด"ความจริงแล้ว นางอยากให้มาสนทนากันที่นี่เสียเลย แต่มันไม่เหมาะไม่ควรด้วยเด็กสาวยังไม่ได้ออกเรือน จะให้มานั่งสนทนากับบุรุษที่ไม่ใช่คนรักหรือคู่หมั้นคู่หมายเพียงลำพัง หากเรื่องนี้เล็ดรอดออกไปอาจทำให้นางเสื่อมเสียชื่อเสียงได้

"ฮวาเอ๋อร์จะรอท่านป้าที่นี่เจ้าค่ะ"

"ขอบใจเจ้า ปะเดี๋ยวป้าจะรีบกลับมา"

"เจ้าค่ะ"ตู้หมยฮวามองส่งนางด้วยรอยยิ้มละมุน หันกลับมานั่งจิบชาไปพลางรออย่างใจเย็น ดวงตาหงส์หลุบลงมองถ้วยชาในมือ ไพล่คิดถึงเรื่องของบุรุษที่พบระหว่างทางพลันใจดวงน้อยก็เต้นแรงขึ้นมาอีกครั้ง ทั้งที่ความจริงแล้วบุรุษผู้นั้นสำหรับนางไม่ได้รูปงามสักเท่าใด ออกจะดูเงียบขรึม เย็นชาและน่าหวาดเกรง แต่ที่ทำให้นางติดใจคือดวงตาคมเรียวดุที่มองนางนิ่งไร้อารมณ์เสน่หาอย่างที่นางมักพบเห็นจากบุรุษอื่นยามแรกที่ได้ยลโฉมของนาง

ตู้เหมยฮวา ไม่ได้คิดเข้าข้างตนเองแต่มันคือความจริง เด็กสาวถูกจัดให้เป็นหนึ่งในสี่บุปผางามแห่งแคว้นฉี ที่เพียบพร้อมทุกสิ่งอย่าง ทั้งรูปโฉมที่งดงาม ชาติตระกูลที่สูงส่ง ความ สามารถที่โดดเด่นเชี่ยวชาญในทุกด้าน กิริยามารยาทงดงามอ่อนช้อยสมเป็นกุลสตรี

สิ่งเหล่านั้นทำให้ตู้เหมยฮวาถูกจับตามองทุกฝีก้าวไม่ว่าจะในจวนหรือนอกจวนจนนางรู้สึกอึดอัดใจ จนบางครั้งอยากหนีไปที่ใดสักแห่ง เพื่อหลบสายตาสอดรู้ทั้งหลาย

กระทั่งตู้เหมยฮวาได้พบกับหลินเอ๋อร์เจี่ยเจี่ย ที่งานชมบุปผาที่จวนเสนาบดีหาน ตู้เหมยฮวาเคยได้ยินเรื่องเกี่ยวกับนางมาบ้าง แต่ไม่ได้ใส่ใจเพราะเห็นว่าไม่ใช่เรื่องของตน พบเจอนางตู้เหมยฮวาก็ทักทายไปตามมารยาทแล้วแยกย้ายเดินไปนั่งที่นั่งของตน ตามที่เจ้าภาพได้จัดไว้ให้

ครู่ต่อมา ได้มีการแข่งขันวาดภาพด้วยพู่กันหัวข้อ ดอกเหมย ตู้เหมยฮวาก็ลงมือตวัดพู่กันวาดภาพดอกเหมยกำลังผลิบาน แต่สายตากลับเหลือบไปเห็นนางเดินไปยืนชิดขอบสระ จ้องมองบางอย่างอยู่ก็ให้สงสัยขึ้นมา ความสงสัยยังไม่ทันได้กระจ่าง

ดวงตาหงส์มีอันเบิกกว้างด้วยความตื่นตระหนก เมื่อเห็นเด็กสาวในชุดสาวใช้นางหนึ่งพุ่งตรงเข้าหาสตรีที่ยืนจ้องบางสิ่งในสระบัวอย่างประสงค์ร้าย ตู้เหมยฮวาได้แต่ร่ำร้องในใจว่า แย่แล้ว! แต่ใครจะไปคาดคิดในชั่วเสี้ยวเวลา สตรีนางนั้นกลับเบี่ยงกายหลบได้ทันท่วงทีส่งผลให้สาวใช้ที่คิดจะผลักนางเสียหลักถลาตกสระน้ำไปเอง

ตู้เหมยฮวาเผลอถอนใจออกมาอย่างลืมตัวที่เห็นนางปลอดภัย ครั้นพอคิดจะเข้าไปช่วยนางกลับต้องชะงักตาค้าง เมื่อนางกลับถอดอาภรณ์ของตนจนเหลือเพียงชุดบางเบาสีขาว ลงไปช่วยสาวใช้ที่คิดร้ายกับนางขึ้นมา นั่นเป็นจุดเริ่มต้นที่ตู้เหมยฮวารู้สึกประทับใจในความกล้าหาญของนาง เมื่อเห็นนางตอบคำถามบิดาของตู้เหมยฮวาได้อย่างฉะฉาน ไม่มีท่าทีหวาดเกรงในอำนาจ ทุกถ้อยคำที่นางได้กล่าวไว้ในวันนั้น ตู้เหมยฮวายังคงจดจำได้ดีและทำให้ตู้เหมยฮวาชื่นชมนางยิ่งนัก

นับแต่นั้นเป็นต้นมา ตู้เหมยฮวาที่ชอบเก็บตัวอยู่แต่ในเรือนเพราะเบื่อหน่ายความจำเจซ้ำซาก แทบไม่ย่างกรายไปหาบิดาที่เรือนใหญ่ ก็มักจะมานั่งรอบิดาที่เรือนใหญ่เพื่อฟังเรื่องราวเกี่ยวกับสตรีที่นางชื่นชอบเสมอซึ่งบิดาก็เต็มใจเล่าให้ฟัง ทำให้ความสัมพันธ์พ่อลูกแน่นแฟ้นยิ่งขึ้นไปอีก

และในวันนี้ที่ตู้เหมยฮวามาที่นี่ เพราะได้ข่าวว่านางและท่านแม่ทัพมู่ผู้เป็นสามี ได้กลับ มาเมืองหลวงแล้วโดยไร้วี่แววของนาง ทำให้ตู้เหมยฮวาร้อนใจจึงขออนุญาตบิดาเดินทางมาที่จวนเสนาบดีมู่เพื่อถามข่าวคราว

แม้นางและตู้เหมยฮวา จะไม่ได้ตกปากรับคำเป็นสหายกัน ไม่เคยไปมาหาสู่ พบปะพูดคุยอย่างที่สหายพึงกระทำ แต่ในใจของตู้เหมยฮวารับนางเป็นสหายนานแล้ว

ผ่านไปราวสองเค่อ

มู่ฮูหยินกลับมาอีกครั้งด้วยใบหน้าแย้มยิ้ม นางนั่งลงที่เดิมจิบชาเล็กน้อยด้วยท่าทางงดงามอ่อนช้อยชวนมองแล้วว่า "ปล่อยให้เจ้าต้องรอเช่นนี้ คงเบื่อแย่เลยสินะ"

"มิได้เจ้าค่ะ ที่นี่งดงามนัก ฮวาเอ๋อร์ไม่รู้สึกเบื่อเลยสักนิด"ตู้เหมยฮวาตอบตามจริงด้วยท่าทางนอบน้อม

"ได้ยินเช่นนั้นป้าก็เบาใจ ส่วนเรื่องที่เจ้าถามป้า ป้าเองก็ไม่รู้เช่นกันว่าลูกสะใภ้ของป้าจะกลับมาเมื่อใด? เมื่อครู่พี่ชายบุญธรรมของนางก็มาถามข่าวเกี่ยวกับเรื่องนี้"มู่ฮูหยินกล่าวด้วยใบหน้ากังวล จะไม่ให้นางเป็นกังวลได้เยี่ยงไร? พอนางถามหาลูกสะใภ้คนโปรดจากบุตรชาย บุตรชายของนางกลับมองนางด้วยสายตาเจ็บปวด หน้านิ่วคิ้วขมวด และเดินหนีไปเสียดื้อๆไม่กล่าวตอบสิ่งใด ครั้นหันไปทางองครักษ์ทั้งสี่ก็มีท่าทีดุจเดียวกันแต่ที่เพิ่มเติมคือ นางเห็นสองในสี่องครักษ์ลอบปาดน้ำตาด้วย

นี่มันเกิดอันใดขึ้นกันแน่? เพียงแค่นางถามหาลูกสะใภ้คนโปรดเท่านั้น เหตุใดบุตรชายและสี่องครักษ์ถึงได้มีท่าทีจะเป็นจะตายเช่นนั้น? นางคิดมากมาจนถึงตอนนี้ เฝ้าครุ่นคิดถึงความเป็นไปได้กับท่าทีของบุตรชายกับองครักษ์ แต่จนแล้วจนรอดก็ไม่อาจหาข้อสรุปที่เหมาะสมได้

"พี่ชายบุญธรรม?"

"อา...เจ้าคงเคยได้ยินมาบ้างแล้ว?"

"เจ้าค่ะ ฮวาเอ๋อร์ได้ยินมาจากท่านพ่อว่าท่านลุงชิงรับบุตรชายบุญธรรมเมื่อไม่นานมานี้"

"ถูกต้อง และจุดประสงค์ที่อาเฟิ่งมาวันนี้ก็เหมือนกับเจ้า"

ตู้เหมยฮวาอดใจเต้นไม่ได้เมื่อรู้ว่าบุรุษผู้นั้นเป็นพี่ชายบุญธรรมของหลินเอ๋อร์เจี่ยเจี่ย ซ้ำยังใจตรงกันกับนางอีก อา...นางคิดเข้าข้างตนเองอีกแล้ว

ที่ตู้เหมยฮวารู้ว่าบุรุษผู้นั้นก็คือพี่ชายบุญธรรมของหลินเอ๋อร์เจี่ยเจี่ยก็เพราะถัดจากจวนแม่ทัพไร้พ่ายเป็นกำแพงใหญ่ไร้ทางออกนั่นเอง หากจุดหมายไม่ใช่จวนแม่ทัพไร้พ่ายแล้วจะเป็นที่ใดไปได้

"ป้าต้องขอบใจแทนลูกสะใภ้ ที่เจ้าเป็นห่วงนางถึงเพียงนี้ หากนางกลับมาเมื่อใด ป้าจะส่งคนไปแจ้งข่าวดีรึไม่?"กุมมือข้างหนึ่งของเด็กสาวกล่าวเสียงอ่อนโยน นางรู้สึกถูกชะตาและเอ็นดูเด็กสาวผู้นี้นักทั้งที่พบปะพูดคุยกันไม่กี่ครั้ง

"ขอบคุณท่านป้ามู่เจ้าค่ะ รบกวนท่านป้ามู่นานแล้ว ฮวาเอ๋อร์คงต้องขอลากลับก่อน"

"ได้ ว่างเมื่อใดก็แวะมาได้ ไม่ต้องเกรงใจ...พ่อบ้านซือ"ประโยคหลังหันไปเรียกพ่อบ้านใหญ่

"เชิญคุณหนูตู้ทางนี้ขอรับ"พ่อบ้านซือค้อมตัวให้พร้อมกับผายมือ

"ลาเจ้าค่ะ"ตู้เหมยฮวาย่อกายอย่างอ่อนช้อยให้นางแล้วหมุนกายยืดตัวตรงก้าวเดินตามพ่อบ้านซือไปอย่างไม่เร่งรีบแต่ก็ไม่ได้เชื่องช้าจนน่ารำคาญ

เมื่อถึงด้านหน้าจวน ดวงตาหงส์มีอันต้องกระพริบถี่ สองเท้าชะงักอยู่กับที่เมื่อเหลือบเห็นบุรุษชุดดำร่างสูงกำยำยืนสกอดอกพิงกำแพงจวนห่างจากรถม้าของนางไปราวสิบก้าว ใจดวงน้อยเริ่มเต้นแรงขึ้นมาเป็นรอบที่สาม แต่ยังคงแสร้งทำหน้านิ่ง คล้ายมองไม่เห็นอีกฝ่าย ก้าวเดินอย่างมั่นคงเพื่อขึ้นรถม้าของตน

"คุณหนูตู้ โปรดรอก่อนขอรับ"หนึ่งในสองผู้ติดตามของเฟิ่งอิง เรียกนางด้วยท่าทางสุภาพและให้เกียรติ

"ท่านมีเรื่องอันใดกับคุณหนูของข้า? โปรดแจ้งมา"เสี่ยวถิงเดินเข้ามาบังร่างของตู้เหมย ฮวาไว้เชิดหน้าถามอีกฝ่าย ผู้คุ้มกันที่ติดตามมาก็รีบเข้ามาคุมเชิงไว้ทันที

"คุณชายของข้ามีเรื่องอยากถามท่านสักเล็กน้อยเท่านั้นขอรับ"ชายคนเดิมไม่ใส่ใจสาวใช้ ยังคงกล่าวกับตู้เหมยฮวาอย่างสุภาพเช่นเดิม

"ได้ ข้าเองก็มีเรื่องอยากถามคุณชายของเจ้าเช่นกัน แต่จะให้ยืนคุยตรงนี้หรือ?"ตู้เหมย ฮวาคิดใช้โอกาสนี้ทำความรู้จักเขาไปด้วย และเท่าที่ทราบบุรุษผู้นี้เคยเป็นผู้คุ้มกันของหลินเอ๋อร์เจี่ยเจี่ยมาก่อน ดังนั้นเขาย่อมรู้เรื่องการผจญภัยของหลินเอ๋อร์เจี่ยเจี่ยเป็นอย่างดี แค่คิดก็ตื่นเต้นแล้ว ตู้เหมยฮวากระหยิ่มยิ้มย่องในใจ

ฝ่ายเฟิ่งอิง มองสบดวงตาหงส์แสนเย้ายวนของเด็กสาวครู่หนึ่งอย่างค้นหาและจับผิด ชายหนุ่มเพียงแค่จะถามเพียงสองสามคำแล้วก็จะไป แต่คำพูดของเด็กสาวผู้นี้กลับทำให้เขาสงสัยและแปลกใจไม่น้อย

"หรือคุณชายเกรงว่าการพูดคุยกับข้า จะทำให้คุณชายเสื่อมเสียชื่อเสียง?"คำพูดเหน็บแนมประชดประชันของเด็กสาว ทำให้ดวงตาคมเรียวดุกระตุกวูบ

"เชิญ"สั้นๆแต่ได้ใจความ ตู้เหมยฮวายิ้มมุมปากมองบุรุษที่ทำให้ใจเต้นดีดตัวขึ้นไปนั่งหลังตรงแล้วกระทุ้งสีข้างม้าแล้วควบออกไป ก่อนจะหันกลับมาขึ้นรถม้าตามหลังไปติดๆ