webnovel

จอมทัพตื๊อรัก(2 เล่มจบ)

“ข้าจะขอยกเลิกการเป็นคู่หมายของท่าน ท่านว่าดีหรือไม่” ถ้อยคำที่เปล่งออกมาจากริมฝีปากอวบอิ่มทำให้แม่ทัพหนุ่มชะงัก รอยยิ้มหายไปทันที ใบหน้าหล่อเหลาเครียดขึงและเย็นชาขึ้นจนดูน่ากลัว ดวงตาคมทรงเสน่ห์จ้องมองใบหน้าจิ้มลิ้มเขม็งและดุดันยิ่ง น้ำเสียงหนักแน่นและสีหน้าจริงจังจากเจ้าของใบหน้าจิ้มลิ้มอย่างที่ไม่เคยเห็นมาก่อน อีกทั้งแววตารักใคร่เทิดทูนที่มีให้ บัดนี้กลับไม่มีให้เห็นแม้สักเสี้ยว ส่วนสิ่งที่สัมผัสได้จากดวงตากลมโตกลับมีเพียงความมุ่งมั่น เด็ดเดี่ยว และว่างเปล่าไร้ระลอกคลื่นแห่งเสน่หา เห็นแล้วชวนให้หงุดหงิดอารมณ์เสียยิ่งนัก ‘มารดาเจ้าเถิด!’ แม่ทัพหนุ่มสบถในใจ แรงโทสะทำให้เขาเผลอปล่อยจิตสังหารออกมา ทำเอาหญิงสาวรู้สึกหนาวเยือกไปถึงกระดูก ความกล้าที่พกมาเต็มเปี่ยมลดฮวบจนแทบไม่เหลือ

SARABIYA_1501 · Fantasy
Not enough ratings
107 Chs

ตอนที่ 43 พยาบาลพิเศษ

-32-

ชิงหลินแกะมือหนาอุ่นออกวางข้างลำตัวของเขา ดวงตากลมโตมองใบหน้าหล่อเหลาที่กำลังหลับสนิท ลมหายใจเข้าออกสม่ำเสมออยู่ครู่หนึ่ง จึงเดินออกมาที่ประตูห้องซึ่งยามนี้เหลือสาวใช้ชุดเดิมเพียงสองคนตามคำขอของนาง

"นี่ยามใดแล้ว" นางถามอย่างไม่เจาะจง

"ยามอิ่วแล้วเจ้าค่ะคุณหนู" หนึ่งในสองสาวใช้ตอบ

"อืม เจ้าช่วยไปถามพ่อบ้านว่ามีดอกบัวหิมะหรือไม่"

"ดอกบัวหิมะ?" สองสาวใช้มองหน้ากัน คุณหนูจะนำดอกบัวหิมะมาทำอันใด ดอกบัวหิมะเป็นสมุนไพรชั้นเลิศที่ช่วยปรับสมดุลร่างกาย แก้ไข้แก้พิษได้ดี ซ้ำยังเป็นยาบำรุงที่เหมาะแก่สตรีที่ปวดระดูอีกด้วย ที่สำคัญ หาได้ยากยิ่งมีราคาสูงมาก และเป็นที่ต้องการของตลาด อาจจะเป็นเพราะสามปีจึงจะเก็บดอกได้

"ใช่ ไปถามเร็วเข้า หากมีก็นำมาให้ข้าที" ชิงหลินเร่งเร้า

"เจ้าค่ะ บ่าวจะรีบไปเดี๋ยวนี้" หนึ่งในสองรีบทำตามคำสั่งทันที

โครกกกครากกก!

เสียงท้องร้องค่อนดังของชิงหลินทำให้สาวใช้ที่ยืนรั้งอยู่ก้มหน้าอมยิ้มน้อยๆ

"อะแฮ่ม เจ้าช่วยไปบอกพ่อครัวให้ทำอาหารให้ข้าสักสองอย่างเถิด" คนถูกขำกระแอมแก้เขินก่อนจะสั่งสาวใช้เบาๆ

"ได้เจ้าค่ะคุณหนู" สาวใช้ตอบทั้งที่ยังคงก้มหน้าไม่กล้าเงยหน้าขึ้นสบตา ด้วยเกรงว่าคุณหนูจะอาย

"ท้องบ้าเอ๊ย ร้องไม่ดูตาม้าตาเรือซะบ้างเลย" ชิงหลินบ่นพึมพำพลางตีหน้าท้องดังแปะๆ ก่อนจะหมุนตัวกลับเข้าไปข้างใน

"หลินหลิน แผลที่ฝ่ามือหายแล้วหรือ" เจ้าพยัคฆ์น้อยร้องถามด้วยความเป็นห่วง

"อา...จริงสิ ข้ามัวแต่ยุ่งๆ เลยลืมเรื่องนี้ไปเสียสนิทเลย" นางตอบพลางยกมือซ้ายมาวางบนโต๊ะกลมในห้อง แกะผ้าพันแผลเฉพาะกิจออก แต่คิ้วเรียวก็ต้องเลิกขึ้นด้วยความประหลาดใจ เมื่อกลางฝ่ามือที่ควรจะมีรอยแผลจากคมดาบกลับไม่มีให้เห็น จะมีก็เพียงเลือดแห้งเกรอะกรังเป็นแนวยาวราวสามเซนติเมตรเท่านั้น

หญิงสาวลองพลิกข้อมือไปมาเพื่อตรวจสอบให้แน่ใจ ไม่เพียงเท่านั้นยังใช้ผ้าชุบน้ำถูแรงๆ บริเวณรอยเลือดจนสะอาด เผยผิวขาวนวลเนียนที่มีรอยแดงจากการขัดถูเท่านั้น รอยแผลหายไปแล้ว? หายได้อย่างไร ยาก็ยังไม่ได้ใส่ หรือว่า…

ชิงหลินก้มมองสองจิ้งจอกน้อยที่นั่งอยู่ข้างหลังฟานฟานน้อย "ทำไมแผลข้าถึงหายเร็วนัก" ถามพร้อมกับหันฝ่ามือออกไปทางเจ้าสามสหายตัวน้อย

"เลือดราชามังกรรวมกับเลือดปีศาจจิ้งจอกเก้าหาง ทำให้หลินหลินแข็งแกร่ง บาดแผลหายเองได้" เจ้าพยัคฆ์น้อยอาสาบอกนาง

"วิเศษไปเลย" ใบหน้าจิ้มลิ้มเต็มไปด้วยความตื่นเต้น การสนทนาหยุดลงเมื่อสาวใช้นำอาหารเข้ามา

"คุณหนู อาหารมาแล้วเจ้าค่ะ" สาวใช้เดินเข้ามาด้านในห้องพร้อมด้วยถาดอาหาร เมื่อเห็นคุณหนูพยักหน้าอนุญาตจึงวางอาหารลงบนโต๊ะ แล้วถือถาดเปล่าถอยฉากออกมาสี่ห้าก้าว

"อา...กลิ่นหอม น่ากินจัง พวกเจ้าจะกินด้วยไหม" ชิงหลินสูดกลิ่นอาหารแล้วหันมาทางเจ้าสามสหาย

"ฟานฟานอิ่มแล้ว" เจ้าพยัคฆ์น้อยส่ายหัวกลมๆ เล็กๆ ร้องบอกนาง นางจึงเบนสายตาไปหาเป่าเปากับหมั่นโถวสองจิ้งจอกน้อย

"อิ่มแล้วขอรับ" เป่าเปาน้อยร้องตอบนายใหม่

"ข้าก็อิ่มแล้วเจ้าค่ะ" หมั่นโถวน้อยร้องตอบบ้าง

"งั้นข้าไม่เกรงใจละนะ" ชิงหลินยิ้มขณะที่มองอาหารตรงหน้าตาเป็นประกาย จับตะเกียบคีบอาหารเข้าปากอย่างรวดเร็วด้วยความหิว จะไม่ให้หิวได้อย่างไร เมื่อเช้านางกินหมั่นโถวกับหมูเค็มไปนิดเดียวเอง เพราะถูกคู่หมั้นกับองค์ชายห้านั่งจ้องอยู่ ใครจะไปกินลง

"หลินหลินค่อยๆ กิน กินเร็วไม่ดี" เจ้าพยัคฆ์น้อยร้องเตือน ยังไม่ทันจบความดีก็เห็นนางทำหน้าบิดเบี้ยว ทุบอกตนเองเสียงดังตุบๆ เพราะรีบร้อนกินเร็วเกินไปจนอาหารติดคอ เดือดร้อนสาวใช้ต้องรีบรินน้ำชาให้คุณหนูด้วยความตระหนกปนขบขันเล็กน้อย

ชิงหลินหน้าแดงอายจนอยากจะแทรกแผ่นดินหนี โดยเฉพาะเจ้าสามสหายที่เอียงคอน่ารักมองตาแป๋วไร้เดียงสา ราวกับไม่เคยเห็นอาการมูมมามจนข้าวติดคอเช่นนี้มาก่อน คิดแล้วก็น่าอายนัก 'ไม่น่ารีบกินเลย ดูสิ จ้องกันใหญ่แล้ว อย่างนี้ใครจะกินลงกัน'

"ข้าอิ่มแล้ว เก็บไปเถอะ" ผู้เป็นคุณหนูสั่งสาวใช้ให้เก็บสำรับทั้งที่ยังไม่อิ่มดี

"เจ้าค่ะคุณหนู" สาวใช้รีบเก็บอาหารใส่ถาดอย่างคล่องแคล่วแล้วออกไปจากห้องทันที เป็นเวลาเดียวกับสาวใช้คนแรกเดินสวนเข้ามาในห้อง

"เป็นอย่างไรบ้าง มีของที่ข้าต้องการหรือไม่" นางถามพร้อมกับเดินเข้าไปใกล้สาวใช้

"มีเจ้าค่ะ แต่ถูกเก็บไว้อย่างดีในห้องของนายท่าน" สาวใช้ก้มหน้าตอบเสียงอ่อย ด้วยนางไม่สามารถนำดอกบัวหิมะมามอบให้คุณหนูได้ จึงกลัวว่าคุณหนูจะโกรธ

"อย่างนั้นหรือ ไม่เป็นไร เดี๋ยวข้าจะไปขอท่านพ่อเอง"

"ขอบคุณเจ้าค่ะคุณหนู" นางคุกเข่าขอบคุณด้วยความซาบซึ้งใจ

"หือ? ขอบคุณข้าเรื่องอันใด"

"มะ...ไม่มีอะไรเจ้าค่ะ" คำตอบของสาวใช้ทำเอาชิงหลินเลิกคิ้วมองอย่างไม่เข้าใจ

"ช่างเถิด ข้าฝากดูทางนี้หน่อยนะ ข้าจะไปหาท่านพ่อ"

"เจ้าค่ะคุณหนู"

ชิงหลินพยักหน้า ก่อนจะสาวเท้ามุ่งหน้าไปห้องพักของบิดา โดยมีแก๊งฟานเป่าโถววิ่งตามหลังไปติดๆ

ราวหนึ่งเค่อก็กลับมาที่ห้องพักของคู่หมั้นอีกครั้ง พร้อมกับห่อผ้าที่มีดอกบัวหิมะแห้งเจ็ดดอก ซึ่งบิดามอบให้แต่โดยดีไม่ถามความแม้เพียงครึ่งคำ ทำให้นางถอนใจอย่างโล่งอก

"เจ้าสองคนช่วยนำดอกบัวหิมะไปเคี่ยวให้ที" ชิงหลินส่งดอกบัวหิมะแห้งหนึ่งดอกให้สาวใช้ และบอกขั้นตอนโดยละเอียด จากนั้นก็กลับมานั่งข้างเตียงคนเจ็บ เพื่อซับเหงื่อที่ไหลอยู่ตลอดให้เขาอย่างเบามือ ด้วยเกรงว่าเขาจะตื่นมากวนประสาทอีก

"หลิน...เอ๋อร์..."

เสียงละเมอแผ่วเบาของบุรุษรูปงามที่นอนหลับตานิ่งอยู่บนเตียง ทำเอามือที่สาละวนซับเหงื่อที่ใบหน้าหล่อเหลาชะงัก พร้อมกับเงี่ยหูฟังอย่างตั้งใจ

"หลิน...เอ๋อร์..."

คราวนี้ได้ยินชัดเจน เขาละเมอเรียกชื่อนางจริงๆ

"ท่านกำลังฝันอะไรอยู่กันนะ ข้าอยากรู้จริงๆ" หญิงสาวก้มลงกระซิบเบาๆ นิ้วเรียวเขี่ยปลายจมูกเขาเล่นอย่างมันเขี้ยว ใบหน้าจิ้มลิ้มแดงเรื่อ รู้สึกมีความสุขอย่างบอกไม่ถูก เพราะไม่คิดว่าเขาจะจริงจังถึงขั้นละเมอออกมาอย่างนี้

"หลินหลินหน้าแดง ไม่สบายหรือ" เจ้าพยัคฆ์น้อยร้องถามพลางกระโดดขึ้นมานั่งบนตักนาง เป่าเปากับหมั่นโถวเห็นเช่นนั้นก็อยากขึ้นไปนั่งบนตักนายใหม่บ้าง แต่เกรงว่านายใหม่จะไม่ชอบ สองจิ้งจอกน้อยจึงได้แต่ส่งสายตาออดอ้อนนางแทน

ชิงหลินอุ้มสองจิ้งจอกน้อยเข้ามาในอ้อมแขน กอดไว้หลวมๆ จูบหัวสามสหายตัวละทีแล้วเอ่ย "ขอบใจนะ ที่ยอมมาอยู่กับข้า ข้าสัญญาว่าจะดูแลพวกเจ้าอย่างดี"

พอแก๊งฟานเป่าโถวได้ยินถ้อยคำของนาง พวกมันก็รู้สึกมีความสุขและอบอุ่นใจยิ่งนัก ทั้งยังเชื่อมั่นในคำพูดของนางโดยไร้ข้อกังขา

การเคี่ยวดอกบัวหิมะต้องใช้เวลาถึงหนึ่งชั่วยาม ชิงหลินจึงใช้ช่วงเวลานี้ไปชำระร่างกายพร้อมแก๊งฟานเป่าโถว ซึ่งดูเหมือนสองสมาชิกใหม่จะชื่นชอบไม่แพ้เจ้าพยัคฆ์น้อย เพราะเห็นพวกมันใช้เท้าหน้าตะกุยน้ำดำผุดดำว่ายอยู่ในถังขนาดสามคนลงแช่พร้อมกันได้สบายๆ อย่างสนุกสนาน จนนางต้องอุ้มพวกมันออกมาเพราะกลัวว่าจะป่วย

ส่วนผู้ที่มารับหน้าที่คอยดูแลคนเจ็บคือ จิ๋นซานกับจิ๋นซื่อ สององครักษ์สกุลมู่ เมื่อแต่งกายเรียบร้อยนางก็กลับมาที่ห้องพักของคู่หมั้น ก็เห็นว่านอกจากสององครักษ์แล้ว ยังมีเฟิ่งอิงรั้งอยู่ด้านนอก เมื่อเข้ามาด้านในก็เห็นบิดานั่งจิบชาอยู่

"ท่านพ่อ" บุตรสาวเรียกบิดาพร้อมกับวางเจ้าสามสหายลงบนพื้น ท่ามกลางสายตาเอ็นดูของทุกคน รวมทั้งชิงหยวนที่ยิ้มบางๆ กับความน่ารักน่าเอ็นดูของพวกมัน

"มาแล้วหรือ นั่งลงก่อนเถิด"

"เจ้าค่ะ" ชิงหลินนั่งลงข้างบิดา

"เจ้านำดอกบัวหิมะไปทำอันใด" ผู้เป็นบิดาเอ่ยถามทันที

"เรื่องนั้น...คือ..."

เมื่อเห็นท่าทางอึดอัดใจของบุตรีและสายตาหวาดระแวงของนาง ชิงหยวนก็เข้าใจทันที จึงโบกมือไล่บ่าวไพร่ออกไปจนหมด เหลือเพียงเขา นาง และคนเจ็บที่หลับสนิท

"เรื่องมีอยู่ว่า..." ชิงหลินตัดสินใจเล่าให้บิดาฟังเฉพาะเรื่องวิธีการรักษาคู่หมั้นเท่านั้น แต่ไม่ได้บอกว่าเลือดนางคือส่วนผสมสำคัญในการรักษานี้

"อืม ทำตามที่เจ้าว่าเถิด พ่อเชื่อใจเจ้า" ชิงหยวนพยักหน้าอนุญาต

ในเวลาต่อมาสาวใช้ทั้งสองก็กลับมาพร้อมถ้วยยาที่ผ่านการเคี่ยวอย่างดีนานหนึ่งชั่วยาม พอวางลงบนโต๊ะแล้วพวกนางก็ออกไปจากห้องอย่างรู้งาน

"อา...พ่อจะกลับไปรอที่ห้องก็แล้วกัน" ชิงหยวนไม่อยากทำให้บุตรีลำบากใจ ด้วยจับพิรุธได้ว่านางยังมีเรื่องที่ปกปิดตนอยู่ แม้จะแอบเสียใจเล็กน้อยและหวังว่านางจะบอกเล่าให้ฟังในสักวัน

"ขอบคุณเจ้าค่ะที่เข้าใจลูก" นางขอบคุณจากใจ ครั้นทุกคนออกไปจนหมดแล้ว นางจึงหยิบเข็มสีเงินจิ้มลงที่นิ้วนางของตัวเอง บีบจนเลือดหยดลงไปในถ้วยยาขนาดสองอึกสามหยด ก่อนจะหมุนถ้วยยาให้ส่วนผสมเข้ากันแล้วเดินถือมานั่งข้างเตียงคนเจ็บ

"พี่เหวิน" นางเรียกชื่อเขาเบาๆ

"..."

"พี่เหวินเจ้าคะ" เรียกดังขึ้นกว่าเดิมเล็กน้อย

"..."

"พี่เหวิน นี่...พี่เหวิน ตื่นมาดื่มยาก่อนเจ้าค่ะ" คราวนี้ลากเก้าอี้ไม้มาใกล้เตียง วางถ้วยยาลงแล้วออกแรงเขย่าตัวแต่ก็ไร้ผล เขายังคงหลับตานิ่งจนนางยอมแพ้ไม่คิดปลุกอีก ใช้ช้อนป้อนก็แล้วกัน คิดพลางนำหมอนมารองศีรษะเขาให้สูงขึ้น จากนั้นก็ใช้ช้อนตักยาน้ำสีดำกลิ่นฉุนกึกป้อนให้เขา ทว่าเขาไม่ยอมกลืนยา ซ้ำยังปล่อยให้ไหลเลอะอีก

"กินยากกินเย็นเสียจริง" บ่นอุบแล้วก็พยายามบีบปากเขาให้อ้าออกอยู่นาน แต่สุดท้ายก็ล้มเหลว นางจึงถอนหายใจด้วยความหงุดหงิด

"หลินหลิน ลองป้อนด้วยปากดูสิขอรับ ข้าเคยเห็นท่านแม่ทำให้น้องตอนที่น้องกินยาเองมิได้"

เสียงแนะนำจริงจังของเป่าเปาน้อยทำให้คนฟังชะงัก ใบหน้าแดงก่ำ ป้อนยาทางปาก! ต้องทำจริงๆ หรือ

"หลินหลิน เร็วเข้า ยาเย็นไม่ดี ต้องรีบกิน" เจ้าพยัคฆ์น้อยร้องกระตุ้นนาง

"เฮ้อ เอาก็เอา" ชิงหลินถอนใจหลังจากนิ่งเงียบไปครู่หนึ่ง ก่อนจะอมยาไว้ในปากแล้วประกบกับริมฝีปากหนาอุ่นของเขา เมื่อสัมผัสได้ว่าปากเขาเปิดออกก็ค่อยๆ ป้อนยาลงไปช้าๆ ไม่รีบร้อนจนหมด แล้วรีบผละออกมาอย่างรวดเร็ว

ทำไปแล้ว! นางทำเรื่องน่าอายลงไปแล้ว ชิงหลินเผลอลูบริมฝีปากตนเองอย่างเหม่อลอย ใบหน้าร้อนผ่าวราวกับมีไข้ ก้มมองคนเจ็บที่หลับสนิท แต่ใบหน้ากลับแดงก่ำด้วยความตกใจ รีบเอามืออังหน้าผากกับแก้มสาก

"ก็ปกติดีนี่นา แล้วทำไมหน้าแดง แปลกยิ่งนัก" ร่างเล็กพึมพำเบาๆ ดึงผ้าห่มให้เขาเสร็จแล้วจึงถือถ้วยยาเดินออกมา แก๊งฟานเป่าโถวก็วิ่งตามออกมาติดๆ

ฝ่ายคนเจ็บที่คิดว่าหลับไม่ได้สติกลับหรี่ตามองไปที่หน้าประตู จึงได้เห็นคู่หมั้นสาวยืนสั่งงานสาวใช้อยู่ เขาลอบถอนใจแล้วเบนสายตากลับมามองเพดาน ลูบริมฝีปากก่อนจะยิ้มอย่างเจ้าเล่ห์กับแผนการอันแยบยลของตน

'อา...หากนางรู้ว่าโดนหลอกคงโกรธเกลียดข้าเป็นแน่ เช่นนั้นก็ปิดเป็นความลับแล้วกัน'

ความจริงมู่หลิ่งเหวินรู้สึกตัวก่อนหน้าที่นางจะเอ่ยเรียกได้สักพักหนึ่งแล้ว เพียงแต่อยากรู้ว่านางจะใช้วิธีใดทำให้ตนดื่มยาถ้วยนั้นได้จึงแสร้งนอนหลับตานิ่ง ปล่อยให้นางกระทำได้ตามใจชอบ ที่สำคัญเรื่องที่นางป้อนยาด้วยปากก็เป็นเรื่องที่คาดการณ์ไว้แล้ว แต่ถึงกระนั้น...แม่ทัพหนุ่มก็แทบจะอดกลั้นอารมณ์ปรารถนาไว้ไม่ได้ อยากจะรวบตัวนางแล้วมอบจุมพิตอันเร่าร้อนเสียให้ได้

ยาที่นางบรรจงป้อนให้แม้จะขมปร่าแต่กลับแฝงความหวานล้ำติดอยู่ในปากยากจะลืมเลือนได้ ความคิดหยุดลงเมื่อได้ยินเสียงฝีเท้าดังใกล้เข้ามา ตามด้วยกลิ่นหอมอ่อนๆ เฉพาะตัวที่เขาชื่นชอบ

"อืม หน้าหายแดงแล้วนี่ คงไม่เป็นไรแล้ว" หญิงสาววางมือบนหน้าผากเขาอีกครั้งด้วยสีหน้าผ่อนคลายลงมาก แล้วก็ต้องตกใจเมื่อคนหลับดึงมือนางไปกุมไว้บนอกไม่ยอมปล่อย "ชิ คนบ้า ทำเป็นเด็กขาดความอบอุ่นไปได้" ส่งเสียงขัดใจเบาๆ โดยไม่รู้สักนิดว่าอีกฝ่ายได้ยินถ้อยคำชัดเจนและคาดโทษไว้ในใจเรียบร้อยแล้ว

"หลินหลิน ฟานฟานง่วงแล้ว" เจ้าพยัคฆ์น้อยร้องขึ้นเบาๆ

"นั่นสิ นี่คงเลยยามซวีแล้ว แต่จะทำอย่างไรกับมือปลาหมึกนี่ดีเล่า จับซะแน่น ไม่ยอมปล่อยเลย" ชิงหลินทำสีหน้ายุ่งยากทั้งที่หน้าแดงก่ำ

"เป่าเปา หมั่นโถว" เจ้าพยัคฆ์น้อยเรียกสองจิ้งจอกน้อย

"รับทราบ / รับทราบ"

ชิงหลินเลิกคิ้วเรียวสงสัยว่าสามสหายน้อยจะทำอะไร

ฝ่ายคนหลับก็เงี่ยหูฟังเสียงร้องคล้ายกำลังสนทนากันของสามมารน้อยจอมขัดขวาง ก็เข้าใจอย่างแจ่มแจ้งเมื่อแก้มทั้งสองข้างถูกเลียอย่างต่อเนื่องจนเปียกชื้น ยังมีหนึ่งในเจ้าของน้ำลายกระทำการอุกอาจด้วยการกระโดดขึ้นมานั่งบนอกแกร่งของตนโดยไม่ได้รับอนุญาต แล้วเลียปากเลียจมูกแม่ทัพหนุ่มเสียจนทั่ว

'ฮึ่ม! เจ้าตัวร้าย...คิดหรือว่าข้าจะยอมแพ้เพียงเพราะเรื่องแค่นี้!'

"อ๊ะ! ว้าย!"

การพลิกตัวแล้วดึงแขนนางแรงๆ เป็นเหตุให้เป่าเปาน้อยที่ขึ้นไปนั่งบนอกรีบกระโดดลงไปอยู่บนเตียงด้านในกับหมั่นโถวน้อยอย่างรวดเร็ว

ส่วนนายใหม่ของพวกมันก็ถลาไปตามแรงดึงจนเข้าปะทะกับอกแกร่ง ที่แม่ทัพหนุ่มพลิกกลับมานอนหงายอีกครั้งประหนึ่งรอรับอย่างพอเหมาะพอเจาะ ลำตัวช่วงบนอวบหยุ่นนุ่มนิ่มแนบชิดกับอกแกร่งที่เต็มไปด้วยมัดกล้าม ใบหน้าจิ้มลิ้มซุกซบอยู่ตรงลำคอของเขา ลมหายใจที่เป่ารดต้นคอสร้างความปั่นป่วนร้อนรุ่มจนแทบจะระงับใจไม่อยู่ อยากจะจับนางกดลงบนเตียงเสียเดี๋ยวนี้

"คนบ้า! ปล่อยข้านะ" ร่างเล็กต่อว่าพลางแหงนศีรษะออกห่าง สองมือเรียวเล็กพยายามผลักตัวเองออกมาจนแขนที่กอดตัวนางไว้เลื่อนลงไปอยู่ที่เอวคอดกิ่วแทน ซึ่งเป็นสิ่งที่แม่ทัพหนุ่มตั้งใจให้เป็นเช่นนั้นอยู่แล้วเพื่อไม่ให้ใครสงสัย

"พี่เหวิน พี่เหวิน" นางตบแก้มสากเขาเบาๆ ทดสอบว่าเขาหลับจริงหรือว่าแกล้ง

"อืม" คนหลับไม่จริงจึงแสร้งร้องแล้วเงียบ

"ละเมอหรือ ท่านนี่..." นางบ่นแล้วทุบที่อกเบาๆ

"ฟานฟาน เราคงต้องนอนที่นี่แล้วละ ขึ้นมาสิ" ชิงหลินหันมาบอกเจ้าพยัคฆ์น้อยที่ยืนมองอยู่หน้าเตียง

เจ้าพยัคฆ์น้อยจำต้องกระโดดขึ้นมาบนเตียง ดวงตากลมเล็กสีเทามองคู่แข่งคนสำคัญอย่างไม่ชอบใจ แม้ในใจลึกๆ จะยอมรับในตัวตนของเจ้าร่างยักษ์ผู้นี้แล้วก็ตาม

"เอาละ นอนได้แล้ว" ชิงหลินจัดท่านอนใหม่ ใช้แขนใหญ่หนุนแทนหมอน แล้วตะแคงข้างมาทางเขา มีมือใหญ่โอบกอดหลวมๆ ทำให้นางอบอุ่นใจไม่น้อย

ผิดกับร่างใหญ่ที่กำลังหงุดหงิดเนื่องจากแผนการไม่ได้ราบรื่นอย่างที่คาดไว้ เพราะถูกเจ้าสามมารน้อยมานอนแทรกกลางระหว่างตนกับคู่หมั้นทำราวกับเป็นเทพผู้พิทักษ์อย่างไรอย่างนั้น คิดแล้วก็น่าจับมาลงโทษ ให้อดอาหารเสียให้เข็ด! แม่ทัพหนุ่มคาดโทษพวกมันไว้ในใจ

หลังจากดื่มยาที่นางป้อนให้สองชั่วยาม มู่หลิ่งเหวินที่เพิ่งหลับไปได้ไม่นานเพราะมัวแต่คิดฟุ้งซ่านก็สะดุ้งตื่นขึ้นมากลางดึก เมื่อถูกความเจ็บปวดรวดร้าวทรมานโจมตีอย่างหนักหน่วง ส่งผลให้กล้ามเนื้อทั่วร่างกระตุกตลอดเวลา ใบหน้าหล่อเหลาบิดเบี้ยว กรามแข็งแรงขบกันแน่น เหงื่อกาฬไหลจนเสื้อผ้าเริ่มเปียกชุ่ม เจ้าพยัคฆ์น้อยรับรู้ได้ถึงความรู้สึกเจ็บปวดของอีกฝ่าย

ครั้นแม่ทัพหนุ่มลืมตาขึ้นจึงสบกับดวงตากลมเล็กสีเทาของพยัคฆ์น้อยที่นั่งด้วยสองขาหลัง สองขาหน้าเหยียดตรง พลางเอียงหัวมองตน

"มีเรื่องจะคุยกับข้าหรือ" เขาถามมันทางจิต

"ใช่ นี่เป็นผลข้างเคียงจากยา สองชั่วยามหลังจากกินยาเจ้าจะมีอาการเช่นนี้ทุกครั้งราวหนึ่งเค่อจนครบเจ็ดวัน" เจ้าพยัคฆ์น้อยตอบอีกฝ่ายโดยไม่ได้ขยับปากเช่นกัน

"หมายความว่าข้าจะมีอาการเช่นนี้อีกยี่สิบครั้ง?"

"ถูกต้อง หากเจ้าทนได้ ไอปีศาจจิ้งจอกเก้าหางก็จะสลายไป"

"แล้วนางรู้เรื่องผลข้างเคียงนี้หรือไม่"

"หลินหลินไม่รู้ ไม่ได้บอกหลินหลิน" เจ้าพยัคฆ์น้อยส่ายหัวไปมา

"ดีแล้ว อย่าบอกนางจะดีกว่า ข้าไม่อยากเห็นนางเป็นกังวล" แม่ทัพหนุ่มถอนใจอย่างโล่งอก แล้วจึงถามต่อ "ได้ยินแว่วๆ ว่ายานี้ใช้ดอกบัวหิมะ"

"ถูกต้อง ถามทำไม" เจ้าพยัคฆ์น้อยย้อนถามอีกฝ่าย

"เพียงอย่างเดียว"

เจ้าพยัคฆ์น้อยเงียบไปครู่หนึ่งอย่างครุ่นคิด ก่อนจะเอียงหัวเล็กน้อยยามที่ตอบ "กับเลือดของหลินหลินสามหยด"

"อา...ข้ารู้แล้ว ขอบใจเจ้ามาก" คนเจ็บยิ้มให้อย่างเป็นมิตร ลูบหัวเจ้าพยัคฆ์น้อยเบาๆ

เจ้าพยัคฆ์น้อยไม่ได้ตอบกลับ มันลงมาจากตัวเจ้าร่างยักษ์แล้วนอนต่อพร้อมกับความรู้สึกที่เปลี่ยนไป

ปล่อยให้คนเจ็บมองนางอันเป็นที่รักที่ยังคงหลับสนิทไม่รู้เรื่องราวด้วยสายตาอ่อนโยนและขอบคุณ 'สองครั้งแล้วสินะที่เจ้าช่วยพี่ไว้ หลินเอ๋อร์ของพี่ เจ้าช่างแสนดีนัก เช่นนี้แล้วจะไม่ให้พี่รักเจ้า ปรารถนาในตัวเจ้าได้อย่างไร' คิดพลางจุมพิตที่หน้าผากขาวเนียนได้รูปเบาๆ ก่อนจะหลับไปด้วยความอ่อนเพลีย

ต้นยามเหม่า

"หลินเอ๋อร์ ตื่นเถิด" เสียงทุ้มนุ่มน่าฟังกระซิบปลุกสตรีที่เขานอนโอบกอดไว้ทั้งคืน แม้ช่องว่างระหว่างเขากับนางจะมีสามมารน้อยแทรกตัวขวางอยู่ก็ตาม

"อืม"

เสียงครางคล้ายประท้วงดังออกมาจากร่างเล็กบอบบาง เป็นเหตุให้คนปลุกยิ้มอย่างมีความสุข ดวงตาคมทรงเสน่ห์หวานเยิ้ม

"หากยังไม่ยอมตื่น ข้าจะ..." เขาลุกขึ้นนั่ง ในอ้อมแขนมีนางอันเป็นที่รัก ก่อนจะก้มหน้าลงกระซิบอีกครั้ง

"เฮือก! ตะ...ตื่นแล้ว ขะ...ข้าตื่นแล้ว" คนถูกปลุกสะดุ้งเฮือก หายง่วงเป็นปลิดทิ้งเมื่อได้ยินเสียงขู่ นางเป็นคนขี้เซามากจนคนรอบข้างระอา แต่ไม่รู้ทำไมกลับมีปฏิกิริยากับเสียงของเขา ได้ยินเมื่อไรต่อให้ง่วงงุนมากแค่ไหนก็เป็นอันต้องสะดุ้งตกใจตื่นทุกที

"ยามเหม่าแล้ว หากใครมาเห็นเข้าจะไม่งาม" มู่หลิ่งเหวินเอ่ยเตือนด้วยความหวังดี แต่สองแขนยังโอบกอดนางอยู่

"ขะ...ข้ารู้แล้ว แล้วทำไมท่านยังไม่รีบปล่อยข้าอีก" ว่าพลางหลุบตามองมือที่โอบกอดอยู่ไม่มีทีท่าว่าจะปล่อย จึงเห็นอีกฝ่ายทำท่าคล้ายเสียดาย แต่นางก็แสร้งทำเป็นมองไม่เห็น ปีนลงจากเตียงมายืนจัดเสื้อผ้าผมเผ้าที่ยุ่งเหยิงให้เข้าทรง โดยมีสายตาคมทรงเสน่ห์หวานเยิ้มกับยิ้มอ่อนโยนมองอยู่ตลอดเวลาจนนางอายหน้าแดง

"เอ่อ...ท่านเป็นอย่างไรบ้าง รู้สึกดีขึ้นบ้างหรือไม่เจ้าคะ" ร่างเล็กแก้เขินด้วยการถามอาการอีกฝ่าย

"พี่สบายดี" ร่างสูงตอบโดยที่สายตาไม่ยอมละไปจากใบหน้าจิ้มลิ้ม

"ถ้าอย่างนั้นข้าขอกลับห้องก่อนนะเจ้าคะ" ชิงหลินรีบเผ่นออกมา โดยมีแก๊งฟานเป่าโถววิ่งตามหลังไปติดๆ

"หึๆ" แม่ทัพหนุ่มหัวเราะไล่หลังนางอันเป็นที่รัก

'อา...ผู้ใดตกอยู่ในห้วงรักมักจะเป็นเช่นนี้ใช่หรือไม่ ร่างสูงเอนตัวลงนอน' หลับตาอีกครั้งด้วยใบหน้าเปื้อนยิ้ม

ครบ 2 ตอน เจอกกันใหม่พรุ่งนี้จ้า^_^

SARABIYA_1501creators' thoughts