"มันก็ใช่เจ้าค่ะ แต่ครั้งนี้พวกเขาไม่ผิด คนที่ผิดคือข้า ท่านควรลงโทษข้าสิถึงจะถูก" หญิงสาวรีบแย้งโดยไม่รู้เลยว่านี่เป็นแผนการของแม่ทัพหนุ่ม ที่อยากจะดัดนิสัยดื้อรั้นและขาดความรอบคอบของนาง
"เจ้ายินดีรับโทษแทนพวกเขา?"
"ใช่เจ้าค่ะ"
"ทั้งหมด?"
"ทั้งหมดเจ้าค่ะ"
"ไม่ว่าจะเป็นบทลงโทษเช่นใด...เจ้าก็พร้อม"
"เอ่อ...พร้อมเจ้าค่ะ" ชิงหลินเริ่มลังเล
สององครักษ์กับสองสาวใช้มองภาพการโต้ตอบกันของผู้เป็นนายทั้งสองด้วยความปลาบปลื้มระคนขบขัน
"เหมาะสมกันราวกับหยกคู่ เจ้าว่าจริงหรือไม่" มู่ฮูหยินเอ่ยถามความเห็นของสหายรักที่ประคองกันออกมาเดินเล่นเพื่อเปลี่ยนบรรยากาศแล้วพบเข้าพอดี
"อา...จริงดังที่เจ้าว่า" ชิงฮูหยินเออออ แม้จะรู้สึกยินดีที่แม่ทัพหนุ่มมีใจให้บุตรี แต่ก็อดกังวลไม่ได้ว่าจะเป็นเพียงชั่วคราว พอนานไปก็แปรเปลี่ยน หากเป็นเช่นนั้นแล้วบุตรีของนางจะเป็นเช่นใด
"อย่ากังวลนักเลย อาเหวินรักนางจนหมดหัวใจแล้วไม่มีวันเปลี่ยนใจอย่างแน่นอน" มู่ฮูหยินกล่าวปลอบพลางตบหลังมือสหายรักเบาๆ
"พี่หวังว่าจะเป็นดังคำพูดของเจ้า" ชิงฮูหยินยิ้มอย่างโล่งอก จากนั้นจึงพากันเดินเลี่ยงไปอีกทาง ด้วยไม่อยากไปรบกวนความสุขของหนุ่มสาวทั้งสอง
ภายในเก๋งริมสระบัว คฤหาสน์สกุลชิง
"เอ่อ...เรื่องทำโทษไว้ก่อนเถิดเจ้าค่ะ ข้ามีเรื่องต้องถามท่าน" ร่างเล็กมีสีหน้าจริงจังเป็นการเป็นงาน
"หากเป็นเรื่องงานวันคล้ายวันพระราชสมภพที่จะถึงนี้ ท่านพ่อจะไปขอร้องให้ท่านอัครเสนาบดีตู้ฮุ่ยเปียวเป็นตัวแทนสกุลชิงถวายสัตว์ทั้งสี่ตัว ส่วนเรื่องรูปต้นแบบตำหนักขององค์รัชทายาท พี่คิดว่าองค์รัชทายาทน่าจะช่วยเราได้" แม่ทัพหนุ่มตอบราวกับรู้ความคิดของนาง
"เช่นนั้น...ข้าก็เบาใจ ขอบคุณมากเจ้าค่ะ" หญิงสาวส่งยิ้มหวานให้เขาจนเห็นลักยิ้มทั้งสองข้าง
มู่หลิ่งเหวินตะลึงวูบกับรอยยิ้มที่มีเสน่ห์น่าหลงใหลนั้น ก่อนจะกระแอมออกมาสองสามครั้งด้วยความกระดากอาย ใจพยัคฆ์เต้นแรงราวกับกลองศึกด้วยความยินดีและเป็นสุขที่ได้เห็นรอยยิ้มนี้
"หือ? เป็นอะไรเจ้าคะ หน้าแดงเชียว ไม่สบายหรือ" นางถามพร้อมกับใช้มืออังหน้าผากของคู่หมั้น คิ้วเรียวขมวดมุ่นด้วยความเป็นห่วง
คราวนี้มู่หลิ่งเหวินถึงกับตัวแข็งทื่อไปชั่วขณะราวกับถูกสะกดจิต ดวงตาคมทรงเสน่ห์จับจ้องใบหน้าจิ้มลิ้มนิ่งอย่างคาดไม่ถึง รับรู้ได้ถึงความอุ่นตรงหน้าจากสัมผัสอันอ่อนโยนของนางก็รู้สึกอบอุ่นใจยิ่งนัก จนอยากจะหยุดช่วงเวลาแห่งความสุขนี้ไว้นานๆ
มือเรียวแตะหน้าผากเขาสองสามที ก่อนจะกลับมานั่งที่เดิมแล้วจึงเอ่ยถามอาการ "เอ...ก็ไม่ร้อนนี่นา ปวดศีรษะหรือไม่เจ้าคะ"
"พี่สบายดี เพียงแต่อากาศร้อนไปหน่อยเท่านั้น" เขาแก้ตัวน้ำขุ่นๆ พร้อมกับพยายามปรับเสียงให้เป็นปกติ
"เอ๋? ร้อนหรือเจ้าคะ" 'แปลกคน อากาศเย็นขนาดนี้ยังบอกว่าร้อน' ประโยคหลังนางไม่ได้เอ่ยออกไป
"อะแฮ่ม ช่างเถิด พี่มีธุระต้องไปจัดการ แล้วยามซวีพี่จะแวะมาอีก" พูดจบก็รีบลุกขึ้นยืนเต็มความสูง ก่อนจะสาวเท้าจากไปอย่างรวดเร็วโดยที่นางไม่ทันจะได้กล่าวลา
"เป็นอะไรของเขา พึลึกคนจริง" ชิงหลินพูดพลางลุกขึ้นเพื่อจะกลับเรือนหยกฟ้าที่มีสองพยัคฆ์น้อยรออยู่ โดยมีสองสาวใช้ตามหลังไปติดๆ ส่วนสององครักษ์นั้นเดินไปส่งแม่ทัพหนุ่มที่หน้าคฤหาสน์
ฝ่ามือหนาข้างหนึ่งยกขึ้นปิดบังใบหน้าที่ซับสีแดงจางๆ ไว้ เพราะการกระทำที่ไม่ตั้งใจของนาง แต่กลับสั่นสะเทือนไปถึงก้นบึ้งหัวใจของแม่ทัพหนุ่ม
"อาเหวิน อ้าว เป็นอันใดไป" มู่ฮูหยินยกมือค้างเมื่อเห็นบุตรชายเดินก้มหน้าผ่านไปอย่างรวดเร็วประหนึ่งมีธุระเร่งด่วน
"เจ้า...หยุดก่อน" ด้วยความสงสัยมู่ฮูหยินจึงเรียกจิ้นอี้ หนึ่งในสององครักษ์ที่เดินตามหลังบุตรชายแทน
"ขอรับฮูหยิน" จิ้นอี้ขานรับอย่างแข็งขัน
"อาเหวินเป็นอันใด"
"เรียนฮูหยิน คิดว่าสาเหตุน่าจะมาจากคุณหนูหลินขอรับ" เขาตอบตามที่เห็น
"อา...ข้ารู้แล้ว เจ้าไปได้" มู่ฮูหยินโบกมือไล่องรักษ์ ใบหน้างามแย้มยิ้มยามที่มองไปยังทิศทางที่บุตรชายเดินจากไป
เช้าวันต่อมา
หลังจากมื้ออาหารผ่านไป ชิงหลินกับมู่หลิ่งเฟิงก็กลับมาที่เรือนหยกฟ้าเพื่อตรวจดูสัมภาระจำเป็นที่ต้องนำติดตัวไปในครั้งนี้ด้วย มีเจ้าฟานฟานน้อยกับพี่ชายวิ่งเล่นไล่จับกันอยู่ในห้องอย่างสนุกสนาน จนเด็กน้อยอดรนทนไม่ไหวจต้องเข้าไปร่วมเล่นด้วย เรียกรอยยิ้มเอ็นดูจากชิงหลินและสาวใช้ทั้งสองได้เป็นอย่างดี
ทางด้านชิงฮูหยินผู้เป็นมารดาและมู่ฮูหยินกำลังรับรองแขกคนสำคัญอยู่ที่โถงกลางเรือนดาวดึงส์
"สรุปว่าจะออกเดินทางยามเหม่าวันพรุ่งนี้?" โจวหยางหมิ่นถาม
"เพคะองค์ชายห้า" ชิงฮูหยินตอบ
"ดี ข้าพร้อมด้วยสี่องครักษ์จะมาที่นี่ก่อนยามเหม่า เพื่อร่วมเดินทางไปหุบเขากินคนด้วย" โจวหยางหมิ่นทำราวกับจะเดินทางท่องเที่ยว จนสององครักษ์ที่ชิงหลินพบเมื่อวานรู้สึกหนักใจกับความเอาแต่ใจขององค์ชาย
"เพคะ แล้วเรื่อง..."
"อย่ากังวล ข้าจะไปในฐานะคุณชายโจวหยางหมิ่น หาใช่องค์ชายห้าแห่งแคว้นโจวไม่"
"ขอบพระทัยเพคะ หม่อมฉันจะเรียนเรื่องนี้ให้แม่ทัพมู่ทราบโดยเร็ว" ชิงฮูหยินลอบถอนใจอย่างโล่งอกเพราะอย่างน้อยการปิดบังฐานะขององค์ชายห้าอาจจะช่วยให้การเดินทางราบรื่นและสะดวกใจมากกว่า
"เช่นนั้นข้าคงต้องขอตัวก่อน" พูดพลางลุกขึ้นยืนรับการคารวะจากฮูหยินทั้งสองแล้วเดินจากไปทันที มีพ่อบ้านใหญ่เป็นผู้นำทางไปส่งที่หน้าประตูแทนนายหญิงที่ร่างกายยังไม่แข็งแรงเท่าใดนัก
"อา...ไม่รู้ว่าองค์ชายทรงดำริอันใด ถึงอยากไปที่ที่อันตรายเช่นนั้น" มู่ฮูหยินเอ่ยขึ้นหลังจากที่นั่งฟังเงียบๆ อยู่นาน
"นั่นสิ" ชิงฮูหยินตอบรับสั้นๆ ยามนี้ในหัวของนางมีแต่เรื่องสามีและคนของนางที่ติดอยู่ในหุบเขากินคน ไม่รู้ว่ายามนี้พวกเขาจะเป็นเช่นไรกัน
ยามอิ่ว ณ เรือนดาวดึงส์
หลังมื้ออาหารเย็นผ่านไปมู่หลิ่งเหวิน มู่ฮูหยิน ชิงฮูหยิน และชิงหลิน กำลังปรึกษาหารือกันหลายเรื่อง ขณะที่ฟานฟานน้อยและพี่ชายออกไปวิ่งเล่นหลังมื้ออาหารกับมู่หลิ่งเฟิง
"เรื่องงานวันคล้ายวันพระราชสมภพ ท่านอัครเสนาบดีตู้ยินดีเป็นตัวแทนถวายสัตว์ทั้งสี่ตัวแด่ฝ่าบาท ส่วนเรื่องรูปเขียนต้นแบบตำหนัก องค์รัชทายาทพอพระทัยมาก ไม่ต้องแก้ไขหรือเพิ่มเติมอันใด และจะทรงเป็นตัวแทนถวายฝ่าบาทด้วยพระองค์เองขอรับ" มู่หลิ่งเหวินแจ้งข่าวแก่หญิงทั้งสาม
"ขอบใจเจ้ามาก หากไม่ได้เจ้ากับสกุลมู่ช่วยเหลือ เห็นทีสกุลชิงคงหนีภัยพิบัติครั้งนี้ไม่พ้นเป็นแน่" ชิงฮูหยินกล่าวขอบคุณด้วยความซาบซึ้งใจ
มู่ฮูหยินตบหลังมือของสหายรักพลางกล่าวยิ้มๆ "ไม่ต้องขอบใจหรอก เราก็เหมือนคนในครอบครัวเดียวกัน และการช่วยเหลือคนในครอบครัวก็เป็นสิ่งสมควรอยู่แล้ว"
แม่ทัพหนุ่มพยักหน้าเห็นด้วยกับคำกล่าวของมารดา
"พรุ่งนี้คุณชายโจวหยางหมิ่นผู้จ้างวาน พร้อมด้วยผู้ติดตามรวมห้าคนจะร่วมเดินทางไปกับพวกเจ้าด้วย" แม่ทัพหนุ่มชะงักไปเล็กน้อย คิ้วเข้มขมวดเข้าหากัน
'โจวหยางหมิ่นหรือ? เหมือนเคยได้ยินมาก่อน'
"อา...ขอไปด้วยจริงๆ สินะ" ชิงหลินเอ่ยขึ้นลอยๆ
"หมายความว่าอย่างไร เจ้า...เคยพบคุณชายโจว?" คนถามหน้าตึงขึ้นทันที
"เอ่อ...เดี๋ยวค่อยคุยได้หรือไม่เจ้าคะ" นางป้องปากกระซิบบอกคู่หมั้นที่นั่งอยู่ข้างๆ เพราะไม่อยากให้มารดารู้เรื่องที่นางแอบหนีไปข้างนอก
"มีเรื่องลับลมคมในอันใดหรือ ถึงต้องกระซิบกระซาบเช่นนั้น" มู่ฮูหยินเอ่ยถามยามที่มองทั้งสองเหมือนกำลังค้นหาความจริง
"มะ...ไม่มีอะไรเจ้าค่ะ" หญิงสาวยิ้มตอบแห้งๆ โดยมีสายตาของคู่หมั้นมองมาอย่างไม่สบอารมณ์นัก
ภายในเก๋งริมสระบัว
ชิงหลินกำลังเผชิญหน้ากับคู่หมั้นรูปงามทว่าหน้าตาบูดบึ้ง เห็นแล้วก็อดเสียวสันหลังไม่ได้ "ข้าพบเขาเมื่อวาน ระหว่างทางไปป่าอาถรรพ์" นางบอกเขาด้วยเสียงที่ค่อนข้างเบา
"แล้ว..."
"ได้พูดคุยกันเล็กน้อย"
"แล้ว..."
"เขาขอไปด้วย"
"แล้ว..."
"ข้าบอกเขาว่าไม่อาจตัดสินใจได้"
"แล้ว..."
"ให้เขามาวันนี้ยามเซิน"
"แล้ว..."
"หลังจากนั้นข้าไม่รู้ คิดว่าท่านแม่น่าจะเป็นคนอนุญาตเจ้าค่ะ" ร่างเล็กตอบตามจริง
"ลักษณะท่าทางเป็นเช่นไร" แม่ทัพหนุ่มยังคงตั้งคำถามต่อ
"อา...อายุน่าจะราวๆ ยี่สิบปี รูปงาม ท่าทางสุภาพ ดูมีสง่า...ราศี...กระมังเจ้าคะ" ชิงหลินที่กำลังชื่นชมบุรุษอื่นอย่างออกหน้าออกตาต้องค่อยๆ เบาเสียงลงเรื่อยๆ เมื่อเห็นใบหน้าหล่อเหลางดงามราวเทพเซียนดำมืด ซ้ำยังแผ่กลิ่นอายแห่งโทสะออกมาอย่างเข้มข้นจนนางรับรู้ได้
มู่หลิ่งเหวินนั่งจ้องนางนิ่งอยู่นานเพื่อระงับความรู้สึกหงุดหงิดใจ เพียงเพราะนางเอ่ยชมบุรุษอื่นซึ่งๆ หน้า
'นี่ข้ากำลังกินน้ำส้มสายชูใช่หรือไม่' เขาครุ่นคิดในใจ
"เอ่อ...ข้าไปได้หรือยังเจ้าคะ" นางตัดสินใจถาม
"อืม...ไปเถิด" แม่ทัพหนุ่มตอบเสียงเบา ดวงตาคมทรงเสน่ห์ยังคงจับจ้องอยู่ที่ร่างเล็กบอบบางที่เดินห่างออกไปเรื่อยๆ จนลับสายตา ก่อนจะลอบถอนหายใจพลางเหยียดยิ้มเย้ยหยันตนเองที่เป็นมากถึงเพียงนี้
ณ เรือนหยกฟ้า
เมื่อชิงหลินมาถึงก็เห็นมู่หลิ่งเฟิงยืนอยู่กลางห้อง ในมือถือเศษผ้ายกขึ้นเมื่อเจ้าพยัคฆ์น้อยสองตัวกระโดดงับ และหย่อนลงเมื่อพวกมันตกลงสู่พื้น ทำเช่นนี้สลับกันอย่างไม่รู้เบื่อ ท่ามกลางเสียงหัวเราะของเด็กน้อยและสองสาวใช้ที่ยืนดูอยู่ด้านข้าง
"พี่หลินเอ๋อร์ ท่านมาแล้ว" มู่หลิ่งเฟิงส่งเสียงทักทาย ใบหน้างดงามยิ้มแย้มเต็มที่ ชิงหลินยิ้มตอบเด็กน้อย ก่อนจะก้มมองเจ้าพยัคฆ์น้อย
"หลินหลิน ฟานฟาน...พร้อมแล้ว เดินทาง พร้อมแล้ว" เจ้าพยัคฆ์น้อยพอเห็นหลินหลินก็เลิกสนใจความสนุกตรงหน้า มันเดินดิ่งมาหานางทันทีโดยมีเจ้าพยัคฆ์น้อยผู้พี่เอียงหัวกลมๆ เล็กๆ มองทั้งสองอย่างสนใจ
"มานี่สิ ไม่ต้องกลัว" ชิงหลินสื่อทางจิตกับเจ้าพยัคฆ์น้อยผู้พี่
เจ้าพยัคฆ์น้อยผู้พี่จึงเดินเข้าไปหานางช้าๆ ดวงตากลมเล็กสีเทาจับจ้องนางนิ่ง
"พี่หลินเอ๋อร์ ให้ข้าดูแลพยัคฆ์น้อยแทนท่านได้หรือไม่" มู่หลิ่งเฟิงเอ่ยถามว่าที่พี่สะใภ้ เพราะรู้สึกชื่นชอบเจ้าพยัคฆ์น้อยมากทีเดียว
"ว่าอย่างไร เด็กน้อยผู้นี้อยากจะเป็นผู้ดูแลเจ้า" ชิงหลินถามเจ้าพยัคฆ์น้อยผู้พี่
"ข้าแล้วแต่เจ้า อีกอย่าง เด็กน้อยผู้นี้ก็จิตใจดีใช้ได้" เจ้าพยัคฆ์น้อยผู้พี่ตอบอย่างฉะฉาน
"เช่นนั้นคงต้องฝากน้องเฟิงเอ๋อร์ดูแลพยัคฆ์น้อยตัวนี้จนกว่าจะถึงวันส่งมอบแล้ว" มือเรียวอุ้มเจ้าพยัคฆ์น้อยผู้พี่ส่งให้เด็กน้อย
"อา...ขอบคุณขอรับ ข้าจะดูแลเจ้าพยัคฆ์น้อยอย่างดี" มู่หลิ่งเฟิงรับเจ้าพยัคฆ์น้อยผู้พี่ไปอุ้มไว้แนบอก ใบหน้างดงามดูมีความสุขนั้นทำให้ชิงหลินโล่งใจไปเปลาะหนึ่งที่มีคนรับช่วงดูแลเจ้าพยัคฆ์น้อยให้นาง
ยามเหม่า ณ โถงกลางเรือนดาวดึงส์
มู่หลิ่งเหวินกำลังเผชิญหน้ากับโจวหยางหมิ่นพร้อมด้วยผู้ติดตามสี่นาย โดยมีชิงฮูหยินและมู่ฮูหยินนั่งร่วมโต๊ะ
"ท่านก็คือแม่ทัพไร้พ่ายมู่หลิ่งเหวิน" โจวหยางหมิ่นทักทายอีกฝ่ายด้วยท่าทีสุภาพ
"ส่วนท่านก็คือผู้จ้างวานโจวหยางหมิ่น" แม่ทัพหนุ่มทักอีกฝ่ายกลับอย่างสุภาพไม่แพ้กัน
"อา...ถูกต้องแล้ว" โจวหยางหมิ่นยิ้มตอบ ไม่แสดงท่าทางข่มขวัญแต่ก็ไม่แสดงท่าทางอ่อนแอใดๆ ให้อีกฝ่ายเห็น
"การเดินทางครั้งนี้อันตรายยิ่ง หวังว่าท่านคงเตรียมใจไว้พร้อมแล้ว" มู่หลิ่งเหวินกล่าวเสียงเข้มต่ำ
ยังไม่ทันที่โจวหยางหมิ่นจะได้กล่าวตอบโต้ พลันสายตาก็เหลือบไปเห็นสตรีร่างเล็กบอบบางในชุดสีดำสนิทไร้สีสัน ผมเกล้าขึ้นสูงปล่อยหางม้า ใบหน้าจิ้มลิ้มไร้เครื่องประทินโฉมกำลังแย้มยิ้มเดินเข้ามา สองแขนโอบอุ้มพยัคฆ์น้อยไว้หลวมๆ น่าเอ็นดูยิ่งนักทั้งคนทั้งพยัคฆ์น้อย
มู่หลิ่งเหวินเห็นสายตาวาววับของอีกฝ่าย จึงลุกขึ้นเดินเข้าไปหาคู่หมั้นเพื่อประคองให้นั่งลงข้างๆ ตน สร้างความงุนงงให้ชิงหลินยิ่งนัก พอหันไปมองก็เห็นเขาทำเฉยนั่งนิ่งหน้ามองตรง ไม่แม้แต่จะปรายตามองนางด้วยซ้ำ จึงได้แต่แปลกใจ
มู่ฮูหยินที่เฝ้าดูอยู่แอบอมยิ้มขบขันกับการกระทำของบุตรชาย 'อาเหวินนะอาเหวิน...กว่าจะได้ตบแต่งคงทำไหน้ำส้มสายชูแตกอีกหลายไหเป็นแน่'
"ถ้าพร้อมแล้วเช่นนั้นก็ออกเดินทางเถิด" มู่หลิ่งเหวินกล่าว
"อาเหวิน ฝากน้องด้วย" ชิงฮูหยินกล่าวกับแม่ทัพหนุ่ม
"ท่านป้าโปรดวางใจ ข้าจะดูแลหลินเอ๋อร์ด้วยชีวิต" เขารับปากอย่างหนักแน่น
"ท่านแม่ท่านป้า รักษาสุขภาพด้วย ข้าไปก่อนนะเจ้าค่ะ" ชิงหลินกล่าวลาทั้งสอง
"ขอให้โชคดี ปลอดภัยกลับมานะ" มู่ฮูหยินอวยพรทุกคน