-24-
ยามเหม่าหน้าเรือนดาวดึงส์
หน่วยพยัคฆ์ดำมีบุรุษวัยฉกรรจ์ฝีมือเลิศวัยไม่เกินสามสิบปี ที่ผ่านการคัดสรรมาเป็นอย่างดีทั้งสิ้นสี่สิบแปดคนยืนเรียงแถวตอนลึกสี่แถว แถวละสิบสองคน อยู่ในชุดอำพรางสีดำสนิท อาวุธครบมือ แข็งแกร่งดุดันและเต็มไปด้วยกลิ่ยอายน่าหวาดเกรงราวกับกองทัพปีศาจ
ห่างออกไปเล็กน้อยบรรดาบ่าวไพร่ชายหญิงทิ้งงานมายืนส่งนายท่านและหน่วยพยัคฆ์ดำอย่างพร้อมเพรียง พลางพูดคุยซุบซิบวิพากษ์วิจารณ์กันอยู่ตลอดเวลา
ราวหนึ่งเค่อชิงหยวนในชุดสีน้ำตาลเข้มปักลายพยัคฆ์ พร้อมด้วยชิงฮูหยินในชุดสีม่วงอ่อนปักลายดอกเบญจมาศสีม่วงเข้ม และชิงหลินที่วันนี้เลือกสวมชุดสีท้องฟ้าปักลายดอกเหมยสีทองรอบชายกระโปรง สองมือโอบอุ้มเจ้าพยัคฆ์น้อย ใบหน้าจิ้มลิ้มถูกแต่งแต้มด้วยรอยยิ้มที่แสนอ่อนโยนและงดงาม เดินนำหน้าออกมาจากเรือนดาวดึงส์ โดยมีเฟิ่งอิงในชุดสีดำสนิททับด้วยเสื้อคลุมสีดำปักลายพยัคฆ์สีทอง และพ่อบ้านฝู แม่นมฝู เสี่ยวอี้กับเสี่ยวสุ่ยปิดท้ายขบวน
"หน่วยพยัคฆ์ดำคารวะนายท่าน ฮูหยิน และคุณหนู" เสียงกล่าวทักทายอย่างพร้อมเพรียงดังก้องไปทั่วบริเวณ ทำเอาชิงหลินตกใจ ดวงตากลมโตเบิกกว้างด้วยคาดไม่ถึงว่าจะได้รับการต้อนรับที่กึกก้องอย่างนี้
"ลุกขึ้น!" ชิงหยวนสะบัดชายเสื้อเสียงดังพึ่บ มืออีกข้างไพล่หลังด้วยท่วงท่าสุขุมแต่ทรงพลัง
"ที่ข้าเรียกพวกเจ้าทุกคนมาที่นี่ก็เพราะคุณหนูของพวกเจ้ามีของเล็กๆ น้อยๆ จะมอบให้ก่อนออกเดินทาง" ชิงหยวนกล่าวขึ้นด้วยเสียงที่ค่อนข้างดังขณะที่เอาสองมือไพล่หลัง
"ของหรือ"
"คุณหนูจะให้ของแก่หน่วยพยัคฆ์ดำ"
"ของอันใดกัน"
"ข้าจะไปรู้ได้อย่างไรเล่า"
"อา...ข้าก็อยากได้บ้าง"
เสียงซุบซิบมาจากบรรดาบ่าวไพร่ที่มารอส่งนายท่านและหน่วยพยัคฆ์ดำ ส่วนหน่วยพยัคฆ์ดำทำเพียงมองหน้ากันไปมาด้วยความประหลาดใจไร้คำกล่าว
"การเดินทางครั้งนี้อันตรายแค่ไหนสุดจะรู้ได้ ขอให้ทุกคนจงระมัดระวังให้มาก และพวกเราจะรอวันที่พวกเจ้ากลับมา" ชิงหลินไม่รู้เลยว่าประโยคที่ว่า 'พวกเราจะรอพวกเจ้ากลับมา' สร้างความตื้นตันใจมากเพียงใดแก่เหล่าหน่วยพยัคฆ์ดำ บ่าวไพร่บางรายถึงกับหลั่งน้ำตากับคำพูดที่แสนกินใจนี้
ความจริงก็คือในยุคนี้บ่าวไพร่ชนและชั้นแรงงานมักจะพบเจอวิบากกรรมกับการดูถูกเหยียดหยาม และการกระทำย่ำยีราวกับสัตว์จากพวกชนชั้นที่สูงกว่าหรือเจ้านายของตน น้อยนักที่จะได้ลืมตาอ้าปากเป็นคนโปรดของเจ้านาย แต่ถึงกระนั้นหากทำอันใดผิดพลาด สุดท้ายก็มักจะจบลงด้วยความตายเสมอ
เมื่อหลายเดือนก่อนคุณหนูก็เป็นเช่นเดียวกัน ทุบตีทำร้ายทารุณด่าทอบ่าวไพร่ราวกับไม่ใช่คน แต่ในยามนี้เปลี่ยนไปเป็นคนละคนจากหลังมือเป็นหน้ามือ ทั้งใจดีมีเมตตา อ่อนโยน และชอบช่วยเหลือผู้อื่น ทำให้บ่าวไพร่ชื่นชมเทิดทูนอย่างจริงใจ ไม่ต้องเสแสร้งแกล้งทำเช่นแต่ก่อน
"เสี่ยวอี้เสี่ยวสุ่ย นำของออกมาได้" ชิงหลินหันไปสั่งสาวใช้ที่อยู่ข้างกาย
"มาแล้วเจ้าค่ะคุณหนู" เสี่ยวอี้เอ่ยขึ้นเมื่อวางหีบลงเบื้องหน้าคุณหนูแล้ว
หน่วยพยัคฆ์ดำและทุกคน รวมถึงชิงหยวนและฮูหยิน ต่างพากันชะเง้อชะแง้อยากเห็นของที่อยู่ในหีบไม้สีดำใบใหญ่ที่ปิดสนิทด้วยความสนใจ ยกเว้นสองสาวใช้ข้างกาย แม่นมฝู และเจ้าพยัคฆ์น้อย ที่รู้อยู่ก่อนแล้วเพราะพวกนางช่วยกันทำกับคุณหนูหลายชั่วยาม ส่วนของอีกอย่างที่ทำเสร็จแบบเฉียดฉิวเกือบไม่ทันกาล...
"ห้ามเปิดขวดนี้จนกว่าจะถึงหุบเขากินคน เอาละ ขอให้เดินออกมารับทีละคน เริ่มจากเจ้าก่อน" ชิงหลินชูขวดเล็กๆ ให้ดูพลางกำชับเสียงเข้ม ก่อนจะผายมือไปที่แถวแรกทางซ้ายมือของตัวเอง
"ขอรับ!" ปาฉี รองหัวหน้าหน่วยพยัคฆ์ดำ ซึ่งเป็นบุรุษร่างสูงใหญ่บึกบึนเดินออกมาหยุดยืนอยู่เบื้องหน้าคุณหนู
"นี่ ข้าให้เจ้า ขอให้กลับมาอย่างปลอดภัย" นางยิ้มอวยพรพร้อมกับยื่นของสองสิ่งให้ปาฉี
"ขอบคุณขอรับคุณหนู" ปาฉีมองของที่อยู่ในมือด้วยความตื้นตันใจและประหลาดใจในคราวเดียวกัน แต่เลือกที่จะเงียบไม่เอ่ยปากถาม
ใช้เวลาไม่นานก็แจกจ่ายของได้หมดท่ามกลางความตื้นตันใจของผู้รับและผู้ที่อยู่ในเหตุการณ์
"เฟิ่งอิง นี่ของเจ้า ขอให้กลับมาอย่างปลอดภัย" ชิงหลินหันไปทางเขาพร้อมกับยื่นขวดเล็กๆ ขนาดเท่านิ้วก้อยยาวประมาณสามนิ้วที่ปิดสนิทให้ ภายในขวดบรรจุน้ำสีเหลือง พร้อมกับสายผ้าคาดเอวสีดำปักลายพยัคฆ์สีเงินเช่นเดียวกับคนอื่น
"ขอบคุณขอรับคุณหนู" เฟิ่งอิงรับของมาถือไว้ ดวงตาคมเรียวดุมองเจ้าขวดเล็กๆ นิ่งก่อนจะเหลือบขึ้นมองคุณหนู ที่บัดนี้เดินไปหานายท่านและกำลังมอบของให้นายท่านอยู่ แม้จะตัดสินใจแน่วแน่แล้วว่าต้องตัดใจ จึงขอติดตามนายท่านไปหุบเขากินคนแทนที่จะเลือกคุ้มครองนางอยู่ที่นี่ แต่พอคิดว่าต้องจากนางไปไม่รู้กำหนดกลับ ก็รู้สึกปวดแปลบใจยิ่งนักจนอยากจะขอถอนตัวเสียเดี๋ยวนี้
"ของสองสิ่งที่ข้ามอบให้พวกเจ้าคือ...สายผ้าคาดเอวกับน้ำวิเศษที่จะช่วยป้องกันสัตว์ร้ายต่างๆ ได้"
เสียงซุบซิบวิพากษ์วิจารณ์ดังขึ้นไปทั่วบริเวณทันทีที่คุณหนูกล่าวจบ
ส่วนหน่วยพยัคฆ์ดำที่ได้รับของสองสิ่งนี้ทำเพียงพลิกดูผ้าคาดเอวกับขวดน้ำวิเศษไปมา ใบหน้าดุดันเต็มไปด้วยความสงสัย
"เพียงแค่ของสองสิ่งนี้จะช่วยป้องกันสัตว์ร้ายได้จริงหรือ"
"แล้วเจ้าน้ำวิเศษที่คุณหนูกล่าวอ้าง แท้จริงคือสิ่งใด"
"แล้วผ้าคาดเอวกลิ่นฉุนๆ คล้าย...ฉี่ นี่...อา...คงมิใช่กระมัง ไหนเลยคุณหนูจะมอบของมิพึงประสงค์เช่นนั้นได้ ไร้เหตุผลสิ้นดี แต่กลิ่นมันชอบกล"
"อะแฮ่ม จงใช้มันอย่างระมัดระวัง ขอให้ทุกคนโชคดี" ชิงหลินแทบกลั้นหัวเราะไม่อยู่ เมื่อเห็นบางคนยกผ้าคาดเอวขึ้นมาสูดดมก่อนจะทำปากเบ้และย่นจมูก สุดท้ายก็เบือนหน้าหนี ใบหน้าเหี้ยมดุดันของหน่วยพยัคฆ์ดำบิดเบี้ยวดูตลกยิ่งนักในสายตาของนาง นี่แหละความอยากรู้อยากเห็นของมนุษย์
'ดีจังที่ข้าไม่ได้บอกถึงที่มาของน้ำวิเศษ ไม่เช่นนั้นคงอดดูหน้าตาตลกๆ ของพวกพี่เหี้ยมไปแล้ว ฮ่าๆๆ'
"ขอบคุณขอรับคุณหนู" เป็นอีกครั้งที่ชิงหลินตกใจกับเสียงอันดังกึกก้องและฮึกเหิมของหน่วยพยัคฆ์ดำ แต่ดวงตาดูเหี้ยมขึ้นเล็กน้อยหลังจากรับของจากมือนาง ทำเอาหญิงสาวถึงกับเสียวสันหลังวาบ
"หน่วยพยัคฆ์ดำทุกคนฟังให้ดี เตรียมตัวให้พร้อม เราจะออกเดินทางในอีกหนึ่งเค่อ" เฟิ่งอิงออกคำสั่งเสียงเข้ม เมื่อเห็นสัญญาณมือจากนายท่าน
"ขอรับหัวหน้า" เมื่อรับคำสั่งเสร็จ พวกเขาก็กลับหลังหันแล้วเดินออกไปที่ประตูทางออกด้วยท่าทางฮึกเหิม ซึ่งมีม้าห้าสิบเอ็ดตัวรวมม้าที่คอยลากรถม้าขนสัมภาระรออยู่แล้ว
"ท่านพ่อ เฟิ่งอิง ข้าอยากบอกความจริงเกี่ยวกับของที่ข้ามอบให้ ที่จริงมันคือ..." ชิงหลินชะงักวูบ มองไปโดยรอบ
ชิงฮูหยินเห็นดังนั้นจึงโบกมือไล่บ่าวไพร่ให้ถอยห่างออกไปจนเหลือเพียงตัวเอง ชิงหยวน ชิงหลิน เฟิ่งอิง พ่อบ้านฝู แม่นมฝู และสองสาวใช้ แต่ถึงอย่างนั้นนางก็ลดเสียงลงอีกระดับเพื่อเฉลยที่มาของสองสิ่งที่มอบให้แก่หน่วยพยัคฆ์ดำทุกคน
"ฉี่ของเจ้าพยัคฆ์น้อย? แล้วเหตุใดจึงต้องเป็นฉี่ของเจ้าตัวนี้" ชิงหยวนจิ้มนิ้วชี้ที่กลางหน้าผากของเจ้าพยัคฆ์น้อยที่อยู่นิ่งๆ ในอ้อมแขนของหลินหลิน
"เรื่องนี้ข้าเองก็ยังไม่แน่ใจ แต่คิดว่าฟานฟานน้อยน่าจะรู้เหตุการณ์ล่วงหน้าเจ้าค่ะ" ไม่แปลกที่ชิงหลินจะคิดอย่างนั้น เพราะพ่อแม่ของเจ้าพยัคฆ์น้อยไม่ใช่พยัคฆ์ธรรมดา ซ้ำพ่อแม่ของมันก็มีพลังนี้เช่นเดียวกัน อีกอย่าง ที่ผ่านมานางได้รับการช่วยเหลือจากมันมาแล้วหลายครั้ง
"ฟานฟานน้อยบอกลูกว่า กลิ่นของมันสามารถปกป้องคุ้มครองอันตรายจากสัตว์ร้ายได้ เมื่อเข้าไปในหุบเขากินคนแล้วขอให้ใช้ผ้าชุบน้ำฉี่ของเจ้าพยัคฆ์น้อยคาดเอวไว้ ส่วนขวดเล็กๆ เอาไว้เติมลงที่ผ้าคาดเอวยามที่กลิ่นจางแล้วเจ้าค่ะ"
"อืม ได้ พ่อเชื่อเจ้า เพราะที่ผ่านมาสิ่งที่เจ้าบอกล้วนถูกต้องและเป็นจริงเสมอ" ชิงหยวนลูบศีรษะบุตรีแสนรักพลางยิ้มให้อย่างอ่อนโยน
"จริงสิ เฟิ่งอิง นี่พิเศษสำหรับเจ้า" ชิงหลินหยิบขวดขนาดเท่าขวดน้ำปลาที่บรรจุน้ำวิเศษไว้เต็มขวดจากในหีบส่งให้เฟิ่งอิง "เมื่อตั้งค่าย จงใช้น้ำนี้หยดเพื่อสร้างอาณาเขตความปลอดภัย จะได้ช่วยอีกทางหนึ่ง" นางไขข้อสงสัยให้เขาด้วยรอยยิ้ม
"อา...เลียนแบบสัตว์ป่าที่ชอบฉี่ตามจุดต่างๆ เพื่อสร้างเขตแดนของตนนี่เอง" ชิงหยวนพยักหน้าเป็นเชิงว่าเข้าใจ
"ใช่เจ้าค่ะ ทำให้สัตว์อื่นที่ด้อยกว่าหวาดเกรง ไม่กล้าจู่โจมหรือเกิดความลังเลเพื่อเปิดโอกาสให้เราหลบหนีหรือจู่โจมกลับได้ง่ายขึ้น"
"เอาละ ได้เวลาแล้ว หลินเอ๋อร์ดูแลแม่เจ้าให้ดีด้วย แล้วพ่อจะรีบกลับมา" ชิงหยวนกุมมือฮูหยินของตนที่ยืนหน้าเศร้าอย่างอาลัยอาวรณ์ ด้วยไม่รู้เหตุการณ์ข้างหน้าว่าจะเป็นเช่นไร ก่อนจะหันมากล่าวกับบุตรี
"ท่านพ่อ โปรดวางใจ ลูกจะดูแลท่านแม่อย่างดีเจ้าค่ะ"
"ขอให้สวรรค์คุ้มครองให้ท่านแคล้วคลาดจากอันตรายทั้งปวงเจ้าค่ะท่านพี่" ชิงฮูหยินยิ้มอวยพรสามี ได้แต่ปกปิดความกังวลใจไว้ภายในเพราะเกรงว่าจะทำให้สามีเป็นกังวลจนเสียสมาธิได้
"อืม ไปเถิดเฟิ่งอิง เดี๋ยวจะช้า" ชิงหยวนหันมาสั่งหัวหน้าหน่วยพยัคฆ์ดำ ก่อนจะยืดตัวตรง สองมือไพล่หลังแล้วออกเดินไปข้างหน้าอย่างมั่นคง
"ฮูหยิน คุณหนู ถนอมตัวด้วย ข้าขอตัว" เฟิ่งอิงค้อมศีรษะให้นางพร้อมกับกล่าวลา
"อืม ขอให้กลับมาอย่างปลอดภัย" ชิงหลินอวยพรเขาด้วยรอยยิ้ม
และแล้วการเดินทางสู่หุบเขากินคนภายใต้การนำของชิงหยวนก็เริ่มขึ้น ท่ามกลางความสนใจใคร่รู้ของชาวบ้านร้านตลาดที่ไม่รู้ความจริง ต่างก็วิพากษ์วิจารณ์กันไปต่างๆ นานาว่าคงมีผู้ว่าจ้างรายใหม่แล้ว คงไปคอกสัตว์สกุลชิงเช่นเคยกระมัง และอะไรต่อมิอะไรอีกมากมาย
หลังจากส่งนายท่านเรียบร้อย บ่าวไพร่ต่างก็แยกย้ายไปทำหน้าที่ของตน ส่วนชิงหลินหลังจากเดินไปส่งมารดาแล้วก็ต้องเตรียมตัวไปวังตะวันออก เพื่อสอบถามข้อมูลจากเกากงกงที่ต้องมาทำหน้าที่แทนองค์รัชทายาท เหตุเพราะองค์รัชทายาทต้องไปเฝ้าฮองเฮาที่กำลังประชวรด้วยโรคประหลาด ซึ่งทำให้แม่ทัพหนุ่มที่ส่งจิ้นอี้กับจิ้นเอ้อมาคอยคุ้มครองความปลอดภัยให้คู่หมั้นโล่งใจไปเปลาะหนึ่ง แม้จะได้รับพระบัญชาให้ติดประกาศเสาะหาหมอฝีมือดีจากทั่วแคว้นมารักษาฮองเฮา และถึงจะยุ่งเพียงใด แม่ทัพหนุ่มก็มักจะหาเวลามาหาคู่หมั้นได้ทุกวันไม่มีเว้น
หลายวันผ่านไปภารกิจที่ได้รับมอบหมายจากฮ่องเต้ก็เสร็จสมบูรณ์ ชิงหลินจึงฝากผลงานไว้กับเกากงกงเพื่อรอความเห็นชอบจากองค์รัชทายาท โดยไม่ต้องไปวังตะวันออกอีก
ส่วนแม่ทัพหนุ่มก็แวะเวียนมากวนประสาทนางอย่างสม่ำเสมอทุกวันไม่เคยขาด จนนางเริ่มเคยชินกับการมีเขามาวนเวียนอยู่รอบๆ ตัว และไม่รู้ตั้งแต่เมื่อไรที่ดวงตากลมโตมักจะคอยมองหาเขา เพียงแค่เขามาช้าก็รู้สึกกระวนกระวายใจอย่างบอกไม่ถูก
"หลินหลิน เป็นอันใด ไม่สบายหรือ" เจ้าพยัคฆ์น้อยถามเมื่อเห็นหลินหลินดูเหม่อลอย นั่งเท้าคางบนโต๊ะสี่เหลี่ยมสูงแค่อกอยู่ในเก๋งริมสระบัว
"อืม ไม่ได้เป็นอะไรหรอก แค่คิดอะไรไปเรื่อยเปื่อยน่ะ" ชิงหลินกลับมานั่งตัวตรง อุ้มเจ้าพยัคฆ์น้อยมาวางไว้บนตัก
เจ้าพยัคฆ์น้อยที่คราวแรกตั้งใจจะบอกเรื่องเกี่ยวกับบิดาของนางให้นางทราบ จึงเปลี่ยนใจทันทีเมื่อเห็นอาการเหม่อลอยของนาง
ล่วงเข้าวันที่สิบห้า ณ เรือนดาวดึงส์
ขณะที่ชิงฮูหยินและชิงหลินกินอาหารเช้า เจ้าพยัคฆ์น้อยก็กำลังเพลิดเพลินอยู่กับอาหารของตัวเองใกล้ๆ พ่อบ้านฝูก็วิ่งกระหืดกระหอบเข้ามา
"แย่แล้ว! ฮูหยิน เกิดเรื่องใหญ่แล้วขอรับ"
"มีเรื่องอันใดหรือพ่อบ้านฝู" ชิงฮูหยินถาม ปลายเสียงสั่นเล็กน้อย ภาวนาขออย่าให้เป็นเรื่องที่นางกำลังกังวลและร้อนรุ่มกลุ้มใจจนนอนไม่หลับ ชิงหลินเองก็หันไปมองพ่อบ้านวัยชราด้วยความสงสัย
ส่วนเจ้าพยัคฆ์คล้ายจะนึกอันใดออก มันเดินเข้ามาหาหลินหลิน ใช้เท้าข้างหนึ่งสะกิดชายกระโปรงนางเพื่อให้นางอุ้มมัน
"เรื่องใหญ่ที่ว่า...เกี่ยวกับท่านพ่อและหน่วยพยัคฆ์ดำหรือ" ชิงหลินถามเมื่อเห็นพ่อบ้านฝูยังหอบหายใจอยู่
"อา...ขอรับคุณหนู" พ่อบ้านฝูตอบเมื่อเริ่มหายใจเป็นปกติ
"ว่ามาเร็วเข้า" ชิงฮูหยินเร่งเร้าอีกฝ่าย ความกังวลใจฉายชัดบนใบหน้างามที่ยามนี้ซีดเซียว สองมือขาวอวบที่วางอยู่บนโต๊ะสั่นเทา
"อา...ฮูหยิน โปรดรอสักครู่ขอรับ" เพียงครู่เดียวพ่อบ้านฝูก็กลับมาพร้อมเด็กหนุ่มร่างผอมสูงในชุดสีเทาเกือบดำ เนื้อตัวมอมแมม ผมเผ้าหลุดลุ่ย ใบหน้าอิดโรยอ่อนแรงจนแทบจะทรงตัวไม่อยู่ เพราะต้องควบม้าจากหุบเขากินคนมาเมืองหลวงสามวันสามคืนไม่ได้พักผ่อน ก่อนจะกล่าว
"นี่คือซิ่นชุ่น หนึ่งในหน่วยข่าวกรองที่นายท่านให้รั้งรออยู่หน้าทางเข้าหุบเขากินคนขอรับ"
"ซิ่นชุ่นคารวะฮูหยินและคุณหนู" ซิ่นชุ่นประสานมือคำนับสตรีทั้งสอง เหลือบมองคุณหนูที่มองมาแล้วยิ้มก็อดใจเต้นหน้าแดงด้วยความกระดากอายไม่ได้ จนต้องรีบก้มหน้าต่ำไม่กล้าสบตางดงามคู่นั้น
"ตามสบาย รีบเล่ามาเร็วเข้า เกิดอันใดขึ้น" ชิงฮูหยินถามด้วยน้ำเสียงร้อนรน
"ท่านแม่ โปรดใจเย็นก่อนเจ้าค่ะ" ชิงหลินปลอบมารดา
"อาชุ่น มานั่งนี่เถิด" เสียงกังวานใสอ่อนหวานและเป็นกันเองของคุณหนูวัยใกล้เคียงกับซิ่นชุ่น ทำให้เด็กหนุ่มถึงกับตกตะลึงยืนนิ่งค้างไม่ขยับเขยื้อน
"ไม่ได้ยินที่คุณหนูบอกหรือ รีบนั่งลงเร็วเข้า!" พ่อบ้านฝูตวาดเด็กหนุ่ม
"ขะ...ขอรับ ขอบพระคุณคุณหนูที่ให้เกียรติ" ซิ่นชุ่นรีบนั่งลงที่ฝั่งตรงข้ามทันที พร้อมกับชาดอกโม่ลี่อุ่นๆ กลิ่นหอมอ่อนๆ ถูกรินใส่ในถ้วยที่วางอยู่เบื้องหน้า
"ดื่มชาโม่ลี่ก่อนสิ ข้าทำเองเชียว" นางบอกเด็กหนุ่มด้วยท่าทางภูมิใจ
"ขะ...ขอรับคุณหนู" ซิ่นชุ่นหน้าแดงก่ำ ด้วยยกถ้วยชาซดรวดเดียวหมดถ้วย พอวางถ้วยชาลงน้ำชาอุ่นกำลังดีก็ถูกเทลงแทนที่ความว่างเปล่าทันที
"พ่อบ้านฝู ให้คนเตรียมอาหารให้ซิ่นชุ่นด้วย" ชิงหลินหันไปสั่งพ่อบ้านวัยชรา
"ได้ขอรับ" พ่อบ้านฝูรับคำสั่ง
"เอ่อ...คุณหนู ความจริง..." ซิ่นชุ่นคิดจะปฏิเสธ
"เอาละ ช่วยเล่าเหตุการณ์ทั้งหมดที่เจ้ารู้มาทีเถิด" ชิงหลินเอ่ยเข้าประเด็นทันที เมื่อเห็นมารดาสงบจิตสงบใจเตรียมพร้อมรับฟังเรื่องราวได้แล้ว ทำให้เด็กหนุ่มจำต้องกลืนคำปฏิเสธนั้นลงไป
"ขอรับ ข้าเป็นหน่วยข่าวกรองประจำอยู่ในหมู่บ้านแถวชายแดนใกล้กับหุบเขากินคน เมื่อได้รับสารแจ้งจากนกพิราบสื่อสารเช้าวันที่เก้า จึงมารอต้อนรับขบวนของนายท่านและหน่วยพยัคฆ์ดำตรงจุดที่ได้แจ้งมาในสาร"
"นายท่านสั่งให้ข้าและหน่วยข่าวกรองอีกคนคอยเฝ้าอยู่ตรงทางเข้าหุบเขากินคน โดยใช้เชือกชั้นดีที่มีดดาบตัดไม่เข้าผูกยึดต้นไม้ใหญ่บริเวณทางเข้า เมื่อเข้าไปในหุบเขากินคนแล้ว จะใช้การกระตุกเชือกที่พาดผ่านตามกิ่งไม้สูงเป็นสัญญาณบอกอีกฝั่งว่าทุกคนปลอดภัยดี"
"สามวันแรกทุกอย่างราบรื่นดี แต่แล้วเช้าวันที่สี่ข้าสังเกตเห็นความผิดปกติของเชือก จึงลองกระตุกดู ทว่า..."
"อย่าบอกนะว่าเชือกขาด" ชิงหลินเดาสุ่ม
"ขอรับ เป็นเช่นที่คุณหนูกล่าว" ซิ่นชุ่นตอบด้วยน้ำเสียงเจือความเจ็บปวด
ชิงหลินวางเจ้าพยัคฆ์น้อยลงบนโต๊ะ แล้วรีบเข้าไปประคองร่างที่อ่อนปวกเปียกหน้าซีดเหมือนกระดาษของมารดา พร้อมกับสั่งบ่าวไพร่เสียงดังลั่น "อา...ท่านแม่ ท่านแม่ทำใจดีๆ ไว้เจ้าค่ะ ใครก็ได้ไปละลายยาลมมาที เร็วเข้า!"
นางเอ่ยถามด้วยความเป็นห่วงเมื่อเห็นมารดารู้สึกตัวและลืมตาขึ้น แม้ใบหน้างามจะยังซีดเซียว "ท่านแม่ ท่านแม่เป็นอย่างไรบ้างเจ้าคะ"
"หลินเอ๋อร์ พ่อเจ้า พ่อเจ้า แม่จะทำอย่างไรดี แม่จะทำอย่างไรดี ฮือๆๆ" ชิงฮูหยินซบหน้ากับอกของบุตรี พลางร้องไห้ออกมาเสียงดัง
"ท่านแม่อย่ากังวลไปเลย ท่านพ่อเป็นคนดี ลูกเชื่อว่าท่านพ่อจะต้องปลอดภัยเจ้าค่ะ ท่านพ่อต้องปลอดภัย ท่านพ่อจะต้องปลอดภัย..."
ชิงหลินกอดมารดา มือข้างหนึ่งลูบหลังมารดาเบาๆ อย่างปลอบโยน พร้อมกับกระซิบถ้อยคำเหล่านั้นซ้ำไปซ้ำมาหลายรอบจนมารดาผล็อยหลับไปเพราะความอ่อนเพลียที่สะสมมาหลายวัน จึงใช้ให้สาวใช้พามารดาไปนอนที่ห้อง ส่วนนางก็กลับมานั่งที่ห้องเดิม ที่มีเด็กหนุ่มซิ่นชุ่น พ่อบ้านฝู และเจ้าพยัคฆ์น้อย ที่นอนจ้องเด็กหนุ่มซึ่งนั่งอยู่อีกฝั่งนิ่งจนเด็กหนุ่มรู้สึกอึดอัด
"มาต่อกันเถิด เจ้าได้ลองตามเข้าไปดูหรือไม่" นางถามทันทีที่นั่งลงเรียบร้อยแล้ว ซิ่นชุ่นส่ายหน้า
"นายท่านสั่งว่า หากเกิดเชือกขาด ห้ามตามเข้าไปดูเด็ดขาด แต่จงรีบนำข่าวนี้มาแจ้งแก่คุณหนูขอรับ" ซิ่นชุ่นรายงานตามที่นายท่านสั่งไว้ราวกับรู้เหตุการณ์ล่วงหน้า
"อืม ข้ารู้แล้ว ขอบใจเจ้ามาก เจ้าพักอยู่ที่นี่ก่อนก็แล้วกัน พ่อบ้านฝูฝากด้วย ข้าจะไปดูท่านแม่สักหน่อย" ประโยคสุดท้ายนางหันไปพูดกับพ่อบ้านวัยชรา
"ขอบคุณขอรับคุณหนู" ซิ่นชุ่นลุกขึ้นประสานมือคำนับนาง
"อืม" ชิงหลินลุกขึ้นอุ้มเจ้าพยัคฆ์น้อยมาไว้แนบอก แล้วจึงเดินเข้าไปด้านในเรือนดาวดึงส์
"เจ้า ตามข้ามา" พ่อบ้านฝูเรียกเด็กหนุ่มที่เอาแต่ยืนมองร่างบอบบางด้วยน้ำเสียงไม่ค่อยพอใจเท่าใดนัก
"ขอรับ" ซิ่นชุ่นหมุนร่างเดินตามพ่อบ้านฝูไปเงียบๆ
ที่ห้องนอนของชิงฮูหยิน
ชิงหลินนั่งที่ขอบเตียง สองมือกุมมือมารดาแล้วบีบเบาๆ มองร่างอวบอิ่มที่กำลังหลับสนิทเพราะอดนอนด้วยความเป็นห่วง แม้หญิงคนนี้จะไม่ใช่แม่แท้ๆ ของนาง แต่เป็นเพราะความรักความเอาใจใส่จึงทำให้ชิงหลินรักเสมือนอีกฝ่ายเป็นแม่แท้ๆ ของตัวเอง
"แม่นมฝู..ดูแลท่านแม่ให้ดีนะ ข้ามีธุระบางอย่างต้องจัดการ" หญิงสาวหันมากำชับแม่นมฝูที่ยืนอยู่ด้านข้าง
"คุณหนูโปรดวางใจ ข้าจะทำให้ดีที่สุดเจ้าค่ะ" แม่นมฝูตอบรับอย่างหนักแน่น
"อืม ขอบใจแม่นม" ชิงหลินลุกขึ้นแล้วเดินออกมาข้างนอก ใบหน้าจิ้มลิ้มเต็มไปด้วยความกังวลและเป็นห่วง
"หลินหลิน ทุกคน...บายดี อย่าห่วง อย่าห่วง" เสียงของเจ้าพยัคฆ์น้อยทำให้ชิงหลินที่กำลังกลุ้มอกกลุ้มใจอยู่ชะงักกึก ก่อนจะก้มหน้าลงมองเจ้าพยัคฆ์น้อยที่เงยหัวกลมๆ เล็กๆ มองอยู่ก่อนแล้วด้วยความประหลาดใจแกมดีใจ
"จริงหรือ โกหก ตายแล้วตกนรกนะ" นางส่งกระแสจิตคุยกับมัน
"หลินหลิน...ใจร้าย ฟานฟาน...ไม่เคย...โกหก ไม่เคย" เจ้าพยัคฆ์น้อยสะบัดหัวพรืดอย่างแง่งอน
"โอ๋ๆ ข้าล้อเล่น เด็กดี อย่างอนไปเลยนะ" หญิงสาวลูบหับมันอย่างเอาใจ สร้างความเพลิดเพลินให้มันไม่น้อย
"หลินหลิน ไปหา...ไปหา ฟานฟาน...ไปด้วย ฟานฟาน ช่วยได้...ช่วยได้" เจ้าพยัคฆ์น้อยพูดโอ้อวดตัวเอง
"สองคน? เจ้ากับข้า?" เลิกคิ้วถาม
"ไม่ได้ ต้องพา...เจ้าร่างยักษ์ ไปด้วย มีศัตรู...แข็งแกร่ง ฟานฟาน...ยังเด็ก สู้ไม่ได้" ยิ่งพูดเจ้าพยัคฆ์น้อยก็ยิ่งรู้สึกหดหู่ น้ำเสียงจึงแผ่วเบาลงเรื่อยๆ จนชิงหลินแทบไม่ได้ยิน
"เจ้าร่างยักษ์? เจ้าหมายถึงท่านแม่ทัพหรือ" ชิงหลินเดาสุ่ม เพราะบุรุษที่ชิงหลินรู้จักและใกล้ชิดมากที่สุดก็คือเขา บุรุษที่ชอบแกล้งนางและฟานฟานน้อยมากที่สุดก็คือเขานั่นเอง
"ฮึ ใช่ใช่ นิสัย...ไม่ดี ชอบแกล้ง...ฟานฟาน ชอบแกล้ง...หลินหลิน" เจ้าพยัคฆ์น้อยได้ทีจึงรีบฟ้องนาง
"ไม่ต้องห่วง สักวันข้าจะเอาคืนให้เจ้าเอง"
เจ้าพยัคฆ์น้อยแอบโล่งใจ มันสังเกตเห็นความเปลี่ยนแปลงของหลินหลินที่มีต่ออีกฝ่ายในระยะนี้ มันจึงกลัวว่าหลินหลินจะรักมันน้อยลง และทอดทิ้งมันไปอยู่กับเจ้าคนนิสัยไม่ดีแทน แล้วมันจะทำอย่างไรเล่า