นิมนิม ตั้งอกตั้งใจรับฟังแม่พูดทุกคำพูด ด้วยความสงบ....
เธอรู้ดีแก่ใจตนเพียงผู้เดียวว่า : ตำรวจทั้ง 4 นาย ที่มาพบคุณแม่ของเธอนั้น
แท้จริงแล้ว คือท่านเทวฑูตทั้ง 4 ท่านแปลงกายเข้ามาในบ้านของเธอ
เพื่อเตือนสติแก่มารดาของเธอให้ทำความเพียรเจริญสติ ด้วยการสวดมนตร์
บท "พุทธคุณ : คือบทสวดสรรเสริญพระคุณอันบริสุทธิ์ผุดผ่องแห่งองค์พระสัมมาสัมพุทธเจ้า"
ทุกวันมิให้ขาด นั่นเอง ซึ่งที่ผ่านมานับตั้งแต่มารดาของนิมนิม ได้ล้มป่วยลงเรื่อย ๆ
จนในที่สุดเส้นเลือดในสมองจึงแตก!! แล้วทำให้ร่างกายซีกขวาตลอดทั้งร่าง
ไร้ความรู้สึกไม่สามารถเคลื่อนไหวได้อีกเลย!!!! จากนั้นเป็นต้นมานางสวาท
ผู้มีอายุทางโลกได้ 70 ปีเต็ม ก็อาศัยการตรึกถึงภัยแห่ง "มรณานุสสติ"
อันต้องมาเยือนสัตว์โลกทุกตัวตน ไม่มียกเว้น ในวันใดวันหนึ่งแน่นอน
ด้วยการให้ลูกสาวคนกลาง ผู้ซึ่งคร่ำเคร่งต่อการฝึกฝน การสวดมนตร์ไหว้พระ
สมาทานรักษาศีลห้าและศีลแปด(ศีลอุโบสถ) เจริญภาวนาในทุกรูปแบบ
มาตั้งแต่อายุ 16 ปีจนถึงบัดนี้ สอนบทสวดมนตร์ : บทพระพุทธคุณ
ให้แก่เธอด้วยการสวดให้เธอฟังแล้วสวดตาม จนกระทั่งเธอสามารถ
จดจำได้ทั้งหมด นางสวาทผู้รู้ว่าเวลาของชีวิตอันทุกข์ทรมานของตนเองนี้
ลดลงเหลือน้อยนิดขึ้นทุกวันแล้ว ก็สู้พากเพียรเจริญสติภาวนา
"ในท่านอนสวดมนตร์ แบบผู้ป่วยหนัก" ด้วย : บทพระพุทธคุณ อันศักดิ์สิทธิ์
นี้ วันละ 108 จบ ทุกวันตลอดมาไม่เคยขาดเลย แม้แต่วันเดียว
" บ้านใด สวดมนตร์ ไหว้พระ สมาทาน รักษาศ๊ล
และเจริญสติภาวนา แผ่เมตตาจิต อยู่เป็นนิจ
บ้านนั้น ย่อมมีเทพเทวา มาห้อมล้อม ปกปักษ์รักษา
ผู้คนในบ้านนั้น อย่างมากมาย " คำกล่าวนี้ เป็นสิ่งที่นิมนิมได้พิสูจน์
ด้วยตัวเองแล้วอย่างมิต้องสงสัย ดังนั้น เมื่อมารดาผู้ให้กำเนิดของเธอ
ได้ล้มเจ็บลงเรื่อย ๆ ตั้งแต่ปีพุทธศักราช 2554 เป็นต้นมาจนบัดนี้เป็นปี 2563 แล้ว
สิ่งที่สำคัญมากที่สุด! สิ่งเดียว ที่เธอตั้งใจทำเพื่อแสดงความกตัญญูกตเวทิตาคุณ
อย่างสูงสุดต่อบุพพการี ผู้ซึ่งเปรียบดั่งพระอรหันต์และพระพรหมของลูก
(ทั้งบิดาแลมารดา) สิ่งนั้นคือ : การสอน หรือนำพาจิตของบิดามารดา
ให้เข้าถึงพระคุณอันบริสุทธิ์ผ่องแผ้วสุดประมาณ ของ "พระรัตนตรัย"
อันเป็นที่พึ่ง ที่ระลึก สูงสุด! เพียงหนึ่งเดียวของสัตว์โลกทั้งหลาย
ที่ยังเวียนว่ายตายเกิดอยู่ในวัฎฏะสังสารอันมืดมนและยาวไกล นี้
เมื่อรับฟังมารดาเล่าเรื่องราวที่พบเจอด้วยตาเปล่าๆ จบลงแล้ว
นิมนิม จึงเอ่ยกับสตรีที่เธอรักเคารพบูชามากที่สุดในโลกว่า
" แม่เห็น บ่ จ้า ว่าตำรวจเพิ่นให้ความเคารพต่อผู้ได๋กะตามที่สวดมนตร์ ไหว้พระ
แผ่เมตตาจิต อยู่เสมอ บ่ ได้ขาด นี้กะแสดงว่าทุกสิ่งทุกอย่างที่พวกเฮาพากันเฮ็ด
ด้วยความเคารพนบนอบต่อพระพุทธเจ้ามาตลอดชีวิตนั้น สิ่งศักดิ์สิทธิ์ทั้งหลาย
เพิ่นมองเห็นและรับรู้อยู่ตลอดเวลา แม่น บ่ จ้าแม่ "
(แปลจากอีสาน : " แม่เห็นหรือยังคะ ว่าตำรวจท่านให้ความเคารพต่อใครก็ตาม
ที่สวดมนตร์ ไหว้พระ แผ่เมตตาจิต อยู่เสมอ มิได้ขาด เช่นนี้ก็แสดงว่าทุกสิ่งทุกอย่าง
ที่พวกเราพากันทำ ด้วยความเคารพนบนอบต่อพระพุทธเจ้ามาตลอดชีวิตนั้น
สิ่งศักดิ์สิทธิ์ทั้งหลาย ท่านมองเห็นและรับรู้อยู่ตลอดเวลา จริงไม๊คะแม่ ?")
นิมนิม ตั้งใจพูดทุกถ้อยคำ ที่ซึ่งจะเป็นการให้กำลังใจแก่มารดาของเธอ
ให้หายจากความหวาดกลัว หวั่นวิตกต่อการมาของบุคคลพิเศษ
ซึ่งมีอำนาจ ที่ซึ่งแม่ของเธอเรียกพวกเขาว่า "เจ้านาย"
" แม่นแล้วลูกหล่า แม่จั๊งแม่นเห็นคักเห็นแนฮ้าย เทือนี้
แม่ บ่ สงสัยอีหยังอีกต่อไปแล้ว ถ้าจั่งซั่นแม่ขอสวดมนตร์ อิติปิโสฯ
108 รอบ สำหรับมื้อนี้ก่อน ซั่นหนะ "
(แปลจากอีสาน : " ใช่แล้วลูกรัก แม่ได้เห็นชัดเจนแน่แท้แล้วจริงๆ ครั้งนี้
แม่ไม่สงสัยใดๆ อีกต่อไปแล้ว ถ้าเช่นนั้นแม่ขอสวดมนตร์ อิติปิโสฯ
108 รอบ สำหรับวันนี้ก่อน ดีกว่า " )
พูดจบ นางสวาทก็เริ่มออกเสียงสวดมนตร์ด้วยการกล่าว
: " นะโม ตัสสะ ภะคะวะโค อะระหะโต สัมมา สัมพุทธัสสะ (3 รอบ) "
" บรรพบุรุษ คือพ่อแม่ เป็นอรหันต์ของลูก
ไม่ต้องไปตามพระอรหันต์ที่ไหนหรอก เหลียวดูพ่อแม่ในบ้านบ้าง
แล้วท่านจะรู้สึกว่า ได้ทำดีตั้งแต่วันนี้แล้ว "
คำสอนสำคัญจากหนังสือ : กฎแห่งกรรม หลวงพ่อจรัญ ฐิตธัมโม
เป็นสิ่งสำคัญที่นิมนิมได้น้อมนำมาปฏิบัติจริงในครอบครัวเสมอมา
ถึงแม้ว่าในช่วง 9 ปีมานี้ หลังจากที่เธอตัดสินใจลาออกจากงานบริหาร
ที่กรุงเทพฯ เพื่อกลับมาอยู่เลี้ยงดูเอาใจใส่ต่อลูกชายทั้งสามคนที่ยังเล็ก
อีกทั้งทำหน้าที่ดูแลปรนนิบัติรับใช้คุณพ่อคุณแม่ของเธอภายในบ้านของครอบครัว
จะทำให้นิมนิมต้องตัดขาดจากสังคมภายนอก แตกต่างไปจากสมัยที่เธอยังทำงาน
มีตำแหน่ง หน้าที่ มีเงินเดือนและรายได้จากหลายๆทาง
แต่ความเปลี่ยนแปลงทั้งหมดในชีวิตครั้งนี้ กลับทำให้นิมนิมได้ค้นพบ
ชีวิตอีกด้านหนึ่ง นั่นคือความสงบสุขของกายและใจ ความสมถะ และ
สันโดษในการใช้จ่ายเงิน เฉพาะสิ่งที่จำเป็นต่อการดำรงชีพจริง ๆ
ซึ่งเมื่อก่อนเธอมักใช้จ่ายเงินที่คิดว่าหามาได้ง่าย ๆ ไปอย่างใจเร็วและมือเติบ
จนติดหนี้บัตรเครดิต ถึงแม้ว่าจะเป็นจำนวนเงินไม่มากอะไร ทว่า! เมื่อวันหนึ่ง
เธอต้องกลายมาเป็นผู้ไร้งานไร้เงินเดือนประจำ อาศัยเงินที่น้องชายหยิบยื่นให้
พอประทังชีวิตเท่าที่จำเป็นจริง ๆ เท่านั้น คำว่า "หนี้"
จึงเป็นเสมือนครูผู้คอยเตือนสติแก่เธอว่า: ทุกสิ่่งในชีวิตล้วนไม่เที่ยงแท้ ถาวร
อีกทั้งไม่มีใครรู้ว่า เมื่อไหร่? ตอนไหน ? ที่ชีวิตจะหักเหรุนแรง!!!
อย่างไม่คาดคิดมาก่อน ดังนั้น "สติกับความไม่ประมาท"
จึงเป็นเรื่องที่นิมนิมให้ความสำคัญมากที่สุด นับแต่นั้นมา
" ทำดี ได้ดี ไม่ได้แปลว่า ทำดีแล้วรวย
แต่แปลว่า ทำดี แล้วมีความสุข
มีชีวิตร่มเย็น.....ไม่เดือดร้อนตนเอง และผู้อื่น "
นี่คืออีกหนึ่งธรรมะคำสอนสำคัญ ของ พระธรรมสิงหบุราจารย์
หรือ หลวงพ่อจรัญฯ วัดอัมพวัน ที่นิมนิมเลือกเขียนด้วยลายมือของเธอเอง
บนแผ่นกระดาษแล้วนำไปติดเอาไว้บนผนัง เหนือโต๊ะทำงานในห้องนอน